.
สาย ๆ ของวันหยุดพรนภาตื่นนอนก่อนสามีเหมือนเดิม เพราะวันหยุดเมธีจึงตั้งใจนอนให้นานที่สุด ตื่นสายให้มากที่สุด ทว่าก็ต้องฝันสลายของการนอนตื่นสายทุกทีไปเช่นกัน โดยการปลุกของพรนภาเอง
“พี่เมธีตื่นเร็ว ตัวเองต้องพานภาไปส่งไปรษณีย์อีกนะ ลืมแล้วเหรอ! สิบโมงแล้วนะคะ จะพานภาไปไปรษณีย์ตอนไหนอ่ะ” เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้ว จึงเดินไปปลุกสามีรุ่นพ่อที่นอนหลับอยู่บนเตียงนอน ไม่คิดจะตื่นมาทานข้าวมาอาบน้ำเลยหรือไร มองค้อนให้กับคนที่หลับอยู่บนเตียง จากนั้นก็นั่งลงข้าง ๆ พร้อมเขย่าตัวเบา ๆ
“เอ้าน้องพร้อมแล้วเหรอคะ” เสียงแหบพร่าถามออกมาเบา ๆ พร้อมหรี่ตามองภรรยาสาว พรนภาพยักหน้า จ้องมองหน้าเขาตาไม่กะพริบ ถ้าด่าได้ป่านนี้พรนภาคงด่าเขาไปนานแล้วแหง ๆ นึกอะไรขำ ๆ คนเดียว จากนั้นก็อมยิ้มกลั้นหัวเราะเอาไว้
“อะไรพี่เมธี! หัวเราะอะไรนภา” เธอถามเพราะเห็นเขาอยู่ดี ๆ ก็ยิ้มซะอย่างนั้น เริ่มไม่มั่นใจในตนเองขึ้นมาดื้อ ๆ
“เปล่าค่ะ! เค! พี่ขอเวลาอาบน้ำสิบนาทีค่ะ” พูดจบก็ลุกจากที่นอนอย่างว่าง่าย หยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
เมื่อพวกเธอทั้งสองคนพร้อมแล้วจึงเดินทางไปยังไปรษณีย์ใกล้บ้าน เพื่อที่จะส่งเสื้อผ้าของเธอเองไปให้น้อง ๆ บ้านเด็กกำพร้า ‘สถานสงเคราะห์เด็กด้อยโอกาสและกำพร้าวัดถ้ำตะโก จังหวัดลพบุรี’ เพราะว่าไม่ได้ใช้แล้ว เก็บไว้ก็ไร้ค่า ส่งต่อให้คนที่เขาต้องการดีกว่า
สำหรับที่อยู่ของบ้านเด็กกำพร้า เธอก็นำมาจากคนในโซเชียลแชร์ต่อ ๆ กันมานั่นเอง พอดูแล้วว่าเสื้อผ้าของตนมีประโยชน์กับน้อง ๆ อีกทั้งไม่ได้ไลฟ์ขายมือสองด้วย เก็บไว้ก็รกตู้เปล่า ๆ
ครั้นจะเอากลับบ้านก็รกตู้ที่บ้าน ทั้งบ้านของตนเองทั้งบ้านของเมธี เยอะแยะเต็มไปหมด จึงตัดสินใจนำไปบริจาคให้กับน้อง ๆ ดีกว่า ไม่นึกเสียดายเลย มีความสุขทุกครั้งที่ได้เป็นผู้ให้
พวกเธอขับรถมาครู่เดียวก็ถึงไปรษณีย์ ก่อนจะนำไปฝาก พรนภาก็ขอเก็บรูปสักหน่อย “พี่เมธีตัวเองสร้างภาพให้นภาสักภาพสองภาพซิ” ที่ลานจอดรถ พวกเธอกุลีกุจอช่วยกันขนลังเสื้อผ้าลงจากรถ หนึ่งลังใหญ่และหนึ่งลังเล็ก
“เคค่ะ! มุมนี้ ๆ เลย” เมธีจัดแจงมุมถ่ายรูปให้ ช่างภาพกิตติมศักดิ์ประจำตัวของเธอเอง “เรียบร้อยค่ะ อ่ะดูก่อนได้ป่ะ” เมื่อถ่ายรูปเสร็จเมธียื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้ดูรูปที่ถ่าย เธอพยักหน้าโอเคจากนั้นก็ยกลังเสื้อผ้าเข้าไปด้านใน
“ไปไหนต่อมั้ยคะ” เขาถาม หลังจากฝากไปรษณีย์เสร็จเรียบร้อย ขณะนั่งในรถก่อนจะสตาร์ตรถจึงถามขึ้น เผื่อภรรยาสุดที่รักของตนเองอยากไปเที่ยวที่ไหนต่อ
“ม่ายอ่ะ! กลับเหอะ” พรนภาปฏิเสธ ไม่ได้อยากไปที่ไหนต่อจริง ๆ อยากนอน อยากกลับห้อง เพราะว่าค่ำคืนนี้เธอมีแผนต่างหาก แพลนเอาไว้แล้ว
“ป๊าด! เป็นคนฮู้ผู้ดีน้อ สิได้จักน้ำค่ะ ฮา” ได้โอกาสแซวเสียเลย “ไปก็ได้! พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ” พูดกลั้วยิ้มพร้อมยกมือขึ้นมาวางบนศีรษะของพรนภา มองด้วยความเอ็นดูและรักที่สุด
“ไม่ไป ห่วย! แต่คืนนี้ไป” พูดพร้อมยิ้มให้สามี
“ฮะหา! จะไปไหนคะ!” สายตานั้นรอนยิ้มนี้มันต้องมีอะไรแน่ ๆ ร้อยทั้งร้อยต้องไม่ใช่ยิ้มหวานเฉย ๆ รู้สึกเสียวสันหลังกับรอยยิ้มของภรรยา
“ร้านเราไง! ร้านเบียร์หวานค่ะ” พูดจบก็โน้มตัวไปอ้อนสามีรุ่นพ่อ เกาะแขนมองหน้าหลับตาปริบ ๆ ให้อย่างทะเล้น ก็เธออยากไปจริง ๆ นี่นา นานแล้วไม่ได้ไป “นะพี่เมธี! นภาอยากไปนั่งฟังเพลงอ่ะ”
“ค่ะ ตามนั้น!” ตอบตกลงทันที มีหรือจะไม่ตามใจแค่เรื่องแค่นี้ เรื่องยากกว่านี้ก็ทำให้ได้ จากนั้นก็ขับรถออกจากไปรษณีย์ มุ่งหน้ากลับคอนโด
ระหว่างวันพวกเธอสองคนก็ใช้เวลาร่วมกัน ต่างคนต่างเล่นทว่าไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่ เมธีนอนเล่นเกมโทรศัพท์ตามประสา ส่วนเธอก็ส่องโซเชียลไปเรื่อยเช่นกัน
ลงรูปที่ถ่ายตอนไปส่งเสื้อผ้าที่ไปรษณีย์ ก็ทำให้ยิ้มอย่างสุขใจ มันมีความสุขจริง ๆ ที่ได้ให้ วันหลังมีโอกาสอีกก็จะส่งให้อีก เสียดายอย่างเดียว ลืมผ้าปิดจมูกส่งให้น้อง ๆ ด้วย ไม่เป็นไรรอบต่อไปแล้วกัน
วันหยุดแบบนี้ ได้นอนคลอเคลียนอนแตะตัวกัน กอดก่ายเบียดเสียดกันอยู่บนเตียงนอนอยู่อย่างนั้นก็มีความสุข ได้ใช้เวลาด้วยกัน ขอแค่ได้นอนใกล้ ๆ กัน ได้สัมผัสตัวส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายกันและกันก็พอใจเธอล่ะ ส่วนเมธีตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกมเสียเหลือเกิน ยิ่งกว่าเด็ก ๆ
วันหยุดเวลามักผ่านไปเร็วเสมอ ยังไม่ทันทำอะไรก็บ่ายแล้ว แต่ก็ดีอยากให้ถึงหนึ่งทุ่มเร็ว ๆ อยากไปนั่งฟังเพลง นานแล้วที่ไม่ได้ไปเยี่ยมร้านนั้นกับสามี ร้านที่ทำให้พวกเธอสองคนได้เจอกัน ได้มารักกัน ได้มาใช้ชีวิตร่วมกันแบบนี้ ต้องไประลึกถึงสักหน่อย
………………………………………
หนึ่งทุ่มตรงของวันนี้ด้วยเพราะว่าพรนภารอคอยมาทั้งวันแล้ว จึงรีบแต่งตัวตั้งแต่หกโมงครึ่ง พอหนึ่งทุ่งตรงจึงบอกสามีให้ลุกไปแต่งตัว ถ้าจะไปตั้งแต่หกโมงเย็น จะดูรีบเกินไป! หากไปสองทุ่มก็นั่งได้ครู่เดียว ห้าทุ่มร้านก็ปิดแล้ว หนึ่งทุ่มนี่แหละเหมาะที่สุด
“พี่เมธีเลิกเล่นเกมได้แล้ว ไปแต่งตัวค่ะ ลืมแล้วเหรอที่นภาบอกเอาไว้อ่ะ” พรนภาค่อนขอดสามีเบา ๆ ถึงเวลาแล้วยังเล่นเกมอยู่ได้ เล่นทั้งวี่ทั้งวัน เข้าใจว่าตอนทำงานไม่ได้เล่น พอวันหยุดหรือเวลากลับมาถึงห้อง มันจำเป็นต้องเล่นเอาเป็นเอาตายขนาดนี้ไหม ดีหน่อยที่ยังเห็นเธอมีชีวิต ยังใส่ใจอยู่บ้าง ไม่เหมือนคนก่อน ที่เห็นเธอเป็นอากาศ
“ไม่ลืมค่า! แป๊บได้มั้ย ขอเล่นจบเกมนี้ก่อน” เมธีทำหน้าอ้อนภรรยาสาว ทว่าเจ้าตัวดันหน้าบึ้งกลับมาให้ สงสัยลูกอ้อนคงจะไม่ได้ผล จึงยอมล้มเกมเลิกเล่นกลางคันไปในที่สุด “เอ่อ… ตายก็ปล่อยผมตายไปเลยเด้อ ไม่ต้องชุป เพราะผมจะพาเมียไปกินข้าวก่อน” เมธีสั่งลาเพื่อนในเกม ได้ยืนเสียงตอบตกลงจากคนในเกมด้วย ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นเพื่อนสมัยเรียนของตนเองทั้งนั้น
“ขออาบน้ำก่อนได้ไหมคะ” ถามพร้อมทำหน้าละห้อยให้พรนภา
พรนภามองค้อนให้ แต่ก็ยอมให้อาบ “สิบนาทีนะ”
“ค่า!” พูดจบก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัว ไม่กี่นาทีก็กลับออกมา ทำเอาเธอแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหว อะไรจะรวดเร็วขนาดนั้น รอเมธีแต่งตัวครู่เดียวก็เรียบร้อย จากนั้นพวกเธอก็ออกไปนั่งร้านเหล้า ร้านประจำ ร้านเดิมที่พวกเธอเจอกัน มุมเดิมที่เคยนั่งด้วย
มาถึงพนักงานที่ร้านต้อนรับอย่างดี นำน้ำแข็งมาเสิร์ฟพร้อมเมนู “เอ่อลูกค้าจะรับเบียร์อะไรดีครับ ถ้าเป็นมายเบียร์สิงห์ไลต์อ่ะครับมีโปรนะครับ ถ้าลีโอก็อีกราคาหนึ่งครับ” พนักงานกล่าว เมธีเลิกคิ้วถามเธอ ให้เธอเป็นคนตัดสินใจ ส่วนตนเองดื่มได้หมด
“มายเบียร์แล้วกันค่ะ นุ่มคอดี” เธอตอบ พร้อมบอกเมนูกับแกล้มไปด้วย เมธีก็สั่งของตนเองเช่นกัน
“เอ่อลูกค้าสนใจซื้อโปรมายเบียร์ยกลังมั้ยครับ ถ้ายกลังแถมเสื้อให้หนึ่งตัว” พนักงานก็เชียร์ขายเก่งเสียเหลือเกิน
เมธีมองหน้าเธอ มาแค่สองคนจะยกลังเลยเหรอ “อือ… เอามาหนึ่งโปรก่อนแล้วกันครับ เดี๋ยวชวนเพื่อนก่อน ถ้าเพื่อนมาค่อยยกลัง” เมธีกล่าวกับพนักงาน จากนั้นพนักงานก็กลับไป ส่วนพวกเธอคุยกันรอเมนูที่สั่ง
“โทรพาพี่หนุ่มดิพี่เมธี แหวน ๆ ด้วย อุ้ย! ไม่ได้! พี่แหวนท้องมาไม่ได้อ่ะ คงไม่ให้พี่หนุ่มมาแน่” พรนภาพูดพร้อมทำหน้าเสียดาย
เพื่อนของสามีก็มีเพียงคู่นี้ที่พอจะไปกันได้ เนื่องจากพี่แหวนก็อายุห่างกันไม่กี่ปีกับตนเอง ไลฟ์สไตล์เดียวกัน คุยกันถูกคอ ชอบคนสูงอายุเหมือนกัน พี่หนุ่มอายุเยอะกว่าพี่เมธีอีก ส่วนคนอื่น ๆ ไม่อยากให้มา ศีลไม่ค่อยเสมอกันเท่าไหร่
“มาได้ค่ะ ทำไมจะมาไม่ได้ แค่ชวน!” เมธีตอบ พร้อมยกแก้วเบียร์ดื่ม เนื่องจากพนักงานเติมเบียร์ให้แล้ว
“จะมาทำไม! พี่แหวนท้อง ยังจะไปกวนให้สามีเค้าออกจากบ้านอีก พี่เมธี!“ พรนภาเรียกพร้อมจ้องหน้าสามีด้วย
“ค้าบ!” เมธีตอบแบบสะดุ้งนิดหน่อย เรียกแบบนี้ จ้องแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ
“ถ้านภาท้องพี่เมธีก็จะมาเที่ยวแบบนี้ใช่มั้ยล่ะ นภารู้หรอก” คราวนี้ทำงอน ไม่ต้องบอกเธอก็รู้คำตอบ!
“ไม่ค่ะ!” เขาตอบปนยิ้ม มองไปที่แววตาคู่นั้น ดวงตาตี่ ๆ หมวย ๆ ของภรรยาสาวภายใต้กรอบแว่นทรงกลมสีดำนั้น เขาพูดจากความรู้สึก ไม่ก็คือไม่จริง ๆ! “ทำไมกลัวพี่หนีเที่ยวเหรอคะ ไม่ทำหรอกค่ะ จริง ๆ ลองท้องดิ มีลูกเถอะ มีลูกสักทีเถอะนะ พลีส!” แกล้งพูดปนหัวเราะ เรียกเสียงหัวเราะให้เธอได้เช่นกัน
“ไม่เชื่อหรอก ชิ! ไม่ต้องโทรตามพี่หนุ่มหรอก สงสารพี่แหวน เขาคงอยากให้ผัวเขาอยู่ด้วยมั้ย คนท้องยิ่งขี้น้อยใจอยู่ กินสองคนเราก็ได้” เธอห้าม เกรงใจพี่แหวน ถ้าไม่ท้องชวนมาแล้วป่านนี้
“เดี๋ยวชวนลูกน้องพี่มาถ้างั้น” เมธีมีทางเลือก
“ใคร! ไอ้ต้อลอ่ะนะ” เธอพอจะเดาได้ว่าใคร “พูดมากอ่ะคนนี้ มันพูดมากจริง ๆ นะพี่เมธี แล้วพี่เมธีก็ไม่ชอบคุยเป็นเพื่อนมัน พอพี่เมธีไม่โม้กับมัน มันก็หันมาโม้กับนภา พี่เมธีอ่ะชอบปล่อยให้นภาพูดกับมันอยู่คนเดียว นภาก็เหนื่อยเป็นเด้ จะไม่พูดกับน้องก็เกรงใจน้อง ฮา” พูดกลั้วหัวเราะพร้อมนึกถึงใบหน้าลูกน้องของสามี นึกถึงพูดถึงด้วยความเอ็นดู ชอบในความขี้โม้มาก เป็นคนพูดเก่งเหลือเกิน ใครอยู่ด้วยไม่เหงาแน่นอน ไม่รู้สรรหาคำพูดมาจากไหน
“ใช่! เดี๋ยวพี่ชวนพี่แมนมาด้วยอีกคนนะคะ ก็เห็นน้องชอบโม้กับมันไง ก็เรียกมันมาโม้เป็นเพื่อนน้อง ฮา” เมธีเองก็พูดปนหัวเราะเช่นกัน “บักหลอนน้อ มันหลอนเด้นั่น”
“ที่มันชอบโม้กับนภาเพราะพี่เมธีไม่คุยกับมันเฉย ๆ หรอก ฮา หาว่าให้น้องให้นุ่งเด้อพี่เมธี” ค่อนขอดแบบตลก ๆ ให้ เมธีโทรตามเพื่อนรุ่นน้องที่ทำงานด้วยกันมานั่งด้วยตามที่พูด พร้อมพนักงานยกเมนูมาเสิร์ฟอีก
“น้องเดี๋ยวพี่เอาโปรยกลังนะ เพื่อนพี่จะมา ขอแก้วกับจานเพิ่มสองชุดครับ” เมธีสั่งพนักงาน จากนั้นพนักงานก็ไปจัดเตรียมมาให้ ไม่นานเพื่อนที่ทำงานของเมธีก็มาถึง
“พี่นภาวัสดีค้าบ ไม่บอกต้อลตั้งแต่แรกว่าจะมานี่ นู่นนะต้อลไปหาสาวแล้ว ต้อลก็เลยวนรถกลับมา ลูกพี่เมธีบอกไปรับลูกพี่แมนมาด้วย” น้องต้อลพูดทักทายเธอ ส่วนเธอกับเมธีหัวเราะ “สาวนะคนละคนกับแฟน”
“พุ่น! เห็นบ่อคักขนาด บักคราสโนว่าใหญ่ ฮา” เมธีพูด เรียกเสียงหัวเราะของพวกเธอได้อย่างดี รวมทั้งเจ้าตัวด้วย เธอยกมือไหว้พี่แมนด้วย จากนั้นทั้งสองก็นั่งประจำที่ เหตุการณ์ปกติ มาถึงน้องต้อลขาโม้ก็เริ่มโม้กันเลย ไม่ผิดหวังที่เรียกมา
“คือพ่อมัน! คือลูกพี่มัน” พรนภาได้ทีประชดสามีเสียเลย พ่อที่พูดถึงคือเมธีเอง น้องต้อลเป็นลูกน้องในทีมของสามี ในสังกัดของสามี อายุรุ่นลูกจึงเปรียบตัวเมธีแทนพ่อ เพราะความสนิทกัน “โอย!!! แล้วแกก็มาน้อต้อล ป่านนี้เค้างอนตายห่าแล้วมั้ง” พรนภาเอ็ดรุ่นน้องสามีเข้าให้
“ต้อลไม่ใช่เขาไลน์มาบอกเลิกแกแล้วเหรอ” พี่แมนแซว
“ถ้าเป็นฉัน ๆ งอนนะเนี่ย เลือกเพื่อนมากกว่าแฟน แก…คือเข้าใจมั้ยว่าเวลาไหนให้เพื่อนเวลาไหนให้แฟนอ่ะ” เธอตอบเพราะเห็นใจผู้หญิงจริง ๆ เข้าใจความรู้สึกนั้น “ลูกพี่ชวนก็ปฏิเสธก็ได้ เนอะพี่แมน”
“ไม่ได้พี่นภา! ลูกพี่ผมชวนผมต้องมา ลูกพี่เมธีว่า ไอ้ต้อลมืงต้องมานะ นาน ๆ ทีเมียกูจะเลี้ยงว่าสั่น” น้องต้อลพูดไม่มีติดขัด พูดไหลลื่นเสียเหลือเกิน
“นั่น!” พรนภาอมยิ้มหันไปมองสามี ไม่ได้จะขี้เหนียวอะไร เพราะตั้งใจมาอยู่แล้ว แต่ที่หันไปจ้องว่าทำไมเมธีถึงบอกแบบนั้นต่างหาก
ฝันหวาน (Sweet Dream) 96
.
สาย ๆ ของวันหยุดพรนภาตื่นนอนก่อนสามีเหมือนเดิม เพราะวันหยุดเมธีจึงตั้งใจนอนให้นานที่สุด ตื่นสายให้มากที่สุด ทว่าก็ต้องฝันสลายของการนอนตื่นสายทุกทีไปเช่นกัน โดยการปลุกของพรนภาเอง
“พี่เมธีตื่นเร็ว ตัวเองต้องพานภาไปส่งไปรษณีย์อีกนะ ลืมแล้วเหรอ! สิบโมงแล้วนะคะ จะพานภาไปไปรษณีย์ตอนไหนอ่ะ” เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้ว จึงเดินไปปลุกสามีรุ่นพ่อที่นอนหลับอยู่บนเตียงนอน ไม่คิดจะตื่นมาทานข้าวมาอาบน้ำเลยหรือไร มองค้อนให้กับคนที่หลับอยู่บนเตียง จากนั้นก็นั่งลงข้าง ๆ พร้อมเขย่าตัวเบา ๆ
“เอ้าน้องพร้อมแล้วเหรอคะ” เสียงแหบพร่าถามออกมาเบา ๆ พร้อมหรี่ตามองภรรยาสาว พรนภาพยักหน้า จ้องมองหน้าเขาตาไม่กะพริบ ถ้าด่าได้ป่านนี้พรนภาคงด่าเขาไปนานแล้วแหง ๆ นึกอะไรขำ ๆ คนเดียว จากนั้นก็อมยิ้มกลั้นหัวเราะเอาไว้
“อะไรพี่เมธี! หัวเราะอะไรนภา” เธอถามเพราะเห็นเขาอยู่ดี ๆ ก็ยิ้มซะอย่างนั้น เริ่มไม่มั่นใจในตนเองขึ้นมาดื้อ ๆ
“เปล่าค่ะ! เค! พี่ขอเวลาอาบน้ำสิบนาทีค่ะ” พูดจบก็ลุกจากที่นอนอย่างว่าง่าย หยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
เมื่อพวกเธอทั้งสองคนพร้อมแล้วจึงเดินทางไปยังไปรษณีย์ใกล้บ้าน เพื่อที่จะส่งเสื้อผ้าของเธอเองไปให้น้อง ๆ บ้านเด็กกำพร้า ‘สถานสงเคราะห์เด็กด้อยโอกาสและกำพร้าวัดถ้ำตะโก จังหวัดลพบุรี’ เพราะว่าไม่ได้ใช้แล้ว เก็บไว้ก็ไร้ค่า ส่งต่อให้คนที่เขาต้องการดีกว่า
สำหรับที่อยู่ของบ้านเด็กกำพร้า เธอก็นำมาจากคนในโซเชียลแชร์ต่อ ๆ กันมานั่นเอง พอดูแล้วว่าเสื้อผ้าของตนมีประโยชน์กับน้อง ๆ อีกทั้งไม่ได้ไลฟ์ขายมือสองด้วย เก็บไว้ก็รกตู้เปล่า ๆ
ครั้นจะเอากลับบ้านก็รกตู้ที่บ้าน ทั้งบ้านของตนเองทั้งบ้านของเมธี เยอะแยะเต็มไปหมด จึงตัดสินใจนำไปบริจาคให้กับน้อง ๆ ดีกว่า ไม่นึกเสียดายเลย มีความสุขทุกครั้งที่ได้เป็นผู้ให้
พวกเธอขับรถมาครู่เดียวก็ถึงไปรษณีย์ ก่อนจะนำไปฝาก พรนภาก็ขอเก็บรูปสักหน่อย “พี่เมธีตัวเองสร้างภาพให้นภาสักภาพสองภาพซิ” ที่ลานจอดรถ พวกเธอกุลีกุจอช่วยกันขนลังเสื้อผ้าลงจากรถ หนึ่งลังใหญ่และหนึ่งลังเล็ก
“เคค่ะ! มุมนี้ ๆ เลย” เมธีจัดแจงมุมถ่ายรูปให้ ช่างภาพกิตติมศักดิ์ประจำตัวของเธอเอง “เรียบร้อยค่ะ อ่ะดูก่อนได้ป่ะ” เมื่อถ่ายรูปเสร็จเมธียื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้ดูรูปที่ถ่าย เธอพยักหน้าโอเคจากนั้นก็ยกลังเสื้อผ้าเข้าไปด้านใน
“ไปไหนต่อมั้ยคะ” เขาถาม หลังจากฝากไปรษณีย์เสร็จเรียบร้อย ขณะนั่งในรถก่อนจะสตาร์ตรถจึงถามขึ้น เผื่อภรรยาสุดที่รักของตนเองอยากไปเที่ยวที่ไหนต่อ
“ม่ายอ่ะ! กลับเหอะ” พรนภาปฏิเสธ ไม่ได้อยากไปที่ไหนต่อจริง ๆ อยากนอน อยากกลับห้อง เพราะว่าค่ำคืนนี้เธอมีแผนต่างหาก แพลนเอาไว้แล้ว
“ป๊าด! เป็นคนฮู้ผู้ดีน้อ สิได้จักน้ำค่ะ ฮา” ได้โอกาสแซวเสียเลย “ไปก็ได้! พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ” พูดกลั้วยิ้มพร้อมยกมือขึ้นมาวางบนศีรษะของพรนภา มองด้วยความเอ็นดูและรักที่สุด
“ไม่ไป ห่วย! แต่คืนนี้ไป” พูดพร้อมยิ้มให้สามี
“ฮะหา! จะไปไหนคะ!” สายตานั้นรอนยิ้มนี้มันต้องมีอะไรแน่ ๆ ร้อยทั้งร้อยต้องไม่ใช่ยิ้มหวานเฉย ๆ รู้สึกเสียวสันหลังกับรอยยิ้มของภรรยา
“ร้านเราไง! ร้านเบียร์หวานค่ะ” พูดจบก็โน้มตัวไปอ้อนสามีรุ่นพ่อ เกาะแขนมองหน้าหลับตาปริบ ๆ ให้อย่างทะเล้น ก็เธออยากไปจริง ๆ นี่นา นานแล้วไม่ได้ไป “นะพี่เมธี! นภาอยากไปนั่งฟังเพลงอ่ะ”
“ค่ะ ตามนั้น!” ตอบตกลงทันที มีหรือจะไม่ตามใจแค่เรื่องแค่นี้ เรื่องยากกว่านี้ก็ทำให้ได้ จากนั้นก็ขับรถออกจากไปรษณีย์ มุ่งหน้ากลับคอนโด
ระหว่างวันพวกเธอสองคนก็ใช้เวลาร่วมกัน ต่างคนต่างเล่นทว่าไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่ เมธีนอนเล่นเกมโทรศัพท์ตามประสา ส่วนเธอก็ส่องโซเชียลไปเรื่อยเช่นกัน
ลงรูปที่ถ่ายตอนไปส่งเสื้อผ้าที่ไปรษณีย์ ก็ทำให้ยิ้มอย่างสุขใจ มันมีความสุขจริง ๆ ที่ได้ให้ วันหลังมีโอกาสอีกก็จะส่งให้อีก เสียดายอย่างเดียว ลืมผ้าปิดจมูกส่งให้น้อง ๆ ด้วย ไม่เป็นไรรอบต่อไปแล้วกัน
วันหยุดแบบนี้ ได้นอนคลอเคลียนอนแตะตัวกัน กอดก่ายเบียดเสียดกันอยู่บนเตียงนอนอยู่อย่างนั้นก็มีความสุข ได้ใช้เวลาด้วยกัน ขอแค่ได้นอนใกล้ ๆ กัน ได้สัมผัสตัวส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายกันและกันก็พอใจเธอล่ะ ส่วนเมธีตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกมเสียเหลือเกิน ยิ่งกว่าเด็ก ๆ
วันหยุดเวลามักผ่านไปเร็วเสมอ ยังไม่ทันทำอะไรก็บ่ายแล้ว แต่ก็ดีอยากให้ถึงหนึ่งทุ่มเร็ว ๆ อยากไปนั่งฟังเพลง นานแล้วที่ไม่ได้ไปเยี่ยมร้านนั้นกับสามี ร้านที่ทำให้พวกเธอสองคนได้เจอกัน ได้มารักกัน ได้มาใช้ชีวิตร่วมกันแบบนี้ ต้องไประลึกถึงสักหน่อย
………………………………………
หนึ่งทุ่มตรงของวันนี้ด้วยเพราะว่าพรนภารอคอยมาทั้งวันแล้ว จึงรีบแต่งตัวตั้งแต่หกโมงครึ่ง พอหนึ่งทุ่งตรงจึงบอกสามีให้ลุกไปแต่งตัว ถ้าจะไปตั้งแต่หกโมงเย็น จะดูรีบเกินไป! หากไปสองทุ่มก็นั่งได้ครู่เดียว ห้าทุ่มร้านก็ปิดแล้ว หนึ่งทุ่มนี่แหละเหมาะที่สุด
“พี่เมธีเลิกเล่นเกมได้แล้ว ไปแต่งตัวค่ะ ลืมแล้วเหรอที่นภาบอกเอาไว้อ่ะ” พรนภาค่อนขอดสามีเบา ๆ ถึงเวลาแล้วยังเล่นเกมอยู่ได้ เล่นทั้งวี่ทั้งวัน เข้าใจว่าตอนทำงานไม่ได้เล่น พอวันหยุดหรือเวลากลับมาถึงห้อง มันจำเป็นต้องเล่นเอาเป็นเอาตายขนาดนี้ไหม ดีหน่อยที่ยังเห็นเธอมีชีวิต ยังใส่ใจอยู่บ้าง ไม่เหมือนคนก่อน ที่เห็นเธอเป็นอากาศ
“ไม่ลืมค่า! แป๊บได้มั้ย ขอเล่นจบเกมนี้ก่อน” เมธีทำหน้าอ้อนภรรยาสาว ทว่าเจ้าตัวดันหน้าบึ้งกลับมาให้ สงสัยลูกอ้อนคงจะไม่ได้ผล จึงยอมล้มเกมเลิกเล่นกลางคันไปในที่สุด “เอ่อ… ตายก็ปล่อยผมตายไปเลยเด้อ ไม่ต้องชุป เพราะผมจะพาเมียไปกินข้าวก่อน” เมธีสั่งลาเพื่อนในเกม ได้ยืนเสียงตอบตกลงจากคนในเกมด้วย ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นเพื่อนสมัยเรียนของตนเองทั้งนั้น
“ขออาบน้ำก่อนได้ไหมคะ” ถามพร้อมทำหน้าละห้อยให้พรนภา
พรนภามองค้อนให้ แต่ก็ยอมให้อาบ “สิบนาทีนะ”
“ค่า!” พูดจบก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัว ไม่กี่นาทีก็กลับออกมา ทำเอาเธอแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหว อะไรจะรวดเร็วขนาดนั้น รอเมธีแต่งตัวครู่เดียวก็เรียบร้อย จากนั้นพวกเธอก็ออกไปนั่งร้านเหล้า ร้านประจำ ร้านเดิมที่พวกเธอเจอกัน มุมเดิมที่เคยนั่งด้วย
มาถึงพนักงานที่ร้านต้อนรับอย่างดี นำน้ำแข็งมาเสิร์ฟพร้อมเมนู “เอ่อลูกค้าจะรับเบียร์อะไรดีครับ ถ้าเป็นมายเบียร์สิงห์ไลต์อ่ะครับมีโปรนะครับ ถ้าลีโอก็อีกราคาหนึ่งครับ” พนักงานกล่าว เมธีเลิกคิ้วถามเธอ ให้เธอเป็นคนตัดสินใจ ส่วนตนเองดื่มได้หมด
“มายเบียร์แล้วกันค่ะ นุ่มคอดี” เธอตอบ พร้อมบอกเมนูกับแกล้มไปด้วย เมธีก็สั่งของตนเองเช่นกัน
“เอ่อลูกค้าสนใจซื้อโปรมายเบียร์ยกลังมั้ยครับ ถ้ายกลังแถมเสื้อให้หนึ่งตัว” พนักงานก็เชียร์ขายเก่งเสียเหลือเกิน
เมธีมองหน้าเธอ มาแค่สองคนจะยกลังเลยเหรอ “อือ… เอามาหนึ่งโปรก่อนแล้วกันครับ เดี๋ยวชวนเพื่อนก่อน ถ้าเพื่อนมาค่อยยกลัง” เมธีกล่าวกับพนักงาน จากนั้นพนักงานก็กลับไป ส่วนพวกเธอคุยกันรอเมนูที่สั่ง
“โทรพาพี่หนุ่มดิพี่เมธี แหวน ๆ ด้วย อุ้ย! ไม่ได้! พี่แหวนท้องมาไม่ได้อ่ะ คงไม่ให้พี่หนุ่มมาแน่” พรนภาพูดพร้อมทำหน้าเสียดาย
เพื่อนของสามีก็มีเพียงคู่นี้ที่พอจะไปกันได้ เนื่องจากพี่แหวนก็อายุห่างกันไม่กี่ปีกับตนเอง ไลฟ์สไตล์เดียวกัน คุยกันถูกคอ ชอบคนสูงอายุเหมือนกัน พี่หนุ่มอายุเยอะกว่าพี่เมธีอีก ส่วนคนอื่น ๆ ไม่อยากให้มา ศีลไม่ค่อยเสมอกันเท่าไหร่
“มาได้ค่ะ ทำไมจะมาไม่ได้ แค่ชวน!” เมธีตอบ พร้อมยกแก้วเบียร์ดื่ม เนื่องจากพนักงานเติมเบียร์ให้แล้ว
“จะมาทำไม! พี่แหวนท้อง ยังจะไปกวนให้สามีเค้าออกจากบ้านอีก พี่เมธี!“ พรนภาเรียกพร้อมจ้องหน้าสามีด้วย
“ค้าบ!” เมธีตอบแบบสะดุ้งนิดหน่อย เรียกแบบนี้ จ้องแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ
“ถ้านภาท้องพี่เมธีก็จะมาเที่ยวแบบนี้ใช่มั้ยล่ะ นภารู้หรอก” คราวนี้ทำงอน ไม่ต้องบอกเธอก็รู้คำตอบ!
“ไม่ค่ะ!” เขาตอบปนยิ้ม มองไปที่แววตาคู่นั้น ดวงตาตี่ ๆ หมวย ๆ ของภรรยาสาวภายใต้กรอบแว่นทรงกลมสีดำนั้น เขาพูดจากความรู้สึก ไม่ก็คือไม่จริง ๆ! “ทำไมกลัวพี่หนีเที่ยวเหรอคะ ไม่ทำหรอกค่ะ จริง ๆ ลองท้องดิ มีลูกเถอะ มีลูกสักทีเถอะนะ พลีส!” แกล้งพูดปนหัวเราะ เรียกเสียงหัวเราะให้เธอได้เช่นกัน
“ไม่เชื่อหรอก ชิ! ไม่ต้องโทรตามพี่หนุ่มหรอก สงสารพี่แหวน เขาคงอยากให้ผัวเขาอยู่ด้วยมั้ย คนท้องยิ่งขี้น้อยใจอยู่ กินสองคนเราก็ได้” เธอห้าม เกรงใจพี่แหวน ถ้าไม่ท้องชวนมาแล้วป่านนี้
“เดี๋ยวชวนลูกน้องพี่มาถ้างั้น” เมธีมีทางเลือก
“ใคร! ไอ้ต้อลอ่ะนะ” เธอพอจะเดาได้ว่าใคร “พูดมากอ่ะคนนี้ มันพูดมากจริง ๆ นะพี่เมธี แล้วพี่เมธีก็ไม่ชอบคุยเป็นเพื่อนมัน พอพี่เมธีไม่โม้กับมัน มันก็หันมาโม้กับนภา พี่เมธีอ่ะชอบปล่อยให้นภาพูดกับมันอยู่คนเดียว นภาก็เหนื่อยเป็นเด้ จะไม่พูดกับน้องก็เกรงใจน้อง ฮา” พูดกลั้วหัวเราะพร้อมนึกถึงใบหน้าลูกน้องของสามี นึกถึงพูดถึงด้วยความเอ็นดู ชอบในความขี้โม้มาก เป็นคนพูดเก่งเหลือเกิน ใครอยู่ด้วยไม่เหงาแน่นอน ไม่รู้สรรหาคำพูดมาจากไหน
“ใช่! เดี๋ยวพี่ชวนพี่แมนมาด้วยอีกคนนะคะ ก็เห็นน้องชอบโม้กับมันไง ก็เรียกมันมาโม้เป็นเพื่อนน้อง ฮา” เมธีเองก็พูดปนหัวเราะเช่นกัน “บักหลอนน้อ มันหลอนเด้นั่น”
“ที่มันชอบโม้กับนภาเพราะพี่เมธีไม่คุยกับมันเฉย ๆ หรอก ฮา หาว่าให้น้องให้นุ่งเด้อพี่เมธี” ค่อนขอดแบบตลก ๆ ให้ เมธีโทรตามเพื่อนรุ่นน้องที่ทำงานด้วยกันมานั่งด้วยตามที่พูด พร้อมพนักงานยกเมนูมาเสิร์ฟอีก
“น้องเดี๋ยวพี่เอาโปรยกลังนะ เพื่อนพี่จะมา ขอแก้วกับจานเพิ่มสองชุดครับ” เมธีสั่งพนักงาน จากนั้นพนักงานก็ไปจัดเตรียมมาให้ ไม่นานเพื่อนที่ทำงานของเมธีก็มาถึง
“พี่นภาวัสดีค้าบ ไม่บอกต้อลตั้งแต่แรกว่าจะมานี่ นู่นนะต้อลไปหาสาวแล้ว ต้อลก็เลยวนรถกลับมา ลูกพี่เมธีบอกไปรับลูกพี่แมนมาด้วย” น้องต้อลพูดทักทายเธอ ส่วนเธอกับเมธีหัวเราะ “สาวนะคนละคนกับแฟน”
“พุ่น! เห็นบ่อคักขนาด บักคราสโนว่าใหญ่ ฮา” เมธีพูด เรียกเสียงหัวเราะของพวกเธอได้อย่างดี รวมทั้งเจ้าตัวด้วย เธอยกมือไหว้พี่แมนด้วย จากนั้นทั้งสองก็นั่งประจำที่ เหตุการณ์ปกติ มาถึงน้องต้อลขาโม้ก็เริ่มโม้กันเลย ไม่ผิดหวังที่เรียกมา
“คือพ่อมัน! คือลูกพี่มัน” พรนภาได้ทีประชดสามีเสียเลย พ่อที่พูดถึงคือเมธีเอง น้องต้อลเป็นลูกน้องในทีมของสามี ในสังกัดของสามี อายุรุ่นลูกจึงเปรียบตัวเมธีแทนพ่อ เพราะความสนิทกัน “โอย!!! แล้วแกก็มาน้อต้อล ป่านนี้เค้างอนตายห่าแล้วมั้ง” พรนภาเอ็ดรุ่นน้องสามีเข้าให้
“ต้อลไม่ใช่เขาไลน์มาบอกเลิกแกแล้วเหรอ” พี่แมนแซว
“ถ้าเป็นฉัน ๆ งอนนะเนี่ย เลือกเพื่อนมากกว่าแฟน แก…คือเข้าใจมั้ยว่าเวลาไหนให้เพื่อนเวลาไหนให้แฟนอ่ะ” เธอตอบเพราะเห็นใจผู้หญิงจริง ๆ เข้าใจความรู้สึกนั้น “ลูกพี่ชวนก็ปฏิเสธก็ได้ เนอะพี่แมน”
“ไม่ได้พี่นภา! ลูกพี่ผมชวนผมต้องมา ลูกพี่เมธีว่า ไอ้ต้อลมืงต้องมานะ นาน ๆ ทีเมียกูจะเลี้ยงว่าสั่น” น้องต้อลพูดไม่มีติดขัด พูดไหลลื่นเสียเหลือเกิน
“นั่น!” พรนภาอมยิ้มหันไปมองสามี ไม่ได้จะขี้เหนียวอะไร เพราะตั้งใจมาอยู่แล้ว แต่ที่หันไปจ้องว่าทำไมเมธีถึงบอกแบบนั้นต่างหาก