.
และแล้ววันที่ไม่ได้รอคอยก็มาถึง เมื่อพวกเธอสองคนต้องกลับมาทำงานเช่นเดิม ถึงแม้จะไม่อยากกลับแค่ไหนก็ต้องกลับ เหมือนชะตาชีวิตมันได้ลิขิตเอาไว้แล้ว ว่าต้องเป็นคนพลัดถิ่นไกลบ้าน
พวกเธอออกเดินทางจากบ้านตั้งแต่เช้า ไม่ลืมแวะที่บ้านของเมธีก่อน เพื่อแวะหาลูกพร้อมกับลาแม่ด้วย จากนั้นก็เดินทางไปส่งน้องฟ้าน้องสาวของเธอที่ขอนแก่น เที่ยงพอดีที่พวกเธอออกเดินทางกลับจริง ๆ จัง ๆ
“พี่เมธีนภาขอแวะวัดหนองแวงได้ไหม” ทำหลับตาปริบ ๆ อ้อนสามี แม้รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควร สิ่งที่สมควรคือรีบกลับไปทำงาน วันนี้จะถึงคอนโดตอนไหน
“น้อง!… เราไม่ได้มาเที่ยวกันนะคะ พี่ว่าเราควรรีบกลับดีไหม คิดว่าวันนี้จะถึงตอนไหนอ่ะ” เมธีพูดพร้อมปรายตามองภรรยาแว่บหนึ่ง ทว่าพรนภาเงียบ หันหน้าไปมองข้างทาง ไม่ยอมหันมาคุยด้วยดี ๆ ทราบในทันทีว่างอน “อ่ะ ๆ แวะก็แวะค่ะ รีบไหว้แล้วก็รีบเดินทางต่อน้อ ทางผ่านพอดี”
“ไม่! ไม่เต็มใจแต่แรกก็ไม่ได้ต้องแวะ กลับเลยก็ได้ค่ะ” พรนภาปฏิเสธ เพราะไม่ได้เต็มใจจะพาแวะตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“เอ๋า! ตกลงแวะมั้ย พี่พาแวะได้ค่ะ” เขาถามอีกครั้ง ภายในใจกังวลว้าวุ่นห่วงว่าพรนภาจะงอน เขาไม่อยากแวะ หากภรรยาต้องการก็ทำให้ได้
“ไม่ค่ะ กลับเถอะ รอบหน้าก็ได้เนอะ วันนี้รีบกลับเถอะ” พรนภาตอบ เข้าใจไม่โกรธแต่นอยด์ ทำใจเอาไว้รอบหน้าแล้วกัน รอบนี้มันจวนตัวจริง ๆ เพราะต้องรีบกลับ
“น้องโกรธพี่มั้ยคะ” ถามอย่างรู้สึกผิด ภรรยาสาวส่ายหัวพร้อมยิ้มให้ เขาค่อยคลายกังวลแล้วยิ้มตอบ ยกมือขึ้นมาวางบนศีรษะภรรยาสาวก่อนปล่อยลง “กลับถึงคอนโด พักผ่อนให้หายเหนื่อย วันหยุดเดี๋ยวเค้าพาไปทำบุญน้อ”
“ค่ะ พี่เมธีสัญญากับนภาแล้วนะ” พรนภาพูดปนยิ้ม เมธียักคิ้วสัญญาก่อนจะตั้งใจขับรถต่อไป เพราะหนทางข้างหน้าอีกยาวไกล แถมยังรถติดด้วย
พวกเธอสองคนมาถึงคอนโดตีสามเกือบตีสี่ ถึงจะเมื่อยและง่วงมากขนาดไหน พรนภาก็กลั้นใจขนกระเป๋าเสื้อผ้าและของฝากกลับขึ้นห้องด้วย เมธีเองก็เช่นกัน ขนข้าวของสัมภาระเสร็จไม่มีใครอาบน้ำกันเลย วางสัมภาระได้ทิ้งตัวลงบนที่นอนด้วยความง่วงกันทั้งสองคน
แปดโมงเช้าพรนภาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก เอื้อมมื้อคว้าปิดเสียงเอาไว้แล้วนอนต่อ วันนี้เป็นวันที่ต้องเริ่มทำงาน ทว่าร่างกายอ่อนเพลียเกินกว่าจะลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว จำต้องนอนต่อ ส่วนเมธีหลับสนิทอยู่ข้าง ๆ ไม่รู้สึกตัวอะไรเลย คงจะเพลียมากเช่นกัน
ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ฝืนใจพิมพ์ไลน์หาหัวหน้างาน ขอลาต่ออีกหนึ่งวัน จากนั้นก็ผล็อยหลับไปอีกรอบ นานเท่าไหร่ไม่รู้ ตื่นขึ้นมาอีกทีดูนาฬิกาบอกเวลาสิบโมง จึงตัดสินใจลุกจากที่นอน หยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายออก อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วจึงเดินมาปลุกเมธีสามีรุ่นพ่อให้ตื่นไปอาบน้ำอีกคน
“พี่เมธี! พี่เมธีตื่นค่ะ ตื่นได้แล้ว สิบโมงแล้ว” เธอเขย่าตัวของสามี ปลุกให้ตื่นไปอาบน้ำ มีอีกหนึ่งอย่างที่จำต้องทำ คือ ตรวจเอทีเคหาเชื้อโควิดหลังกลับมาจากบ้านให้บริษัทสบายใจ
คนโดนปลุกงัวเงียลืมตาตื่นตามแรงเขย่า หรี่ตามองเพดานสลับกับมองใบหน้าของเธอ “น้องตื่นเร็วจังค่ะ กี่โมงแล้วเนี่ย” เขาถามเธอ
“สิบโมงแล้วตื่นมาทานข้าวเร็ว ทานข้าวเสร็จไปซื้อเอทีเคมาตรวจ แล้วก็พานภาไปตัดผมด้วย จบภารกิจหลังกลับบ้านค่ะ” เธอพูดปนยิ้ม ทว่าหนักใจเรื่องแหย่จมูกชะมัด แค่คิดก็สยิวกิ้ว มันเจ็บ ๆ คัน ๆ จนน้ำตาไหลกันเลยทีเดียว
“โอเคค่ะ!” พูดคำว่าโอเคทว่ากลับพลิกตัวนอนหลับต่ออีก ทำให้เธออ้าปากค้าง ไหนบอกว่าจะตื่นไหงมาหลับต่อเช่นนี้
“พี่เมธีตัวเองจะตื่นหรือไม่ตื่น! จะลุกขึ้นไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้มั้ย!” พูดออกคำสั่งพร้อมเอื้อมมือไปกระชากตัวของสามีด้วย “ตื่น! เว้ายากเด้อผู้เฒ่าหนิ!” ค่อนขอดให้สามี ทว่าเจ้าตัวก็ยังไม่ยอมลุก สุดท้ายพรนภาจำต้องใช้ท่าไม้ตาย โดยการกระโดดขึ้นเตียงนอน ขึ้นนั่งทับบนตัวของสามีกันเลย จับพลิกให้นอนหงายแล้วก็ปลุกให้ตื่น
“จะลุกไปอาบน้ำหรือไม่ลุก!” พูดขณะนั่งคร่อมอยู่บนตัวของเมธี
“นี่ถึงน้องจะออกกำลังกายทุกวันใช่ว่าตัวน้องจะเบาไม่หนักนะคะ” เขาพูด ลืมตาตื่นเพราะโดนรบกวน โดนรบกวนจากภรรยาสุดที่รัก หากเป็นคนอื่นโกรธไปนานแล้ว แต่เป็นพรนภาดรุณีน้อยของเขาคนนี้ ยอมให้ก่อกวนทุกอย่าง
“หนัก… หนักแล้วตัวเองก็ลุกไปอาบน้ำดิพี่เมธี ฮ่วย! มานอนขี้เซาอยู่ได้ จะทานมั้ยข้าวน่ะ นภาทำให้แล้ว กินแล้วก็ไปซื้อเอทีเคมาตรวจ แล้วก็พานภาไปตัดผมด้วย” บ่นอยู่บนตัวของสามี
“พี่อยากได้เมียใหม่ค่ะ!” เขาพูดปนยิ้ม นอนให้พรนภานั่งบนตัวได้ตามสบาย แอบยิ้มเพราะนึกมุกตลกขึ้นมาได้เสียดื้อ ๆ
“อ้าว! เออ! อยากได้เมียใหม่ก็ไปเลย” พรนภาจะลุกจากตัวของเมธีทว่าโดนเจ้าตัวรั้งไว้ก่อน “อะไร! อยากได้เมียใหม่ก็จะลุกให้ไปไง” แกล้งคืนเสียเลย รู้ว่าเมธีพูดเล่น มีบางอย่างทำให้เชื่อใจว่า เมธีสามีรุ่นพ่อคนนี้จะไม่มีวันทำแบบนั้นแน่นอน จะไม่มีวันทำให้ตนเองเสียใจเด็ดขาด ที่ผ่านมาก็ทำให้เห็นมาโดยตลอด
“อยากได้เมียใหม่ที่เป็นเมียคนเดิมที่ผมยาวค่ะ ไว้ผมยาวให้เค้านะน้อง เค้าอยากเห็นน้องผมยาว นะ…. นะ! นะคะ” เขาอ้อน
“ไม่! บ่อ! ไปอาบน้ำเลย อย่ายื้อเวลาได้มั้ยคะ ฮ่วย! นภามั่นใจของนภาแบบนี้ ผมสั้นนภามั่นใจ นภาสวย เหมือนพี่เมธีไงมั่นใจทรงนี้” พูดพร้อมเปรยยิ้ม ปรายตามองสามีที่นอนอยู่บนเตียง
“ก็ทรงนี้มันดูดีแล้วหนิคะ ทรงผมพี่มันทำได้แค่นี้! ฮ่วย…” เขาพูดปนยิ้ม
“มาฮงมาฮ่วยใส่นภาเด้อ! นภาฮ่วยได้คนเดียว พี่เมธีห้ามฮ่วย… ฮ่วย!….” จากนั้นเธอก็ลุกจากตัวสามี ส่วนเจ้าตัวลุกจากที่นอนเดินเข้าห้องน้ำไป ไม่นานก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ
ภายในคอนโดเล็ก ๆ มีเพียงพวกเธอสองคนอยู่ในห้อง หากเมื่อไหร่ที่มีเด็กมาเติมเต็ม ชีวิตที่เรียบง่ายคงวุ่นวายกว่านี้ และ ในความวุ่นวายมันคงเต็มไปด้วยความสุข และ ความสุขมันมักผ่านไปเร็วเสมอ เหมือนเมื่อวานพึ่งกลับไปที่บ้าน แล้ววันนี้ก็ต้องกลับมาทำงานอีกแล้ว
พวกเธอช่วยกันจัดข้าวของที่นำมาจากบ้านให้เป็นระเบียบ ก่อนจะทานข้าวเช้ากันในเวลาสิบเอ็ดโมง รวบเป็นข้าวเที่ยงไปในตัวเลย
“นภาทำได้แค่นี้ มื้อนี้ทานไข่เจียวไปก่อนเนอะ ตอนเย็นอยากทานอะไรพี่เมธีค่อยทำ” เธอพูด กับข้าวมีเพียงไข่เจียวจานเดียวเท่านั้น ดีกว่าซื้อทานเป็นไหน ๆ
“แค่นี้เมธีก็อยู่ได้แล้วค่ะ ไข่เจียวธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ฮา” เขาพูดปนหัวเราะ ส่วนเธอค่อนขอดให้ ใครจะไม่รู้ว่าแกล้งยอ แกล้งชมกัน ปากหวานนักต้องโดนค้อนทุบแบบนี้แหละ เหวี่ยงค้อนกลับไปให้อีกหนึ่งอัน “อร่อยจังเลย ทำให้ทานทุกวันเลยนะคะ”
“ได้! เดี๋ยวนภาเจียวไข่ให้พี่เมธีทานทุกวันเลย ให้หน้ากลมเป็นไข่ไปเลย ดีออกประหยัดค่ากับข้าวไปอีก หึหึ” เธอพูด ทำหน้าขึงขังให้สามีด้วยขณะทานข้าวในครัว ทว่าแอบยิ้มอยู่ในที มีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำอะไรให้ แม้จะเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ เพราะทั้งชีวิตที่ผ่านมา ผู้ชายคนนี้ทำให้ตลอด
“มองอะไรเค้าตัวเอง! อ่ะทานเยอะ ๆ ค่ะ จะได้โตเร็ว ๆ” พูดจบตักไข่เจียวมาวางใส่จานข้าวให้เธอ ส่วนเธอก็หัวเราะอึกอัก เมธีก็เช่นกัน ทราบดีรู้ทันหากมามุกนี้จะไปอย่างไรกันต่อ “ฮะฮ่า! ไม่ต้อง ๆ” เมธีชูนิ้วชี้ตวัดไปมาเป็นเชิงห้ามพูด “พี่รู้!”
“อะไร! อะไรพี่เมธี นภายังไม่ได้พูดอะไรเลย ร้อนตัวเอง! หืย!” เธอเองก็พูดปนยิ้ม ทำเป็นรู้ดีนักว่าจะเล่นมุกอะไร ก็เพราะเล่นมุกนี้กันทุกวันอย่างไรล่ะ เป็นมุกประจำมื้อทานข้าวไปแล้ว ไม่ว่าจะมื้อไหน ๆ
หลังจากทานข้าวเสร็จเมธีก็พาเธอไปยังร้านตัดผม เป็นร้านประจำของเธอเอง ช่างตัดผมเป็นสาวประเภทสอง ซึ่งในร้านมีพนักงานหลายคน ทุก ๆ คนล้วนเป็นสาวประเภทสองกันหมด ตัดสวย ฝีมือใช้ได้ ได้ทรงตามที่สั่งเป๊ะ
พวกเธอเดินเข้ามาภายในร้าน พนักงานในร้านคนหนึ่งกล่าวต้อนรับอย่างเป็นกันเอง ส่วนคนที่เหลือมองเมธีสามีของเธอตาเป็นมันกันเลยทีเดียว จนเมธีเขินจำต้องขอตัวไปรอที่รถ
“น้อง! น้องนภาคะ พี่ไปรอที่รถนะ” เมธีก้มกระซิบเธอเบา ๆ
“ได้ค่ะ!” เธอตอบพร้อมเม้มปากยิ้ม รู้! รู้ทันสามีว่าทำไม ไม่หึงไม่หวงหากเป็นสถานการณ์นี้ ถ้าหากเป็นผู้หญิง เธอนี่แหละจะไล่เมธีให้ไปรอไกล ๆ จากนั้นเมธีก็เดินออกจากร้านไป เข้าไปนั่งรอเธอในรถ สตาร์ตรถรอ
การรอคิวช่างนานแสนนาน มีลูกค้ามาทำผมเยอะ เกือบสองชั่วโมงกว่าเธอจะได้ตัดผม พนักงานมีหลายคนก็จริง แต่ช่างตัดผมมีเพียงคนเดียว นอกนั้นเป็นลูกมือ ครั้นจะเปลี่ยนร้านใหม่ก็กลัวผิดหวัง ร้านนี้ตัดถูกใจเธอที่สุด
“พี่เมธีนภาขอโทษนะ ที่พามาลำบาก ยังไม่ได้ตัดเลย ช่างมีคนเดียว พี่เมธีจะกลับไปห้องก่อนก็ได้นะคะ ค่อยมารับนภา” เธอส่งข้อความหาสามี รู้สึกเกรงใจขึ้นมาดื้อ ๆ นี่ก็จวนจะเข้าชั่วโมงที่สองของการรอตัดผมแล้ว เธอไม่เท่าไหร่ทว่าคนพามานี่สิ เกรงว่าจะรำคาญพาลหงุดหงิดเอาได้
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่รอน้องอยู่นี่แหละ อยู่ในรถนะ นานชะมัด!” ยิ้มให้กับข้อความไลน์ของสามีเมื่ออ่าน นึกเอ็นดูที่อยากจะบ่นแต่ไม่กล้าบ่น ถ้าเป็นคนก่อนโดนบ่นไปแล้ว ฟึดฟัดใส่เธอไปนานแล้ว
“ทำไงได้อ่ะตัวเอง ช่างมีคนเดียวอ่ะ นภาขอโทษนะ จุ๊บ ๆ” พิมพ์ง้อออเซาะกลับไป ถึงเจ้าตัวจะบอกว่าไม่เป็นไร ลึก ๆ พรนภาก็รู้ว่ารำคาญ “รอบหน้านภาจะเปลี่ยนร้านแล้ว นานเกิน”
“ไม่เป็นไรค่ะ! เปลี่ยนร้านก็ว่าไม่ถูกใจอีก พี่รอได้ค่ะ จะนานแค่ไหนพี่ก็รอได้” เธออยู่ในร้าน เมธีอยู่ในรถข้างนอกร้าน แช็ตไลน์คุยกัน เมธีไม่กล้าเข้ามานั่งตากแอร์ในร้านเพราะกลัวสายตาของพนักงานที่มองมา อีกทั้งเจ้าของร้านด้วยที่เมธีก็กลัว
“นภาขอโทษนะ ห้ามรำคาญเค้าด้วย!” เธอพิมพ์กลับไป
“ค้าบ! เดี๋ยวคืนนี้จะให้คนไถ่โทษเลย ข้อหาให้รอนาน” พร้อมส่งสติ๊กเกอร์ทะเล้นกลับมา ทำเอาเธอหัวเราะอยู่คนเดียว อ่านไลน์ไปหัวเราะไป ไม่นานช่างก็เรียกไปสระผม ได้ตัดผมสักที
“พี่เมธีแค่นี้นะ นภาได้ตัดผมแล้ว” พิมพ์ไปบอก จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วเดินไปหาช่างตัดผม
สักพักพรนภาก็ตัดผมเสร็จ เดินออกมานอกร้านมาหาสามีที่รถ “ป้าด!! สาว ม.ปลาย ฮา”
“แต่บ่ออายฮักเด้อจ้า! ฮา” ตบมุกคืนเสียเลย ทั้งเธอและเขาหัวเราะให้กันและกัน ถึงมันจะเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทว่าเมธีก็ใส่ใจ ทำให้เธอ รอเธอโดยไม่เบื่อ มันก็ทำให้ซึ้งกินใจได้มาก ๆ แล้ว อดนึกถึงคนเก่าไม่ได้ เหตุการณ์เหมือนกัน แต่กลับได้ผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน ป่านนี้ทะเลาะกันเถียงกันเพราะให้รอนานไปแล้ว
ขอบคุณที่รักเธอ ขอบคุณที่ทำให้เธอ แม้เรื่องเล็กน้อย แอบยิ้มและนึกอะไรเพลิน ๆ ขณะมองหน้าสามี “อะไรคะตัวเอง มองพี่ทำไมเอ่ย” ยกมือขึ้นมาวางบนศีรษะของภรรยาสาวคราวลูก ด้วยความเอ็นดู คงคิดว่าตนเองจะรำคาญที่ให้รอนานเช่นนี้ กระตุกยิ้มให้ แค่นี้ไม่รำคาญหรอก ให้รอนานกว่านี้ก็ทำได้ ไม่ใช่ทำเอาใจ หากแต่เป็นการทำให้จากใจต่างหาก เขานึกพร้อมลูบผมเบา ๆ
“ตะฮักแถะวา ผมสั้นก็น่ารักค่ะ ได้เมียเก่าอีกตามเคย ปะ! ซื้อเอทีเคแล้วกลับบ้านกัน อยากเอนหลังลงนอนที่นอนนุ่ม ๆ เต็มแก่แล้ว” เมธีพูดอย่างคนอารมณ์ดี พร้อมสตาร์ตรถขับออกจากร้านตัดผมไป
……………………………….
ฝันหวาน (Sweet Dream)92
.
และแล้ววันที่ไม่ได้รอคอยก็มาถึง เมื่อพวกเธอสองคนต้องกลับมาทำงานเช่นเดิม ถึงแม้จะไม่อยากกลับแค่ไหนก็ต้องกลับ เหมือนชะตาชีวิตมันได้ลิขิตเอาไว้แล้ว ว่าต้องเป็นคนพลัดถิ่นไกลบ้าน
พวกเธอออกเดินทางจากบ้านตั้งแต่เช้า ไม่ลืมแวะที่บ้านของเมธีก่อน เพื่อแวะหาลูกพร้อมกับลาแม่ด้วย จากนั้นก็เดินทางไปส่งน้องฟ้าน้องสาวของเธอที่ขอนแก่น เที่ยงพอดีที่พวกเธอออกเดินทางกลับจริง ๆ จัง ๆ
“พี่เมธีนภาขอแวะวัดหนองแวงได้ไหม” ทำหลับตาปริบ ๆ อ้อนสามี แม้รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควร สิ่งที่สมควรคือรีบกลับไปทำงาน วันนี้จะถึงคอนโดตอนไหน
“น้อง!… เราไม่ได้มาเที่ยวกันนะคะ พี่ว่าเราควรรีบกลับดีไหม คิดว่าวันนี้จะถึงตอนไหนอ่ะ” เมธีพูดพร้อมปรายตามองภรรยาแว่บหนึ่ง ทว่าพรนภาเงียบ หันหน้าไปมองข้างทาง ไม่ยอมหันมาคุยด้วยดี ๆ ทราบในทันทีว่างอน “อ่ะ ๆ แวะก็แวะค่ะ รีบไหว้แล้วก็รีบเดินทางต่อน้อ ทางผ่านพอดี”
“ไม่! ไม่เต็มใจแต่แรกก็ไม่ได้ต้องแวะ กลับเลยก็ได้ค่ะ” พรนภาปฏิเสธ เพราะไม่ได้เต็มใจจะพาแวะตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“เอ๋า! ตกลงแวะมั้ย พี่พาแวะได้ค่ะ” เขาถามอีกครั้ง ภายในใจกังวลว้าวุ่นห่วงว่าพรนภาจะงอน เขาไม่อยากแวะ หากภรรยาต้องการก็ทำให้ได้
“ไม่ค่ะ กลับเถอะ รอบหน้าก็ได้เนอะ วันนี้รีบกลับเถอะ” พรนภาตอบ เข้าใจไม่โกรธแต่นอยด์ ทำใจเอาไว้รอบหน้าแล้วกัน รอบนี้มันจวนตัวจริง ๆ เพราะต้องรีบกลับ
“น้องโกรธพี่มั้ยคะ” ถามอย่างรู้สึกผิด ภรรยาสาวส่ายหัวพร้อมยิ้มให้ เขาค่อยคลายกังวลแล้วยิ้มตอบ ยกมือขึ้นมาวางบนศีรษะภรรยาสาวก่อนปล่อยลง “กลับถึงคอนโด พักผ่อนให้หายเหนื่อย วันหยุดเดี๋ยวเค้าพาไปทำบุญน้อ”
“ค่ะ พี่เมธีสัญญากับนภาแล้วนะ” พรนภาพูดปนยิ้ม เมธียักคิ้วสัญญาก่อนจะตั้งใจขับรถต่อไป เพราะหนทางข้างหน้าอีกยาวไกล แถมยังรถติดด้วย
พวกเธอสองคนมาถึงคอนโดตีสามเกือบตีสี่ ถึงจะเมื่อยและง่วงมากขนาดไหน พรนภาก็กลั้นใจขนกระเป๋าเสื้อผ้าและของฝากกลับขึ้นห้องด้วย เมธีเองก็เช่นกัน ขนข้าวของสัมภาระเสร็จไม่มีใครอาบน้ำกันเลย วางสัมภาระได้ทิ้งตัวลงบนที่นอนด้วยความง่วงกันทั้งสองคน
แปดโมงเช้าพรนภาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก เอื้อมมื้อคว้าปิดเสียงเอาไว้แล้วนอนต่อ วันนี้เป็นวันที่ต้องเริ่มทำงาน ทว่าร่างกายอ่อนเพลียเกินกว่าจะลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว จำต้องนอนต่อ ส่วนเมธีหลับสนิทอยู่ข้าง ๆ ไม่รู้สึกตัวอะไรเลย คงจะเพลียมากเช่นกัน
ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ฝืนใจพิมพ์ไลน์หาหัวหน้างาน ขอลาต่ออีกหนึ่งวัน จากนั้นก็ผล็อยหลับไปอีกรอบ นานเท่าไหร่ไม่รู้ ตื่นขึ้นมาอีกทีดูนาฬิกาบอกเวลาสิบโมง จึงตัดสินใจลุกจากที่นอน หยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายออก อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วจึงเดินมาปลุกเมธีสามีรุ่นพ่อให้ตื่นไปอาบน้ำอีกคน
“พี่เมธี! พี่เมธีตื่นค่ะ ตื่นได้แล้ว สิบโมงแล้ว” เธอเขย่าตัวของสามี ปลุกให้ตื่นไปอาบน้ำ มีอีกหนึ่งอย่างที่จำต้องทำ คือ ตรวจเอทีเคหาเชื้อโควิดหลังกลับมาจากบ้านให้บริษัทสบายใจ
คนโดนปลุกงัวเงียลืมตาตื่นตามแรงเขย่า หรี่ตามองเพดานสลับกับมองใบหน้าของเธอ “น้องตื่นเร็วจังค่ะ กี่โมงแล้วเนี่ย” เขาถามเธอ
“สิบโมงแล้วตื่นมาทานข้าวเร็ว ทานข้าวเสร็จไปซื้อเอทีเคมาตรวจ แล้วก็พานภาไปตัดผมด้วย จบภารกิจหลังกลับบ้านค่ะ” เธอพูดปนยิ้ม ทว่าหนักใจเรื่องแหย่จมูกชะมัด แค่คิดก็สยิวกิ้ว มันเจ็บ ๆ คัน ๆ จนน้ำตาไหลกันเลยทีเดียว
“โอเคค่ะ!” พูดคำว่าโอเคทว่ากลับพลิกตัวนอนหลับต่ออีก ทำให้เธออ้าปากค้าง ไหนบอกว่าจะตื่นไหงมาหลับต่อเช่นนี้
“พี่เมธีตัวเองจะตื่นหรือไม่ตื่น! จะลุกขึ้นไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้มั้ย!” พูดออกคำสั่งพร้อมเอื้อมมือไปกระชากตัวของสามีด้วย “ตื่น! เว้ายากเด้อผู้เฒ่าหนิ!” ค่อนขอดให้สามี ทว่าเจ้าตัวก็ยังไม่ยอมลุก สุดท้ายพรนภาจำต้องใช้ท่าไม้ตาย โดยการกระโดดขึ้นเตียงนอน ขึ้นนั่งทับบนตัวของสามีกันเลย จับพลิกให้นอนหงายแล้วก็ปลุกให้ตื่น
“จะลุกไปอาบน้ำหรือไม่ลุก!” พูดขณะนั่งคร่อมอยู่บนตัวของเมธี
“นี่ถึงน้องจะออกกำลังกายทุกวันใช่ว่าตัวน้องจะเบาไม่หนักนะคะ” เขาพูด ลืมตาตื่นเพราะโดนรบกวน โดนรบกวนจากภรรยาสุดที่รัก หากเป็นคนอื่นโกรธไปนานแล้ว แต่เป็นพรนภาดรุณีน้อยของเขาคนนี้ ยอมให้ก่อกวนทุกอย่าง
“หนัก… หนักแล้วตัวเองก็ลุกไปอาบน้ำดิพี่เมธี ฮ่วย! มานอนขี้เซาอยู่ได้ จะทานมั้ยข้าวน่ะ นภาทำให้แล้ว กินแล้วก็ไปซื้อเอทีเคมาตรวจ แล้วก็พานภาไปตัดผมด้วย” บ่นอยู่บนตัวของสามี
“พี่อยากได้เมียใหม่ค่ะ!” เขาพูดปนยิ้ม นอนให้พรนภานั่งบนตัวได้ตามสบาย แอบยิ้มเพราะนึกมุกตลกขึ้นมาได้เสียดื้อ ๆ
“อ้าว! เออ! อยากได้เมียใหม่ก็ไปเลย” พรนภาจะลุกจากตัวของเมธีทว่าโดนเจ้าตัวรั้งไว้ก่อน “อะไร! อยากได้เมียใหม่ก็จะลุกให้ไปไง” แกล้งคืนเสียเลย รู้ว่าเมธีพูดเล่น มีบางอย่างทำให้เชื่อใจว่า เมธีสามีรุ่นพ่อคนนี้จะไม่มีวันทำแบบนั้นแน่นอน จะไม่มีวันทำให้ตนเองเสียใจเด็ดขาด ที่ผ่านมาก็ทำให้เห็นมาโดยตลอด
“อยากได้เมียใหม่ที่เป็นเมียคนเดิมที่ผมยาวค่ะ ไว้ผมยาวให้เค้านะน้อง เค้าอยากเห็นน้องผมยาว นะ…. นะ! นะคะ” เขาอ้อน
“ไม่! บ่อ! ไปอาบน้ำเลย อย่ายื้อเวลาได้มั้ยคะ ฮ่วย! นภามั่นใจของนภาแบบนี้ ผมสั้นนภามั่นใจ นภาสวย เหมือนพี่เมธีไงมั่นใจทรงนี้” พูดพร้อมเปรยยิ้ม ปรายตามองสามีที่นอนอยู่บนเตียง
“ก็ทรงนี้มันดูดีแล้วหนิคะ ทรงผมพี่มันทำได้แค่นี้! ฮ่วย…” เขาพูดปนยิ้ม
“มาฮงมาฮ่วยใส่นภาเด้อ! นภาฮ่วยได้คนเดียว พี่เมธีห้ามฮ่วย… ฮ่วย!….” จากนั้นเธอก็ลุกจากตัวสามี ส่วนเจ้าตัวลุกจากที่นอนเดินเข้าห้องน้ำไป ไม่นานก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ
ภายในคอนโดเล็ก ๆ มีเพียงพวกเธอสองคนอยู่ในห้อง หากเมื่อไหร่ที่มีเด็กมาเติมเต็ม ชีวิตที่เรียบง่ายคงวุ่นวายกว่านี้ และ ในความวุ่นวายมันคงเต็มไปด้วยความสุข และ ความสุขมันมักผ่านไปเร็วเสมอ เหมือนเมื่อวานพึ่งกลับไปที่บ้าน แล้ววันนี้ก็ต้องกลับมาทำงานอีกแล้ว
พวกเธอช่วยกันจัดข้าวของที่นำมาจากบ้านให้เป็นระเบียบ ก่อนจะทานข้าวเช้ากันในเวลาสิบเอ็ดโมง รวบเป็นข้าวเที่ยงไปในตัวเลย
“นภาทำได้แค่นี้ มื้อนี้ทานไข่เจียวไปก่อนเนอะ ตอนเย็นอยากทานอะไรพี่เมธีค่อยทำ” เธอพูด กับข้าวมีเพียงไข่เจียวจานเดียวเท่านั้น ดีกว่าซื้อทานเป็นไหน ๆ
“แค่นี้เมธีก็อยู่ได้แล้วค่ะ ไข่เจียวธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ฮา” เขาพูดปนหัวเราะ ส่วนเธอค่อนขอดให้ ใครจะไม่รู้ว่าแกล้งยอ แกล้งชมกัน ปากหวานนักต้องโดนค้อนทุบแบบนี้แหละ เหวี่ยงค้อนกลับไปให้อีกหนึ่งอัน “อร่อยจังเลย ทำให้ทานทุกวันเลยนะคะ”
“ได้! เดี๋ยวนภาเจียวไข่ให้พี่เมธีทานทุกวันเลย ให้หน้ากลมเป็นไข่ไปเลย ดีออกประหยัดค่ากับข้าวไปอีก หึหึ” เธอพูด ทำหน้าขึงขังให้สามีด้วยขณะทานข้าวในครัว ทว่าแอบยิ้มอยู่ในที มีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำอะไรให้ แม้จะเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ เพราะทั้งชีวิตที่ผ่านมา ผู้ชายคนนี้ทำให้ตลอด
“มองอะไรเค้าตัวเอง! อ่ะทานเยอะ ๆ ค่ะ จะได้โตเร็ว ๆ” พูดจบตักไข่เจียวมาวางใส่จานข้าวให้เธอ ส่วนเธอก็หัวเราะอึกอัก เมธีก็เช่นกัน ทราบดีรู้ทันหากมามุกนี้จะไปอย่างไรกันต่อ “ฮะฮ่า! ไม่ต้อง ๆ” เมธีชูนิ้วชี้ตวัดไปมาเป็นเชิงห้ามพูด “พี่รู้!”
“อะไร! อะไรพี่เมธี นภายังไม่ได้พูดอะไรเลย ร้อนตัวเอง! หืย!” เธอเองก็พูดปนยิ้ม ทำเป็นรู้ดีนักว่าจะเล่นมุกอะไร ก็เพราะเล่นมุกนี้กันทุกวันอย่างไรล่ะ เป็นมุกประจำมื้อทานข้าวไปแล้ว ไม่ว่าจะมื้อไหน ๆ
หลังจากทานข้าวเสร็จเมธีก็พาเธอไปยังร้านตัดผม เป็นร้านประจำของเธอเอง ช่างตัดผมเป็นสาวประเภทสอง ซึ่งในร้านมีพนักงานหลายคน ทุก ๆ คนล้วนเป็นสาวประเภทสองกันหมด ตัดสวย ฝีมือใช้ได้ ได้ทรงตามที่สั่งเป๊ะ
พวกเธอเดินเข้ามาภายในร้าน พนักงานในร้านคนหนึ่งกล่าวต้อนรับอย่างเป็นกันเอง ส่วนคนที่เหลือมองเมธีสามีของเธอตาเป็นมันกันเลยทีเดียว จนเมธีเขินจำต้องขอตัวไปรอที่รถ
“น้อง! น้องนภาคะ พี่ไปรอที่รถนะ” เมธีก้มกระซิบเธอเบา ๆ
“ได้ค่ะ!” เธอตอบพร้อมเม้มปากยิ้ม รู้! รู้ทันสามีว่าทำไม ไม่หึงไม่หวงหากเป็นสถานการณ์นี้ ถ้าหากเป็นผู้หญิง เธอนี่แหละจะไล่เมธีให้ไปรอไกล ๆ จากนั้นเมธีก็เดินออกจากร้านไป เข้าไปนั่งรอเธอในรถ สตาร์ตรถรอ
การรอคิวช่างนานแสนนาน มีลูกค้ามาทำผมเยอะ เกือบสองชั่วโมงกว่าเธอจะได้ตัดผม พนักงานมีหลายคนก็จริง แต่ช่างตัดผมมีเพียงคนเดียว นอกนั้นเป็นลูกมือ ครั้นจะเปลี่ยนร้านใหม่ก็กลัวผิดหวัง ร้านนี้ตัดถูกใจเธอที่สุด
“พี่เมธีนภาขอโทษนะ ที่พามาลำบาก ยังไม่ได้ตัดเลย ช่างมีคนเดียว พี่เมธีจะกลับไปห้องก่อนก็ได้นะคะ ค่อยมารับนภา” เธอส่งข้อความหาสามี รู้สึกเกรงใจขึ้นมาดื้อ ๆ นี่ก็จวนจะเข้าชั่วโมงที่สองของการรอตัดผมแล้ว เธอไม่เท่าไหร่ทว่าคนพามานี่สิ เกรงว่าจะรำคาญพาลหงุดหงิดเอาได้
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่รอน้องอยู่นี่แหละ อยู่ในรถนะ นานชะมัด!” ยิ้มให้กับข้อความไลน์ของสามีเมื่ออ่าน นึกเอ็นดูที่อยากจะบ่นแต่ไม่กล้าบ่น ถ้าเป็นคนก่อนโดนบ่นไปแล้ว ฟึดฟัดใส่เธอไปนานแล้ว
“ทำไงได้อ่ะตัวเอง ช่างมีคนเดียวอ่ะ นภาขอโทษนะ จุ๊บ ๆ” พิมพ์ง้อออเซาะกลับไป ถึงเจ้าตัวจะบอกว่าไม่เป็นไร ลึก ๆ พรนภาก็รู้ว่ารำคาญ “รอบหน้านภาจะเปลี่ยนร้านแล้ว นานเกิน”
“ไม่เป็นไรค่ะ! เปลี่ยนร้านก็ว่าไม่ถูกใจอีก พี่รอได้ค่ะ จะนานแค่ไหนพี่ก็รอได้” เธออยู่ในร้าน เมธีอยู่ในรถข้างนอกร้าน แช็ตไลน์คุยกัน เมธีไม่กล้าเข้ามานั่งตากแอร์ในร้านเพราะกลัวสายตาของพนักงานที่มองมา อีกทั้งเจ้าของร้านด้วยที่เมธีก็กลัว
“นภาขอโทษนะ ห้ามรำคาญเค้าด้วย!” เธอพิมพ์กลับไป
“ค้าบ! เดี๋ยวคืนนี้จะให้คนไถ่โทษเลย ข้อหาให้รอนาน” พร้อมส่งสติ๊กเกอร์ทะเล้นกลับมา ทำเอาเธอหัวเราะอยู่คนเดียว อ่านไลน์ไปหัวเราะไป ไม่นานช่างก็เรียกไปสระผม ได้ตัดผมสักที
“พี่เมธีแค่นี้นะ นภาได้ตัดผมแล้ว” พิมพ์ไปบอก จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วเดินไปหาช่างตัดผม
สักพักพรนภาก็ตัดผมเสร็จ เดินออกมานอกร้านมาหาสามีที่รถ “ป้าด!! สาว ม.ปลาย ฮา”
“แต่บ่ออายฮักเด้อจ้า! ฮา” ตบมุกคืนเสียเลย ทั้งเธอและเขาหัวเราะให้กันและกัน ถึงมันจะเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทว่าเมธีก็ใส่ใจ ทำให้เธอ รอเธอโดยไม่เบื่อ มันก็ทำให้ซึ้งกินใจได้มาก ๆ แล้ว อดนึกถึงคนเก่าไม่ได้ เหตุการณ์เหมือนกัน แต่กลับได้ผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน ป่านนี้ทะเลาะกันเถียงกันเพราะให้รอนานไปแล้ว
ขอบคุณที่รักเธอ ขอบคุณที่ทำให้เธอ แม้เรื่องเล็กน้อย แอบยิ้มและนึกอะไรเพลิน ๆ ขณะมองหน้าสามี “อะไรคะตัวเอง มองพี่ทำไมเอ่ย” ยกมือขึ้นมาวางบนศีรษะของภรรยาสาวคราวลูก ด้วยความเอ็นดู คงคิดว่าตนเองจะรำคาญที่ให้รอนานเช่นนี้ กระตุกยิ้มให้ แค่นี้ไม่รำคาญหรอก ให้รอนานกว่านี้ก็ทำได้ ไม่ใช่ทำเอาใจ หากแต่เป็นการทำให้จากใจต่างหาก เขานึกพร้อมลูบผมเบา ๆ
“ตะฮักแถะวา ผมสั้นก็น่ารักค่ะ ได้เมียเก่าอีกตามเคย ปะ! ซื้อเอทีเคแล้วกลับบ้านกัน อยากเอนหลังลงนอนที่นอนนุ่ม ๆ เต็มแก่แล้ว” เมธีพูดอย่างคนอารมณ์ดี พร้อมสตาร์ตรถขับออกจากร้านตัดผมไป
……………………………….