.
หลังเลิกงานพรนภาชวนเมธีไปร้านนมปั่นที่ว่า เธออยากกินมาก ๆ อีกอย่างอยากไปเก็บภาพถ่ายรูปบรรยากาศเหมือนอรวีด้วย ผู้จัดการของเธอไปดูลาดเลามาแล้ว สถานที่สวย มุมถ่ายรูปก็สวยใช้ได้ เหมาะกับสายนักรีวิวฟรีอย่างพวกเธอมาก ๆ ฮา นึกแล้วก็ขำกันเอง
“เร็ว ๆ พี่เมธีอ่ะ ฮ่วย ใส่ชุดไหนก็ใส่ค่ะ เดี๋ยวดึก กว่าจะไปถึง” พรนภายืนเร่ง รบเร้าให้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว ๆ ทั้งที่เลิกงานกลับมาถึงห้องก่อนแท้ ๆ ยังไม่เรียบร้อยอีก ส่วนตนเองมาถึงก็เปลี่ยนชุดทำงานออกทันที สวมชุดที่คิดว่าสวยที่สุดอย่างรวดเร็ว เรื่องอาบน้ำกลับมาค่อยว่ากันทีหลัง
“เสร็จแล้วค่า ปะ กุญแจรถอยู่ไหน กระเป๋าสตังค์ โทรศัพท์ กล้องเตรียมพร้อมยัง” พรนภาเม้มปากอมยิ้ม รู้สึกเหมือนโดนประชดอย่างไรไม่รู้
“เตรียมพร้อมเสร็จหมดแล้ว ไปกันค่ะ” เดินตัวปลิวออกจากห้อง ยืนหน้าประตูด้านนอก เมธีเดินตามมาติด ๆ ยิ้มที่มุมปากนิดหน่อยให้กับท่าทางของเธอ
“หืย ยิ้มหน้าบานเลยนะคะ ได้ออกข้างนอกอ่ะ” พูดพร้อมปิดประตูล็อกห้อง พรนภาไม่พูดอะไรเดินฉีกยิ้มนำเขาไปที่ลิฟต์ทันที
พวกเธอสองคนกำลังเดินทางมาแถว ๆ อ่าวอุดมกัน แถวหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา ณ ตอนนี้มีผู้คนมากมายสัญจรไปมา ทั้งพวกนักศึกษาและคนวัยทำงานปะปนกันไป
“พี่เมธีคงชอบ แถวนี้มีแต่นักศึกษา สวย ๆ ใส ๆ กันทั้งนั้น ฮึ! ” พูดขึ้นมาเอง งอนเองด้วย มองเขาด้วยหางตา
“เอ๋า อยู่ ๆ ก็หาเรื่องกันซะงั้น พี่บอกแล้วไงคะ พี่มีหนูแล้วพี่ก็ไม่ต้องการใครอีก อือ ว่าแต่ร้านที่ว่าชื่อร้านอะไรนะคะอยู่แถวไหนเอ่ย” เมธีขับรถไปพลางพูดคุยกับเธอไปด้วย ขับรถออกมาแป๊บเดียวก็ถึงอ่าวที่ว่าแล้ว
“เดี๋ยวนะคะ พี่ออร์ดี้บอกว่าชื่อร้าน บันนี่เชคเฮาท์ เดี๋ยวนภาเปิดจีพีเอสแป๊บ” หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจิ้มหาแผนที่ แป๊บเดียวสถานที่ในจีพีเอสก็ปรากฏโชว์บนหน้าจอ พาพวกเธอขับรถไปตามเส้นทาง ไม่กี่นาทีก็มาถึงร้าน
หนึ่งทุ่มเวลานี้มีลูกค้ามาใช้บริการเยอะมาก ประเมินคร่าว ๆ ด้วยสายตา จะเป็นพวกนักศึกษาเสียส่วนใหญ่ มาเป็นคู่มากกว่ามาเป็นกลุ่มเพื่อน เป็นร้านเล็ก ๆ ทว่ามีมุมให้ถ่ายรูปหลายมุม และที่สำคัญมีแต่มุมสวย ๆ ทั้งนั้น
พวกเธอสองคนเดินเข้ามาในร้าน เก้ ๆ กัง ๆ นิดหน่อยเพราะมาเป็นครั้งแรก พูดถึงทุก ๆ ร้านกาแฟที่ไปก็ล้วนเป็นการไปครั้งแรกหมด เธอชอบไปชิมกาแฟร้านใหม่ ๆ หากถูกใจและชอบจริง ๆ เธอถึงจะชวนเมธีกลับไปอีกรอบที่สอง
เวลานี้หากจะทานกาแฟกันคงไม่เหมาะสม จึงเลือกทานนมปั่นดีกว่า “พี่เมธีจะทานอะไรคะ” พรนภาหันไปถามคนข้าง ๆ เมธียืนอ่านเมนูที่หน้าเคาน์เตอร์ พนักงานสองคนรอจดออเดอร์ “นภาเอาชาไทยปั่นวิปปิ้งครีม เค้กอันนี้ค่ะ และก็อันนี้ด้วย พี่เมธีอ่ะ” เธอชี้เมนูให้พนักงานจดรายการไว้ พร้อมเงยหน้าหันไปถามเมธีจะทานอะไรดี
“พี่เอาเหมือนนภาแล้วกันค่ะ ไม่รู้จะทานไรดี” พรนภายิ้ม นึกในใจว่าแล้วเชียว ทานไม่เป็นน่ะสิ วัน ๆ ทานแต่เบียร์กับกาแฟ “เออเป็นร้านเหล้าว่าไปอย่าง จะได้บอกเมนูปั่นได้ใช่มั้ยคะ ร้านยาดองไรงี้”
พรนภาหย่นจมูกถอนหายใจ “ฝันไปเถอะจะพาไป” พูดออกมาเบา ๆ “งั้นเพิ่มเป็นชาไทยปั่นวิปปิ้งเพิ่มอีกแก้วค่ะ แก้วนึงหวานน้อย ส่วนแก้วนี้หวานปกตินะคะ ขนมแค่นั้นพอค่ะ” เธอบอกกับพนักงาน ไม่เน้นกินเน้นมาถ่ายรูปมากกว่า พูดแล้วก็เดินหาโต๊ะนั่ง เธอเลือกมุมติดหน้าต่างในร้านดีกว่า ไม่อยากออกไปนั่งข้างนอก
“พี่เมธีเชิญนั่งค่ะ อยู่เฉย ๆ เดี๋ยวนภาบริการเอง”
“ค่ะ” ยิ้มให้แฟนสาวแสนน่ารัก มาทานแบบนี้ก็ไม่รู้จะทานอะไรเหมือนกัน ปกติพรนภาก็พาเขาไปร้านกาแฟตอนกลางวัน ก็ยังพอสั่งกาแฟได้ ทว่าตอนนี้พามาร้านนมปั่น รู้สึกเขิน ๆ สั่งอะไรไม่เป็นสักอย่าง
“นมปั่นหนมปังได้แล้วค่ะ” เสียงพนักงานเรียกให้เธอไปรับเมนูที่สั่ง ร้านนี้เสียอย่างเดียวไม่นำมาเสิร์ฟบริการลูกค้า ให้ลูกค้าไปยกมาเอง แต่ก็ไม่เป็นไร เธอไม่ถือเรื่องพวกนี้ ยกมาเองก็ได้
“เดี๋ยวนภาไปยกมาเองค่ะ คุณผู้ชายนั่งรอเฉย ๆ เลยค่ะ เดี๋ยวเดี้ยนไปหยิบมาเอง ฮา” พูดจบก็หัวเราะตลกกับคำพูดตัวเอง เมธีก็ยิ้มขำตามไปด้วย
“สรรหาคำมาพูดได้ทุกวันเนอะคนเรา พรนภาน้อยเอ้ย ฮา”
“ไปแล้ว” พรนภาลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปยกนมปั่นกับขนมปังปิ้งมาเสิร์ฟ ก่อนจะนำถาดไปเก็บไว้ที่เดิมแล้วเดินกลับมานั่ง ยิ้มแฉ่งให้เมธี “ทำไมคะ ไม่เคยกินเหรอ เนี่ยสมัยเรียนมหาลัยนภากินเกือบทุกวัน”
“ไม่เคยเลยค่ะ ไม่ใช่อ่ะ! เมธีว่ามันไม่ใช่ ฮ่า” พูดติดตลกพร้อมหัวเราะตนเอง
พี่เมธีก็มีมุกตลกน่ารักเหมือนกันนะ ไม่น่าจะใช่คนแบบนั่น นั่งหัวเราะพร้อมมองและนึกในใจ
“แหม! แล้วแบบไหนมันถึงจะใช่ค่ะ ร้านเหล้าเหรอ เหล้าปั่นบลูฮาวาย นารีรำพึงเหรอ ช้างกระถืบโลงไรงี้ หึ” ได้ทีประชดเข้าให้ “หัดกินนมปั่นแบบนี้แหละดี จะได้ชิน นภาจะพามาบ่อย ๆ “
“ครับ! ดุจริงเว้ย เค้าก็แค่พูดเฉย ๆ ยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ ยังไม่ได้ว่าอยากกินเหล้าสักหน่อย” ยิ้มให้ภรรยา พร้อมดูดนมปั่นไปอึกใหญ่ “ว่าแต่ก็นานแล้วนะคะ ไม่ได้ไปนั่งฟังเพลงร้านเหล้าเลยอ่ะ ลืมแล้วว่าพีอาร์คืออะไร”
“ไม่! ไม่ไป” มองหน้าเมธี ทำหน้าบึ้งให้กับเขา “ไม่ต้องถึงมือพีอาร์หรอกนภาชงให้ก็ได้”
“ค่า แหม! เค้าก็พูดหยอกเมียเฉย ๆ หรอก คิดถึงร้านเบียร์วุ้น คิดถึงโต๊ะประจำของเรานะคะ” เมธีพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก็จริงอย่างที่ว่า นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้ไปร้านนั้น ก็ตั้งแต่ที่พวกเธอตกลงคบกันนั่นแหละ ผสมกับโควิดอีกด้วย เจ้าของร้านน่าจะลืมหน้าขาประจำอย่างพวกเธอสองคนแล้วล่ะ
“งั้นไปมั้ยคะหยุดหน้า หยุดหน้าเราไปกันน้อ ชวนพี่ออกับพี่พลอยด้วย ออร์ดี้ ๆ! ”
“โอเคค่ะ” ตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสมาก พร้อมดูดนมปั่นไปอีกอึกใหญ่ ตักขนมปังปิ้งทานอย่างอร่อย พรนภามองตามอย่างหมั่นไส้
พวกเธอสองคนทานนมปั่นไปด้วย คุยกันไป แม้เวลานี้ลูกค้าของร้านจะเยอะแยะมากมาย ทั้งซื้อนั่งทาน ทั้งซื้อกลับ แต่บรรยากาศมันก็เงียบสงบ มีเพลงเปิดให้ฟังเบา ๆ สร้างบรรยากาศได้ดีมาก ๆ ไม่วุ่นวาย เป็นส่วนตัวมาก ทั้งสองคนต่างเล่าเรื่องอะไรต่อมิอะไรที่พบเจอระหว่างวันให้กันฟัง
มาที่นี่พรนภาสังเกตดู ลูกค้าที่นี่ไม่ค่อยสนใจกันสักเท่าไหร่ ปกติหากไปที่ไหนสักที่เธอจะต้องเจอสายตาที่ไม่เป็นมิตรของบางคน ที่มองมาแบบเหยียดหยาม คงคิดว่าเธอเป็นเด็กพี่เมธี อารมณ์เมียน้อยประมาณนั้น
ทว่าพวกเธอก็ไม่สนใจ เพราะพวกเธอไม่จำเป็นต้องมานั่งอธิบายความจริงให้ใครฟัง แต่ที่นี่ไม่มีสายตาแบบนั้น อาจเป็นเพราะที่นี่มีแต่นักศึกษา จึงไม่ได้ใส่ใจคนรอบข้างมากนัก
“ทานเสร็จแล้วเราไปถ่ายรูปกันค่ะ ว่าแต่ร้านนี้เค้าปิดกี่ทุ่มคะ” เมธีหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดปาก บ่งบอกว่าอิ่มแล้ว พร้อมที่จะเป็นตากล้องสุดหล่อน่ารักให้กับเธอแล้ว
“ปิดสามทุ่มค่ะ พี่เมธีจะเริ่มจากตรงไหนก่อน มุมนั้นดีกว่า มุมช่อดอกไม้ตรงนั้นอ่ะ” ชี้บอกเมธี และลุกเดินไปนั่งเก๊กท่า เมธีรู้งานเป็นอย่างดี นี่สิสามีแห่งชาติมันต้องอย่างนี้
เมธีกดชัตเตอร์ถ่ายรูปให้เธอรัว ๆ เดี๋ยวกลับไปถึงคอนโดเธอค่อยเลือกรูปอีกทีว่ารูปไหนใช้ได้ พอถ่ายรูปมุมในห้องเสร็จ จึงเดินออกไปข้างนอก ถ่ายรูปทุกมุมที่ทางร้านจัดให้ คนนั้นเข้าคนนี้ออกอยู่อย่างนั้นสลับกัน ต้องรอคิวกันเพราะพื้นที่ร้านมีจำกัด ถ่ายรูปออกมามุมดีมาก ๆ แม้จะมีคนอื่นร่วมเฟรมด้วยก็ไม่เป็นไร
“น้องนภาคะ ใต้ต้นส้มมั้ย เนี่ยตรงเก้าอี้หนิ ขึ้นนั่งเลยค่ะ ถือส้มด้วยมั้ย ส้มปลอมหนิ เฮ้ยต้นไม้ปลอมนี่หว่า เหมือนมาก” เมธีขำที่ตนเองมองเป็นต้นไม้จริง ๆ ได้อย่างไร แต่ผลส้มมองออกว่าปลอม
“โห่พี่เมธีก็! มันปลอมหมดนี่แหละ ดูยังไงเป็นต้นไม้จริง ควรตัดแว่นนะเนี่ย อิอิ”
“จ้า! ขึ้นนั่งบนเก้าอี่ค่ะ เค้าจะกดชัตเตอร์แล้วนา นึง สอง ซั่ม” พูดแล้วก็กดถ่ายรูปให้เธอ มุมนี้พอใจแล้วก็เปลี่ยนไปอีกมุม สลับหมุนเวียนให้คนอื่นเข้ามาอยู่อย่างนั้น
“พี่เมธี มานภาถ่ายรูปให้” ตั้งแต่มาเมธียังไม่ได้สักรูปเลย
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ไม่ชอบถ่ายรูป และพี่ไม่ได้เล่นเฟซบ่อยเหมือนน้องหนิ ถ่ายรูปไปทำไม” โดนปฏิเสธอีกตามเคย และเธอก็ไม่เคยฟังอีกตามเคยเช่นกัน
“หื่อ นะคะพี่เมธี ลงไลน์ไง สักรูปนะ นภาอยากถ่ายรูปพี่เมธี “ พูดจบไม่ทันให้เมธีตั้งตัว ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเขาทันที เพราะเข้ากล้องไว้รอแล้ว พร้อมหัวเราะชอบใจมาก ๆ ที่สามารถเก็บรูปเขาได้ มุมสวยด้วย ที่รอบนี้เธอเป็นฝ่ายชนะ เมธีไม่ทันรู้ตัว
“นภา! เล่นกันแบบนี้เลยเหรอ”
“ก็ใครบอกให้พี่เมธีไม่ยอมถ่ายรูปดี ๆ ล่ะ ก็ต้องทำแบบนี้แหละ”
“เอ๋า เค้าไม่ใช่เด็ก ๆ เหมือนตัวเองแล้วนะคะ ถ่ายรูปไปก็เท่านั้น”
“มันก็ต้องมีบ้างนั่นล่ะ พอได้พูดว่าเคยมา พี่เมธีมายืนตรงนี้ค่ะ นภาจะถ่ายรูปให้อีก นะ! นะคะ มา ๆ อีกรูปสองรูปสามรูปสี่รูป สิบรูปไปเลย! ฮ่า” พูดจบดันตัวเมธีให้ขยับมายืนตรงมุมโต๊ะอีกมุมของร้าน มีร่มเหมือนร่มริมหาดให้ด้วย เธอจึงรีบกดชัตเตอร์รัว ๆ เช่นกัน กลัวเมธีเปลี่ยนใจไม่ยอมให้ถ่ายรูป
ดูนาฬิกากำลังจะสามทุ่มแล้ว ร้านก็กำลังจะปิด ทุกคนที่มาใช้บริการเริ่มทยอยกันกลับ พวกเธอจึงชวนกันกลับเช่นกัน
หลังเลิกงานวันนี้สนุกและมีความสุขมาก เมธีไม่เคยขัดใจอะไรเลยหากพอมีเวลาว่าง ก็พาเธอไปทุกที่ ๆ อยากไป พาไปกินทุกอย่างที่อยากกิน ให้ได้ทุกอย่างที่ให้ได้ แค่นี้ก็พอแล้ว เธออยากบอกกับเขาว่ามีเขาแล้วเธอก็ไม่ต้องการใครเช่นกัน...
“พี่เมธีคะ นภาขอบคุณพี่เมธีมากนะคะที่พาไปทานนมปั่นวันนี้” บนเตียงนอนแสนนุ่มเธอนอนหนุนแขนของเขาเช่นเคย
“ไม่เป็นไรค่ะ อะไรที่พี่ทำให้น้องได้พี่ก็อยากทำให้ พี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณน้อง พี่มีความสุขในชีวิตมากเลยนะคะ” ดมศีรษะของเธอเบา ๆ อยากจะกอดเธอไว้แบบนี้ไม่อยากปล่อย อยากอยู่แบบนี้นาน ๆ
“นภารักพี่เมธีมากเลยนะคะ นอนแล้วนะ กุ๊ดไนท์ค่า” คืนนี้เป็นอีกคืนที่เธอหลับไปในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของเขา อยากหลับในอ้อมกอดของเขาแบบนี้ทุกวัน แค่มีคู่ชีวิตที่เข้าใจกัน ชีวิตของเธอก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
จบบท...
ฝันหวาน (Sweet Dream) 26
.
หลังเลิกงานพรนภาชวนเมธีไปร้านนมปั่นที่ว่า เธออยากกินมาก ๆ อีกอย่างอยากไปเก็บภาพถ่ายรูปบรรยากาศเหมือนอรวีด้วย ผู้จัดการของเธอไปดูลาดเลามาแล้ว สถานที่สวย มุมถ่ายรูปก็สวยใช้ได้ เหมาะกับสายนักรีวิวฟรีอย่างพวกเธอมาก ๆ ฮา นึกแล้วก็ขำกันเอง
“เร็ว ๆ พี่เมธีอ่ะ ฮ่วย ใส่ชุดไหนก็ใส่ค่ะ เดี๋ยวดึก กว่าจะไปถึง” พรนภายืนเร่ง รบเร้าให้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว ๆ ทั้งที่เลิกงานกลับมาถึงห้องก่อนแท้ ๆ ยังไม่เรียบร้อยอีก ส่วนตนเองมาถึงก็เปลี่ยนชุดทำงานออกทันที สวมชุดที่คิดว่าสวยที่สุดอย่างรวดเร็ว เรื่องอาบน้ำกลับมาค่อยว่ากันทีหลัง
“เสร็จแล้วค่า ปะ กุญแจรถอยู่ไหน กระเป๋าสตังค์ โทรศัพท์ กล้องเตรียมพร้อมยัง” พรนภาเม้มปากอมยิ้ม รู้สึกเหมือนโดนประชดอย่างไรไม่รู้
“เตรียมพร้อมเสร็จหมดแล้ว ไปกันค่ะ” เดินตัวปลิวออกจากห้อง ยืนหน้าประตูด้านนอก เมธีเดินตามมาติด ๆ ยิ้มที่มุมปากนิดหน่อยให้กับท่าทางของเธอ
“หืย ยิ้มหน้าบานเลยนะคะ ได้ออกข้างนอกอ่ะ” พูดพร้อมปิดประตูล็อกห้อง พรนภาไม่พูดอะไรเดินฉีกยิ้มนำเขาไปที่ลิฟต์ทันที
พวกเธอสองคนกำลังเดินทางมาแถว ๆ อ่าวอุดมกัน แถวหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา ณ ตอนนี้มีผู้คนมากมายสัญจรไปมา ทั้งพวกนักศึกษาและคนวัยทำงานปะปนกันไป
“พี่เมธีคงชอบ แถวนี้มีแต่นักศึกษา สวย ๆ ใส ๆ กันทั้งนั้น ฮึ! ” พูดขึ้นมาเอง งอนเองด้วย มองเขาด้วยหางตา
“เอ๋า อยู่ ๆ ก็หาเรื่องกันซะงั้น พี่บอกแล้วไงคะ พี่มีหนูแล้วพี่ก็ไม่ต้องการใครอีก อือ ว่าแต่ร้านที่ว่าชื่อร้านอะไรนะคะอยู่แถวไหนเอ่ย” เมธีขับรถไปพลางพูดคุยกับเธอไปด้วย ขับรถออกมาแป๊บเดียวก็ถึงอ่าวที่ว่าแล้ว
“เดี๋ยวนะคะ พี่ออร์ดี้บอกว่าชื่อร้าน บันนี่เชคเฮาท์ เดี๋ยวนภาเปิดจีพีเอสแป๊บ” หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจิ้มหาแผนที่ แป๊บเดียวสถานที่ในจีพีเอสก็ปรากฏโชว์บนหน้าจอ พาพวกเธอขับรถไปตามเส้นทาง ไม่กี่นาทีก็มาถึงร้าน
หนึ่งทุ่มเวลานี้มีลูกค้ามาใช้บริการเยอะมาก ประเมินคร่าว ๆ ด้วยสายตา จะเป็นพวกนักศึกษาเสียส่วนใหญ่ มาเป็นคู่มากกว่ามาเป็นกลุ่มเพื่อน เป็นร้านเล็ก ๆ ทว่ามีมุมให้ถ่ายรูปหลายมุม และที่สำคัญมีแต่มุมสวย ๆ ทั้งนั้น
พวกเธอสองคนเดินเข้ามาในร้าน เก้ ๆ กัง ๆ นิดหน่อยเพราะมาเป็นครั้งแรก พูดถึงทุก ๆ ร้านกาแฟที่ไปก็ล้วนเป็นการไปครั้งแรกหมด เธอชอบไปชิมกาแฟร้านใหม่ ๆ หากถูกใจและชอบจริง ๆ เธอถึงจะชวนเมธีกลับไปอีกรอบที่สอง
เวลานี้หากจะทานกาแฟกันคงไม่เหมาะสม จึงเลือกทานนมปั่นดีกว่า “พี่เมธีจะทานอะไรคะ” พรนภาหันไปถามคนข้าง ๆ เมธียืนอ่านเมนูที่หน้าเคาน์เตอร์ พนักงานสองคนรอจดออเดอร์ “นภาเอาชาไทยปั่นวิปปิ้งครีม เค้กอันนี้ค่ะ และก็อันนี้ด้วย พี่เมธีอ่ะ” เธอชี้เมนูให้พนักงานจดรายการไว้ พร้อมเงยหน้าหันไปถามเมธีจะทานอะไรดี
“พี่เอาเหมือนนภาแล้วกันค่ะ ไม่รู้จะทานไรดี” พรนภายิ้ม นึกในใจว่าแล้วเชียว ทานไม่เป็นน่ะสิ วัน ๆ ทานแต่เบียร์กับกาแฟ “เออเป็นร้านเหล้าว่าไปอย่าง จะได้บอกเมนูปั่นได้ใช่มั้ยคะ ร้านยาดองไรงี้”
พรนภาหย่นจมูกถอนหายใจ “ฝันไปเถอะจะพาไป” พูดออกมาเบา ๆ “งั้นเพิ่มเป็นชาไทยปั่นวิปปิ้งเพิ่มอีกแก้วค่ะ แก้วนึงหวานน้อย ส่วนแก้วนี้หวานปกตินะคะ ขนมแค่นั้นพอค่ะ” เธอบอกกับพนักงาน ไม่เน้นกินเน้นมาถ่ายรูปมากกว่า พูดแล้วก็เดินหาโต๊ะนั่ง เธอเลือกมุมติดหน้าต่างในร้านดีกว่า ไม่อยากออกไปนั่งข้างนอก
“พี่เมธีเชิญนั่งค่ะ อยู่เฉย ๆ เดี๋ยวนภาบริการเอง”
“ค่ะ” ยิ้มให้แฟนสาวแสนน่ารัก มาทานแบบนี้ก็ไม่รู้จะทานอะไรเหมือนกัน ปกติพรนภาก็พาเขาไปร้านกาแฟตอนกลางวัน ก็ยังพอสั่งกาแฟได้ ทว่าตอนนี้พามาร้านนมปั่น รู้สึกเขิน ๆ สั่งอะไรไม่เป็นสักอย่าง
“นมปั่นหนมปังได้แล้วค่ะ” เสียงพนักงานเรียกให้เธอไปรับเมนูที่สั่ง ร้านนี้เสียอย่างเดียวไม่นำมาเสิร์ฟบริการลูกค้า ให้ลูกค้าไปยกมาเอง แต่ก็ไม่เป็นไร เธอไม่ถือเรื่องพวกนี้ ยกมาเองก็ได้
“เดี๋ยวนภาไปยกมาเองค่ะ คุณผู้ชายนั่งรอเฉย ๆ เลยค่ะ เดี๋ยวเดี้ยนไปหยิบมาเอง ฮา” พูดจบก็หัวเราะตลกกับคำพูดตัวเอง เมธีก็ยิ้มขำตามไปด้วย
“สรรหาคำมาพูดได้ทุกวันเนอะคนเรา พรนภาน้อยเอ้ย ฮา”
“ไปแล้ว” พรนภาลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปยกนมปั่นกับขนมปังปิ้งมาเสิร์ฟ ก่อนจะนำถาดไปเก็บไว้ที่เดิมแล้วเดินกลับมานั่ง ยิ้มแฉ่งให้เมธี “ทำไมคะ ไม่เคยกินเหรอ เนี่ยสมัยเรียนมหาลัยนภากินเกือบทุกวัน”
“ไม่เคยเลยค่ะ ไม่ใช่อ่ะ! เมธีว่ามันไม่ใช่ ฮ่า” พูดติดตลกพร้อมหัวเราะตนเอง
พี่เมธีก็มีมุกตลกน่ารักเหมือนกันนะ ไม่น่าจะใช่คนแบบนั่น นั่งหัวเราะพร้อมมองและนึกในใจ
“แหม! แล้วแบบไหนมันถึงจะใช่ค่ะ ร้านเหล้าเหรอ เหล้าปั่นบลูฮาวาย นารีรำพึงเหรอ ช้างกระถืบโลงไรงี้ หึ” ได้ทีประชดเข้าให้ “หัดกินนมปั่นแบบนี้แหละดี จะได้ชิน นภาจะพามาบ่อย ๆ “
“ครับ! ดุจริงเว้ย เค้าก็แค่พูดเฉย ๆ ยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ ยังไม่ได้ว่าอยากกินเหล้าสักหน่อย” ยิ้มให้ภรรยา พร้อมดูดนมปั่นไปอึกใหญ่ “ว่าแต่ก็นานแล้วนะคะ ไม่ได้ไปนั่งฟังเพลงร้านเหล้าเลยอ่ะ ลืมแล้วว่าพีอาร์คืออะไร”
“ไม่! ไม่ไป” มองหน้าเมธี ทำหน้าบึ้งให้กับเขา “ไม่ต้องถึงมือพีอาร์หรอกนภาชงให้ก็ได้”
“ค่า แหม! เค้าก็พูดหยอกเมียเฉย ๆ หรอก คิดถึงร้านเบียร์วุ้น คิดถึงโต๊ะประจำของเรานะคะ” เมธีพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก็จริงอย่างที่ว่า นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้ไปร้านนั้น ก็ตั้งแต่ที่พวกเธอตกลงคบกันนั่นแหละ ผสมกับโควิดอีกด้วย เจ้าของร้านน่าจะลืมหน้าขาประจำอย่างพวกเธอสองคนแล้วล่ะ
“งั้นไปมั้ยคะหยุดหน้า หยุดหน้าเราไปกันน้อ ชวนพี่ออกับพี่พลอยด้วย ออร์ดี้ ๆ! ”
“โอเคค่ะ” ตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสมาก พร้อมดูดนมปั่นไปอีกอึกใหญ่ ตักขนมปังปิ้งทานอย่างอร่อย พรนภามองตามอย่างหมั่นไส้
พวกเธอสองคนทานนมปั่นไปด้วย คุยกันไป แม้เวลานี้ลูกค้าของร้านจะเยอะแยะมากมาย ทั้งซื้อนั่งทาน ทั้งซื้อกลับ แต่บรรยากาศมันก็เงียบสงบ มีเพลงเปิดให้ฟังเบา ๆ สร้างบรรยากาศได้ดีมาก ๆ ไม่วุ่นวาย เป็นส่วนตัวมาก ทั้งสองคนต่างเล่าเรื่องอะไรต่อมิอะไรที่พบเจอระหว่างวันให้กันฟัง
มาที่นี่พรนภาสังเกตดู ลูกค้าที่นี่ไม่ค่อยสนใจกันสักเท่าไหร่ ปกติหากไปที่ไหนสักที่เธอจะต้องเจอสายตาที่ไม่เป็นมิตรของบางคน ที่มองมาแบบเหยียดหยาม คงคิดว่าเธอเป็นเด็กพี่เมธี อารมณ์เมียน้อยประมาณนั้น
ทว่าพวกเธอก็ไม่สนใจ เพราะพวกเธอไม่จำเป็นต้องมานั่งอธิบายความจริงให้ใครฟัง แต่ที่นี่ไม่มีสายตาแบบนั้น อาจเป็นเพราะที่นี่มีแต่นักศึกษา จึงไม่ได้ใส่ใจคนรอบข้างมากนัก
“ทานเสร็จแล้วเราไปถ่ายรูปกันค่ะ ว่าแต่ร้านนี้เค้าปิดกี่ทุ่มคะ” เมธีหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดปาก บ่งบอกว่าอิ่มแล้ว พร้อมที่จะเป็นตากล้องสุดหล่อน่ารักให้กับเธอแล้ว
“ปิดสามทุ่มค่ะ พี่เมธีจะเริ่มจากตรงไหนก่อน มุมนั้นดีกว่า มุมช่อดอกไม้ตรงนั้นอ่ะ” ชี้บอกเมธี และลุกเดินไปนั่งเก๊กท่า เมธีรู้งานเป็นอย่างดี นี่สิสามีแห่งชาติมันต้องอย่างนี้
เมธีกดชัตเตอร์ถ่ายรูปให้เธอรัว ๆ เดี๋ยวกลับไปถึงคอนโดเธอค่อยเลือกรูปอีกทีว่ารูปไหนใช้ได้ พอถ่ายรูปมุมในห้องเสร็จ จึงเดินออกไปข้างนอก ถ่ายรูปทุกมุมที่ทางร้านจัดให้ คนนั้นเข้าคนนี้ออกอยู่อย่างนั้นสลับกัน ต้องรอคิวกันเพราะพื้นที่ร้านมีจำกัด ถ่ายรูปออกมามุมดีมาก ๆ แม้จะมีคนอื่นร่วมเฟรมด้วยก็ไม่เป็นไร
“น้องนภาคะ ใต้ต้นส้มมั้ย เนี่ยตรงเก้าอี้หนิ ขึ้นนั่งเลยค่ะ ถือส้มด้วยมั้ย ส้มปลอมหนิ เฮ้ยต้นไม้ปลอมนี่หว่า เหมือนมาก” เมธีขำที่ตนเองมองเป็นต้นไม้จริง ๆ ได้อย่างไร แต่ผลส้มมองออกว่าปลอม
“โห่พี่เมธีก็! มันปลอมหมดนี่แหละ ดูยังไงเป็นต้นไม้จริง ควรตัดแว่นนะเนี่ย อิอิ”
“จ้า! ขึ้นนั่งบนเก้าอี่ค่ะ เค้าจะกดชัตเตอร์แล้วนา นึง สอง ซั่ม” พูดแล้วก็กดถ่ายรูปให้เธอ มุมนี้พอใจแล้วก็เปลี่ยนไปอีกมุม สลับหมุนเวียนให้คนอื่นเข้ามาอยู่อย่างนั้น
“พี่เมธี มานภาถ่ายรูปให้” ตั้งแต่มาเมธียังไม่ได้สักรูปเลย
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ไม่ชอบถ่ายรูป และพี่ไม่ได้เล่นเฟซบ่อยเหมือนน้องหนิ ถ่ายรูปไปทำไม” โดนปฏิเสธอีกตามเคย และเธอก็ไม่เคยฟังอีกตามเคยเช่นกัน
“หื่อ นะคะพี่เมธี ลงไลน์ไง สักรูปนะ นภาอยากถ่ายรูปพี่เมธี “ พูดจบไม่ทันให้เมธีตั้งตัว ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเขาทันที เพราะเข้ากล้องไว้รอแล้ว พร้อมหัวเราะชอบใจมาก ๆ ที่สามารถเก็บรูปเขาได้ มุมสวยด้วย ที่รอบนี้เธอเป็นฝ่ายชนะ เมธีไม่ทันรู้ตัว
“นภา! เล่นกันแบบนี้เลยเหรอ”
“ก็ใครบอกให้พี่เมธีไม่ยอมถ่ายรูปดี ๆ ล่ะ ก็ต้องทำแบบนี้แหละ”
“เอ๋า เค้าไม่ใช่เด็ก ๆ เหมือนตัวเองแล้วนะคะ ถ่ายรูปไปก็เท่านั้น”
“มันก็ต้องมีบ้างนั่นล่ะ พอได้พูดว่าเคยมา พี่เมธีมายืนตรงนี้ค่ะ นภาจะถ่ายรูปให้อีก นะ! นะคะ มา ๆ อีกรูปสองรูปสามรูปสี่รูป สิบรูปไปเลย! ฮ่า” พูดจบดันตัวเมธีให้ขยับมายืนตรงมุมโต๊ะอีกมุมของร้าน มีร่มเหมือนร่มริมหาดให้ด้วย เธอจึงรีบกดชัตเตอร์รัว ๆ เช่นกัน กลัวเมธีเปลี่ยนใจไม่ยอมให้ถ่ายรูป
ดูนาฬิกากำลังจะสามทุ่มแล้ว ร้านก็กำลังจะปิด ทุกคนที่มาใช้บริการเริ่มทยอยกันกลับ พวกเธอจึงชวนกันกลับเช่นกัน
หลังเลิกงานวันนี้สนุกและมีความสุขมาก เมธีไม่เคยขัดใจอะไรเลยหากพอมีเวลาว่าง ก็พาเธอไปทุกที่ ๆ อยากไป พาไปกินทุกอย่างที่อยากกิน ให้ได้ทุกอย่างที่ให้ได้ แค่นี้ก็พอแล้ว เธออยากบอกกับเขาว่ามีเขาแล้วเธอก็ไม่ต้องการใครเช่นกัน...
“พี่เมธีคะ นภาขอบคุณพี่เมธีมากนะคะที่พาไปทานนมปั่นวันนี้” บนเตียงนอนแสนนุ่มเธอนอนหนุนแขนของเขาเช่นเคย
“ไม่เป็นไรค่ะ อะไรที่พี่ทำให้น้องได้พี่ก็อยากทำให้ พี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณน้อง พี่มีความสุขในชีวิตมากเลยนะคะ” ดมศีรษะของเธอเบา ๆ อยากจะกอดเธอไว้แบบนี้ไม่อยากปล่อย อยากอยู่แบบนี้นาน ๆ
“นภารักพี่เมธีมากเลยนะคะ นอนแล้วนะ กุ๊ดไนท์ค่า” คืนนี้เป็นอีกคืนที่เธอหลับไปในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของเขา อยากหลับในอ้อมกอดของเขาแบบนี้ทุกวัน แค่มีคู่ชีวิตที่เข้าใจกัน ชีวิตของเธอก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
จบบท...