ฝันหวาน (Sweet Dream) 97

กระทู้สนทนา

.

            เช้าวันหยุดพรนภาตื่นก่อนนาฬิกาปลุก ไม่ค่อยชอบอาการแบบนี้ของร่างกายนัก ที่นอนดึก ๆ แล้วตื่นเช้า เมื่อคืนกว่าจะหลับได้ก็ปาไปเกือบตีสามครึ่ง เพราะหิวข้าว เพราะคิดอะไรไปเรื่อยต่าง ๆ นานา แถมยังเจอดีเข้าให้อีก!

             ด้วยความที่เมื่อวานเธอทำไอเอฟ โดยการทานข้าวมื้อเดียวและทานกาแฟปั่น จึงทำให้ร่างกายตื่นตัวทำงานหนักกว่าปกติ พอตกดึกมาทำให้หิวและนอนไม่หลับ สุดท้ายก็ตะบะแตกจนได้ ตีสองเธอจึงตัดสินใจลุกไปต้มมาม่าทาน กว่าจะทานเสร็จปาเข้าไปตีสองครึ่ง

             พอทานข้าวเสร็จสบายตัวแล้ว จึงล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เมธีที่หลับสนิทไม่รู้เรื่องอะไรเลย คราวนี้เริ่มง่วง หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อนตามคำพังเพยที่กล่าวไว้ นอนตะแคงหันหน้าหันตัวไปกอดสามีตามปกติเช่นทุกวัน ทว่ากำลังจะเคลิ้มหลับดันได้ยินเสียงเคาะหนังสืออยู่บนหัวเตียง บนหัวเตียงนอนของเธอเอง! บางสิ่งบางอย่างในห้องช่างเหิมเกริมนัก

                 ฟังดี ๆ คล้ายหนังสือปลิวไปตามแรงลมพัด     เหมือนปลิวทีละหน้า ๆ แบบพัดเปิดไปทีละหน้า ๆ เพราะว่าเธอเปิดพัดลมนอน ฟังดี ๆ อีกก็คล้าย ๆ คนใช้ปากกาเคาะหนังสือ

             ป๊อก ๆ ๆ… อยู่อย่างนั้น พรนภาสดุ้งตื่น เสียงเคาะที่คุ้นเคยมาอีกแล้ว ก่อนหน้านั้นมักจะได้ยินเป็นเสียงเคาะขวดน้ำ ทว่าคืนนี้เสียงเคาะมันอยู่บนหัวนอนของเธอเลย อยู่บนหัวเตียงนอน เป็นเสียงเคาะหนังสือ เพราะเธอเอาหนังสือวางไว้บนหัวเตียง

             นอนฟังอยู่พักหนึ่งจึงกลั้นใจลืมตามอง ลุกขึ้นนั่งมองหนังสืออยู่บนหัวเตียงคนเดียว โดยไม่ยอมปลุกเมธี ใช้หลักเหตุผลเข้าพิจารณาก่อน เธอนั่งมองหนังสือที่มันสงบนิ่งราวกับไม่เคยต้องลม ประกอบกับหันไปมองพัดลมที่กำลังพัดหมุนทำงานอยู่ปลายเตียง

             นั่งมองอยู่นานหลายนาทีสลับกับมองพัดลม หนังสือที่วางอยู่บนหัวเตียงไม่ปลิวเลยแม้แต่แอะเดียว ถ้าเกิดมันจะปลิวเพราะแรงลมจากพัดลม ทำไมตอนนี้มันไม่ปลิว! ทำไมทุกอย่างนิ่งสงบ! แล้วเสียงหนังสือปลิวเมื่อครู่คืออะไร

             ยังไม่กล้าคิดว่าเป็นบางอย่างที่อยู่ในห้อง ก็ยังคิดว่าอาจจะเป็นเพราะแรงลมจากพัดลม ที่พัดมาทำให้หนังสือปลิว แต่เสียงของมันเหมือนไม่ใช่เสียงของหนังสือที่พัดปลิว เหมือนเสียงเคาะมากกว่า เธอจึงลุกขึ้นไปปิดพัดลมเอาไว้แล้วเปิดแอร์นอนแทน เก็บหนังสือเข้าตู้หัวเตียง ล็อกตู้ใส่กุญแจเอาไว้ ดูซิจะมีเสียงอะไรไหม! ถ้าไม่มีแปลว่าเธอคิดไปเองนึกในใจ แปลว่าพัดลมพัด

                  พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เธอก็ล้มตัวลงนอนอีกรอบ กำลังจะเคลิ้มหลับต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีก เพราะได้ยินเสียงเคาะหนังสืออีกรอบ ทั้งที่เธอเก็บหนังสือเข้าตู้ไปแล้ว พัดลมก็ปิดแล้ว แต่เสียงเคาะดันดังขึ้นมาอีก คราวนี้ชัดเลย! มันต้องเป็นบางอย่างที่อยู่ในห้องของเธอแน่ ๆ

             รอบนี้เธอเริ่มกลัว แต่ก็ยังนอนฟังเรื่อย ๆ ว่าเสียงเคาะจะหยุดไหม เพราะว่ามีเมธีนอนอยู่ข้าง ๆ จึงไม่กลัว คราวนี้มันเคาะเสียงดังกว่าเดิม รัวและเร็วกว่าเดิม ส่วนเมธีนอนหลับสนิทไม่รู้สึกตัวอะไรเลย ง่วงก็ง่วง กลัวก็กลัว รำคาญก็รำคาญ เริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป

             “โว้ย! รำคาญเว้ยเคาะอยู่ได้ พี่เมธี! พี่เมธีตื่นค่ะ ตื่น! มันมาเคาะอีกแล้วเนี่ย” พรนภาอุทาน ปลุกเมธีให้ตื่น พร้อมเขย่าตัวแรง ๆ อีกทั้งใช้เท้าถีบด้วยเลย ค่อยขอโทษทีหลัง เพราะกลัวว่าเมธีจะไม่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาฟังด้วย ปลุกให้เมธีตื่นมาฟังพร้อมกัน แต่ว่าเสียงเคาะนั้นก็ดันเงียบไปต่อหน้าต่อตาของเธอเฉยเลย เมื่อเมธีรู้สึกตัวตื่น

                 “อะไรคะน้องนภา” เมธีถามเสียงแหบพร่า งัวเงียตื่นตามแรงถีบ เห็นพรนภากำลังนั่งมองไปที่หัวเตียง “พี่ได้ยินอยู่ อย่าไปสนใจเลยค่ะ นอนเถอะนอน ๆ ค่ะ ก็แค่ลมพัดหนังสือปลิวค่ะ” พูดพร้อมเอื้อมมือมาผลักดึงตัวของพรนภาให้นอนลงไป ทั้งที่ตนเองไม่ได้ยินอะไรเลย แต่เพราะพรนภาเล่าให้ฟังอยู่บ่อยครั้งจึงพอเข้าใจและเชื่อ ที่พูดออกไปเช่นนั้นก็เพราะอยากให้พรนภาสบายใจ และ หายกลัว

             “มันมาอีกแล้ว! นภารำคาญ นภานอนไม่หลับค่ะ” เธอค่อนขอดให้สามี ค่อนขอดให้เสียงเคาะ มันไม่น่ากลัวแล้ว มันรำคาญมากกว่า “ลมพัดหนังสือปลิวอะไร พี่เมธีลืมตาแหกตาขึ้นมาดูสิ นภาเปิดพัดลมที่ไหน นภาเปิดแอร์ แล้วหนังสือก็อยู่ในตู้นี้” พูดพร้อมชี้ให้เมธีดู

             “อือ… นอน ๆ ค่ะ อย่าไปสนใจเลย” เมธีพูดพร้อมตบไปที่ตู้หัวเตียงนอนแรง ๆ หนึ่งทีแล้วหลับไป ไม่สนใจเธอด้วย ทว่าเธอก็ทำตามอย่างว่าง่าย ยอมนอนไปตามคำสั่งของเมธี แปลกแต่จริง! รอบนี้กลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยจนถึงเช้า

             หกโมงเช้าเธอตื่นนอนขึ้นมา เรื่องเมื่อคืนตีสามกว่าเธอถึงหลับได้ ตอนเช้ายังมาตื่นเช้าอีก มันหลับต่อไม่ได้จึงตัดสินใจลุกจากที่นอนไปล้างหน้าแปรงฟัน ยังไม่อาบน้ำในทันที ล้างหน้าเสร็จก็มาชงกาแฟนั่งทานที่โซฟา พร้อมนึกถึงเรื่องเมื่อคืนไปด้วย ที่ห้องก็มีพระ จะอะไรกันนักหนา

                 เคยเล่าให้เพื่อนของเมธีฟัง พี่ ๆ ทุกคนออกความเห็นว่าไม่ใช่ผี อาจเป็นกุมารที่คนในคอนโดนี้เลี้ยงเอาไว้ ไม่ใช่ผีแน่นอน! นานแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงเคาะสิ่งของในห้อง มีเมื่อคืนนี้ที่กลับมาได้ยินเสียงเคาะสิ่งของอีก

             พอทานกาแฟหมดแก้วจึงลุกไปทำกับข้าวรอสามีตามประสา วันหยุดนี้ทำเมนูอีสานเหมือนเดิม ทว่าเป็นแกงเห็ดขอนขาวใส่ผักก้านตรง อร่อยอย่าบอกใคร หุงข้าวไว้รอเสร็จสรรพ สามีคราวพ่อตื่นขึ้นมาจะได้พร้อมทานเลย ทุก ๆ วันเมธีเตรียมทุกอย่างไว้รอ วันหยุดเธอก็อยากทำอะไรไว้รอเมธีบ้าง เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ทำมาจากหัวใจ

             พอทำเสร็จทุกอย่างก็เข้าแปดโมงเช้าพอดี นาฬิกาปลุกของเธอดังขึ้น ทำให้เมธีตื่นนอน พรนภาเห็นสภาพของสามีอดยิ้มไม่ได้ เอ็นดูคนแก่นักในเวลานี้ “ตื่นเช้าจังค่ะ อะไรกันทำเป็นนอนดึกตื่นเช้าเด้เดี๋ยวหนิ เมื่อคืนนอนกี่โมง น้องตื่นกี่โมงคะ” เมธีถาม

             “เอ๋า… มันตื่นน้อ นภานอนต่อไม่หลับค่ะ ก็เลยตื่นมาแกงเห็ดรอคนดีกว่า เมื่อคืนเหรอนภานอนตีสามค่ะ” เธอพูดด้วยท่าทางบึ้งตึง รำคาญ กลัวอยู่หรอกแต่ก็รำคาญที่สุด

             “แล้วได้ยินเสียงอะไรอีกปะคะ หลังจากนั้น” เมธีถาม นั่งอยู่บนเตียงนอนยังไม่ยอมลุกไปอาบน้ำ

             “ม่าย! เงียบกริบค่ะ อะไรอ่า! นภาไม่เข้าใจ พี่เมธีห้องเรามันมีนะ มันมีจริง ๆ พระก็มีทำไมยังมีอีกอ่ะ” พรนภาบ่นด้วยความหงุดหงิด

             “อือ… ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คิดมากน่า ไปไหนมั้ยคะ” เขาเลิกคิ้วถามภรรยาสาว เอ็นดูกับการตื่นเช้าของภรรยานัก วันหยุดไม่เคยจะนอนตื่นสายสักที ทุกรอบก็เป็นแบบนี้เสมอตั้งแต่แต่งงานกันมา

             “ไปค่ะ! ว่าจะชวนไปร้านซีเอ็ด ไปหานิยายอ่านสักหน่อยค่ะ” เธอตอบ เมธียักคิ้วตกลงก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำ

             หลังจากที่พวกเธอทานข้าวเช้ากันเรียบร้อยก็เดินทางไปยังห้างสรรพสินค้ากันเลย ก่อนไปก็ไม่ลืมแวะร้านกาแฟกันก่อน เหมือนเดิมของเมธีเอสเพรสโซ่เย็นส่วนของเธอลาเต้ปั่น กาแฟที่พวกเธอชอบทาน มาถึงห้างสรรพสินค้าก็เดินมุ่งหน้าไปยังร้านขายหนังสือกันเลย เพื่อไปหาหนังสือนิยายบางเรื่อง

             เข้ามาในร้านหนังสือ ด้วยความที่ไม่อยากเสียเวลาหา พรนภาเดินไปถามกับพนักงานกันเลย ให้พนักงานหาให้จะดีกว่า “มีหนังสือเพชรพระอุมามั้ยคะ ตอนไหนก็ได้” พรนภาถามกับพนักงานที่เดินมาต้อนรับคนหนึ่ง

             “เดี๋ยวเช็กให้สักครู่นะคะ” พนักงานตอบ พร้อมหาข้อมูลให้ “ลูกค้าขาพอดีเพชรพระอุมาไม่มีเลย ในสต็อกใหญ่ก็ไม่มีค่ะ” พนักงานพูดพร้อมโชว์หลักฐานให้ดูด้วย พนักงานยืนคุยกับเธอ ส่วนเมธีขอเดินดูหนังสืออื่น ๆ รอ

             “ในร้านก็ไม่มี ในสต็อกก็ไม่มี สั่งก็ไม่ได้ด้วย เสียดายอ่ะ” พรนภาพูดอย่างคนเสียดาย พนักงานก็ส่ายหัวด้วยความเสียดายเช่นกัน “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวดูเรื่องอื่น ๆ ก็ได้ ไหน ๆ ก็ได้มาร้านหนังสือแล้ว” พูดจบพรนภาจึงเดินไปหาเมธีที่กำลังดูหนังสืออยู่เช่นกัน

             “น้อง!” เมธีชูหนังสือให้ดู เธอเห็นแล้วก็อดยิ้มให้ไม่ได้ หนังสือภาษาเกาหลี ฝึกพูดเกาหลี เอ็นดูในความคนแก่ชอบดูซีรี่ส์เกาหลี นอกจากติดเกมแล้วยังติดซีรี่ส์เกาหลีอีก ชอบดูแบบอ่านซับไตเติล ไม่ชอบดูแบบพากย์ไทย

             พรนภาอดขำไม่ได้ ขำพรืดออกมากันเลย “พี่เมธีตัวเองซื้อหนังสือเกาหลีไปทำไมอ่ะ ฮา” พูดปนหัวเราะ “หื้ย! จะแมนน้อ” ค่อนขอดให้อย่างตลก

             “เอาไปหัดพูดไง เค้าชอบ! แฮ่” เมธีตอบหน้าตาเฉย ยิ้มให้เธอแบบยอมรับความเป็นเด็กที่มีอยู่ในตัว “มีมั้ยคะเพชรพระอุมาน่ะ” ถามภรรยารุ่นลูก หนังสือนิยายซื้อมาเต็มชั้น ไม่เห็นแกะหนังสือเปิดอ่านสักเล่ม ทุกเล่มยังมีถุงพลาสติกหุ้มเอาไว้อยู่อย่างนั้น ด้วยความชอบของภรรยาจึงไม่คิดขัดใจ อยากซื้อมาสะสมก็ปล่อยให้ซื้อตามใจเลย

             “ไม่มีค่ะ ในสต็อกก็ไม่มีเห็นว่างั้น สั่งก็ไม่ได้ด้วยเพราะในสต็อกใหญ่เขาไม่มี” ตอบสามีพร้อมยืนเลือกนิยาย ขณะนั้นสายตาพลันมองไปเห็นหนังสือนิยายเล่มหนึ่ง อ่านชื่อนิยายน่าสนใจดีแฮะ ชื่อคล้าย ๆ กับนิยายที่เธอกำลังติดตามอ่านเลย อยากรู้ว่าเนื้อหาข้างในจะบังเอิญตรงกันไหมนะ

             นึกไปพลางหยิบหนังสือนิยายเล่มนั้นมาดู พลิกไปพลิกมาอยู่อย่างนั้น เปิดอ่านไม่ได้ เพราะมีพลาสติกหุ้มไว้ อีกเล่มก็น่าสนใจ แต่ใจของเธอมันชอบเล่มนี้มากกว่า เพราะว่ามันมีชื่อคล้ายกับนิยายที่เธอตามอ่านอยู่

             นิยายเล่มนี้ชื่อ ‘จดหมายรัก ฝันกลางวัน’ เป็นนิยายแปลของจีน “พี่เมธีนภาซื้อเล่มนี้นะ น่าอ่านอ่ะ ชื่อมันคล้ายนิยายที่นภากำลังติดตามเลย อยากรู้ว่าเนื้อหาข้างในจะเป็นยังไง จะคล้าย ๆ กันไหม” พูดปนยิ้ม พร้อมจินตนาการถึงเนื้อหาของนิยาย กลับไปถึงคอนโดจะรีบแกะอ่านเลยคอยดู

             “ชอบก็ซื้อค่ะ พี่ก็จะเอาเล่มนี้” เมธีพูด

             “พี่เมธีสร้างภาพให้นภาหน่อยค่า นภาจะทำคอนเทนต์ว่า มาหาเพชรพระอุมาแต่ได้ฝันกลางวันแทน ฮา” พูดด้วยความอารมณ์ดีพร้อมยื่นโทรศัพท์มือถือให้สามี เมธีรับไปอย่างรู้งาน จากนั้นก็กดถ่ายรูปให้เธอ

             “ดูก่อนค่ะได้หรือเปล่า แต่ว่าฝีมือชั้นนี้ มีหรือจะไม่ผ่าน อิอิ” เมธีได้โอกาสพูดชมตนเองเสียเลย ตากล้องประจำตัวของเธอล่ะ ความสุขของเธอเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือ ใหญ่ ๆ ทำให้ได้เสมอไม่มีบ่น

             “เคค่า… ปะจ่ายตังค์ กลับเหอะ อยากกลับไปเปิดอ่านค่ะ” พรนภาพูดปนยิ้ม จากนั้นทั้งสองคนก็เดินไปจ่ายตังค์หน้าเคาน์เตอร์ แล้วก็พากันกลับคอนโดเลย ไม่เที่ยวไหนต่อ

             มาถึงคอนโดพรนภาก็รีบแกะถุงหนังสืออ่านกันเลย อ่านไปยิ้มไป หัวเราะไป เนื้อหาถึงไม่เหมือนกัน แต่ก็คล้ายกัน แปลกแต่จริง! บังเอิญมาก อ่านไปหัวเราะไป หัวเราะให้กับความบังเอิญเหลือเกิน แต่! ลายมือของเขาน่าอ่านกว่ามาก ๆ เป็นร้อยเท่า

             เป็นเรื่องสมมุติของผู้หญิงคนหนึ่ง นางเอกเป็นบรรณาธิการของสำนักพิมพ์หนึ่ง จากนั้นก็แอบรักพระเอกที่เป็นบรรณาธิการด้วยกัน นางเอกแอบเขียนนิยายเรื่องหนึ่งขึ้นมา โดยไม่ให้ใครรู้ว่านามปากกานี้คือตนเอง

                 นางเอกแอบนำพระเอกที่ตนแอบรักมาใส่ในนิยาย ให้เป็นพระเอกของเรื่อง เนื้อหาของเรื่องนางเอกเขียนให้พระเอกหลงใหลตนเองมาก รักมาก เอาใจใส่เก่งมาก แต่ความเป็นจริงพระเอกไม่ได้สนใจในตัวนางเอกเลย แค่เพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง เพราะนางเอกเป็นคนที่เชยเฉิ่ม เป็นผู้หญิงที่ไม่น่ามองมาก ๆ

                 เพราะนางเอกแอบชอบพระเอกมาโดยตลอด จึงแอบนำพระเอกมาเพ้อฝัน เป็นฝันกลางวันของตนเอง! นางเอกนำความรักของตนเองที่มีให้พระเอกมาใส่ในนิยายที่ตนแอบเขียน นางเอกอยากให้ความรักของตนเองกับพระเอกเป็นแบบไหนก็เขียนไปตามใจคิด อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจมาก แต่พอมองความเป็นจริง พระเอกดูห่างเหินกับนางเอกเหลือเกิน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่