.
เสียงเพลงที่เจ้าของร้านเปิดคลอเคลียให้ลูกค้านั่งฟังเบา ๆ นั่งฟังสบาย ๆ สไตล์ร้านเหล้าข้างทาง ผสมกับเสียงรถวิ่งสวนกันไปมา ทั้งรถยนต์ ทั้งรถมอเตอร์ไซค์ เสียงท่อดังบ้าง ทว่าก็ไม่ได้สร้างความรำคาญใจให้แก่คนที่มาใช้บริการร้านเบียร์วุ้นแห่งนี้เลยสักนิด ลูกค้าเต็มทุกโต๊ะ
ร้านนี้เป็นร้านประจำของเธอสองคน และเป็นร้านที่ทำให้พวกเธอได้พบกัน แต่ว่าวันนี้ไม่ได้มาเพียงสองคน มีเพื่อนของเมธีมาด้วย จากการชวนของเธอเอง
หลังจากห่างหายไปนานเพราะโควิด ร้านกลับมาเปิดให้นั่งได้อีกครั้ง เมธีกับพรนภาจึงชวนกันมาผ่อนคลายสักหน่อย นานแล้วที่ไม่ได้มาที่นี่ เพราะงาน เพราะโรคระบาด และเพราะพวกเธอสองคนกลายเป็นคน ๆ เดียวกันแล้ว จึงไม่ได้ใส่ใจที่จะออกมาหาความสุขภายนอกแบบนี้เท่าไหร่นัก พวกเธอมีกันและกันแล้ว ก็ไม่ต้องการสิ่งไหนอีก
ทางร้านเปิดเพลงสตริงวงที่เธอชอบ บอดี้แสลม ไพเราะดี รู้สึกว่านานแล้วเหมือนกันนะที่ไม่ได้ฟังบอดี้สแลม พอได้กลับมาฟังอีกครั้ง มันก็กินใจเหมือนเดิม นักร้องคุณภาพ เสียงคุณภาพต้องแบบนี้แหละ ส่วนปัจจุบันนี้ อะไรก็ไม่รู้
ที่จริงทางร้านควรจะเปิดลูกทุ่งหมอลำนะถึงจะถูกใจเธอ ทว่านาทีนี้เพลงอะไรก็ได้ ฟังได้หมด แต่ละโต๊ะต่างนั่งดื่ม นั่งคุยกันไม่สนใจใครจะมาใครจะไป บรรยากาศเดิม ๆ กลับมาอีกครั้ง โต๊ะมุมนั้น! โต๊ะที่พี่เมธีชอบมานั่งมองเธอ มองเห็นก็อดยิ้มไม่ได้
บรรยากาศและทุกอย่างยังเหมือนเดิม สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือ ตอนนี้เธอกับเมธีเป็นของกันและกันแล้ว ไม่ต้องมานั่งส่งยิ้มส่งสายตาให้เหมือนเมื่อก่อน นึก ๆ ดูแล้วก็ตลกตัวเองชะมัด เผลอยิ้มออกมาคนเดียว พอรู้สึกตัวก็ต้องรีบหุบยิ้มเดี๋ยวพี่เมธีกับเพื่อน ๆ จับได้
พวกเธอมากันสี่คน มีเมธี ตัวเธอเอง และก็พี่หนุ่มกับพี่แหวน ซึ่งเป็นเพื่อนของพี่เมธีเอง พรนภาไม่ได้ชวนเพื่อนของตนมาด้วย แค่มานั่งชิว ๆ ชดเชยวันเวลาที่ผ่านมา ไม่ได้มานั่งด้วยเหตุผลอะไรหลาย ๆ อย่างนั่นแหละ วันนี้มากับเพื่อนพี่เมธีก่อน วันหลังค่อยไปกับเพื่อนของเธอ
“พี่แหวนเอารูปมานี่นภาคุมโทนให้ ลงทุนซื้อมาตั้งร้อยกว่าบาท” ในส่วนเพื่อนของสามี เธอสนิทครอบครัวนี้ที่สุด พี่หนุ่มกับพี่แหวน คนอื่น ๆ ไม่อยากจะเจอหน้าเลย ไม่ค่อยถูกจริต ยิ่งเป็นพวกแม่บ้านยิ่งไม่ถูกจริตเข้าไปใหญ่ มีเพียงพี่แหวนคนเดียวที่พอคุยกันรู้เรื่อง ด้วยอายุที่ไม่ค่อยห่างกันมากนัก ความคิดและคำพูดจึงไปกันได้ ส่วนสองหนุ่มพี่เมธีกับพี่หนุ่มก็คุยกันไป พวกเธอสองคนก็คุยกันไป ต่างคนต่างคุย
“มันเป็นแบบไหนอ่ะ” พี่แหวนดูสนใจสิ่งที่เธอแนะนำมาก ๆ ก็เป็นผู้หญิงนี่นา เรื่องแบบนี้ย่อมสำคัญ ตัวจริงไม่สวยก็ช่าง ถ่ายรูปออกมาก็ต้องสวย
“ก็นี่ไง เค้ากำลังฮิตนะการคุมโทนภาพ”
“อ้อ! พี่ว่าและ พี่ก็สงสัยอยู่ว่า เพื่อนในเฟซบุ๊กพี่มันแต่งรูปแอพอะไรวะ ทำไมภาพมันเป็นแบบนี้ อะไรงี้” พี่แหวนดูจะสนใจมาก พร้อมส่งรูปตนเองเข้ามาในไลน์ให้เธอคุมโทนให้ และระหว่างคุยกันก็จิบเหล้าไปด้วย ทานอาหารไปด้วย มีหลายอย่าง ล้วนเป็นของกับแก้มทั้งนั้น
“เค้าคุมโทนมาไง โทนฟรีก็มีแต่มันไม่สวย ถ้าพี่แหวนอยากได้ เดี๋ยวนภาบอกว่าซื้อยังไง โหลดมายังไงนะ วันหลังก่อน วันนี้ชนค่า ฮ่า “
พร้อมยกแก้วชนกับพี่แหวน พอพี่เมธีกับพี่หนุ่มเห็นก็ขอชนด้วย วันนี้ทำงานมาเหนื่อย ๆ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย ได้มาผ่อนคลายแบบนี้ เสียงเพลง น้ำเย็น ๆ ที่ไม่ใช่น้ำเปล่า แค่นี้ก็มีแรงสู้งานต่อในวันพรุ่งนี้แล้ว ยกเว้นก็แต่ถ้าชนแก้วถี่ไปหน่อยอาจลุกไปทำงานไม่ไหว
“น้องนภาคะ พี่เมธีนั่งตรงไหนนะเวลามาร้านนี้ ฮา” พี่หนุ่มถามเธอ พร้อมยกแก้วเหล้าดื่มไปอีก ปรายตามองเธอ ยิ้มหัวเราะให้รอคำตอบ ทั้งเธอ ทั้งพี่เมธีและก็พี่แหวนต่างหัวเราะกับการแหย่เล่นของพี่หนุ่ม
“เวลามาใช่มั้ยคะ...”
“น้อง! ฮ่วยหยา” เมธียิ้มเขิน ๆ เรียกชื่อเธอพร้อมมองหน้า เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าห้ามเธอพูด ทว่าไม่ได้จริงจังอะไรหากเธอจะพูด ถือเป็นเรื่องตลกในวงเหล้าไป
“น้องนภาอย่าไปกลัวพี่เมธี พี่หนุ่มอยู่ตรงนี้ทั้งคน เล่ามาเลย พี่หนุ่มอยากฟัง” เพื่อนซี้ของสามี อายุอานามพอ ๆ กัน พี่หนุ่มแก่กว่าพี่เมธีสองปี เป็นเพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น แต่ว่าก็สนิทกันมาก ๆ
เธอหัวเราะ มองหน้าสามีที่นั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกัน นั่งคู่กับพี่นุ่ม ส่วนเธอนั่งคู่กับพี่แหวนแฟนพี่หนุ่ม “เวลามานั่งใช่มั้ย พี่เมธีชอบไปนั่งโต๊ะนู้น! นู่นโต๊ะมุมนู่น” ชี้ให้ทุกคนดูหน่อย ๆ เกรงว่าลูกค้าคนอื่นจะหาว่าชี้หน้าหาเรื่องเอาได้ ทุกคนปลายตามองตาม พูดจบฉีกยิ้มให้เมธี ส่วนเมธีนั้นหัวเราะชอบใจมาก ทั้งเขินด้วยก็มิปาน แต่ก็ปล่อยให้เธอเล่าต่อไป “แล้วแบบสั่งให้พีอาร์เอาเบียร์มาให้นภาด้วยนะ ฮ่า”
“น้องนภา! ฮ่า “ เมธีพูดอะไรไม่ออก เขินหน้าแดง พูดได้แค่เรียกชื่อภรรยาเท่านั้น “เค้าอายนะตัวเอง”
“โอ้โห! ป๋าเมธี! สุดยอด ๆ “ พี่หนุ่มพูดแซวพี่เมธี พร้อมหันไปแกล้งยกนิ้วให้เพื่อนแบบตลก ๆ สร้างรอยยิ้มและก็เสียงหัวเราะให้แก่ทุกคนได้มาก โดยเฉพาะเจ้าตัว โดยเฉพาะคนโดนแซวคือพี่เมธีนั่นเอง “มีการสั่งเบียร์ให้สาวด้วย แล้วไงต่อคะ พี่เมธีทำไงต่อ”
“เอ้า สั่งเบียร์ให้นภา นภาก็กินตั้วน้อ ของฟรีใครจะไม่กิน” พูดไปขำไป มองหน้าสามี ตลกจริง ๆ ตอนนั้น ถ้าพี่เมธีไม่หัวงู ป่านนี้เธอคงไม่ได้คุย ไม่ได้คบ และก็คงไม่ได้มีความสุขอย่างวันนี้แน่นอน “รอบแรกผ่านไป ขวดเดียวนภาซัดหมดเลย รอบที่สองสั่งมาให้นภาสามขวด พร้อมสั่งพีอาร์ขอเบอร์นภามาด้วย” พูดจบทั้งเธอและก็พี่แหวนขำกร๊ากลั่นร้านกันเลยทีเดียว ส่วนเมธีเขินหน้าแดง ซัดเหล้าแก้เขินไปหลายอึก จะกลับคอนโดได้หรือเปล่าถ้าพี่เมธีเมา กลับไม่ได้ก็จะพาเดินกลับ เพราะเธอขับรถยนต์ไม่เป็น
“เฮ้ย!!! ป๋ามาก ป๋าเมธี ใจปล้ำมาก สุดยอด ๆ “ พี่หนุ่มพูดพร้อมแกล้งหันไปนวดแขนพี่เมธีสองสามที ยิ่งทำให้บรรยากาศตลกเข้าไปอีก “ต่อ ๆ แล้วไงทีนี้ นภาทำไง “
“อะแฮ่ม! อืม! ตัวเอง” เมธีปรายตามองเธอ ทำท่าทางตลก ทว่าเธอรู้ว่าควรพอได้แล้ว
“พี่หนุ่มอยากฟังต่อ พี่หนุ่มก็ไปถามพี่เมธีเองก็แล้วกันหลังจากนั้นอ่ะ” เธอไม่พูดต่อ เกรงใจสามี สายตาคู่นั้น แววตาคู่นั้น ละมุนก็จริงแต่เกรงใจ พร้อมยิ้มให้เมธีและกระดกเหล้าไปหนึ่งอึก
“โห่ อะไร! กำลังจะฟังสนุก ๆ เลย“ พี่หนุ่มทำท่าทางเสียดายแบบตลก เหมือนจะเมาด้วย คนเมาทำอะไรก็ตลก ทั้งพี่แหวนก็ขำท่าทางสามีของตัวเอง พี่เมธีอีกคน
ชนแก้วกันเรื่อย ๆ กับแก้มที่เธอโปรดปรานที่สุด ยกให้เป็นพระเอกร้านนี้ก็คือ เม็ดมะม่วงหิมพานคั่วเกลือ อร่อยมาก! กุ้งแช่น้ำปลา ต้มยำ อะไรไม่ค่อยแตะเลย เธอซัดเม็ดมะม่วงหิมพานคั่วอย่างเดียว ยิ่งกินยิ่งมันส์ หมดก็สั่งเพิ่มเรื่อย ๆ ดื่มกันไป เม้าส์กันไป พี่แหวนก็ยกเก่งเหลือเกิน เธอยกตามไม่ทันแล้ว
พีอาร์ก็คอยมาเติมเหล้าให้เสมอ ๆ บอกว่าโต๊ะนี้ไม่ต้องเดี๋ยวเธอทำเอง ก็ยังไม่ฟัง ยังอยากจะมาอยู่ได้ ยังอยากจะมาชงเหล้าให้ พี่เมธีกับพี่หนุ่มก็แลดูจะชอบใจ
“ตัวเองไม่ต้องเดี๋ยวเค้าชงเอง” พรนภายิ้มให้พีอาร์หน้าหวาน หน้าอกตู้ม ดูคร่าว ๆ น่าจะอายุเท่าเธอนี่แหละ ไม่ก็ห่างไม่กี่ปี กำลังจะชงเหล้าให้เมธี เธอจึงร้องห้ามพร้อมลุกขึ้นหยิบแก้วชงเหล้าให้สามีเอง ส่วนพีอาร์คนนั้นก็เดินกลับไป พี่หนุ่มกับพี่แหวนก็ขำให้ “อ่ะ! กลับคอนโดไม่ได้นภาจะพาเดินกลับเอง” วางแก้วกระทบโต๊ะเสียงดังนิดหน่อย ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเอง หน้าบึ้งให้เมธี และก็ยกแก้วเหล้าตัวเองดื่ม จ้องหน้าเมธีไปด้วย ถึงจะเป็นหน้าที่ของพนักงานเธอก็หวงของเธอนะ หึหึ
“อะราย!” เมธีพูดเบา ๆ ฉีกยิ้มให้ รู้ว่าพรนภาไม่ชอบใจแล้วนาทีนี้ “เค้าปฏิบัติหน้าที่ของเค้า”
ดูสิถึงขนาดนี้แล้วยังเข้าข้างพีอาร์สาวสวยหน้าหวานคนนั้นอีก สวยมากกว่าเธอนิดเดียวเอง ทำเป็น! หืย! มองค่อนเข้าให้
“ชอบอ่ะดิ พี่หนุ่มก็เหมือนกัน มองตาเป็นมันส์เชียว” พี่แหวนทำดีมาก ใครจะไปชอบล่ะ ขนาดบอกว่าไม่ต้องมาชง ชงเองได้ก็ยังจะมาชงให้ คงอยากทำงานมากสินะ คงกลัวตกงาน
“อ้าวได้ไง! เค้าไม่เกี่ยวนะตัวเอง ดื่มยังไม่หมดเลยเนี่ย อีกอย่างเจ้าของร้านจ้างมาทำงาน เค้าก็ต้องทำงานสิ เนอะเมธี” พี่หนุ่มหันไปหาพี่เมธี เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยเรื่องแบบนี้
“พี่แหวนพี่หนุ่มบอกว่าเค้าทำหน้าที่ของเค้า คือยังไงก็ต้องให้มายืนชงเหล้าใกล้ ๆ เอาตัวเบียดไหล่ไรงี้” สายยุก็มา แกล้งให้เข็ดซะเลย
“เฮ้ย! ไม่ช๊าย ไม่ใช่ค่ะ!” พี่หนุ่มรีบยกมือปฏิเสธ เพราะโดนสายตาพิฆาตของพี่แหวนจ้องอยู่ “เมธีดูเมียสิ อะไรพูดใส่ร้ายกันแบบนี้ได้ไง” พูดติดตลก ไม่ได้คิดอะไรกันอยู่แล้ว เธออมยิ้มกลั้นหัวเราะเอาไว้ ไม่อยากแพ้
“พี่หนุ่มช่วยผมด้วย” พูดพร้อมโน้มตัวไปบังพี่หนุ่ม เมื่อสายตาปะทะเข้ากับสายตาของเธอที่จ้องมองอยู่ ดูสิยังทำเป็นเรื่องตลกอีก ทว่าก็เรียกเสียงฮาและรอยยิ้มของพวกเธอสองคนได้เป็นอย่างดี ก็ยิ้มหัวเราะให้แบบงอน ๆ นั่นแหละ
เสียงพูดคุยของผู้คนที่มานั่งดื่มในร้าน เสียงเพลง เสียงรถวิ่งสวนกันไปมา พีอาร์เดินชงเหล้าให้ลูกค้าตามโต๊ะต่าง ๆ ยกเว้นโต๊ะของเธอ ก็ยังมีบางคนชอบเดินมาชงให้อยู่ได้ กลับห้องก่อนเถอะพี่เมธี เดี๋ยวเถอะ! ทำได้แค่มอง ไม่อยากให้เสียบรรยากาศแห่งความสุข อีกทั้งมีแขกมาด้วย นั่นก็คือพี่หนุ่มกับพี่แหวนนั่นเอง ไม่อยากสร้างความรำคาญให้แก่ทั้งสองคน
“สวัสดีค๊าบสมาคมนิยมเมียเด็ก ไม่ชวนผมเลยนะ เห็นว่าเมียผมแก่แล้วกะดาย” พี่ต้นเดินเข้ามาหาพวกเธอในร้านพร้อมกล่าวทักทาย คนนี้มาได้อย่างไรกัน ที่สำคัญใครชวน ไม่ได้รังเกียจ เพื่อนพี่เมธีเธอไม่ได้รังเกียจใครสักคน อย่างที่บอก ศีลไม่ค่อยเสมอกับคนนี้เท่าไหร่
ดูสิขนาดทักทาย ยังทักทายด้วยคำกวน ๆ แบบนี้ เมียเด็กแล้วไง ผิดตรงไหน พรนภาถอนหายใจ นึกในใจพร้อมส่งยิ้มยกมือไหว้ทักทายผู้มาใหม่ พี่แหวนอายุห่างกับเธอแค่ห้าปีเอง ก็เลยโดนพ่วงไปด้วยกับประโยคเมื่อสักครู่ของพี่ต้น
“มา ๆ ครับ นั่ง ๆ อย่าว่าอย่างนั้น สมาคมอะไรกัน น้องนภาชวนพี่แหวนเค้า ก็เลยออกมาเป็นเพื่อนกันนี่แหละ” พี่หนุ่มตอบ พร้อมลุกขยับเก้าอี้ให้ ส่วนพี่เมธีเรียกพีอาร์มาอีกแล้ว ขอแก้วเพิ่ม น้ำแข็งและกับแก้มเพิ่มอีก
“พอดีผ่านมาทางนี้ มองเข้ามาในร้าน เห็นเมธีแว๊บ ๆ เฮ้ย! ก็เลยวนรถกลับมา ใช่จริง ๆ ด้วย พี่ขอนั่งด้วยนะครับ” พี่ต้นพูดพร้อมมองหน้าเธอกับพี่แหวน พี่ต้นก็นั่งลงอย่างไม่เกรงใจ ถึงไม่ค่อยชอบแต่ก็ถือว่าพี่ต้นสนิทกับพี่เมธีและพี่หนุ่มพอสมควร พี่ต้นจึงไม่เกรงใจนั่นแหละ
ไม่ครบแก๊งขาดพี่เอสอีกหนึ่งคนก็ไม่เป็น พอมีเพื่อนมาเพิ่ม สามหนุ่มก็คุยกันเพลิน สนุกไปอีก ส่วนเธอกับพี่แหวนก็คุยกันสองคน ดีนะพี่ต้นไม่โทรชวนพี่เอสกับเมียตามมาอีก ไม่อย่างนั้นบรรยากาศไม่สนุกแน่ อุตส่าห์เลือกชวนแล้วเชียว ยังโผล่มาได้อีก พวกเธออยู่จนร้านปิดเที่ยงคืนก็พากันกลับ ดีที่เมธีพาเธอกลับคอนโดได้อย่างปลอดภัย
ฝันหวาน (Sweet Dream) 30
.
เสียงเพลงที่เจ้าของร้านเปิดคลอเคลียให้ลูกค้านั่งฟังเบา ๆ นั่งฟังสบาย ๆ สไตล์ร้านเหล้าข้างทาง ผสมกับเสียงรถวิ่งสวนกันไปมา ทั้งรถยนต์ ทั้งรถมอเตอร์ไซค์ เสียงท่อดังบ้าง ทว่าก็ไม่ได้สร้างความรำคาญใจให้แก่คนที่มาใช้บริการร้านเบียร์วุ้นแห่งนี้เลยสักนิด ลูกค้าเต็มทุกโต๊ะ
ร้านนี้เป็นร้านประจำของเธอสองคน และเป็นร้านที่ทำให้พวกเธอได้พบกัน แต่ว่าวันนี้ไม่ได้มาเพียงสองคน มีเพื่อนของเมธีมาด้วย จากการชวนของเธอเอง
หลังจากห่างหายไปนานเพราะโควิด ร้านกลับมาเปิดให้นั่งได้อีกครั้ง เมธีกับพรนภาจึงชวนกันมาผ่อนคลายสักหน่อย นานแล้วที่ไม่ได้มาที่นี่ เพราะงาน เพราะโรคระบาด และเพราะพวกเธอสองคนกลายเป็นคน ๆ เดียวกันแล้ว จึงไม่ได้ใส่ใจที่จะออกมาหาความสุขภายนอกแบบนี้เท่าไหร่นัก พวกเธอมีกันและกันแล้ว ก็ไม่ต้องการสิ่งไหนอีก
ทางร้านเปิดเพลงสตริงวงที่เธอชอบ บอดี้แสลม ไพเราะดี รู้สึกว่านานแล้วเหมือนกันนะที่ไม่ได้ฟังบอดี้สแลม พอได้กลับมาฟังอีกครั้ง มันก็กินใจเหมือนเดิม นักร้องคุณภาพ เสียงคุณภาพต้องแบบนี้แหละ ส่วนปัจจุบันนี้ อะไรก็ไม่รู้
ที่จริงทางร้านควรจะเปิดลูกทุ่งหมอลำนะถึงจะถูกใจเธอ ทว่านาทีนี้เพลงอะไรก็ได้ ฟังได้หมด แต่ละโต๊ะต่างนั่งดื่ม นั่งคุยกันไม่สนใจใครจะมาใครจะไป บรรยากาศเดิม ๆ กลับมาอีกครั้ง โต๊ะมุมนั้น! โต๊ะที่พี่เมธีชอบมานั่งมองเธอ มองเห็นก็อดยิ้มไม่ได้
บรรยากาศและทุกอย่างยังเหมือนเดิม สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือ ตอนนี้เธอกับเมธีเป็นของกันและกันแล้ว ไม่ต้องมานั่งส่งยิ้มส่งสายตาให้เหมือนเมื่อก่อน นึก ๆ ดูแล้วก็ตลกตัวเองชะมัด เผลอยิ้มออกมาคนเดียว พอรู้สึกตัวก็ต้องรีบหุบยิ้มเดี๋ยวพี่เมธีกับเพื่อน ๆ จับได้
พวกเธอมากันสี่คน มีเมธี ตัวเธอเอง และก็พี่หนุ่มกับพี่แหวน ซึ่งเป็นเพื่อนของพี่เมธีเอง พรนภาไม่ได้ชวนเพื่อนของตนมาด้วย แค่มานั่งชิว ๆ ชดเชยวันเวลาที่ผ่านมา ไม่ได้มานั่งด้วยเหตุผลอะไรหลาย ๆ อย่างนั่นแหละ วันนี้มากับเพื่อนพี่เมธีก่อน วันหลังค่อยไปกับเพื่อนของเธอ
“พี่แหวนเอารูปมานี่นภาคุมโทนให้ ลงทุนซื้อมาตั้งร้อยกว่าบาท” ในส่วนเพื่อนของสามี เธอสนิทครอบครัวนี้ที่สุด พี่หนุ่มกับพี่แหวน คนอื่น ๆ ไม่อยากจะเจอหน้าเลย ไม่ค่อยถูกจริต ยิ่งเป็นพวกแม่บ้านยิ่งไม่ถูกจริตเข้าไปใหญ่ มีเพียงพี่แหวนคนเดียวที่พอคุยกันรู้เรื่อง ด้วยอายุที่ไม่ค่อยห่างกันมากนัก ความคิดและคำพูดจึงไปกันได้ ส่วนสองหนุ่มพี่เมธีกับพี่หนุ่มก็คุยกันไป พวกเธอสองคนก็คุยกันไป ต่างคนต่างคุย
“มันเป็นแบบไหนอ่ะ” พี่แหวนดูสนใจสิ่งที่เธอแนะนำมาก ๆ ก็เป็นผู้หญิงนี่นา เรื่องแบบนี้ย่อมสำคัญ ตัวจริงไม่สวยก็ช่าง ถ่ายรูปออกมาก็ต้องสวย
“ก็นี่ไง เค้ากำลังฮิตนะการคุมโทนภาพ”
“อ้อ! พี่ว่าและ พี่ก็สงสัยอยู่ว่า เพื่อนในเฟซบุ๊กพี่มันแต่งรูปแอพอะไรวะ ทำไมภาพมันเป็นแบบนี้ อะไรงี้” พี่แหวนดูจะสนใจมาก พร้อมส่งรูปตนเองเข้ามาในไลน์ให้เธอคุมโทนให้ และระหว่างคุยกันก็จิบเหล้าไปด้วย ทานอาหารไปด้วย มีหลายอย่าง ล้วนเป็นของกับแก้มทั้งนั้น
“เค้าคุมโทนมาไง โทนฟรีก็มีแต่มันไม่สวย ถ้าพี่แหวนอยากได้ เดี๋ยวนภาบอกว่าซื้อยังไง โหลดมายังไงนะ วันหลังก่อน วันนี้ชนค่า ฮ่า “
พร้อมยกแก้วชนกับพี่แหวน พอพี่เมธีกับพี่หนุ่มเห็นก็ขอชนด้วย วันนี้ทำงานมาเหนื่อย ๆ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย ได้มาผ่อนคลายแบบนี้ เสียงเพลง น้ำเย็น ๆ ที่ไม่ใช่น้ำเปล่า แค่นี้ก็มีแรงสู้งานต่อในวันพรุ่งนี้แล้ว ยกเว้นก็แต่ถ้าชนแก้วถี่ไปหน่อยอาจลุกไปทำงานไม่ไหว
“น้องนภาคะ พี่เมธีนั่งตรงไหนนะเวลามาร้านนี้ ฮา” พี่หนุ่มถามเธอ พร้อมยกแก้วเหล้าดื่มไปอีก ปรายตามองเธอ ยิ้มหัวเราะให้รอคำตอบ ทั้งเธอ ทั้งพี่เมธีและก็พี่แหวนต่างหัวเราะกับการแหย่เล่นของพี่หนุ่ม
“เวลามาใช่มั้ยคะ...”
“น้อง! ฮ่วยหยา” เมธียิ้มเขิน ๆ เรียกชื่อเธอพร้อมมองหน้า เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าห้ามเธอพูด ทว่าไม่ได้จริงจังอะไรหากเธอจะพูด ถือเป็นเรื่องตลกในวงเหล้าไป
“น้องนภาอย่าไปกลัวพี่เมธี พี่หนุ่มอยู่ตรงนี้ทั้งคน เล่ามาเลย พี่หนุ่มอยากฟัง” เพื่อนซี้ของสามี อายุอานามพอ ๆ กัน พี่หนุ่มแก่กว่าพี่เมธีสองปี เป็นเพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น แต่ว่าก็สนิทกันมาก ๆ
เธอหัวเราะ มองหน้าสามีที่นั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกัน นั่งคู่กับพี่นุ่ม ส่วนเธอนั่งคู่กับพี่แหวนแฟนพี่หนุ่ม “เวลามานั่งใช่มั้ย พี่เมธีชอบไปนั่งโต๊ะนู้น! นู่นโต๊ะมุมนู่น” ชี้ให้ทุกคนดูหน่อย ๆ เกรงว่าลูกค้าคนอื่นจะหาว่าชี้หน้าหาเรื่องเอาได้ ทุกคนปลายตามองตาม พูดจบฉีกยิ้มให้เมธี ส่วนเมธีนั้นหัวเราะชอบใจมาก ทั้งเขินด้วยก็มิปาน แต่ก็ปล่อยให้เธอเล่าต่อไป “แล้วแบบสั่งให้พีอาร์เอาเบียร์มาให้นภาด้วยนะ ฮ่า”
“น้องนภา! ฮ่า “ เมธีพูดอะไรไม่ออก เขินหน้าแดง พูดได้แค่เรียกชื่อภรรยาเท่านั้น “เค้าอายนะตัวเอง”
“โอ้โห! ป๋าเมธี! สุดยอด ๆ “ พี่หนุ่มพูดแซวพี่เมธี พร้อมหันไปแกล้งยกนิ้วให้เพื่อนแบบตลก ๆ สร้างรอยยิ้มและก็เสียงหัวเราะให้แก่ทุกคนได้มาก โดยเฉพาะเจ้าตัว โดยเฉพาะคนโดนแซวคือพี่เมธีนั่นเอง “มีการสั่งเบียร์ให้สาวด้วย แล้วไงต่อคะ พี่เมธีทำไงต่อ”
“เอ้า สั่งเบียร์ให้นภา นภาก็กินตั้วน้อ ของฟรีใครจะไม่กิน” พูดไปขำไป มองหน้าสามี ตลกจริง ๆ ตอนนั้น ถ้าพี่เมธีไม่หัวงู ป่านนี้เธอคงไม่ได้คุย ไม่ได้คบ และก็คงไม่ได้มีความสุขอย่างวันนี้แน่นอน “รอบแรกผ่านไป ขวดเดียวนภาซัดหมดเลย รอบที่สองสั่งมาให้นภาสามขวด พร้อมสั่งพีอาร์ขอเบอร์นภามาด้วย” พูดจบทั้งเธอและก็พี่แหวนขำกร๊ากลั่นร้านกันเลยทีเดียว ส่วนเมธีเขินหน้าแดง ซัดเหล้าแก้เขินไปหลายอึก จะกลับคอนโดได้หรือเปล่าถ้าพี่เมธีเมา กลับไม่ได้ก็จะพาเดินกลับ เพราะเธอขับรถยนต์ไม่เป็น
“เฮ้ย!!! ป๋ามาก ป๋าเมธี ใจปล้ำมาก สุดยอด ๆ “ พี่หนุ่มพูดพร้อมแกล้งหันไปนวดแขนพี่เมธีสองสามที ยิ่งทำให้บรรยากาศตลกเข้าไปอีก “ต่อ ๆ แล้วไงทีนี้ นภาทำไง “
“อะแฮ่ม! อืม! ตัวเอง” เมธีปรายตามองเธอ ทำท่าทางตลก ทว่าเธอรู้ว่าควรพอได้แล้ว
“พี่หนุ่มอยากฟังต่อ พี่หนุ่มก็ไปถามพี่เมธีเองก็แล้วกันหลังจากนั้นอ่ะ” เธอไม่พูดต่อ เกรงใจสามี สายตาคู่นั้น แววตาคู่นั้น ละมุนก็จริงแต่เกรงใจ พร้อมยิ้มให้เมธีและกระดกเหล้าไปหนึ่งอึก
“โห่ อะไร! กำลังจะฟังสนุก ๆ เลย“ พี่หนุ่มทำท่าทางเสียดายแบบตลก เหมือนจะเมาด้วย คนเมาทำอะไรก็ตลก ทั้งพี่แหวนก็ขำท่าทางสามีของตัวเอง พี่เมธีอีกคน
ชนแก้วกันเรื่อย ๆ กับแก้มที่เธอโปรดปรานที่สุด ยกให้เป็นพระเอกร้านนี้ก็คือ เม็ดมะม่วงหิมพานคั่วเกลือ อร่อยมาก! กุ้งแช่น้ำปลา ต้มยำ อะไรไม่ค่อยแตะเลย เธอซัดเม็ดมะม่วงหิมพานคั่วอย่างเดียว ยิ่งกินยิ่งมันส์ หมดก็สั่งเพิ่มเรื่อย ๆ ดื่มกันไป เม้าส์กันไป พี่แหวนก็ยกเก่งเหลือเกิน เธอยกตามไม่ทันแล้ว
พีอาร์ก็คอยมาเติมเหล้าให้เสมอ ๆ บอกว่าโต๊ะนี้ไม่ต้องเดี๋ยวเธอทำเอง ก็ยังไม่ฟัง ยังอยากจะมาอยู่ได้ ยังอยากจะมาชงเหล้าให้ พี่เมธีกับพี่หนุ่มก็แลดูจะชอบใจ
“ตัวเองไม่ต้องเดี๋ยวเค้าชงเอง” พรนภายิ้มให้พีอาร์หน้าหวาน หน้าอกตู้ม ดูคร่าว ๆ น่าจะอายุเท่าเธอนี่แหละ ไม่ก็ห่างไม่กี่ปี กำลังจะชงเหล้าให้เมธี เธอจึงร้องห้ามพร้อมลุกขึ้นหยิบแก้วชงเหล้าให้สามีเอง ส่วนพีอาร์คนนั้นก็เดินกลับไป พี่หนุ่มกับพี่แหวนก็ขำให้ “อ่ะ! กลับคอนโดไม่ได้นภาจะพาเดินกลับเอง” วางแก้วกระทบโต๊ะเสียงดังนิดหน่อย ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเอง หน้าบึ้งให้เมธี และก็ยกแก้วเหล้าตัวเองดื่ม จ้องหน้าเมธีไปด้วย ถึงจะเป็นหน้าที่ของพนักงานเธอก็หวงของเธอนะ หึหึ
“อะราย!” เมธีพูดเบา ๆ ฉีกยิ้มให้ รู้ว่าพรนภาไม่ชอบใจแล้วนาทีนี้ “เค้าปฏิบัติหน้าที่ของเค้า”
ดูสิถึงขนาดนี้แล้วยังเข้าข้างพีอาร์สาวสวยหน้าหวานคนนั้นอีก สวยมากกว่าเธอนิดเดียวเอง ทำเป็น! หืย! มองค่อนเข้าให้
“ชอบอ่ะดิ พี่หนุ่มก็เหมือนกัน มองตาเป็นมันส์เชียว” พี่แหวนทำดีมาก ใครจะไปชอบล่ะ ขนาดบอกว่าไม่ต้องมาชง ชงเองได้ก็ยังจะมาชงให้ คงอยากทำงานมากสินะ คงกลัวตกงาน
“อ้าวได้ไง! เค้าไม่เกี่ยวนะตัวเอง ดื่มยังไม่หมดเลยเนี่ย อีกอย่างเจ้าของร้านจ้างมาทำงาน เค้าก็ต้องทำงานสิ เนอะเมธี” พี่หนุ่มหันไปหาพี่เมธี เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยเรื่องแบบนี้
“พี่แหวนพี่หนุ่มบอกว่าเค้าทำหน้าที่ของเค้า คือยังไงก็ต้องให้มายืนชงเหล้าใกล้ ๆ เอาตัวเบียดไหล่ไรงี้” สายยุก็มา แกล้งให้เข็ดซะเลย
“เฮ้ย! ไม่ช๊าย ไม่ใช่ค่ะ!” พี่หนุ่มรีบยกมือปฏิเสธ เพราะโดนสายตาพิฆาตของพี่แหวนจ้องอยู่ “เมธีดูเมียสิ อะไรพูดใส่ร้ายกันแบบนี้ได้ไง” พูดติดตลก ไม่ได้คิดอะไรกันอยู่แล้ว เธออมยิ้มกลั้นหัวเราะเอาไว้ ไม่อยากแพ้
“พี่หนุ่มช่วยผมด้วย” พูดพร้อมโน้มตัวไปบังพี่หนุ่ม เมื่อสายตาปะทะเข้ากับสายตาของเธอที่จ้องมองอยู่ ดูสิยังทำเป็นเรื่องตลกอีก ทว่าก็เรียกเสียงฮาและรอยยิ้มของพวกเธอสองคนได้เป็นอย่างดี ก็ยิ้มหัวเราะให้แบบงอน ๆ นั่นแหละ
เสียงพูดคุยของผู้คนที่มานั่งดื่มในร้าน เสียงเพลง เสียงรถวิ่งสวนกันไปมา พีอาร์เดินชงเหล้าให้ลูกค้าตามโต๊ะต่าง ๆ ยกเว้นโต๊ะของเธอ ก็ยังมีบางคนชอบเดินมาชงให้อยู่ได้ กลับห้องก่อนเถอะพี่เมธี เดี๋ยวเถอะ! ทำได้แค่มอง ไม่อยากให้เสียบรรยากาศแห่งความสุข อีกทั้งมีแขกมาด้วย นั่นก็คือพี่หนุ่มกับพี่แหวนนั่นเอง ไม่อยากสร้างความรำคาญให้แก่ทั้งสองคน
“สวัสดีค๊าบสมาคมนิยมเมียเด็ก ไม่ชวนผมเลยนะ เห็นว่าเมียผมแก่แล้วกะดาย” พี่ต้นเดินเข้ามาหาพวกเธอในร้านพร้อมกล่าวทักทาย คนนี้มาได้อย่างไรกัน ที่สำคัญใครชวน ไม่ได้รังเกียจ เพื่อนพี่เมธีเธอไม่ได้รังเกียจใครสักคน อย่างที่บอก ศีลไม่ค่อยเสมอกับคนนี้เท่าไหร่
ดูสิขนาดทักทาย ยังทักทายด้วยคำกวน ๆ แบบนี้ เมียเด็กแล้วไง ผิดตรงไหน พรนภาถอนหายใจ นึกในใจพร้อมส่งยิ้มยกมือไหว้ทักทายผู้มาใหม่ พี่แหวนอายุห่างกับเธอแค่ห้าปีเอง ก็เลยโดนพ่วงไปด้วยกับประโยคเมื่อสักครู่ของพี่ต้น
“มา ๆ ครับ นั่ง ๆ อย่าว่าอย่างนั้น สมาคมอะไรกัน น้องนภาชวนพี่แหวนเค้า ก็เลยออกมาเป็นเพื่อนกันนี่แหละ” พี่หนุ่มตอบ พร้อมลุกขยับเก้าอี้ให้ ส่วนพี่เมธีเรียกพีอาร์มาอีกแล้ว ขอแก้วเพิ่ม น้ำแข็งและกับแก้มเพิ่มอีก
“พอดีผ่านมาทางนี้ มองเข้ามาในร้าน เห็นเมธีแว๊บ ๆ เฮ้ย! ก็เลยวนรถกลับมา ใช่จริง ๆ ด้วย พี่ขอนั่งด้วยนะครับ” พี่ต้นพูดพร้อมมองหน้าเธอกับพี่แหวน พี่ต้นก็นั่งลงอย่างไม่เกรงใจ ถึงไม่ค่อยชอบแต่ก็ถือว่าพี่ต้นสนิทกับพี่เมธีและพี่หนุ่มพอสมควร พี่ต้นจึงไม่เกรงใจนั่นแหละ
ไม่ครบแก๊งขาดพี่เอสอีกหนึ่งคนก็ไม่เป็น พอมีเพื่อนมาเพิ่ม สามหนุ่มก็คุยกันเพลิน สนุกไปอีก ส่วนเธอกับพี่แหวนก็คุยกันสองคน ดีนะพี่ต้นไม่โทรชวนพี่เอสกับเมียตามมาอีก ไม่อย่างนั้นบรรยากาศไม่สนุกแน่ อุตส่าห์เลือกชวนแล้วเชียว ยังโผล่มาได้อีก พวกเธออยู่จนร้านปิดเที่ยงคืนก็พากันกลับ ดีที่เมธีพาเธอกลับคอนโดได้อย่างปลอดภัย