ฝันหวาน ( Sweet Dream) 71

กระทู้สนทนา

.

             เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ดังก้องทั่วห้อง บอกเวลาแปดโมงเช้า วันนี้อากาศดีมาก ๆ เช่นกัน พรนภาหยิบโทรศัพท์มือถือมาปิดเสียงเอาไว้พร้อมจะลุกจากที่นอน ทว่าก็โดนรั้งเอาไว้ด้วยท่อนแขนแข็งแรงของเมธี จำต้องนอนลงไปที่เดิมแบบขัดใจ

               นอนต่อสักพักเธอก็แกะแขนของเมธีที่กอดตนเองออก ลุกจากที่นอนเดินมานั่งที่โซฟา ปรายตามองสามีคราวพ่อที่ยังหลับสนิทอยู่บนที่นอน ยิ้มให้กับภาพที่เห็น เธอไม่คิดจะปลุกอยู่แล้วรอให้ตนเองแต่งตัวเสร็จก่อนค่อยปลุก ด้วยความที่ฝนตกเสร็จหมาด ๆ ทำให้อากาศเย็นสบาย เธอก็ขี้คร้านจะไปอาบน้ำ จึงเลื่อนโทรศัพท์มือถือดูโซเชียลไปเรื่อยบนโซฟา น้ำก็อยากอาบทว่าหนาวก็หนาว

                “เอ๋าไปนอนอะไรตรงนั้นคะ มานอนตรงนี้แหมะ มาเร็ว ๆ เค้าอยากกอด” เมธีพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ลืมตามองเธอที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟา

               “ไม่เอาอ่ะ! นภาตื่นแล้วนภาจะไปอาบน้ำ วันนี้สัญญาอะไรกับนภาเอาไว้ ลืมยัง!” ค่อนขอดให้เสียเลย มองคนที่นอนอยู่บนเตียงนอนแบบไม่ชอบใจนัก ทว่าก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา เขาหลับไปแล้ว เธอจึงตัดสินใจลุกหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำในที่สุด

               วันนี้เธอขอออกไปข้างนอกหน่อยจากที่ไม่ได้ออกไปไหนมานาน วัคซีนก็ฉีดครบสองเข็ม จะไปที่ไหนก็ได้ตามนั้น! หยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป เปิดน้ำอุ่นอาบกันเลยสำหรับสาย ๆ ของวันนี้ ก็อากาศมันเย็นนี่นา เมื่อวานฝนตกทั้งวันทั้งคืน แถมยังข้ามมาตกวันนี้อีกในช่วงเช้า เธอภาวนาขอให้หยุดตกทีเถอะ ไม่อย่างนั้นแพลนที่วางเอาไว้อดไปแหง ๆ

               พรนภาอาบน้ำเสร็จแล้วเมธีก็ยังไม่ยอมลุกจากที่นอน แต่ก็ไม่ได้หงุดหงิดอะไร ก็ยังปล่อยให้นอนอยู่อย่างนั้น กะว่าให้ตนเองแต่งตัวเสร็จสรรพทุกอย่างเสียก่อนค่อยปลุกก็ได้ เนื่องจากสามีแต่งตัวเร็วอยู่แล้ว ยิ้มให้ด้วยความเอ็นดูที่สุด จะนอนขี้เซาอะไรขนาดนั้น บรรยากาศดีล่ะสิท่าถึงได้นอนเป็นเด็กขี้เซาแบบนี้

                 “น้องจะไปไหนวันนี้” จู่ ๆ เขาถามขึ้นขณะที่เธอกำลังแต่งตัวอยู่ ชำเลืองมองผ่านกระจกเห็นเขาตื่นแล้ว นอนพิงหมอนกับหัวเตียง ไม่ได้ปลุกแฮะตื่นเอง นั่งมองเธอแต่งตัวอยู่อย่างนั้น แทนที่จะรีบลุกไปอาบน้ำก็ไม่เลย

                 “ว่าจะไปเขาสามมุกค่ะ” เธอตอบ ตาก็ยังจ้องเขาผ่านกระจกอยู่ “นภาเห็นคนในติ๊กต่อกไปก็เลยอยากไปบ้าง วันนี้ไปสร้างคอนเทนต์กับลิงเจี๊ยก ๆ ดีกว่า” เธอพูดปนยิ้มพร้อมแต่งหน้าไปด้วย

                  “อ้าวนึกว่าจะไปร้านกาแฟเสียอีกค่ะ ไหนเมื่อคืนว่าเสิร์ชหาไง” เขาถาม นึกว่าภรรยาสาวจะพาไปร้านกาแฟ แต่ไปไหนก็ได้เขาพาไปได้ทั้งนั้น

               “เบื่อแหล่ว! รอบหน้าแล้วกัน รอบนี้ไปเขาสามมุก” เธอตอบปนยิ้ม “หมวกนภาอยู่ในรถพี่เมธีปะ” เธอถามหาหมวกคู่ใจ จำได้ว่าเอาไว้ประจำในรถของสามี ถ้าบอกว่าทำหายมีเรื่องกับเธอแน่  ๆ รอฟังคำตอบอยู่

                “ยังอยู่ค่ะ! อยู่ในรถนั่นแหละพี่ไม่ได้เอาออกไปไหน ไปอาบน้ำแล้ว! “ เขาพูดจบก็ลุกเดินหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป ส่วนเธอก็แต่งตัวต่อไป ไม่นานพวกเธอสองคนก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเตรียมเดินทางได้

                 “เดี๋ยวพานภาแวะทำธุระก่อนนะคะค่อยเดินทาง ไปทางบางแสนแหละนภาเคยไปอยู่” เธอกล่าวกับสามี ก่อนจะไปเที่ยวขอแวะทำธุระสักหน่อย เมธีก็ตกลงตามนั้น ชอบใจมากเลย! คนอะไรตามใจตลอด แบบนี้ไม่ให้รักสุดหัวใจได้อย่างไรล่ะ แอบมองพร้อมยิ้มและนึกขอบคุณสามีรุ่นพ่อคนนี้ที่สุด

                “มองอะไรคะ” เขาหันมาถามขณะกำลังจะออกรถ

                “เปล่า ๆ ไปเลย! “ จากนั้นเขาก็พาเธอขับรถมุ่งหน้าไปยังสถานที่ ๆ เธอจะแวะทำธุระ พอมาถึงเธอก็เข้าไปทำธุระคนเดียว ให้เขารอในรถ ไม่นานก็เสร็จแล้วจากนั้นก็เป็นการเดินทางไปเขาสามมุก

                 ถึงอย่างไรพวกเธอก็เปิดจีพีเอสไป ไม่อยากเดาทาง แม้จะทราบคร่าว ๆ บ้างแล้วว่าไปทางเดียวกันกับบางแสนนั่นแหละ ทว่าก็ไม่อยากเสียเวลา เปิดจีพีเอสไปดีกว่า ระหว่างทางก็ไม่ลืมแวะซื้อกาแฟในปั๊มน้ำมันด้วย เนื่องจากพวกเธอไม่ได้ไปร้านกาแฟจึงจำเป็นต้องแวะซื้อกันก่อน เหมือนเดิมเธอเป็นคนเดินเข้าไปซื้อเองให้เมธีรอในรถ

                “เร็วจังค่ะ ไม่มีลูกค้าเหรอ” เขาถาม เนื่องจากเธอเข้าไปซื้อครู่เดียวก็เดินกลับออกมาแล้ว เธอพยักหน้าเป็นคำตอบ ปิดประตูรถพร้อมหยิบกาแฟปั่นเสียบหลอดให้กับเขา จากนั้นพวกเธอก็ออกเดินทางกันจริง ๆ สักที นี่ก็ห้าโมงเช้าแล้วยังไปไม่ถึงไหนเลย

                 ระหว่างเส้นทางที่ขับรถไป เธอเปิดเพลงฟังอย่างเพลิดเพลิน คอยฟังเสียงจีพีเอสบอกเส้นทางด้วย ฟังเพลงของพี่ปูพงษ์สิทธิ์มันไพเราะจริง ๆ สำหรับเธอฟังได้ทุกแนวทุกสไตล์อยู่แล้ว ฟังเพลงร่วมรุ่นของสามีก็ได้ ได้หมด! บ่อยครั้งที่เธอเปิดเพลงที่สามีชอบฟังคนเดียว บ้างก็เปิดในที่ทำงานทำให้เพื่อน ๆ ขำไปตาม ๆ กัน แซวว่าเพลงสมัยไหน!

                 “พี่เมธีขอไว้อาลัยลุงพรศักดิ์ส่องแสงหน่อยได้ไหม ฟังเพลงแกหน่อย” พรนภาเอ่ย เนื่องจากนึกขึ้นมาได้ สูญเสียนักร้องลูกทุ่งไปอีกคนแล้ว คนนี้นักร้องในดวงใจพ่อเลย คนไม่เคยรู้จักกันทว่ารู้สึกเสียใจร่วมด้วยมาก ๆ บอกความรู้สึกไม่ถูก เพราะตั้งแต่จำความได้ก็รู้จักคุณลุงพรศักดิ์ส่องแสงเลย ร้องโดยพ่อเสมอ ทุก ๆ งาน ทุก ๆ เทศกาล พ่อจะชอบร้องเพลงของนักร้องท่านนี้เป็นประจำ

               “ตามสบายค่ะ” เขาหันมายิ้มให้กับเธอ คนอะไรอ่อนไหวเก่งเหลือเกิน ภรรยาคราวลูกของเขา ยิ้มให้กับเธอก่อนจะหันมาตั้งใจขับรถเช่นเดิม จากนั้นเธอก็เปิดเพลงของพรศักดิ์ทันที ก็ฟังเฉพาะเพลงที่เคยฟังและชอบเท่านั้นแหละ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นนักร้องท่านอื่นไปเรื่อย ๆ ส่วนมากเป็นเพลงร่วมสมัยกับเธอเสียมากกว่า

                  ไม่นานก็ขับมาถึงเขาสามมุกที่ว่า พรนภาเคยมาแล้วรอบหนึ่งกับญาติ นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอมาเที่ยวถ่ายรูปชมวิวเมืองชลบุรี เขาสามมุกเป็นภูเขาเล็ก ๆ ที่มีฝูงลิงอาศัยอยู่มากมาย บนยอดภูมีพระพุทธรูปตั้งตระหง่านอยู่แต่ไม่มีพระมาจำวัดสักรูป คนที่มาที่นี่ต้องขับรถวนเขาช้า ๆ เพื่อป้องกันการเหยียบฝูงลิงตาย และ ลิงที่นี่ก็ซนเหลือเกินไม่กลัวรถเลย

                ปากทางขึ้นเขามีร้านขายกล้วยให้ลิงด้วย แต่พวกเธอสองคนก็ไม่ได้ซื้อ เพราะไม่อยากให้ลิงมาเกาะรถ ทว่าก็มิรอดความซนของพวกมัน มีลิงบางตัวมาเกาะบนหลังคารถด้วย มาเกาะกระโปรงหน้ารถไปอีก ไม่กลัวรถจะเหยียบไส้แตกกันเลย

                “พี่เมธีตัวเองค่อย ๆ ขับเด้อ ระวังเหยียบลิง” พรนภาเตือนสามี ฝูงลิงลงมานั่งมาวิ่งเล่นตามถนน ไม่เกรงอกเกรงใจนักท่องเที่ยวกันเลย “ว่าไงวัยรุ่น! ป๊าดวัยรุ่นเขาสามมุกซามาหลายแถะบาดหนิ ฮา “ พรนภาพูดกลั้วหัวเราะไปอีก แซวฝูงลิงที่อยู่ถนน

                  “มันนอนหรือมันตายคะหนิ” เมธีชะโงกหน้ามองลิงข้างถนนที่นอนแผ่หลาอยู่ พร้อมพูดติดตลกกับเธอ มีอีกตัวนั่งเฝ้าไม่ห่าง

                  “พี่เมธีมันตายปะน่ะ” พรนภาชะโงกหน้าไปมองด้วย นึกสงสารอยู่ในที ก็ชอบมากลางถนนกัน รถก็เหยียบสิ บางทีก็สงสัยแล้วว่าเขาสามมุกเปิดให้มาชมลิงหรือมาฆ่าลิงกันแน่ กลัวรถเหยียบฝูงลิงเหลือเกิน ไอ้เจ้าฝูงลิงก็ดื้อไม่กลัวรถวิ่งมาเลย บีบแตรไล่แล้วก็นั่งเฉย ใครจะไปกล้าขับผ่านกลัวเหยียบเข้าจัง ๆ “โอ้ยห่ามืง! “ พรนภาอุทานปนหัวเราะโดนลิงหลอกเข้าให้แล้ว เมื่อจู่ ๆ ลิงที่นอนเหมือนตายก็ลุกขึ้นเดินซะอย่างนั้น

                เมธีหัวเราะกับภรรยาสาวรุ่นลูก “นี่คือที่มาของคำว่าลิงหลอกคนนะครับ ไม่ใช่ลิงหลอกเจ้าอย่างที่เราเข้าใจกันมาโดยตลอด ฮา “ เขาพูดกลั้วหัวเราะกับเธอ “โอ้ยขอทางแน่ครับ นั่งเท่หลายวัยรุ่น! ล้อรถถืกหัวหนิผลัดว่าหยอกเด้ล่ะ” เขาพูด

                “ฮ่วยพี่เมธี! ระวัง ๆ หน่อย เค้าไม่ระวังเรา ๆ ก็ระวังเค้าล่ะ” ไม่ค่อยชอบการพูดเล่นของสามีเอาเสียเลย

                “เอ๋า… อ้ายเว้าหยอกซือ ๆ หล่า” เขาหันมายิ้มกับเธอพร้อมยกมือขึ้นมาวางที่ศีรษะของเธอด้วย ก่อนจะปล่อยมือลง “ป๊าดโตน้อย ๆ คือตะฮักแถะวะ ดูสิน้องตะฮักฮ่าย บาดใหญ่มาเป็นตะฆ่า มึน! คือบางคน” พูดจบก็หันมาหัวเราะให้เธอ แต่ก็โดนเธอเหวี่ยงค้อนกลับมาให้ พวกเธอขับรถวนเขาไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอจุดชมวิว ค่อยจอดรถเดินขึ้นไปหลังเขา

               กึก! เสียงรถเหยียบอะไรไม่รู้

               “เฮ้ย!” พวกเธอสองคนอุทานพร้อมกัน หันมามองหน้ากัน หน้าเจื่อนกันทั้งคู่ รถเหยียบอะไรเข้า! เมธีจอดรถนิ่งอยู่กับที่

                “สมองไหลแล้วบาดหนิ! ว่าตั้วมันบ่อย่านรถหลาย” เมธีพูด ยังจอดรถนิ่งอยู่กับที่ไม่กล้าลงไปดูว่ารถเหยียบอะไรเข้า เสียงดังกึกชัดเจนมาก ๆ

                “พี่เมธีรถเหยียบอะไร” พรนภาจะร้องไห้ นึกเสียใจที่ชวนสามีมาที่นี่ มาฆ่าลิงตายตัวเป็น ๆ เพราะคิดว่าเสียงดังกึกเมื่อครู่ต้องเหยียบลิงสักตัวเข้าแน่ ๆ

                พวกเธอสองคนเปิดกระจกลงเพื่อส่องดูว่ารถเหยียบอะไร ทว่าก็ไม่กล้าเดินลงไปดู มีรถหลายคันวิ่งตามหลังมาทำให้จอดได้ไม่นานก็ต้องเคลื่อนรถจากไป

                “น้องส่องดูดิ๊ มีรอยเลือดมีศพลิงมั้ย” เขาพูด สีหน้าไม่สู้ดีนักเหมือนกัน ค่อย ๆ ขับรถแอบ ๆ ข้างถนนไปช้า ๆ

                 พรนภาทำตามอย่างเร็ว เปิดกระจกรถลงส่องดูทางด้านหลังรถ ไม่เห็น! ไม่มีรอยเลือด ไม่มีศพลิงโดนเหยียบ เหมือนรถคันข้างหลังจะเข้าใจ โบกมือให้เป็นสัญญาณว่าไม่ได้เหยียบอะไร พวกเธอค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย พรนภาปิดกระจกรถ “ไม่เห็นศพลิงค่ะพี่เมธี ไม่มีรอยเลือดอะไรด้วย” พรนภาบอกกับสามี

               “โล่งอกไปหน่อย! เราน่าจะลงไปดูสักหน่อยเนอะ” เขาหันมามองหน้าเธอก่อนจะหันไปมองถนน

               “นั่นน่ะสิ! ไม่ได้เหยียบหรอก ถ้าเหยียบป่านนี้เห็นเลือดกระจายเกลื่อนถนนแล้ว ไม่เห็นศพลิงนอนตายด้วย ไม่มีสักตัวนภาดูดีแล้ว ไปต่อเถอะค่ะ “

                “แล้วเราเหยียบอะไร!” เมธีก็ยังสงสัย รวมทั้งเธอด้วยที่สงสัย ทว่าเธอก็มั่นใจว่าดูดีแล้ว ไม่มีศพลิงนอนตาย ไม่มีเลือดเปื้อนถนน จากนั้นพวกเธอก็ขับรถวนเขาไปเรื่อย ๆ จนไปถึงจุดชมวิว

                พวกเธอเดินขึ้นบันไดไปยังหลังเขาเพื่อถ่ายรูป พรนภามาแค่นี้จริง ๆ มาเพื่อเก็บภาพเซลฟี่ตัวเอง อยากมาเปิดหูเปิดตาบ้าง จากที่อยู่ห้องมาหลายวัน สามีรุ่นพ่อเป็นคนถ่ายภาพให้เช่นเดิม พวกเธอเดินขึ้นเขามาเรื่อย ๆ เจอพระพุทธรูปหนึ่งองค์อยู่บนยอดเขา มองลงไปด้านล่างเห็นวิวทะเล เห็นผืนน้ำทะเลที่กว้างสุดลูกหูลูกตา เห็นตึกรามบ้านช่องมากมาย สวยมาก ๆ คุ้มค่ากับการมาเยือนอยู่ไม่น้อย

                พรนภาให้เมธีถ่ายรูปให้ตนเองจนหนำใจก็ชวนกลับ มาแค่นี้จริง ๆ แค่นี้ก็มีความสุขที่สุด “นั่งหาดบางแสนต่อมั้ยคะ” เขาถาม

                “ไม่ค่ะ! กลับเลย “ เธอตอบ ไม่อยากไปไหนต่อ ไม่อยากงอแง อยากทำตัวน่ารัก ๆ เอาไว้เพราะความจริงสิ้นเดือนเธอมีแผนต่างหาก วันนี้บอกว่ามาแค่นี้ก็คือแค่นี้ ไม่แวะไหนต่ออีก กลับห้องกันได้เลยเมื่อเก็บภาพพอใจแล้ว

                  “คือเว้าง่ายแถะวะ เป็นคนฮู้ผู้ดีน้อวันนี้” แซวเธอไปอีก

                “อือ! กลับเหอะ” เธอตอบ เม้มปากยิ้มให้กับคนตรงหน้า คนแก่อะไรน่ารักที่สุด ชวนไปไหนไม่เคยบ่นเลย แม้จะบ่นอยู่บ้างก็ตามใจเหมือนเดิม “พี่เมธีหยุดหน้าตัวเองพานภาไปวัดเขาตะแบกได้มั้ยคะ เค้ายังไม่เคยไปเลย มันมีสกายวอร์คด้วยนะคะ” เธอพูด ขอให้สามีพาไป ทว่านี่ไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริง ส่วนเป้าหมายที่แท้จริงคืออะไรนั้น ให้ถึงเดือนหน้าเสียก่อน คิดคอนเทนต์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว

                 “โอเคค่า! น้องอยากไปไหนพาไปได้หมดค่ะ ถ้าว่าง!” เขาตอบพร้อมยักคิ้วให้เธอด้วย มองใบหน้าเรียวมนนั้นด้วยความเอ็นดูที่สุด คนอะไรมาแค่นี้ก็เอา

                 “สัญญาแล้วนะ”

               “อะฮะ” ยักคิ้วให้อีกทีแบบทะเล้น ๆ ไปอีกจากนั้นทั้งสองคนจึงพากันลงจากหลังภูเพื่อกลับบ้าน

               …………………………………
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่