.
มีความสุขที่สุดคนเดียวในหัวใจ
แม้ความจริงจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน...
————————————————————————
รถเก๋งสัญชาติญี่ปุ่นกำลังขับมุ่งหน้าไปที่พัทยาใต้ รถคันนี้ก็อีกนั่นแหละ พรนภาเป็นคนเลือกเอง เธอชอบเขาก็ไม่ขัด เสียความเป็นตัวตนแบบเต็มใจเพราะเธอคนนี้มาก ๆ ซีวิคสีขาวตัวท็อปที่เมธีไปถอยมาหมาด ๆ หลังจากตกลงคบกัน ความสุขของพรนภามีหรือจะทำให้ไม่ได้ ผู้หญิงคนที่เขารักสุดหัวใจ
ระหว่างทางเปิดเพลงฟังไปด้วย สีหน้าของเธอมีความสุขมาก ใบหน้ายิ้มระเรื่อเปี่ยมไปด้วยความสุข เขาหันมองเธอแล้วยิ้มตาม ยกมือขึ้นมาจับศีรษะเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะตั้งใจขับรถต่อไป...
และแล้วก็ถึงวันที่เธอรอคอยสักที เมธีพาเธอไปกินหมีพ่นไฟตามคำสัญญาที่พัทยา เธอหุบยิ้มแทบจะไม่ได้ ใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่ตลอด เมธีเห็นก็อดยิ้มตามไม่ได้ ขอให้เขาเป็นแบบนี้ตลอดไป ตามใจเธอตลอดไปด้วยเถอะ สัญญาจะเป็นแฟนที่ดีทุก ๆ วันเลย “เมธีต้าวความรักของเธอ”!
วันนี้เป็นวันธรรมดาที่แสนพิเศษที่สุด ไม่จำเป็นต้องออกต่างจังหวัด แค่ไปร้านกาแฟใกล้ ๆ ก็สุขได้ กาแฟที่เธอโปรดปรานเป็นชีวิตจิตใจ เหนือสิ่งอื่นใดที่ไม่ใช่กาแฟคือ คนที่รักเอาใจใส่ เข้าใจในความเป็นตัวตนของเราเอง เขารู้ว่าเธอชอบไปคาเฟ่และชอบถ่ายรูป เขาก็ทำให้โดยไม่บ่นหรือมีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น พรนภาแอบมองและยิ้ม รู้สึกโชคดีที่สุดที่ได้รักกับเมธี ที่ได้เมธีเป็นคู่ชีวิต ใช่! เขาไม่ใช่แฟน แต่เขาจะเป็นคู่ชีวิตของเธอตลอดไป
“น้องนภาคะ จะไปหมีพ่นไฟก่อน หรือจะพาพี่ไปเทอร์มินอลก่อนคะ” เมธีหันมาถาม
“ไปหมีพ่นไฟก่อนได้มั้ยอ่ะ ช่วงบ่าย ๆ ค่อยไปเทอร์มินอล ว่าแต่พี่เมธีจะไปที่นั่นทำไมคะ” เธอถามด้วยความอยากรู้ แต่ที่รู้ ๆ เมธีพลาดมาก! หึหึ พรนภาเม้มปากอมยิ้ม เมธีเสร็จแน่ ของที่อยากได้ลอยขึ้นมาในหัวทันที แสยะยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ไม่ทันที่เมธีจะได้เห็นมัน
“โอเคค่ะ ไปคาเฟ่ก่อนก็ได้ ไปทำอะไรงั้นเหรอ เดี๋ยวหนูก็รู้ค่ะ” แล้วเขาก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดที่คาเฟ่แห่งหนึ่งที่พัทยาใต้
พอมาถึงหมีพ่นไฟ ที่นี่สาขาใหญ่อลังการงานสร้างมาก แฟรนไชส์ย่อยเล็ก ๆ ก็มี แต่มันเหมือนร้านน้ำปั่นธรรมดา ไม่มีที่ให้ถ่ายรูปหรือนั่งทาน แค่ซื้อแล้วกลับ รสชาติไม่ต้องพูดถึง หวานหอมกลมกล่อมมาก ๆ สาขาหน้าปากซอยคอนโดของเมธีเป็นแฟรนไชส์ แต่ที่นี่ไม่ใช่ มีโต๊ะให้นั่ง มีมุมให้ถ่ายภาพสวยงามมากมาย และคนก็เยอะมาก ๆ ด้วย
พรนภายิ้มอย่างตื่นเต้น เขาเห็นเธอมีความสุขก็สุขตาม แค่เรื่องเล็กน้อย ความสุขเล็ก ๆ ของเธอทำไมเขาจะทำให้ไม่ได้ แค่เห็นคนที่รักมีความสุขก็พอ เรื่องใหญ่โตกว่านี้เขาก็พร้อมจะทำให้ได้ ถ้ามันเป็นความสุขของเธอซะอย่าง
พวกเธอเลือกนั่งโต๊ะที่อยู่นอกร้าน เพราะจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติข้างนอก นั่งในร้านภายใต้หลังคามันไม่ได้บรรยากาศ นั่งข้างนอกดีกว่า แดดก็ไม่ร้อนด้วย บรรยากาศดีร่มรื่นที่สุด ถึงผู้คนจะมาใช้บริการมาก ทว่าก็อยู่โซนใครโซนมัน ไม่เสียงดังรบกวนแต่อย่างใด
“นั่งเลยค่ะ เดี๋ยวพรนภาจัดการให้เอง คุณผู้ชายเชิญนั่งนิ่ง ๆ รอเลยค่ะ ฮา” พรนภาพูดตลก ๆ ให้กับเขา พร้อมหัวเราะให้ ไม่อายใครทั้งนั้นที่มากับเมธี มีบางคนมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก ทำไมต้องแคร์ ความรักมันเป็นเรื่องเฉพาะส่วนบุคคล จะเหมือนกันไม่ได้หรอก ความรักมันไม่ได้ออกแบบมาให้เหมือนกันทุกคนนี่นา
“โอเคขอรับ ขอเอสเพรสโซ่นะขอรับคุณนายน้อย ฮา” เมธีเอาด้วย ยิ้มตายี๋ให้กับเธอ ยิ่งตาชั้นเดียวอยู่ด้วย ยิ้มทีไม่เห็นอะไรเลย แล้วพรนภาก็เดินไปสั่งพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ ส่วนตนเองสั่งลาเต้เย็น สั่งเสร็จเรียบร้อยก็กลับมานั่งรอที่โต๊ะ
ระหว่างรอกาแฟพรนภาก็ได้ไปหลายรูปทีเดียว โดยมีเมธีเป็นตากล้องส่วนตัว ถ่ายรูปในโทรศัพท์บ้าง กล้องจริงบ้าง ส่วนมากแล้วทุกที่จะมีเพียงรูปเธอเป็นส่วนใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่ในโทรศัพท์ส่วนตัวของเมธี ปกติโทรศัพท์ของเขามีแค่กล้องที่ติดมากับเครื่อง พอมีเธอเข้ามาในชีวิต กล้องอะไรที่ว่าสวยโทรศัพท์เขามีทุกกล้องเลยทีเดียว
ข้าง ๆ โต๊ะที่พวกเธอนั่งจะมีรังนกอยู่ ไว้นั่งถ่ายรูป พรนภามองด้วยความอยากไปนั่งถ่ายรูปตรงนั้นมาก ทว่าต้องรอคิว คนที่กำลังถ่ายรูปอยู่ก็ชักช้าเหลือเกิน คิดว่ามาคนสองคนหรืออย่างไร คนอื่นเขารอคิวถ่ายรูปอยู่ไม่คิดบ้าง พรนภามองด้วยสายตาไม่ชอบใจนัก
“กาแฟมาแล้วค่า” พนักงานถือกาแฟกับขนมเค้กมาเสิร์ฟให้เธอกับเมธีที่โต๊ะ
“ขอบคุณครับ” เมธีผงกหัวขอบคุณพนักงาน สุดท้ายก็ไม่ได้ไปถ่ายรูปที่รังนก เพราะสองผัวเมียนั้นช้าเหลือเกิน “กินก่อนก็ได้ค่ะ แล้วค่อยไปถ่ายรูปก็ได้ มีที่ให้ถ่ายรูปตั้งเยอะแยะ”
“ก็นภาอยากถ่ายรูปตอนนี้น้อ พี่เมธี!”
“คะ “ เขาเบิกตาเป็นเชิงคำถามที่เธอเรียกเมื่อครู่
“ถ่ายรูปให้นภาหน่อย ลาเต้มาแล้ว” พรนภาฉีกยิ้มพูดเสียงยาวพร้อมหยิบหมวกมาใส่ ใช้กล้องคุมโทนสีเทาที่กำลังฮิตกันในตอนนี้ เก๊กท่าให้เมธีกดชัตเตอร์กล้องโทรศัพท์รัว ๆ ถ่ายรูปให้เธอ เมธีทำให้โดยไม่บ่นสักคำ
“ใช้ได้มั้ยคะ ดูก่อน” เมธียื่นโทรศัพท์ให้เธอดู
“ไหนดูซิ ได้! ขอบคุณค่า” หยิบโทรศัพท์จากเมธีมาดูรูป และพอใจในฝีมือการถ่ายรูปของเขามาก “พี่เมธีทำหน้าตาหล่อ ๆ ซินภาถ่ายรูปให้”
“ไม่เอาค่ะ พี่ไม่ชอบถ่ายรูป” ถูกเมธีปฏิเสธแบบไม่มีเยื่อใยสักนิดเลย ไม่เป็นไรไม่ชอบถ่ายรูปแบบตั้งใจก็ไม่เป็นไร เธอแอบถ่ายเองก็ได้ อย่าเผลอก็แล้วกัน และเธอกับเขาก็นั่งจิบกาแฟคุยกันไปเรื่อยเปื่อย วันนี้ไม่ค่ำมืดไม่กลับห้อง ชดเชยหลายวันที่ผ่านมาไม่ได้ไปไหนเลย
“เอาไว้พี่ว่างแล้วเราไปกางเต็นท์กัน ดีมั้ยคะ”
พรนภาปรายตามอง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งทีเมธีพูดสักเท่าไหร่ รอบที่แล้วโดนหลอกไปครั้ง จากเหนือไปอีสานแทน “เชื่อพี่เมธีได้มั้ยเนี่ย”
เมธีหัวเราะลั่นด้วยความชอบใจ แววตานี้สีหน้าแบบนี้ทำไมจะไม่รู้ว่าพรนภาคิดเช่นไร “พี่พูดจริงค่ะ เราไปกางเต็นท์กัน ชวนเพื่อน ๆ ไปด้วยกันเพื่อนพี่ก็จะไปกับครอบครัวมันด้วย”
“พี่เมธีแน่ใจแล้วเหรอ ที่จะเปิดเผยนภากับเพื่อนอ่ะ เค้าจะไม่พูดให้พี่เมธีเหรอ” พรนภาพูดด้วยแววตาฉายความกังวลและไม่มั่นใจ ถึงความรักจะเป็นเรื่องของคนสองคน ทว่าเธอก็รู้สึกที่อธิบายไม่ถูก เธอกับเมธีห่างกันตั้งหนึ่งรอบได้ ทำให้เธอไม่มั่นใจที่จะเจอเพื่อนของเขาเลย ส่วนเพื่อน ๆ ของเธอไม่มีปัญหา เมธีเจอมาหลายครั้งหลายคราวแล้ว
“ทำไมละคะ เฮ้ย! ไม่เป็นไร เพื่อน ๆ พี่รู้ พวกมันเข้าใจ พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ พี่รักน้องนภาทำไมพี่ต้องแคร์คนอื่นด้วยล่ะ จริงมั้ย” เมธีจ้องมองเธอด้วยสายตามุ่งมั่น และยิ้มให้กับเธอ
“น้องนภาบอกพี่เองไม่ใช่เหรอคะ จะไปแคร์คนอื่นทำไม มันเป็นเรื่องของเราสองคน “ เมธียื่นมือมากุมมือเธอไว้บนโต๊ะ และจ้องมองเธอด้วยแววตาที่จริงใจและมุ่งมั่น
“โอเคค่ะ ไปก็ไป” พรนภาตอบ ก็จริงที่เมธีพูด ก็ในเมื่อพวกเธอรักกันจะไปแคร์คนอื่นทำไม อีกอย่างพวกเธอก็ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย
“อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้ทำผิดอะไรด้วย พี่จะกลัวทำไมคะ พี่แยกทางกับแม่ของลูกจนลูกโตเป็นหนุ่มแล้ว พี่ถึงมีรักใหม่ ก็คือน้องนภาไงคะ”
พรนภายิ้มเกือบจะร้องไห้ “ค่ะ นภาก็รักพี่เมธีมากนะคะ นภามีความสุขทุกวันเลยที่ได้อยู่กับพี่เมธี”
ทั้งสองคนทานกาแฟกันต่อ พอกาแฟหมดก็เริ่มเดินหาถ่ายรูปตามมุมนั้นมุมนี่ที่ทางร้านจัดเตรียมไว้ให้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นตากล้องให้พรนภาอย่างเดียว น้อยมากที่เขาจะถ่ายรูปตัวเอง
“พี่เมธี!”
“คะ” แชะ! เธอเรียกเมธีให้หันหน้ามาและรีบกดชัตเตอร์ทันที “เฮ้ยแอบถ่ายพี่ทำไมเนี่ย”
“ไม่ได้แอบ ถ้านภาแอบนภาจะเรียกพี่เมธีทำไม ฮา หล่อออกดูดิ!” พรนภายื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้เขาดู เมธียิ้มแบบเขิน ๆ “พี่เมธีไปยืนตรงนี้เดี๋ยวนภาถ่ายรูปให้ เร็ว ๆ ยืนตรงนี้”
“ตรงไหน!”
“ตรงนี้ค่า เอาละนะ 123...” พวกเธอสองคนเดินหาถ่ายรูปกันนานสองนาน ก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางไปห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอลกันต่อ
บ่ายโมงพอดีที่พวกเธอออกมาจากร้านกาแฟหมีพ่นไฟ ขับรถมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าที่ว่า ระหว่างทางเมธีก็ไม่ได้ชวนคุยอะไร เมธีจะไปทำอะไรที่นั่นนะ นัดคุยธุระเรื่องงานเหรอ ไม่น่าจะใช่ พาเธอไปเดินห้างเหรอ เฮ้ย! ปลื้มที่สุดอ่ะ พรนภารักพี่เมธีขามาก ๆ เลย เธอพูดคนเดียวในใจและก็อมยิ้มอยู่คนเดียว
ไม่ช้ารถก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานจอดรถชั้นสามของห้าง พรนภาตื่นเต้นมาก ๆ แต่เก็บอาการเอาไว้ เคยได้ยินอรวีผู้จัดการเล่าให้ฟัง วันนี้ได้มาสัมผัสเองแล้ว ห้างมันใหญ่มาก ในใจดันนึกไปถึงโศกนาฏกรรมที่นครราชสีมา เฮ้อ! ช่างมันเถอะ
เมธีพาเธอเดินเข้าไปในห้าง เดินดูอะไรไปเรื่อย ก็ไม่มีท่าทีว่าจะซื้ออะไร “หนูอยากซื้ออะไรมั้ยคะ”
“ไม่ค่ะ พี่เมธีมาทำอะไรเหรอ อย่าบอกว่าแค่อยากมาเดินเฉย ๆ นะ”
“เปล่าค่ะ งั้นถ้าหนูไม่อยากซื้ออะไร เราก็ไปหาของที่พี่จะซื้อกัน”
“โอเค” เธอตอบ แล้วเมธีก็จูงมือเธอเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้นที่ต้องการจะซื้อของ พอมาถึงชั้นที่ต้องการ พรนภาต้องตลึงกับสิ่งที่พบเห็นมาก ต้องเก็บอาการความสงสัยเอาไว้ เมธีพาเธอมาชั้นจิวเวลรี่ทำไม
เมธียิ้มอย่างกับอ่านความในใจเธอได้อย่างนั้น “เราเข้าไปดูกันค่ะ” พรนภาเดินตามอย่างว่าง่าย พนักงานให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
เขาพาเธอเดินมาหยุดยืนตรงตู้กระจกร้านจิวเวลรี่ร้านหนึ่ง สร้อย กำไรแขน และแหวนในตู้สวยงามมาก พรนภาพูดอะไรไม่ออก ไม่กล้าพูดอะไรด้วยซ้ำ เขาพาเธอมาหยุดตรงตู้แหวนเพชร พร้อมยิ้มให้กับเธอ
“หนูชอบวงไหนคะ เลือกเลย “ เมธีพูด พนักงานยิ้มให้กับพวกเธอสองคน แต่ในใจไม่อาจรับรู้ได้ว่าพวกเขาเหล่านั้นคิดอะไรอยู่ จะคิดในแง่ดีหรือแง่ร้าย แหวนแต่ละวงราคาสูง ๆ ทั้งนั้นเลย
เธอมองหน้าเขาได้แค่ยิ้มพูดอะไรไม่ออก “พี่ซื้อให้หนูค่ะ เลือกสวมเลย แฟนผมครับ!” เมธีหันไปตอบพนักงานที่มองเป็นสายตาเดียวกัน พอได้ยินแบบนั้นพวกหล่อนก็พากันยิ้ม พูดคุยให้การต้อนรับดีมาก ๆ
“เลือกแหวนแต่งงานเหรอคะ ต้องชุดนี้เลยค่ะ” พนักงานนำเสนอขาย เมธียิ้มส่วนเธอได้ยินเช่นนั้นยิ่งเขินไปกันใหญ่
“แต่มันแพงมากเลยนะคะพี่เมธี ทองดีกว่ามั้ย” พรนภาขยับเข้ามายืนใกล้ ๆ เขา แทบจะสิงร่างก็ว่าได้แอบพูดเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่พนักงาน เกรงว่าพวกเขาจะได้ยิน
เมธียิ้มเกือบจะหัวเราะออกมา ยกมือขึ้นจับศีรษะของเธอ “พี่อยากซื้อให้ค่ะ น้องนภาเลือกเลยอยากได้วงไหน” แหวนเพชรอยู่ในถาดพร้อมลองสวมเสร็จสรรพ พนักงานเตรียมรอไว้หมดแล้ว
พรนภาเลือกไม่ถูกเลยจะเอาวงไหน เพราะมันสวยทุกอัน เธอแทบลืมสิ่งของที่ว่าจะซื้อทั้งหมดในวันนี้ไปเลย เพราะอึ้งกับสิ่งที่เมธีทำให้เธอ มันดีใจจนอยากจะร้องไห้อีกแล้ว สิ่งนี้เองเหรอที่เมธีชวนเธอมาที่นี่ ทำไมเธอถึงคาดไม่ถึงกันนะ
กว่าจะตัดสินใจได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร สุดท้ายก็เลือกได้สักที “เอาวงนี้ค่ะ สวยมั้ย” พรนภาชูให้เมธีดู
“นภาสวยพี่ก็สวยค่ะ เอาวงนี้ครับ” เมธียื่นให้พนักงานนำไปเก็บใส่กล่อง จ่ายเงินเรียบร้อยรับของและก็เดินไปดูอย่างอื่นต่อ
ฝันหวาน (sweet dream)12
.
มีความสุขที่สุดคนเดียวในหัวใจ
แม้ความจริงจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน...
————————————————————————
รถเก๋งสัญชาติญี่ปุ่นกำลังขับมุ่งหน้าไปที่พัทยาใต้ รถคันนี้ก็อีกนั่นแหละ พรนภาเป็นคนเลือกเอง เธอชอบเขาก็ไม่ขัด เสียความเป็นตัวตนแบบเต็มใจเพราะเธอคนนี้มาก ๆ ซีวิคสีขาวตัวท็อปที่เมธีไปถอยมาหมาด ๆ หลังจากตกลงคบกัน ความสุขของพรนภามีหรือจะทำให้ไม่ได้ ผู้หญิงคนที่เขารักสุดหัวใจ
ระหว่างทางเปิดเพลงฟังไปด้วย สีหน้าของเธอมีความสุขมาก ใบหน้ายิ้มระเรื่อเปี่ยมไปด้วยความสุข เขาหันมองเธอแล้วยิ้มตาม ยกมือขึ้นมาจับศีรษะเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะตั้งใจขับรถต่อไป...
และแล้วก็ถึงวันที่เธอรอคอยสักที เมธีพาเธอไปกินหมีพ่นไฟตามคำสัญญาที่พัทยา เธอหุบยิ้มแทบจะไม่ได้ ใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่ตลอด เมธีเห็นก็อดยิ้มตามไม่ได้ ขอให้เขาเป็นแบบนี้ตลอดไป ตามใจเธอตลอดไปด้วยเถอะ สัญญาจะเป็นแฟนที่ดีทุก ๆ วันเลย “เมธีต้าวความรักของเธอ”!
วันนี้เป็นวันธรรมดาที่แสนพิเศษที่สุด ไม่จำเป็นต้องออกต่างจังหวัด แค่ไปร้านกาแฟใกล้ ๆ ก็สุขได้ กาแฟที่เธอโปรดปรานเป็นชีวิตจิตใจ เหนือสิ่งอื่นใดที่ไม่ใช่กาแฟคือ คนที่รักเอาใจใส่ เข้าใจในความเป็นตัวตนของเราเอง เขารู้ว่าเธอชอบไปคาเฟ่และชอบถ่ายรูป เขาก็ทำให้โดยไม่บ่นหรือมีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น พรนภาแอบมองและยิ้ม รู้สึกโชคดีที่สุดที่ได้รักกับเมธี ที่ได้เมธีเป็นคู่ชีวิต ใช่! เขาไม่ใช่แฟน แต่เขาจะเป็นคู่ชีวิตของเธอตลอดไป
“น้องนภาคะ จะไปหมีพ่นไฟก่อน หรือจะพาพี่ไปเทอร์มินอลก่อนคะ” เมธีหันมาถาม
“ไปหมีพ่นไฟก่อนได้มั้ยอ่ะ ช่วงบ่าย ๆ ค่อยไปเทอร์มินอล ว่าแต่พี่เมธีจะไปที่นั่นทำไมคะ” เธอถามด้วยความอยากรู้ แต่ที่รู้ ๆ เมธีพลาดมาก! หึหึ พรนภาเม้มปากอมยิ้ม เมธีเสร็จแน่ ของที่อยากได้ลอยขึ้นมาในหัวทันที แสยะยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ไม่ทันที่เมธีจะได้เห็นมัน
“โอเคค่ะ ไปคาเฟ่ก่อนก็ได้ ไปทำอะไรงั้นเหรอ เดี๋ยวหนูก็รู้ค่ะ” แล้วเขาก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดที่คาเฟ่แห่งหนึ่งที่พัทยาใต้
พอมาถึงหมีพ่นไฟ ที่นี่สาขาใหญ่อลังการงานสร้างมาก แฟรนไชส์ย่อยเล็ก ๆ ก็มี แต่มันเหมือนร้านน้ำปั่นธรรมดา ไม่มีที่ให้ถ่ายรูปหรือนั่งทาน แค่ซื้อแล้วกลับ รสชาติไม่ต้องพูดถึง หวานหอมกลมกล่อมมาก ๆ สาขาหน้าปากซอยคอนโดของเมธีเป็นแฟรนไชส์ แต่ที่นี่ไม่ใช่ มีโต๊ะให้นั่ง มีมุมให้ถ่ายภาพสวยงามมากมาย และคนก็เยอะมาก ๆ ด้วย
พรนภายิ้มอย่างตื่นเต้น เขาเห็นเธอมีความสุขก็สุขตาม แค่เรื่องเล็กน้อย ความสุขเล็ก ๆ ของเธอทำไมเขาจะทำให้ไม่ได้ แค่เห็นคนที่รักมีความสุขก็พอ เรื่องใหญ่โตกว่านี้เขาก็พร้อมจะทำให้ได้ ถ้ามันเป็นความสุขของเธอซะอย่าง
พวกเธอเลือกนั่งโต๊ะที่อยู่นอกร้าน เพราะจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติข้างนอก นั่งในร้านภายใต้หลังคามันไม่ได้บรรยากาศ นั่งข้างนอกดีกว่า แดดก็ไม่ร้อนด้วย บรรยากาศดีร่มรื่นที่สุด ถึงผู้คนจะมาใช้บริการมาก ทว่าก็อยู่โซนใครโซนมัน ไม่เสียงดังรบกวนแต่อย่างใด
“นั่งเลยค่ะ เดี๋ยวพรนภาจัดการให้เอง คุณผู้ชายเชิญนั่งนิ่ง ๆ รอเลยค่ะ ฮา” พรนภาพูดตลก ๆ ให้กับเขา พร้อมหัวเราะให้ ไม่อายใครทั้งนั้นที่มากับเมธี มีบางคนมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก ทำไมต้องแคร์ ความรักมันเป็นเรื่องเฉพาะส่วนบุคคล จะเหมือนกันไม่ได้หรอก ความรักมันไม่ได้ออกแบบมาให้เหมือนกันทุกคนนี่นา
“โอเคขอรับ ขอเอสเพรสโซ่นะขอรับคุณนายน้อย ฮา” เมธีเอาด้วย ยิ้มตายี๋ให้กับเธอ ยิ่งตาชั้นเดียวอยู่ด้วย ยิ้มทีไม่เห็นอะไรเลย แล้วพรนภาก็เดินไปสั่งพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ ส่วนตนเองสั่งลาเต้เย็น สั่งเสร็จเรียบร้อยก็กลับมานั่งรอที่โต๊ะ
ระหว่างรอกาแฟพรนภาก็ได้ไปหลายรูปทีเดียว โดยมีเมธีเป็นตากล้องส่วนตัว ถ่ายรูปในโทรศัพท์บ้าง กล้องจริงบ้าง ส่วนมากแล้วทุกที่จะมีเพียงรูปเธอเป็นส่วนใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่ในโทรศัพท์ส่วนตัวของเมธี ปกติโทรศัพท์ของเขามีแค่กล้องที่ติดมากับเครื่อง พอมีเธอเข้ามาในชีวิต กล้องอะไรที่ว่าสวยโทรศัพท์เขามีทุกกล้องเลยทีเดียว
ข้าง ๆ โต๊ะที่พวกเธอนั่งจะมีรังนกอยู่ ไว้นั่งถ่ายรูป พรนภามองด้วยความอยากไปนั่งถ่ายรูปตรงนั้นมาก ทว่าต้องรอคิว คนที่กำลังถ่ายรูปอยู่ก็ชักช้าเหลือเกิน คิดว่ามาคนสองคนหรืออย่างไร คนอื่นเขารอคิวถ่ายรูปอยู่ไม่คิดบ้าง พรนภามองด้วยสายตาไม่ชอบใจนัก
“กาแฟมาแล้วค่า” พนักงานถือกาแฟกับขนมเค้กมาเสิร์ฟให้เธอกับเมธีที่โต๊ะ
“ขอบคุณครับ” เมธีผงกหัวขอบคุณพนักงาน สุดท้ายก็ไม่ได้ไปถ่ายรูปที่รังนก เพราะสองผัวเมียนั้นช้าเหลือเกิน “กินก่อนก็ได้ค่ะ แล้วค่อยไปถ่ายรูปก็ได้ มีที่ให้ถ่ายรูปตั้งเยอะแยะ”
“ก็นภาอยากถ่ายรูปตอนนี้น้อ พี่เมธี!”
“คะ “ เขาเบิกตาเป็นเชิงคำถามที่เธอเรียกเมื่อครู่
“ถ่ายรูปให้นภาหน่อย ลาเต้มาแล้ว” พรนภาฉีกยิ้มพูดเสียงยาวพร้อมหยิบหมวกมาใส่ ใช้กล้องคุมโทนสีเทาที่กำลังฮิตกันในตอนนี้ เก๊กท่าให้เมธีกดชัตเตอร์กล้องโทรศัพท์รัว ๆ ถ่ายรูปให้เธอ เมธีทำให้โดยไม่บ่นสักคำ
“ใช้ได้มั้ยคะ ดูก่อน” เมธียื่นโทรศัพท์ให้เธอดู
“ไหนดูซิ ได้! ขอบคุณค่า” หยิบโทรศัพท์จากเมธีมาดูรูป และพอใจในฝีมือการถ่ายรูปของเขามาก “พี่เมธีทำหน้าตาหล่อ ๆ ซินภาถ่ายรูปให้”
“ไม่เอาค่ะ พี่ไม่ชอบถ่ายรูป” ถูกเมธีปฏิเสธแบบไม่มีเยื่อใยสักนิดเลย ไม่เป็นไรไม่ชอบถ่ายรูปแบบตั้งใจก็ไม่เป็นไร เธอแอบถ่ายเองก็ได้ อย่าเผลอก็แล้วกัน และเธอกับเขาก็นั่งจิบกาแฟคุยกันไปเรื่อยเปื่อย วันนี้ไม่ค่ำมืดไม่กลับห้อง ชดเชยหลายวันที่ผ่านมาไม่ได้ไปไหนเลย
“เอาไว้พี่ว่างแล้วเราไปกางเต็นท์กัน ดีมั้ยคะ”
พรนภาปรายตามอง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งทีเมธีพูดสักเท่าไหร่ รอบที่แล้วโดนหลอกไปครั้ง จากเหนือไปอีสานแทน “เชื่อพี่เมธีได้มั้ยเนี่ย”
เมธีหัวเราะลั่นด้วยความชอบใจ แววตานี้สีหน้าแบบนี้ทำไมจะไม่รู้ว่าพรนภาคิดเช่นไร “พี่พูดจริงค่ะ เราไปกางเต็นท์กัน ชวนเพื่อน ๆ ไปด้วยกันเพื่อนพี่ก็จะไปกับครอบครัวมันด้วย”
“พี่เมธีแน่ใจแล้วเหรอ ที่จะเปิดเผยนภากับเพื่อนอ่ะ เค้าจะไม่พูดให้พี่เมธีเหรอ” พรนภาพูดด้วยแววตาฉายความกังวลและไม่มั่นใจ ถึงความรักจะเป็นเรื่องของคนสองคน ทว่าเธอก็รู้สึกที่อธิบายไม่ถูก เธอกับเมธีห่างกันตั้งหนึ่งรอบได้ ทำให้เธอไม่มั่นใจที่จะเจอเพื่อนของเขาเลย ส่วนเพื่อน ๆ ของเธอไม่มีปัญหา เมธีเจอมาหลายครั้งหลายคราวแล้ว
“ทำไมละคะ เฮ้ย! ไม่เป็นไร เพื่อน ๆ พี่รู้ พวกมันเข้าใจ พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ พี่รักน้องนภาทำไมพี่ต้องแคร์คนอื่นด้วยล่ะ จริงมั้ย” เมธีจ้องมองเธอด้วยสายตามุ่งมั่น และยิ้มให้กับเธอ
“น้องนภาบอกพี่เองไม่ใช่เหรอคะ จะไปแคร์คนอื่นทำไม มันเป็นเรื่องของเราสองคน “ เมธียื่นมือมากุมมือเธอไว้บนโต๊ะ และจ้องมองเธอด้วยแววตาที่จริงใจและมุ่งมั่น
“โอเคค่ะ ไปก็ไป” พรนภาตอบ ก็จริงที่เมธีพูด ก็ในเมื่อพวกเธอรักกันจะไปแคร์คนอื่นทำไม อีกอย่างพวกเธอก็ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย
“อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้ทำผิดอะไรด้วย พี่จะกลัวทำไมคะ พี่แยกทางกับแม่ของลูกจนลูกโตเป็นหนุ่มแล้ว พี่ถึงมีรักใหม่ ก็คือน้องนภาไงคะ”
พรนภายิ้มเกือบจะร้องไห้ “ค่ะ นภาก็รักพี่เมธีมากนะคะ นภามีความสุขทุกวันเลยที่ได้อยู่กับพี่เมธี”
ทั้งสองคนทานกาแฟกันต่อ พอกาแฟหมดก็เริ่มเดินหาถ่ายรูปตามมุมนั้นมุมนี่ที่ทางร้านจัดเตรียมไว้ให้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นตากล้องให้พรนภาอย่างเดียว น้อยมากที่เขาจะถ่ายรูปตัวเอง
“พี่เมธี!”
“คะ” แชะ! เธอเรียกเมธีให้หันหน้ามาและรีบกดชัตเตอร์ทันที “เฮ้ยแอบถ่ายพี่ทำไมเนี่ย”
“ไม่ได้แอบ ถ้านภาแอบนภาจะเรียกพี่เมธีทำไม ฮา หล่อออกดูดิ!” พรนภายื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้เขาดู เมธียิ้มแบบเขิน ๆ “พี่เมธีไปยืนตรงนี้เดี๋ยวนภาถ่ายรูปให้ เร็ว ๆ ยืนตรงนี้”
“ตรงไหน!”
“ตรงนี้ค่า เอาละนะ 123...” พวกเธอสองคนเดินหาถ่ายรูปกันนานสองนาน ก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางไปห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอลกันต่อ
บ่ายโมงพอดีที่พวกเธอออกมาจากร้านกาแฟหมีพ่นไฟ ขับรถมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าที่ว่า ระหว่างทางเมธีก็ไม่ได้ชวนคุยอะไร เมธีจะไปทำอะไรที่นั่นนะ นัดคุยธุระเรื่องงานเหรอ ไม่น่าจะใช่ พาเธอไปเดินห้างเหรอ เฮ้ย! ปลื้มที่สุดอ่ะ พรนภารักพี่เมธีขามาก ๆ เลย เธอพูดคนเดียวในใจและก็อมยิ้มอยู่คนเดียว
ไม่ช้ารถก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานจอดรถชั้นสามของห้าง พรนภาตื่นเต้นมาก ๆ แต่เก็บอาการเอาไว้ เคยได้ยินอรวีผู้จัดการเล่าให้ฟัง วันนี้ได้มาสัมผัสเองแล้ว ห้างมันใหญ่มาก ในใจดันนึกไปถึงโศกนาฏกรรมที่นครราชสีมา เฮ้อ! ช่างมันเถอะ
เมธีพาเธอเดินเข้าไปในห้าง เดินดูอะไรไปเรื่อย ก็ไม่มีท่าทีว่าจะซื้ออะไร “หนูอยากซื้ออะไรมั้ยคะ”
“ไม่ค่ะ พี่เมธีมาทำอะไรเหรอ อย่าบอกว่าแค่อยากมาเดินเฉย ๆ นะ”
“เปล่าค่ะ งั้นถ้าหนูไม่อยากซื้ออะไร เราก็ไปหาของที่พี่จะซื้อกัน”
“โอเค” เธอตอบ แล้วเมธีก็จูงมือเธอเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้นที่ต้องการจะซื้อของ พอมาถึงชั้นที่ต้องการ พรนภาต้องตลึงกับสิ่งที่พบเห็นมาก ต้องเก็บอาการความสงสัยเอาไว้ เมธีพาเธอมาชั้นจิวเวลรี่ทำไม
เมธียิ้มอย่างกับอ่านความในใจเธอได้อย่างนั้น “เราเข้าไปดูกันค่ะ” พรนภาเดินตามอย่างว่าง่าย พนักงานให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
เขาพาเธอเดินมาหยุดยืนตรงตู้กระจกร้านจิวเวลรี่ร้านหนึ่ง สร้อย กำไรแขน และแหวนในตู้สวยงามมาก พรนภาพูดอะไรไม่ออก ไม่กล้าพูดอะไรด้วยซ้ำ เขาพาเธอมาหยุดตรงตู้แหวนเพชร พร้อมยิ้มให้กับเธอ
“หนูชอบวงไหนคะ เลือกเลย “ เมธีพูด พนักงานยิ้มให้กับพวกเธอสองคน แต่ในใจไม่อาจรับรู้ได้ว่าพวกเขาเหล่านั้นคิดอะไรอยู่ จะคิดในแง่ดีหรือแง่ร้าย แหวนแต่ละวงราคาสูง ๆ ทั้งนั้นเลย
เธอมองหน้าเขาได้แค่ยิ้มพูดอะไรไม่ออก “พี่ซื้อให้หนูค่ะ เลือกสวมเลย แฟนผมครับ!” เมธีหันไปตอบพนักงานที่มองเป็นสายตาเดียวกัน พอได้ยินแบบนั้นพวกหล่อนก็พากันยิ้ม พูดคุยให้การต้อนรับดีมาก ๆ
“เลือกแหวนแต่งงานเหรอคะ ต้องชุดนี้เลยค่ะ” พนักงานนำเสนอขาย เมธียิ้มส่วนเธอได้ยินเช่นนั้นยิ่งเขินไปกันใหญ่
“แต่มันแพงมากเลยนะคะพี่เมธี ทองดีกว่ามั้ย” พรนภาขยับเข้ามายืนใกล้ ๆ เขา แทบจะสิงร่างก็ว่าได้แอบพูดเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่พนักงาน เกรงว่าพวกเขาจะได้ยิน
เมธียิ้มเกือบจะหัวเราะออกมา ยกมือขึ้นจับศีรษะของเธอ “พี่อยากซื้อให้ค่ะ น้องนภาเลือกเลยอยากได้วงไหน” แหวนเพชรอยู่ในถาดพร้อมลองสวมเสร็จสรรพ พนักงานเตรียมรอไว้หมดแล้ว
พรนภาเลือกไม่ถูกเลยจะเอาวงไหน เพราะมันสวยทุกอัน เธอแทบลืมสิ่งของที่ว่าจะซื้อทั้งหมดในวันนี้ไปเลย เพราะอึ้งกับสิ่งที่เมธีทำให้เธอ มันดีใจจนอยากจะร้องไห้อีกแล้ว สิ่งนี้เองเหรอที่เมธีชวนเธอมาที่นี่ ทำไมเธอถึงคาดไม่ถึงกันนะ
กว่าจะตัดสินใจได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร สุดท้ายก็เลือกได้สักที “เอาวงนี้ค่ะ สวยมั้ย” พรนภาชูให้เมธีดู
“นภาสวยพี่ก็สวยค่ะ เอาวงนี้ครับ” เมธียื่นให้พนักงานนำไปเก็บใส่กล่อง จ่ายเงินเรียบร้อยรับของและก็เดินไปดูอย่างอื่นต่อ