ฝันหวาน (Sweet Dream) 34


.

               หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย พวกเธอสองคนก็พากันกลับมาทำงานเหมือนเดิม ในใจไม่อยากกลับเลย เมื่อเลือกแล้ว ทุกอย่างลงตัว ชีวิตลงตัวแล้วก็ไม่อยากเริ่มต้นใหม่ พรนภากำลังง่วนอยู่กับการจัดกระเป๋าเข้าท้ายรถเก๋งซีวิค ทำแบบปราณีตมาก ๆ เกรงว่ากระเป๋าจะไปขูดรถคู่ใจของเธอเข้าโดยมีเมธีช่วยอีกแรง

              เมื่อจัดกระเป๋าเสร็จ เธอและเมธีก็ลาพ่อแม่คนในครอบครัวออกเดินทาง ก่อนจะกลับก็ไม่ลืมแวะที่บ้านของเมธีอีกรอบด้วย เพื่อเข้าไปลาแม่และลูกชาย ทีแรกว่าจะนอนค้าง เมธีตัดสินใจไม่ขอค้างขอเดินทางกลับวันนี้เลย ก็ไม่มีใครขัดอะไร เมื่อลาทุกคนครบแล้วพวกเธอก็ออกเดินทาง

              “น้องจะให้พี่พากลับทางไหนเอ่ย” หันมาถามเธอแบบสบายใจ เปิดเพลงฟังเบา ๆ ขับไปเรื่อย ๆ ล้วนเป็นเพลงที่พรนภาชอบอีกนั่นแหละ ส่วนเพลงร่วมสมัยของเขาเปิดได้เพลงสองเพลง พรนภาก็กดเปลี่ยนเหมือนเดิม

              เธอทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย ตัดสินใจยากว่าจะกลับเส้นทางไหนดี ถ้ากลับทางกบินทร์บุรีก็มีที่ให้แวะถ่ายรูปเยอะแยะมากมาย ถ้ากลับทางลำตะคองก็มีของกินเยอะแยะ เพราะมีปั๊มน้ำมันพร้อมร้านสะดวกซื้อเยอะ เอาไงดีนะ เธอคิดแบบลำบากใจมาก

                 “เอาไงคะ” เมธียกมือขึ้นมาวางบนศีรษะของเธอแบบที่เคยทำ ก่อนจะปล่อยลงไปบังคับพวงมาลัยรถต่อ

                “เค้าขอคิดดูก่อนได้มั้ย แต่ตอนนี้ขอแวะปั๊มหน่อย” พูดออเซาะหันไปหาสามีคราวพ่อ ทำปากจู๋เบา ๆ ให้นิดหน่อยแบบน่ารัก แล้วก็หัวเราะเรื่อยิ้มให้สามี

                “โอเคค่ะ ซื้อกาแฟให้เค้าด้วยนะ เหมียนเดิม” เขาตอบ

              “โอเค...” แล้วก็เอนศีรษะพิงประตูรถ ตาก็ลอยเคลิ้มจะหลับทุกที เมื่อไหร่จะถึงก็ไม่รู้ ไกลชะมัด บ่นในใจสุดท้ายก็แพ้หนังตา ยอมให้ปิดลงจนได้

               “น้อง ! น้องนภาตื่นค่ะ ถึงปั๊มแล้ว” เขย่าตัวเธอเบา ๆ พรนภาลืมตาตื่นขึ้นมาตามแรงเขย่า “เข้าห้องน้ำค่ะ พี่ก็จะเข้าเหมือนกัน “

               “พี่เมธีเราอยู่ไหนหนิ” เธอถามอยากทราบว่าตอนนี้ถึงไหนแล้ว เผลอหลับไปไม่รู้ตัว ถึงไหนแล้วก็ไม่รู้

               “ขอนแก่นค่ะ “ พูดพร้อมปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว ก่อนที่ทั้งสองคนจะพากันเดินไปเข้าห้องน้ำสาธารณะของปั๊ม และแยกไปตามป้ายบอกเพศหญิงชาย

               ทำธุระส่วนตัวเสร็จพรนภายืนคอยสามีของตนที่หน้าห้องน้ำ ยืนห่างออกมานิดหน่อย สักพักเห็นเขาเดินออกมา พร้อมดูดบุหรี่มวลหนึ่ง เธอถอนหายใจและมองตาเขียวปัดใส่

                 เมธีฉีกยิ้มให้รู้ตัวว่าต้องโดนบ่นแน่นอน ก่อนจะดูดเข้าไปใหม่แล้วทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นเหยียบซ้ำให้ไฟดับไปทั้งที่ยังไม่หมด “เค้าขอนะตัวเอง เมื่อยอ่ะ ซื้อกาแฟยังคะ” เดินมาหาภรรยาจะยกมือขึ้นมาวางบนไหล่ ทว่าพรนภาเบี่ยงหนี นั่นไง ! งานเข้าแล้วไง นึกในใจแต่ใบหน้ายังยิ้มสู้อยู่

               “ไหนบอกเลิกแล้วไง ทำไมได้ก็ยังสัญญา” ไม่ได้โกรธแต่หมั่นไส้ ทำไม่ได้ก็พูด มองค้อนเข้าให้ “แล้วนี่แอบไปซื้อบุหรี่ตอนไหน” ถามด้วยความสงสัยจริง ๆ ตนเองตัวติดกันตลอดเวลา แอบไปซื้อตอนไหนนะ

               “ตอนอยู่บ้านน้องไง เอ๋า พ่อเฒ่าขอยาสูบน้อสิบ่ซื้อให้เราบ่” ยกพ่อตามาอ้างปลอดภัยที่สุด

              “แล้วทำไมเอาของเค้ามาอีกล่ะ” สายตาขุ่นเคืองจับจ้องจะเอาเรื่องให้ได้ มันน่านัก !

               เมธียกนิ้วชูสองนิ้วเป็นสัญลักษณ์ และยิ้มกว้างให้กับภรรยา “เค้าซื้อมาสองซองตัวเอง” หัวเราะกลบเกลื่อนความผิด “ปะเข้าร้านกาแฟกัน คราวนี้วิ่งยาวเลยนะ ไม่แวะละ”

               “หืย !” แล้วก็เดินตามแรงฉุดของเขาไป ถึงจะรั้งตัวไว้ก็ต้านทานแรงดันของเขาไม่อยู่ ต้องก้าวขาตามไปจนได้

               “เอ๋า ! ยางถะแหมะ ฮ่วย” เมธีสบถแบบตลก และทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งนั้น

              พวกเธอสองคนเดินเข้าไปในร้านกาแฟ มีลูกค้ามาใช้บริการไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เพราะไม่ใช่ช่วงพักเที่ยงและเสาร์อาทิตย์ ลูกค้าจึงบางตา พวกเธอสองคนเดินมาสั่งกาแฟด้วยกัน เมธียืนประกบอยู่ด้านหลัง มือสองข้างวางบนไหล่ของเธอ

               “ลาเต้เย็นกะเอสเย็นค่ะ” พรนภาสั่งออเดอร์กับพนักงาน หันไปมองหน้าเมธี พอดีกับเขาเหลือบสายตาลงมามองเธอ ฉีกยิ้มให้

              “ยิ้มอะไร เห็นผู้สาวสวยหน่อยก็ไม่ได้นะ” พูดตลก ๆ ไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้คิดจริงจัง พนักงานก็หัวเราะตามด้วยพร้อมยื่นเงินทอนให้ จากนั้นพวกเธอก็หามุมนั่งรอ

              “มาพี่ถ่ายรูปให้ สวยนะร้านนี้ จัดร้านสวยอยู่ นี่มุมหนิเลย สักรูปมั้ยคะ” เลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม เพราะรู้นิสัยพรนภาดี

               “ไม่เอาอ่ะ เอ้อ ! พี่เมธีพานภาแวะไร่สตรอว์เบอร์รี่ได้มั้ย นะ.. นะเค้าอยากแวะถ่ายรูปอ่ะ” เธอจำได้ว่าข้างทางที่จะผ่านมีไร่สตรอว์เบอร์รี่อยู่ ทำท่าทางออดอ้อนเขา ถึงจะอยู่ในที่สาธารณะก็ตาม

               “ไร่ไหน พี่จำได้ว่าเส้นลำตะคองไม่มีนะคะ มีก็ไม่สวยอ่ะ ” เขาตอบ พร้อมทำท่าครุ่นคิด ไม่ได้จะปฏิเสธความต้องการของภรรยาสักนิด “ที่เห็นมีน่ะเป็นวังน้ำเขียวต่างหาก หรือน้องจะกลับทางเดิมล่ะ กบินทร์บุรี !”

                “เออใช่ ! นภาลืม เฮ้อ !!! ทำไมชีวิตต้องเลือกเสมอเลย ไม่เคยได้สมดังปรารถนาสักอย่าง หึหึ” พูดประชดไปที ก็จริงนี่นา ต้องให้เลือกเสมอไม่ว่าจะเรื่องอะไร ระหว่างนั่งรอกาแฟ พวกเธอคุยกันกระหนุงกระหนิงไม่สนใจสายตาของคนที่เข้ามาใช้บริการจะมองเลย

               “เอ๋า น้องก็เลือกมา ชีวิตมันก็ต้องเลือกหมดแหละ ไม่มีใครสมหวังทุกอย่างหรอก ก็ได้อย่างเสียอย่างหมดนั้นล่ะ พี่ก็พาไปทุกที่เด้ล่ะ” พูดปลอบใจเธอ พร้อมนึกเอ็นดูกับความไม่สบายใจ ที่ต้องเลือกสักทางของภรรยา “คิดดี ๆ นาถ้ากลับทางเดิมได้ถ่ายรูปกับไร่สตอเบอร์รี่ ถ้าเข้ากรุงเทพ ไม่รู้จะมีหรือเปล่า ตายหมดแล้วมั้ง ฮา “

                 พรนภาถอนหายใจ ทำไมต้องเลือกด้วยเนี่ย “เอาไว้ก่อนตอนนี้ยังไม่ถึงโคราชเลย”

               “พี่ขับรถแป๊บเดียวค่ะ คิดดี ๆ ตัดสินใจเอาแล้วกัน พี่พาไปได้หมด” มองหน้าเธอ พรนภาผู้ที่น่ารักที่สุดของเขา ใบหน้ารูบไข่ที่แสนหวาน อยากจะจุมพิต ณ ตรงนี้เหลือเกิน เมื่อไหร่จะถึงคอนโดสักทีนะ

                “คิวที่ 89 ลาเต้เย็นเอสเย็นได้แล้วค่า” เสียงพนักงานเรียกให้ไปรับกาแฟ พรนภาและเมธีลุกเดินไปรับทั้งสองคน และออกเดินทางกันต่อเลยหลังได้กาแฟมาแล้ว ไม่นั่งทานให้เสียเวลา

                 “พี่เมธีนภาตัดสินใจแล้ว นภาจะกลับทางวังน้ำเขียวก็ได้ แต่พี่เมธีต้องแวะไร่สตรอว์เบอร์รี่ให้นภานะ เข้าใจมั้ย !” หันไปคุยกับเขา

                “โอเคตามนั้นค่า ไม่แวะปั๊มอีกแล้วนะ เราจะแวะอีกทีตอนจะขึ้นเขาเลย โอเคมั้ยคะ !” ยีผมของเธอเล่นด้วยความหมั่นไส้ “ถึงคอนโดเสร็จแน่ !”

               “เสร็จอะไร ไม่เสร็จหรอก  ฮา “ พูดพร้อมหัวเราะ หันไปมองด้วยสายตามีเลศนัย ทั้งเมธีเองก็หัวเราะตอบ มองตาก็รู้ไปถึงทรวงใน “ไปได้แล้วค่า “

                เมธีสตาร์ทรถและขับออกจากปั๊มไป เดินทางกันต่อ เปิดเพลงฟังเบา ๆ ตลอดเส้นทาง พูดคุยกันถึงเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปตามประสาผัวเมีย

               “พี่เมธีนภาง่วง เค้าของีบสักหน่อยนะคะ “ พร้อมปรับเบาะเอนไปข้างหลังให้นอนได้สบาย ๆ หยิบผ้าห่มผืนบาง ๆ ที่เอาติดรถไว้ตลอดขึ้นมาห่มคลายหนาวแอร์

               “ค่ะ เดี๋ยวแวะปั๊มก่อนขึ้นเขาพี่ปลุก” แล้วพรนภาก็พักสายตางีบหลับไป ส่วนเขาก็ตั้งใจขับรถฟังเพลงเบา ๆ ไล่ความง่วง ปิดเพลงของพรนภาไว้แล้วเปลี่ยนเป็นเพลงร่วมสมัยของตนเองแทน ฟังเพลินสบาย ๆ ขับรถไปเรื่อย ๆ ตอนนี้ช่วงเที่ยงแดดกำลังร้อนระอุ ทำใจเพราะพรนภาไม่อยากกลับตอนกลางคืน ก็ต้องตามใจเธอ

               เดินทางนานหลายชั่วโมงเขาขับรถบนถนนที่ทอดยาวไกล ในที่สุดก็มาถึงจุดที่จะต้องแวะพักรถสักหน่อย ก่อนจะขึ้นเขาปักเพราะหาปั๊มยาก ความจริงมันก็พอมีทว่าพรนภาไม่ยอมใช้บริการน่ะสิ เขาจึงจำเป็นต้องแวะ และปลุกเธอตื่น

                “น้อง... น้องนภาตื่นค่ะ ถึงปั๊มแล้ว” ใช้มือเขย่าตัวของเธอเบา ๆ และพรนภาลืมตาตื่นขึ้นมาตามแรงเขย่าของเขา พร้อมหาวโชว์ไปหนึ่งที

                   “ถึงไหนแล้วค่ะ “ ยิงคำถามไป ทว่าตาก็กำลังจะปิดอยู่รอมร่อ

               “จะขึ้นเขาแล้วค่ะ ลงมาเข้าห้องน้ำค่ะ จะซื้ออะไรทานเพิ่มก็ซื้อเลย”

              “ก็ได้ พี่เมธีกินข้าวมั้ย !”

              “หิวเหรอคะ” มองหน้าภรรยา พรนภาพยักหน้าให้เป็นคำตอบ เขาหัวเราะเบา ๆ บนรถมีขนมมากมาย แถมยังกินมาตลอดทางยังหิวอีก “หิวก็หาอะไรทานก่อนก็ได้ค่ะ แต่ตอนนี้พี่ขอเข้าห้องน้ำก่อน”

               เมื่อทำธุระเสร็จพวกเธอสองคนก็เดินไปที่ศูนย์อาหารของปั๊ม มีไม่กี่อย่างให้ทาน พรนภาจึงเลือกสั่งก๋วยเตี๋ยวไป เมธีเองก็ไม่รู้จะทานอะไร จึงสั่งก๋วยเตี๋ยวด้วยเช่นกัน

                ก่อนปรุงรส ก่อนจะเทน้ำส้มสายชูลงไปในถ้วย พรนภามองหน้าเขา ทำเอาเมธีหัวเราะลั่น ทว่าต้องเก็บอาการไว้ เมื่อมีคนหันมามอง “ตามสบายค่ะ อยากใส่น้ำส้มหมดขวดก็ตามสบายเลย”

                 “ประชดเหรอ ! ฮ่วย”

                “เอ๋า พี่ห้ามน้องก็งอนน้อ ก็ตามใจแล้วไง แต่ใส่เยอะไม่ดีนะ”

                “ว่าแต่เค้า ตัวเองรถน้ำตาลคว่ำใส่มั้งน่ะ”

               “ที่ไหน น้องลองชิมดูดิ พี่ปรุงอร่อยจะตาย” พูดอวดแบบภูมิใจมาก “ชิม ! จะชิมหรือไม่ชิม แต่เค้าไม่ชิมของตัวเองหรอกนะ เปรี้ยว !”

               พรนภาหัวเราะชอบใจมาก พร้อมหยิบช้อนตักน้ำก๋วยเตี๋ยวของเขามาชิม ก็ปรุงอร่อยดี แต่ไม่ชมหรอกเดี๋ยวได้ใจ “ก็พอได้ แต่มันไม่เปรี้ยวนำไง ถ้าเปรี้ยวหนิอร่อยเลย”

               “เค้าปรุงอร่อยก็ชมมาเถ๊อ ไม่เสียฟอร์มหรอกน่า “ ปรายตามองเธอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ทานก๋วยเตี๋ยวไปคุยกันไป “พี่ว่าเราน่าจะถึงประมาณสองทุ่มนะ ช้าสุดก็สามทุ่ม แล้วพรุ่งนี้น้องได้ทำงานมั้ยล่ะ”

                “ทำสิ นภาไม่ได้หยุดนะพรุ่งนี้ แต่พี่เมธีไม่ต้องขับเร็วหรอก ค่อย ๆ ไป”

               “ก็บอกว่าลาออก ๆ ก็ไม่ลา เมธีเลี้ยงได้กะยังวะ” พูดจบยิ้มให้ รู้ว่าจะต้องโดนเธอบ่นให้อีก

                “พี่เมธีพูดบ่อยนะ ฮ่วย “ มองหน้าเขาด้วยแววตาไม่ชอบใจนัก จะพูดอะไรบ่อยนักหนา ไม่ก็คือไม่ ! นึกหงุดหงิดอยู่ในใจ คนแก่นี้ก็ดื้อดีนะ พูดไม่ค่อยรู้เรื่องนัก

                “เอ๋า ก็พูดเล่นเฉย ๆ จะจริงจังทำไมเนี่ย “ หัวเราะกลบเกลื่อนความผิด “อิ่มยัง ไปต่อได้แล้วจะถึงตอนไหนหนิ ไหนจะต้องแวะไร่สตรอว์เบอร์รี่ให้น้องอีก”
               “เอ้า ไม่อยากแวะก็ไม่ต้องแวะดิ กลับเลยก็ได้นะ” อารมณ์ยังค้างอยู่ จึงพูดประชดเข้าให้

                “พุ้นน่ะขั้นได้เครียด แวะก็แวะตั้ว อยากลองดูเหมือนกันว่าจะอร่อยแค่ไหน สตรอว์เบอร์รี่โคราชหนิ “
               พอทานก๋วยเตี๋ยวเสร็จพวกเธอก็ออกเดินทางกันต่อ คราวนี้พรนภาไม่หลับคุยเป็นเพื่อนสามีตลอดทาง อีกทั้งกลัวเขาจะแกล้งขับเลยไร่สตรอว์เบอร์รี่ด้วย ฟังเพลงไปด้วยคุยกันไปด้วยก็เพลินดี ชลบุรีไกลชะมัด

                ในที่สุดก็ขับมาถึงอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา มีไรสตรอว์เบอร์รี่มากมายตามข้างทางให้เลือกจอด เมธีขับรถช้า ๆ เบี่ยงซ้ายให้คนอื่นแซงไปเลย เพราะพวกเธอกำลังมองหาไร่สตรอว์เบอร์รี่ที่ถูกใจกันอยู่

                เมธีขับเลยไปตั้งหลายไร่แล้วยังไม่เจอไร่ที่ถูกใจเลย จนในที่สุดก็มาเจอไร่ที่เขียนว่า ไร่สุดท้าย ผ่านไร่นี้ไปก็หมดแล้ว เมธีจึงเลี้ยวรถเข้าไปจอดทันที
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่