ฝันหวาน (Sweet Dream) 55

กระทู้สนทนา

.

https://ppantip.com/topic/40896704….บทที่ 54

                 เมธีนอนกอดเธอไว้แนบแน่นบนที่นอนสีขาวนุ่ม ทั้งสองคนนอนไร้เสื้อผ้าอาภรณ์กันทั้งคู่ เพราะพึ่งเสร็จจากการแสดงความรักร่วมกันมาหมาด ๆ รู้สึกขัดใจทว่าก็ต้องยอม ส่วนเขานอนหลับตากอดเธอเอาไว้อย่างนั้น ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาต้องนอน มันพึ่งจะบ่ายสองเอง พวกเธอเช็กอินก่อนเวลาตั้งหลายนาที

                  “ฮือ น้องจะไปไหน กอดก่อน” เมื่อเธอทำท่าจะลุก เขาพูดพึมพำกำชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก

                    “พี่เมธีปล่อยนภาค่ะ นภาจะลุก ! คนอยากถ่ายรูป ฮ่วย… จังนอนแนะ” ค่อนขวับให้ ขมวดคิ้วทำหน้าบึ้งให้คนที่นอนหลับตา รู้ว่าเหนื่อยขับรถแต่ค่อยนอนได้ไหม เธออยากเดินชมบรรยากาศรอบ ๆ ที่พักสักหน่อย อยากถ่ายรูป ค่อยกลับมานอนกอดทั้งคืนก็ได้ ถอนหายใจพลางนึกเอ็ดสามีรุ่นพ่อในใจไปด้วย

                    “ขอสิบนาทีค่ะ กอดก่อนแหมะ “ ก็ยังดื้อรั้นที่จะนอน คนแก่นี่พูดยากชะมัด แต่ เธอก็ไม่ขัดขืนยอมนอนต่อให้เขากอดโดยดี ไม่พอยังหันหน้าเข้าหาแผงหน้าอกหนาของเขาด้วย พร้อมกอดไปอีก เขาสูดดมปอยผมของเธอเบา ๆ ก่อนทุกอย่างจะเงียบไปอีกครั้ง เพราะผล็อยหลับอีกรอบทั้งสองคน

                    เวลาผ่านไปกี่นาทีไม่ทราบ พรนภารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้จะไม่ตามใจสามีอีกแล้ว ดูนาฬิกาบ่ายสามโมงครึ่ง จึงรีบลุกและปลุกสามีให้ตื่น นึกขึ้นได้ยังไม่ได้เก็บภาพสักภาพเลย มาถึงก็มัวแต่นอนกอดกันอยู่แบบนี้

                      “พี่เมธี ! พี่เมธีตื่น ไหนบอกพานภามาเที่ยวไง จะมานอนแบบนี้ไม่ได้นะ มันจะมืดแล้วค่ะ นภาอยากถ่ายรูป ตื่นหน่อย” ปลุกด้วยน้ำเสียงไพเราะ  เขย่าคนนอนอยู่ให้ตื่น ส่วนเจ้าตัวลืมตาอย่างเร็ว ไม่งี่เง่าเหมือนรอบแรก “พานภาเดินถ่ายรูปหน่อย นภาอยากถ่ายรูปค่ะ ป่านนี้นะออร์ดี้ซอมแล้วล่ะ คงจะว่าสองคนนี้ได้ไปเที่ยวกันมั้ยน้อ คือไม่เห็นพรนภาเช็กอินคือสิวาแล้วล่ะ ฮา “ ลามไปแซวหัวหน้างานอีก

                      “กี่โมงแล้วคะ” เขาลุกขึ้นนั่งทั้งร่างเปลือยเปล่า อีกทั้งพรนภาอีกคนที่ไร้เครื่องนุ่งห่ม “ปะ ๆ ไปก็ไปค่ะ อาบน้ำก่อนไป”

                    “ไม่ ! นภาไม่อาบ พี่เมธีก็ไม่ต้องอาบด้วย เสียเวลา ฮ่วยจักอิหยัง ! “ เพราะเกรงว่าจะมืดเสียก่อน ความจริงไว้ถ่ายรูปพรุ่งนี้ก็ได้ทว่าเธออยากจะถ่ายรูปในวันนี้ ชุดก็เตรียมมาเยอะแยะ กะว่าจะเปลี่ยนถ่ายรูปให้ครบทุกชุดเลย “ขอทาแป้งหนีบผมใหม่แป๊บ พี่เมธีใส่เสื้อผ้าเลย” ออกคำสั่งเขา ตนเองก็ลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัวมานุ่ง จากนั้นก็เดินไปนั่งหนีบผมจัดทรงผมใหม่

                   “โอเค ๆ ไม่อาบก็ไม่อาบ “ เขาตอบ ลุกหยิบชุดเดิมมาสวมใส่ เขาเองนำมาเพียงไม่กี่ชุด ปรายตามองแฟนสาวที่กำลังแต่งตัวใหม่พร้อมหัวเราะให้กับความเป็นเธอ มาแค่นี้พกชุดมาด้วยอย่างกับมาเป็นเดือน ๆ

                  “ยิ้มอะไรพี่เมธี ! “ หนีบผมหน้ากระจกพร้อมหันมายิ้มให้

                  “เปล่าค่า รีบ ๆ หนีบเลย ไหนบอกอยากไปถ่ายรูปอ่ะ” โดนย้อนไปอีก เธอตอบกลับไปด้วยเสียงหัวเราะเยาะที่โดนย้อนศรนั่นแหละ

                    “ก็รีบอยู่นี้ไง ฮ่วย ใครก็ไม่รู้อยากจะนอน เผื่อตื่นที่นอนใหม่พะนะ นภาไม่ให้มาใครหน้าไหนก็มาไม่ได้หรอกลูกอ่ะ ชิ !” พูดประชดประชันด้วยท่าทางตลก

                   “อ้าวพูดงี้กับลูกของพี่ได้ไง” เขาตอบ นั่งมองเธอแต่งตัวด้วยรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า ความสุขของเธอล่ะ แค่ได้มา มาแค่ไม่กี่วันก็พอใจ

                    “ ไม่อยากจะเล่าให้ฟังเลยว่าก่อนเมนส์จะมานะนภาฝันเห็นเด็กอีกและ มันเดินมายืนพิงประตูห้องเราใช่มั้ย ยืนจอบจะเข้าห้องแหมะพี่เมธี “ พรนภาพูดด้วยความตลกเมื่อนึกถึงฝันวันนั้น ทั้งตลกทั้งเอ็นดู นี่กะจะรับเอามาอยู่ด้วยอยู่แล้วเชียว พลาดจนได้

                     “นั่นไงมาแล้ว !”  เขาพูดทำทรงตื่นเต้นน่าหมั่นไส้นัก

                      “ม่าย ! ฟังก่อนดิพี่เมธี “ เอ็ดให้สักหน่อย ชอบพูดแทรก “นภาก็เห็นแล้วแหละแต่ทำเป็นไม่เห็น กะจะแกล้งนางนั่นน๊า นางก็แอบอยู่ประตูเด้ว่านภาจะเห็นหรือเปล่า นภาก็หลอยเดินไปด้านหลังกะจะไปจ๊ะเอ๋นาง บาดหนินภาไปถึงตัวนางแล้วใช่มั้ย นภาก็เลยว่า จ๊ะเอ๋ ! ทำอาราย ! นางกรี๊ดตกใจแหมะกระเด็นลอยไปเลยแหมะพี่เมธี ฮา หายเข้ากลีบเมฆไปเลยจ้า ภายในวันเดียวกันล่ะตอนกลางวันเมนส์มาเฉย“ ยิ่งนึกถึงฝันวันก่อนนู้นยิ่งตลก นึกไปถึงหน้าเด็กคนนั้น

                        “โถ่น้องนภา ! คราวหลังน้องอย่าไปจ๊ะเอ๋ลูกพี่นะ เค้ายิ่งขวัญอ่อนอยู่ คราวหลังเดินไปอุ้มเค้าดี ๆ ดิ จบเลยลูกพ่อ” พูดกลั้วหัวเราะ นึกตลกไปกับสิ่งที่ภรรยาคราวลูกคนนี้เล่าให้ฟัง

                       “นภาก็กะจะเดินไปอุ้มนั่นแหละ แต่อยากแกล้งไง หมั่นไส้นาง เป็นเบบี๋เดินเตาะแตะมานะ พี่เมธี ! พี่เมธีไม่เคยฝันน่ะ พี่เมธีไม่รู้หรอกว่าพวกเค้าแต่ละคนน่ารักขนาดไหน บางคนก็มาหลอน ๆ นะ จำได้มั้ยที่นภาเคยเล่าให้ฟังน่ะ ที่เค้าคลานมาอย่างกับผี นภากลัวนภาถีบเลยแหล่ว “ เมธีหัวเราะร่วนเมื่อพูดถึงเด็กคนนี้ จำได้พรนภาเคยเล่าให้ฟัง เขายังนึกบ่นเสียดายที่พรนภาไปถีบลูกซะอย่างนั้น

                      “นี่ก็อีกล่ะ คราวก่อนก็ถีบลูกพี่กระเด็นไปไกลเชียว คราวนี้ก็ไปจ๊ะเอ๋เขาอีก ลูกป่ะป๊าจะได้เกิดมั้ยเนี่ย”

                       “ฮ่วย คนนั้นมาหลอนน้อ ไผสิบ่ย่าน คือคนนี้นางน่ารักมาก ! เดินเตาะแตะยิ้มมาแต่ไกล ๆ เด้ นภาก็เห็นมาแต่ไกล ๆ แล้วเหมือนกัน นางเดินมาแอบอยู่ประตูมองเราสองคนในห้อง จะแอบเข้ามาในห้องหาเราแหมะ น่ารัก อยากได้อยู่คนนี้ ขาว ๆ แก้มตุ้ย ๆ ซะ แต่เป็นผู้ชายว่ะ ! “ ไม่อยากพูดถึงเด็กอีกคนที่เคยฝันถึงให้ฟัง คนนั้นน่ารักที่สุดกว่าใคร ๆ ทว่าฝันตอนอยู่กับคนเก่า ไม่อยากพูด อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันหายไปตามกาลเวลา ปัจจุบันสำคัญที่สุด “พี่เมธีต้องได้ลูกชายอีกคนแน่ ๆ เลยนภาว่านะ นภาฝันเห็นแต่เด็กผู้ชายตลอด”

                   “ผู้ชายก็เอาครับ ได้หมด ! น้องชอบมั้ย” เขาเลิกคิ้วถาม

                     “ชอบค่า ใครก็ได้ ! ได้หมดเหมือนกันค่ะ “ พูดกลั้วยิ้ม ปรายตามองใบหน้าคมเข้มที่เต็มไปด้วยไรหนวด หล่อชะมัดเลยคนอะไรก็ไม่รู้ ทั้งเล่าความฝันทั้งหนีบผมแต่งหน้าใหม่ จากนั้นก็เดินไปหยิบชุดใหม่มาใส่เพื่อจะถ่ายรูปอวดเพื่อนในเฟซบุ๊กสักหน่อย

                      เธอหยิบเสื้อสีส้มโชว์หลังมาใส่ พร้อมกระโปรงทรงเอ ไม่ทันจะได้สวมเมธีก็ดันอุทานห้ามเสียก่อน “เฮ้ย ๆ น้องนภา เอาชุดอะไรมาใส่คะ ดูซินำเสื้อมาแต่ละตัวอ่ะ ไม่ต้อง !” เขาชี้มือสั่งห้ามด้วยแววตาจริงจัง ไม่เคยคิดและชอบที่จะให้เธอสวมเสื้อผ้าแฟชั่นพวกนี้เลย

                    “เอ๋าพี่เมธีจะให้นภาใส่ชุดไหนอ่ะ ก็นภาเอามาแค่นี้อ่ะ” หน้าบึ้งทำตาละห้อยให้กับสามี สายตาเว้าวอนขนาดนี้ต้องใจอ่อนบ้างล่ะ ทราบว่าเขาไม่ชอบและเธอก็ไม่เคยใส่แบบนี้เลย แต่ เธอแอบมัดมือชกนำมาในวันนี้ อยากใส่แบบนี้บ้างก็เท่านั้นเอง

                     “ไหนดูซิ เก็บกระเป๋ามาเอาชุดแบบไหนมาบ้าง” พูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่มีวี่แววว่าจะตลกด้วยเลย เธอเริ่มใจสั่นขึ้นมาดื้อ ๆ “โห่ แต่ละตัว เสื้อดี ๆ ไม่นำมาเลยนะคะ” เขาหยิบเสื้อกล้ามสีดำตัวกระจิ๊ดขึ้นมาโชว์ “แล้วที่ใส่อยู่นี่เสื้ออะไรเนี่ย”

                      “เอ้าพี่เมธี… เอ๋าตัวเองอ่ะ” พูดได้แค่นี้ไม่มีคำจะพูดต่อ ยิ่งเจอสายตาแบบนั้นจ้องมองมา สายตาของเธอก็ยังเว้าวอนจะร้องไห้ ความจริงไม่ได้จะร้องอะไรมันเป็นท่าไม้ตายต่างหาก “ก็เค้าเอามาแล้วอ่ะ พี่เมธีจะให้เค้าใส่อะไร” หน้าบึ้งมองหน้าสามี น้ำตาก็จะคลอ ทำเป็นรู้สึกผิดไม่ได้ตั้งใจที่สุด

                     “ไม่ต้องมาพี่เมธีอ่ะ พี่เมธีอ่ะเลย แล้วใครให้น้องเอาเสื้อผ้ามาแบบนี้ ก็รู้ว่าไม่เคยให้ใส่ก็ยังซื้อ ก็รู้นะคะ ใครสอนให้ใส่เสื้อผ้าแบบนี้” เขามองหน้าเธอด้วยสายตาจริงจัง ไม่เคยชอบให้ใส่ชุดอะไรแบบนี้เลย

                       “เค้าก็รู้ไง ! ทำไมเค้าจะไม่รู้ว่าสามีไม่ชอบ แต่เค้าเอามาแล้วอ่ะ เค้าก็ต้องใส่ใช่มั้ยล่ะ” พูดเบา ๆ พร้อมหลบสายตา ไม่อยากเจอสายตาดุคู่นั้น “ก็ได้ถ้าพี่เมธีไม่ชอบนภาใส่ชุดเดิมก็ได้ ปะเราออกไปถ่ายรูปกัน พี่เมธีถ่ายรูปให้นภาด้วยนะ แต่ว่าตอนกลางคืนอาบน้ำนอนน่ะ พี่เมธีให้เค้าใส่เสื้อกล้ามสีดำตัวนี้นะ เค้าเอามาใส่นอน” ทำเป็นยอมรับผิดแต่โดยดี ทำเป็นยอมจำใจใส่ชุดเดิมที่ใส่เดินทางมาในตอนเช้า เป็นชุดกระโปรงสีแดง ในใจก็คอยลุ้นขอให้เมธียอมให้ใส่ชุดที่นำมาด้วยเถิด

                       “ไม่ต้องเลย ! ใส่ชุดนี้ก็ใส่ไป นำชุดอะไรมาแล้วก็ใส่ไป แต่คราวหลังอย่าใส่แบบนี้ และ ทำแบบนี้อีกนะคะ ไม่อย่างนั้นพี่ไม่พาน้องเที่ยวอีกแน่ “ เขาจ้องใบหน้าเรียวเล็กที่กำลังงอง้ำเพราะโดนเขาดุ “น้องนภา พี่ไม่ชอบน้องเข้าใจพี่ใช่มั้ย”

                  พรนภาเงยหน้าขึ้นมามองสามีด้วยความดีใจ ต้องกลั้นยิ้มเอาไว้ เดี๋ยวหาว่าไม่สลดกับคำพูดของเขา รู้อยู่แล้วว่าสามีคราวพ่อคนนี้ไม่เคยขัดใจสักอย่าง นี่อย่างไรล่ะถึงได้รักมากที่สุด “ขอบคุณค่ะ” ฉีกยิ้มให้คนตรงหน้า

                  “นี่แหนะ มันน่าตีนัก” เมธีพูดพร้อมเคาะหน้าผากของเธอเบา ๆ

                    “เค้ารู้ว่าพี่เมธีไม่ชอบ เค้าตั้งใจเอามาเองแหละ แต่ต่อไปไม่ทำอีกแล้วค่ะ แต่ว่าวันนี้ให้เค้าใส่ก่อนน้อ ๆ ฮา “ ยิ้มแป้นทำออดอ้อนออเซาะ

                  “หืย ! อย่าหัดเหลี่ยมกับผัวหล่า ขั้นยังอยากไปอีกหลาย ๆ หม่องนั่น” มองด้วยหางตาทว่าปนด้วยรอยยิ้ม เธอหัวเราะชอบใจมาก เขินที่โดนรู้ทันมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เข้ากอดสวมกอดเจ้าตัวแก้เขิน นาทีนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของกันและกัน

                  “หอมหน่อยเร็ว มาหอมก่อน ค่าอนุญาตให้เค้าใส่เสื้อผ้าถ่ายรูปทุกชุดที่นำมา” เธอถลาเข้ากอดและหอมเมธีไปฟอดใหญ่

                  “รีบใส่เสื้อผ้าเลย เสื้อกล้ามสีดำห้ามลงนะ ถ้าเห็นไม่คุยด้วยจริง ๆ “ ค่อนขอดให้เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ขมวดคิ้วไม่ค่อยพอใจนัก ทว่าก็ยอมตกลงแต่โดยดี เธอไม่ได้มีแค่เฟซบุ๊กอย่างเดียวนี่นา “ห้ามลงเฟซบุ๊ก ญาติเยอะ ! อยากลงเอาไปลงที่อื่นเข้าใจมั้ยคะ”

                    เธอเบิกตากว้างด้วยความดีใจ เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดต่อ “เย้ ! โอเคค่า” จากนั้นเธอก็รีบสวมชุดที่เตรียมมาอย่างด่วนจี๋

                    ชุดแรกที่เธอสวมออกไปถ่ายรูปข้างนอกคือ เสื้อโชว์หลังมัดคอสีส้ม พร้อมกระโปรงทรงเอลายการ์ตูน ใส่ออกมาแล้วดูดีไม่ดีไม่รู้ ตนเองชอบและมั่นใจก็พอ เมธีเป็นช่างภาพให้เธอเหมือนเดิม ไม่ว่างานไหน ๆ

                    “พี่เมธีมาถ่ายรูปมุมนี้ให้นภาหน่อยค่ะ” เดินไปใกล้ ๆ ฝายขนาดเล็ก เสียงน้ำตกเสียงนกร้องชวนให้นึกถึงบ้านที่ต่างจังหวัดมาก พวกเธอสองคนสลับกันถ่ายรูปให้กันและกันจนพอใจจึงกลับมาที่บ้านพักอีก

                     “ตอนเย็นรับหมูกระทะมั้ยคะ” เจ้าของรีสอร์ตเดินมาถาม เมธีนั่งอยู่ชานกระท่อม ได้ยินเพียงเสียงคุยกัน เพราะเธอเปลี่ยนชุดอยู่ด้านใน “ห้าโมงเย็นเดี๋ยวยกมาเสิร์ฟให้ค่ะ”

                      “รับครับ ! เอ่อ เบียร์ด้วย 2 ขวด” พอตอนสั่งเบียร์เขาแผ่วเสียงลง ทว่าก็ไม่เล็ดรอดหูของเธอไปได้ รีบเดินมายืนมองที่หน้าประตู

                     “หือ ! ทำไมต้องมีเบียร์ด้วย สั่งเสียงเบาเชียวนะ” พูดปนยิ้ม ทั้งเขาและเจ้าของรีสอร์ตหัวเราะให้กับคำพูดของเธอ

                       “ว่าไง ! ใครเป็นคนอนุมัติคะเนี่ย ฮา “

                     “ตามนั้นแหละค่ะ “ เธอตอบแล้วเจ้าของรีสอร์ตก็เดินกลับไป

                       เธอเปลี่ยนชุดออกสวมเสื้อกล้ามสีดำ กางเกงขาสั้นสีดำออกมานั่งเล่นที่ชานด้านนอกกับเขา ทว่าก็ต้องโดนค่อนขอดให้ด้วยสายตาไม่ชอบใจอีก “แต่ละชุดของน้องนี่นะคะ ล่อเสือล่อจระเข้มาก !”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่