.
“พี่เมธีตื่นได้แล้ว ! ตื่นค่ะวันนี้เราจะไปไหนกันจำไม่ได้เหรอ ลืมแล้วหรือไงเนี่ย ฮ่วย....” พรนภานั่งลงที่ขอบเตียงเขย่าตัวสามีให้ตื่น ส่วนตนเองนั้นแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยพร้อมมาก ๆ มองคนนอนหลับพร้อมถอนหายใจด้วยความไม่ชอบใจนัก จำไม่ได้หรือไรว่าสัญญาอะไรกับเธอไว้ วันหยุดจะพาไปไหน พอถึงวันแล้วก็มานอนตื่นสายแบบนี้เหรอ พรนภามองค้อนให้คนที่หลับอยู่บนเตียง ขมวดคิ้วหน้าบึ้งให้อย่างไม่ชอบใจมาก “พี่เมธีตื่น !” ตะคอกไปที
เมธีลืมตาตื่นด้วยความงัวเงีย เห็นใบหน้ากลมมนได้รูปของภรรยาสาวนั่งทำบึ้งตึงอยู่ก็อดยิ้มไม่ได้ ทว่าก็ไม่ได้ใส่ใจ จำได้ว่าวันนี้ต้องพาเธอออกไปข้างนอก ไม่ได้ลืมสักหน่อยทำไมต้องทำหน้างอนตุ๊บป่องขนาดนั้น ปรายตามองพลางนึกตลกในใจ
“กอดหน่อยเร็ว พี่ขอกอดน้องก่อน” เมธียกแขนสองข้างขึ้นรับเตรียมโอบกอดร่างบางของภรรยาสาว รอคอยให้เธอโน้มตัวลงมาให้ตนเองได้กอด “กอดหน่อยค่ะ นอนลงเร็ว ๆ ขอพี่นอนกอดก่อนค่อยไปอาบน้ำ”
“ไม่เอา ! พี่เมธีตื่นเลยลุกไปอาบน้ำเลย สายแล้วค่ะ “ พรนภาปฏิเสธเสียงแข็ง มือกอดอกนั่งมองคนดื้อรั้นไม่ยอมลุกไปอาบน้ำสักที ไม่ยอมโน้มตัวให้กอดด้วย “เก้าโมงแล้วเนี่ย” พูดประชดเข้าให้ ใบหน้าบึ้งตึงด้วยความไม่ชอบใจมาก
“ไม่ ! ถ้าน้องนภาไม่ยอมนอนลงให้พี่กอดก่อน พี่ก็ไม่ลุกไปอาบน้ำ” ไม่พูดเฉยพลิกตัวตะแคงหลับต่อหน้าต่อตาให้ดูเสียเลย ไม่สนใจว่าพรนภาจะงอนหน้างอเป็นไข่มดแดงก็ตาม ไม่นานก็พลิกตัวกลับมานอนหงายท่าเดิม ยิ้มอวดฟันขาวให้พร้อมยกมือขึ้นรอรับตัวของพรนภาอีกที “นอนก่อนได้ไหม ขอกอดแป๊บเดียวเอง แล้วพี่จะรีบลุกไปอาบน้ำเลย”
คนถูกบังคับถอนหายใจเสียงดัง เบื่อกับนิสัยแบบเด็ก ๆ ของสามี คนแก่นี่ก็พูดยากเหมือนกันนะในบางครั้ง “ก็ได้ ! ฮ่วย ! เดี๋ยวเถอะพี่เมธี”
“น่า ไม่สายหรอกตัวเอง นอนลงมาเร็วอยากกอดแล้ว”
สุดท้ายพรนภาก็จำยอมต้องทำตามคำสั่ง นอนลงไปให้เมธีสวมกอด เมธีนอนกอดเธอไว้แน่นราวกับเกรงว่าเธอจะหายไป ถึงจะเป็นการบังคับทว่าอ้อมกอดของเมธีอบอุ่นเสมอ จนทำให้เธอเคลิ้มเกือบเผลอหลับไปด้วย ถ้าไม่ติดว่าอยากออกมาข้างนอกเปิดหูเปิดตาบ้าง เธอคงหลับไปด้วยแล้ว หลับภายใต้อ้อมกอดของเมธีที่แสนอบอุ่น
“พี่เมธีพอได้แล้วค่ะ ตื่นเถอะไหนบอกจะพานภาไปร้านกาแฟไง ลืมแล้วเหรอ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ไม่บังคับ ไม่ประชดประชันเหมือนรอบแรก ร่างกายของเธอยังอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขา “สายแล้วนะคะ จะสิบโมงแล้วค่ะ พี่เมธีจะพานภาไปตอนไหน”
“ไปตอนนี้แหละค่า” พูดจบหอมแก้มนิ่ม ๆ ของเธอไปหนึ่งที “พี่ไปอาบน้ำแล้ว ขอสามสิบนาทีค่ะ” เมธีคลายวงแขนออกจากตัวของเธอ ยันตัวเองลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป
พรนภามองตามด้วยรอยยิ้มที่รักมาก รักผู้ชายคนนี้มากเหลือเกิน เมื่อสักครู่ที่ว่าคนแก่พูดยากตอนนี้ขอถอนคำพูด เปลี่ยนเป็นคนแก่ก็น่ารักดีเหมือนกันนะตอนที่พูดง่าย ๆ เนี่ย อมยิ้มพลางนึกในใจ ก่อนที่ตนเองจะลุกไปแต่งตัวจัดระเบียบผมเพ้าใหม่อีกรอบ
ทั้งสองคนพร้อมแล้วกับการเดินทาง “บางพระเรือ ณ ห้วยท่าไทรค่ะ เดี๋ยวนภาตั้ง GPS ก่อน แต่เราเคยไปแล้วนะพี่เมธีจำทางไปไม่ได้เหรอ” ขณะอยู่ในรถกำลังจะขับออกไป พรนภาเป็นคนจัดแจงเรื่องเส้นทาง ถึงจะเคยไปแล้วก็ยังต้องเปิดแผนที่ออนไลน์
“เปิดเลยค่ะเผื่อหลงจะได้ไม่เสียเวลาไง”
“ทีแบบนี้รู้จักเสียเวลานะคะ ทีเมื่อเช้าที่ห้องน่ะลีลานักกว่าจะลุกไปอาบน้ำได้ หืย !” เหน็บไปหนึ่งที คนโดนเหน็บหัวเราะชอบใจใหญ่ เสียงบอกเส้นทางจาก GPS ก็กำลังพูดบอกเส้นทางเป็นระยะ ๆ
“เอ๋า... เค้าก็อยากกอดเมียก่อนไปอาบน้ำน้อ จะได้มีกำลังใจอาบน้ำแหม”
“เหรอ ! “
“ค่ะ !” พร้อมยื่นมือมาหยิบปลายคางของเธอเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู เมธีขับไปตามเส้นทาง เลี้ยวเข้าซอยขับตรงไปเรื่อย ๆ จากทางด่วนจากถนนใหญ่กลายเป็นซอยเล็ก ๆ และเปลี่ยว สองข้างทางเป็นป่าเล็กน้อย มีบ้านคนประปราย ผ่านหมู่บ้านหนึ่งหมู่บ้านก่อนจะถึง
“น้องเรามารอบก่อนมันเปลี่ยวแบบนี้มั้ยตอนนั้นน่ะ เรามาถูกทางปะเนี่ย” เมธีเปรยถามเบา ๆ ด้วยความไม่แน่ใจเส้นทางเข้าให้แล้ว “นภาตั้ง GPS ถูกเปล่าคะ”
“ถูกค่ะ ! เนี่ยนภาพิมพ์ว่าบางพระเรือ ณ ห้วยท่าไทรเนี่ย” ยื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้สามีดู “ตอนเรามารอบแรกก็เปลี่ยวแบบนี้แหละนภาจำได้” พรนภาเองก็รู้สึกลังเล ไม่แน่ใจว่าตอนมาครั้งแรกเปลี่ยวแบบนี้ไหม เธอจำไม่ค่อยได้มันนานพอสมควร เพียงแต่พูดปลอบใจกันเองก็เท่านั้น
เขามองดูหน้าจอที่พรนภาพิมพ์มันก็ถูกต้องแล้ว “GPS มันลวงเรามาฆ่าหรือเปล่าหนิน้อง ฮา” เมธีพูดกลั้วหัวเราะ ทว่าก็ยังขับไปตามเส้นทางในแผนที่ออนไลน์เรื่อย ๆ
“วนรถกลับมั้ยล่ะถ้างั้น ไปทะเลแทน” พรนภาแสดงความคิดเห็น เธอก็รู้สึกลังเลเหมือนกัน
“ไม่ค่ะ ไหน ๆ ก็ได้มากันแล้ว ถ้าไปถึงมันไม่มีอะไรค่อยกลับ พี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะพาเราไปถึงมั้ย” เมธีมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าต่อ พอขับรถไปสักพักเห็นป้ายห้วยท่าไทรอยู่ตรงหน้าทำให้พวกเธอใจชื้นขึ้นมาเป็นเท่าตัว เชื่อมั่นว่ามาถูกทางกันแล้ว
ขับตรงไปอีก 1.5 ร้อยเมตรจุดหมายของคุณจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ... ถึงแล้วจุดหมายของคุณอยู่ฝั่งทางซ้ายมือ...
สุดท้ายพวกเธอสองคนก็มาถึงจุดหมายปลายทางจนได้ ทว่าก็ต้องผิดหวังเมื่อทางเข้าร้านขึ้นป้ายตัวใหญ่เลยว่า
ขออภัยค่ะเนื่องจากช่วงนี้มีโรคระบาดโควิด 19 ทางร้านจึงของดให้บริการชั่วคราว ต้องขอภัยทุกท่านเป็นอย่างสูง
พรนภาทำหน้ามุ่ยบอกบุญไม่รับ ยืนกอดอกอ่านป้ายที่เขียนติดไว้หน้าทางเข้า อุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงนี่ ก่อนมาก็ค้นข้อมูลแล้ว ทางร้านบอกเปิดทุกวัน เปิดอยู่ ! เธอถึงได้ดั้นด้นมา สุดท้ายก็ต้องผิดหวังกลับไป
“ไม่เป็นไรงั้นเราไปนั่งทะเลกันก็ได้น้อไหน ๆ ก็ได้ออกมาแล้วไง หรือน้องจะไปที่ไหนละ บอกเค้าได้เลย เค้าพาไป ฮา อิหล่าน้อยผิดหวัง” เมธียืนอ่านป้ายข้าง ๆ เธอพูดขึ้นเพื่อปลอบใจ ทั้งสงสารและนึกขันกับความผิดหวังของพรนภา ยกมือขึ้นมาชวนคอเธอ เอาท่อนแขนวางบนไหล่ของเธอยืนดูป้ายที่ทางร้านเขียนติดไว้
“ทะเลก็ทะเล ไปไหนก็ได้นภายังไม่อยากกลับคอนโดตอนนี้อ่ะ” คนผิดหวังหน้ามุ่ยหันมาตอบสามี เธอพอทราบว่าโควิด 19 รอบนี้ทำให้ร้านต่าง ๆ ปิดกันเกือบหมด ก็ไม่คิดว่าที่นี่จะปิดด้วยเธอคาดการณ์แค่ว่าซื้อกลับไปได้แต่ห้ามนั่ง ที่นี่ที่นั่งแต่ละโต๊ะแต่ละมุมก็ไม่ได้ติดกันด้วย ไม่คิดว่าจะปิดเหมือนกัน
“บางแสนเนอะ รอดูแนวโน้มเดือนหน้า ถ้ามันซาลงเราค่อยออกต่างจังหวัด พี่สัญญาด้วยเกียรติของคนหล่อค่ะ อิอิ” ยกสามนิ้วขึ้นมาชูฉีกยิ้มให้ภรรยาสาว ก่อนจะชวนคอเดินกลับไปขึ้นรถ ขับต่อไปที่ทะเลบางแสนแทน
เมธีขับรถต่อไปเรื่อย ๆ มุ่งหน้ามายังหาดบางแสนนั่งชมทะเลสักหน่อยค่อยกลับก็ได้ พอมาถึงหาดบางแสน ร้านรวงต่าง ๆ ปิดหมด ไม่แน่ใจว่าตอนกลางคืนเปิดให้บริการหรือไม่ ทว่าตอนกลางวันแบบนี้ไม่มีร้านไหนเปิดเลย ความคิดที่ว่าจะมาหาอะไรทานแถวนี้ก็ต้องผิดหวังไปอีก สุดท้ายก็ไปจบที่ร้านสะดวกซื้อ หาของกินทานรองท้องไปก่อน
เมธีจอดรถที่หน้าร้านสะดวกซื้อตรงข้ามกับหาด พวกเธอสองคนเข้าไปเลือกสิ่งที่ต้องการจะทาน ก่อนจะขับรถวนหาที่จอดริมหาดอีกครั้ง สุดท้ายก็ได้ที่ ๆ คิดว่าเหมาะที่สุด มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประปราย ไม่เหมือนช่วงก่อนมีโรคระบาด ป่านนี้คงจะวุ่นวายน่าดูผู้คนเต็มหาดแน่นอน ยิ่งวันหยุดแบบนี้ด้วย อย่าหวังว่าจะมีที่ว่างให้นั่ง แต่ว่าวันนี้หาดเหลือที่ว่างเต็มเลย จะเลือกนั่งตรงไหนก็ได้ตามสบาย
ถึงจะเป็นทะเลที่เคยมาหลายครั้งมันก็ยังตื่นเต้นในใจอยู่เสมอ ทะเลวันนี้ผิดแผกไปจากเดิมมาก ๆ บางแสนวันนี้สวยงามเหลือเกิน หาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลไม่ขุ่น นักท่องเที่ยวบางตา เมธีนำเสื่อมาปูนั่งใต้ร่มไม้ริมหาด พอมีนักท่องเที่ยวมาใหม่ ทางเทศบาลก็ประกาศข้อห้ามต่าง ๆ ประกาศบ่อยเสียจนรำคาญในความรู้สึก รู้แล้วน่าประกาศอยู่ได้ !
บรรยากาศโดยรอบเย็นสบาย ลมพัดเอาไอทะเลและแดดมาปะทะผิว ถึงอยู่ในร่มก็ยังรู้สึกได้รับไออุ่นจากแดดและเหนียวเหนอะพอประมาณ พรนภาไม่กล้าออกจากร่มใต้ต้นไม้เลย แดดร้อนมาก ถึงอย่างนั้นวิวทะเลมันก็ยังสวยแม้แดดจะแรง
แม่ค้าก็ชอบเดินวนเวียนมาขายของกินเสมอ เธอกับเมธีก็ช่วยซื้อ แม่ค้าบอกว่าขายได้แค่วันเสาร์และอาทิตย์ส่วนวันจันทร์ถึงวันศุกร์ทางเทศบาลไม่ให้ขายเลย ทีแรกพวกเธอลังเลจะซื้อดีหรือเปล่า เห็นเขาประกาศห้ามรับประทานอาหารและเครื่องดื่มใด ๆ ทั้งสิ้น ห้ามนั่งจับกลุ่มกัน แม้ค้ายืนตาละห้อยเหมือนบังคับพวกเธอไปในตัว “กินได้จ้ะหนู ถ้ากินแบบนี้ แต่ถ้าเมาสังสรรค์น่ะไม่ได้”
“แน่นะคะ ทำไมเค้าประกาศจัง ประกาศจนพวกหนูเกรงใจหมดแล้วเนี่ย” ทั้งแม่ค้าและเมธีหัวเราะให้กับคำพูดของเธอ สุดท้ายก็ได้ควักเงินซื้อจนได้ แต่ก็ไม่กล้าทานอยู่ดี ซื้อไปอย่างนั้นเอง
“พี่เมธีถ่ายรูปให้เค้าหน่อย เนี่ย ๆ ลุกมาถ่ายตรงนี้ พี่เมธีมายืนถ่ายรูปให้เค้าตรงนี้ให้มันเห็นทะเลด้วย” ระหว่างนั่งชมผืนน้ำทะเลพรนภาใช้ให้เมธีเก็บภาพถ่ายรูปให้ตนเอง มาเที่ยวแบบนี้มีเหรอเธอจะพลาด ต้องเก็บภาพทุกที่ทุกอิริยบถ
“ครับ หนึ่งสองซั่ม... เค เปลี่ยนท่าค่ะ” เขากดถ่ายรูปจากโทรศัพท์ให้เธอด้วยความชำนาญ “อ่ะมองแก้วน้ำค่ะ เค ! เปลี่ยนท่าค่ะ มองไหล่ ๆ เค ! มองเท้าค่ะ เค ! มองไปเรื่อยค่ะ มองไปเรื่อย เค ! เสร็จแล้ว ดูมั้ย” เมธียื่นโทรศัพท์ให้เธอเช็ครูปตัวเอง “ฝีมือระดับพี่สวยทุกรูป”
“ค่า ! ขาตั้งกล้องที่น่ารักของเค้า” พรนภาอวยสามีคราวพ่อ เมธีจะได้มีแรงกายแรงใจถ่ายรูปให้ตัวเองเยอะ ๆ พร้อมเลื่อนดูรูปตัวเองอย่างมีความสุข
“เย้ย ! ขาตั้งกล้องว่าซั่น ช่างภาพก็พอม๊าง ฮา “ พูดกลั้วหัวเราะยิ้มอวดฟันสวยให้เธอ พรนภานางแบบที่น่ารักของเขาเช่นกัน
“เค้าลองถ่ายรูปพี่เมธีกับทะเลมั่ง”
“ไม่เอาอ่ะ เฮ้ย ! อย่านะเค้ารู้นะว่าแอบเข้ากล้องไว้แล้ว !” ร้อนตัวระแวงไว้ก่อน ประสบการณ์ที่ผ่าน ๆ มาสอนเขาไว้หมดแล้ว
ฮา ! พรนภาหัวเราะพอใจมากที่ได้เห็นอาการระแวงของคนตรงหน้า “อะไรพี่เมธีเค้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย ร้อนตัวนะเราอ่ะ” พรนภาหัวเราะชูหน้าจอโทรศัพท์ให้เขาดูด้วยความบริสุทธิ์ใจ เธอยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย
ทั้งสองคนหัวเราะระริกระรี้ให้แก่กัน เป็นภาพกุ๊กกิ๊กที่คนอื่นมองมาต้องอิจฉา เสียแต่ว่าอายุของเธอกับเขามันไม่ค่อยบาลานซ์กันเท่าที่ควรเหมือนคู่อื่น ๆ ที่มาที่นี่ หากแต่ว่าพวกเธอก็ไม่สนใจสายตาของใคร ความรักเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะรักจะชอบกับใครก็ได้ ขอแค่ไม่ทำให้ใครต้องเดือดร้อนก็พอ
“ประสบการณ์ที่ผ่านมามันย้ำเตือนให้พี่ต้องระวัง หึหึ !” เมธีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง หากแต่ว่าเป็นเพียงการพูดหยอกล้อเท่านั้น “ไม่ได้แอ้มเค้าหรอกจ้ะที่รัก”
“เหรอ ! ถ้าเค้าสั่งให้ตัวเองถ่ายรูปล่ะ ตัวเองก็ต้องยอมถ่าย เพราะว่าถ้าหากตัวเองไม่ยอมให้เค้าถ่ายรูปให้ แปลว่าพี่เมธีไม่รักเค้า” พูดลอยหน้าลอยตา ไม่สนใจสายตาคมเข้มคู่นั้นที่กำลังจ้องมองมายังตนเองเลย “กล้องไหนดีน๊า กล้องสดหรือคาเมร่าดีน๊า อิอิ “ พูดด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขที่สุด มือก็กดเข้ากล้องโทรศัพท์เตรียมความพร้อมเก็บภาพเมธีให้ได้มากที่สุด “หายกันกับวันก่อนที่บังคับให้นภาซดน้ำแกง”
ฝันหวาน (Sweet Dream) 40
.
“พี่เมธีตื่นได้แล้ว ! ตื่นค่ะวันนี้เราจะไปไหนกันจำไม่ได้เหรอ ลืมแล้วหรือไงเนี่ย ฮ่วย....” พรนภานั่งลงที่ขอบเตียงเขย่าตัวสามีให้ตื่น ส่วนตนเองนั้นแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยพร้อมมาก ๆ มองคนนอนหลับพร้อมถอนหายใจด้วยความไม่ชอบใจนัก จำไม่ได้หรือไรว่าสัญญาอะไรกับเธอไว้ วันหยุดจะพาไปไหน พอถึงวันแล้วก็มานอนตื่นสายแบบนี้เหรอ พรนภามองค้อนให้คนที่หลับอยู่บนเตียง ขมวดคิ้วหน้าบึ้งให้อย่างไม่ชอบใจมาก “พี่เมธีตื่น !” ตะคอกไปที
เมธีลืมตาตื่นด้วยความงัวเงีย เห็นใบหน้ากลมมนได้รูปของภรรยาสาวนั่งทำบึ้งตึงอยู่ก็อดยิ้มไม่ได้ ทว่าก็ไม่ได้ใส่ใจ จำได้ว่าวันนี้ต้องพาเธอออกไปข้างนอก ไม่ได้ลืมสักหน่อยทำไมต้องทำหน้างอนตุ๊บป่องขนาดนั้น ปรายตามองพลางนึกตลกในใจ
“กอดหน่อยเร็ว พี่ขอกอดน้องก่อน” เมธียกแขนสองข้างขึ้นรับเตรียมโอบกอดร่างบางของภรรยาสาว รอคอยให้เธอโน้มตัวลงมาให้ตนเองได้กอด “กอดหน่อยค่ะ นอนลงเร็ว ๆ ขอพี่นอนกอดก่อนค่อยไปอาบน้ำ”
“ไม่เอา ! พี่เมธีตื่นเลยลุกไปอาบน้ำเลย สายแล้วค่ะ “ พรนภาปฏิเสธเสียงแข็ง มือกอดอกนั่งมองคนดื้อรั้นไม่ยอมลุกไปอาบน้ำสักที ไม่ยอมโน้มตัวให้กอดด้วย “เก้าโมงแล้วเนี่ย” พูดประชดเข้าให้ ใบหน้าบึ้งตึงด้วยความไม่ชอบใจมาก
“ไม่ ! ถ้าน้องนภาไม่ยอมนอนลงให้พี่กอดก่อน พี่ก็ไม่ลุกไปอาบน้ำ” ไม่พูดเฉยพลิกตัวตะแคงหลับต่อหน้าต่อตาให้ดูเสียเลย ไม่สนใจว่าพรนภาจะงอนหน้างอเป็นไข่มดแดงก็ตาม ไม่นานก็พลิกตัวกลับมานอนหงายท่าเดิม ยิ้มอวดฟันขาวให้พร้อมยกมือขึ้นรอรับตัวของพรนภาอีกที “นอนก่อนได้ไหม ขอกอดแป๊บเดียวเอง แล้วพี่จะรีบลุกไปอาบน้ำเลย”
คนถูกบังคับถอนหายใจเสียงดัง เบื่อกับนิสัยแบบเด็ก ๆ ของสามี คนแก่นี่ก็พูดยากเหมือนกันนะในบางครั้ง “ก็ได้ ! ฮ่วย ! เดี๋ยวเถอะพี่เมธี”
“น่า ไม่สายหรอกตัวเอง นอนลงมาเร็วอยากกอดแล้ว”
สุดท้ายพรนภาก็จำยอมต้องทำตามคำสั่ง นอนลงไปให้เมธีสวมกอด เมธีนอนกอดเธอไว้แน่นราวกับเกรงว่าเธอจะหายไป ถึงจะเป็นการบังคับทว่าอ้อมกอดของเมธีอบอุ่นเสมอ จนทำให้เธอเคลิ้มเกือบเผลอหลับไปด้วย ถ้าไม่ติดว่าอยากออกมาข้างนอกเปิดหูเปิดตาบ้าง เธอคงหลับไปด้วยแล้ว หลับภายใต้อ้อมกอดของเมธีที่แสนอบอุ่น
“พี่เมธีพอได้แล้วค่ะ ตื่นเถอะไหนบอกจะพานภาไปร้านกาแฟไง ลืมแล้วเหรอ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ไม่บังคับ ไม่ประชดประชันเหมือนรอบแรก ร่างกายของเธอยังอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขา “สายแล้วนะคะ จะสิบโมงแล้วค่ะ พี่เมธีจะพานภาไปตอนไหน”
“ไปตอนนี้แหละค่า” พูดจบหอมแก้มนิ่ม ๆ ของเธอไปหนึ่งที “พี่ไปอาบน้ำแล้ว ขอสามสิบนาทีค่ะ” เมธีคลายวงแขนออกจากตัวของเธอ ยันตัวเองลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป
พรนภามองตามด้วยรอยยิ้มที่รักมาก รักผู้ชายคนนี้มากเหลือเกิน เมื่อสักครู่ที่ว่าคนแก่พูดยากตอนนี้ขอถอนคำพูด เปลี่ยนเป็นคนแก่ก็น่ารักดีเหมือนกันนะตอนที่พูดง่าย ๆ เนี่ย อมยิ้มพลางนึกในใจ ก่อนที่ตนเองจะลุกไปแต่งตัวจัดระเบียบผมเพ้าใหม่อีกรอบ
ทั้งสองคนพร้อมแล้วกับการเดินทาง “บางพระเรือ ณ ห้วยท่าไทรค่ะ เดี๋ยวนภาตั้ง GPS ก่อน แต่เราเคยไปแล้วนะพี่เมธีจำทางไปไม่ได้เหรอ” ขณะอยู่ในรถกำลังจะขับออกไป พรนภาเป็นคนจัดแจงเรื่องเส้นทาง ถึงจะเคยไปแล้วก็ยังต้องเปิดแผนที่ออนไลน์
“เปิดเลยค่ะเผื่อหลงจะได้ไม่เสียเวลาไง”
“ทีแบบนี้รู้จักเสียเวลานะคะ ทีเมื่อเช้าที่ห้องน่ะลีลานักกว่าจะลุกไปอาบน้ำได้ หืย !” เหน็บไปหนึ่งที คนโดนเหน็บหัวเราะชอบใจใหญ่ เสียงบอกเส้นทางจาก GPS ก็กำลังพูดบอกเส้นทางเป็นระยะ ๆ
“เอ๋า... เค้าก็อยากกอดเมียก่อนไปอาบน้ำน้อ จะได้มีกำลังใจอาบน้ำแหม”
“เหรอ ! “
“ค่ะ !” พร้อมยื่นมือมาหยิบปลายคางของเธอเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู เมธีขับไปตามเส้นทาง เลี้ยวเข้าซอยขับตรงไปเรื่อย ๆ จากทางด่วนจากถนนใหญ่กลายเป็นซอยเล็ก ๆ และเปลี่ยว สองข้างทางเป็นป่าเล็กน้อย มีบ้านคนประปราย ผ่านหมู่บ้านหนึ่งหมู่บ้านก่อนจะถึง
“น้องเรามารอบก่อนมันเปลี่ยวแบบนี้มั้ยตอนนั้นน่ะ เรามาถูกทางปะเนี่ย” เมธีเปรยถามเบา ๆ ด้วยความไม่แน่ใจเส้นทางเข้าให้แล้ว “นภาตั้ง GPS ถูกเปล่าคะ”
“ถูกค่ะ ! เนี่ยนภาพิมพ์ว่าบางพระเรือ ณ ห้วยท่าไทรเนี่ย” ยื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้สามีดู “ตอนเรามารอบแรกก็เปลี่ยวแบบนี้แหละนภาจำได้” พรนภาเองก็รู้สึกลังเล ไม่แน่ใจว่าตอนมาครั้งแรกเปลี่ยวแบบนี้ไหม เธอจำไม่ค่อยได้มันนานพอสมควร เพียงแต่พูดปลอบใจกันเองก็เท่านั้น
เขามองดูหน้าจอที่พรนภาพิมพ์มันก็ถูกต้องแล้ว “GPS มันลวงเรามาฆ่าหรือเปล่าหนิน้อง ฮา” เมธีพูดกลั้วหัวเราะ ทว่าก็ยังขับไปตามเส้นทางในแผนที่ออนไลน์เรื่อย ๆ
“วนรถกลับมั้ยล่ะถ้างั้น ไปทะเลแทน” พรนภาแสดงความคิดเห็น เธอก็รู้สึกลังเลเหมือนกัน
“ไม่ค่ะ ไหน ๆ ก็ได้มากันแล้ว ถ้าไปถึงมันไม่มีอะไรค่อยกลับ พี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะพาเราไปถึงมั้ย” เมธีมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าต่อ พอขับรถไปสักพักเห็นป้ายห้วยท่าไทรอยู่ตรงหน้าทำให้พวกเธอใจชื้นขึ้นมาเป็นเท่าตัว เชื่อมั่นว่ามาถูกทางกันแล้ว
ขับตรงไปอีก 1.5 ร้อยเมตรจุดหมายของคุณจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ... ถึงแล้วจุดหมายของคุณอยู่ฝั่งทางซ้ายมือ...
สุดท้ายพวกเธอสองคนก็มาถึงจุดหมายปลายทางจนได้ ทว่าก็ต้องผิดหวังเมื่อทางเข้าร้านขึ้นป้ายตัวใหญ่เลยว่า
ขออภัยค่ะเนื่องจากช่วงนี้มีโรคระบาดโควิด 19 ทางร้านจึงของดให้บริการชั่วคราว ต้องขอภัยทุกท่านเป็นอย่างสูง
พรนภาทำหน้ามุ่ยบอกบุญไม่รับ ยืนกอดอกอ่านป้ายที่เขียนติดไว้หน้าทางเข้า อุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงนี่ ก่อนมาก็ค้นข้อมูลแล้ว ทางร้านบอกเปิดทุกวัน เปิดอยู่ ! เธอถึงได้ดั้นด้นมา สุดท้ายก็ต้องผิดหวังกลับไป
“ไม่เป็นไรงั้นเราไปนั่งทะเลกันก็ได้น้อไหน ๆ ก็ได้ออกมาแล้วไง หรือน้องจะไปที่ไหนละ บอกเค้าได้เลย เค้าพาไป ฮา อิหล่าน้อยผิดหวัง” เมธียืนอ่านป้ายข้าง ๆ เธอพูดขึ้นเพื่อปลอบใจ ทั้งสงสารและนึกขันกับความผิดหวังของพรนภา ยกมือขึ้นมาชวนคอเธอ เอาท่อนแขนวางบนไหล่ของเธอยืนดูป้ายที่ทางร้านเขียนติดไว้
“ทะเลก็ทะเล ไปไหนก็ได้นภายังไม่อยากกลับคอนโดตอนนี้อ่ะ” คนผิดหวังหน้ามุ่ยหันมาตอบสามี เธอพอทราบว่าโควิด 19 รอบนี้ทำให้ร้านต่าง ๆ ปิดกันเกือบหมด ก็ไม่คิดว่าที่นี่จะปิดด้วยเธอคาดการณ์แค่ว่าซื้อกลับไปได้แต่ห้ามนั่ง ที่นี่ที่นั่งแต่ละโต๊ะแต่ละมุมก็ไม่ได้ติดกันด้วย ไม่คิดว่าจะปิดเหมือนกัน
“บางแสนเนอะ รอดูแนวโน้มเดือนหน้า ถ้ามันซาลงเราค่อยออกต่างจังหวัด พี่สัญญาด้วยเกียรติของคนหล่อค่ะ อิอิ” ยกสามนิ้วขึ้นมาชูฉีกยิ้มให้ภรรยาสาว ก่อนจะชวนคอเดินกลับไปขึ้นรถ ขับต่อไปที่ทะเลบางแสนแทน
เมธีขับรถต่อไปเรื่อย ๆ มุ่งหน้ามายังหาดบางแสนนั่งชมทะเลสักหน่อยค่อยกลับก็ได้ พอมาถึงหาดบางแสน ร้านรวงต่าง ๆ ปิดหมด ไม่แน่ใจว่าตอนกลางคืนเปิดให้บริการหรือไม่ ทว่าตอนกลางวันแบบนี้ไม่มีร้านไหนเปิดเลย ความคิดที่ว่าจะมาหาอะไรทานแถวนี้ก็ต้องผิดหวังไปอีก สุดท้ายก็ไปจบที่ร้านสะดวกซื้อ หาของกินทานรองท้องไปก่อน
เมธีจอดรถที่หน้าร้านสะดวกซื้อตรงข้ามกับหาด พวกเธอสองคนเข้าไปเลือกสิ่งที่ต้องการจะทาน ก่อนจะขับรถวนหาที่จอดริมหาดอีกครั้ง สุดท้ายก็ได้ที่ ๆ คิดว่าเหมาะที่สุด มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประปราย ไม่เหมือนช่วงก่อนมีโรคระบาด ป่านนี้คงจะวุ่นวายน่าดูผู้คนเต็มหาดแน่นอน ยิ่งวันหยุดแบบนี้ด้วย อย่าหวังว่าจะมีที่ว่างให้นั่ง แต่ว่าวันนี้หาดเหลือที่ว่างเต็มเลย จะเลือกนั่งตรงไหนก็ได้ตามสบาย
ถึงจะเป็นทะเลที่เคยมาหลายครั้งมันก็ยังตื่นเต้นในใจอยู่เสมอ ทะเลวันนี้ผิดแผกไปจากเดิมมาก ๆ บางแสนวันนี้สวยงามเหลือเกิน หาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลไม่ขุ่น นักท่องเที่ยวบางตา เมธีนำเสื่อมาปูนั่งใต้ร่มไม้ริมหาด พอมีนักท่องเที่ยวมาใหม่ ทางเทศบาลก็ประกาศข้อห้ามต่าง ๆ ประกาศบ่อยเสียจนรำคาญในความรู้สึก รู้แล้วน่าประกาศอยู่ได้ !
บรรยากาศโดยรอบเย็นสบาย ลมพัดเอาไอทะเลและแดดมาปะทะผิว ถึงอยู่ในร่มก็ยังรู้สึกได้รับไออุ่นจากแดดและเหนียวเหนอะพอประมาณ พรนภาไม่กล้าออกจากร่มใต้ต้นไม้เลย แดดร้อนมาก ถึงอย่างนั้นวิวทะเลมันก็ยังสวยแม้แดดจะแรง
แม่ค้าก็ชอบเดินวนเวียนมาขายของกินเสมอ เธอกับเมธีก็ช่วยซื้อ แม่ค้าบอกว่าขายได้แค่วันเสาร์และอาทิตย์ส่วนวันจันทร์ถึงวันศุกร์ทางเทศบาลไม่ให้ขายเลย ทีแรกพวกเธอลังเลจะซื้อดีหรือเปล่า เห็นเขาประกาศห้ามรับประทานอาหารและเครื่องดื่มใด ๆ ทั้งสิ้น ห้ามนั่งจับกลุ่มกัน แม้ค้ายืนตาละห้อยเหมือนบังคับพวกเธอไปในตัว “กินได้จ้ะหนู ถ้ากินแบบนี้ แต่ถ้าเมาสังสรรค์น่ะไม่ได้”
“แน่นะคะ ทำไมเค้าประกาศจัง ประกาศจนพวกหนูเกรงใจหมดแล้วเนี่ย” ทั้งแม่ค้าและเมธีหัวเราะให้กับคำพูดของเธอ สุดท้ายก็ได้ควักเงินซื้อจนได้ แต่ก็ไม่กล้าทานอยู่ดี ซื้อไปอย่างนั้นเอง
“พี่เมธีถ่ายรูปให้เค้าหน่อย เนี่ย ๆ ลุกมาถ่ายตรงนี้ พี่เมธีมายืนถ่ายรูปให้เค้าตรงนี้ให้มันเห็นทะเลด้วย” ระหว่างนั่งชมผืนน้ำทะเลพรนภาใช้ให้เมธีเก็บภาพถ่ายรูปให้ตนเอง มาเที่ยวแบบนี้มีเหรอเธอจะพลาด ต้องเก็บภาพทุกที่ทุกอิริยบถ
“ครับ หนึ่งสองซั่ม... เค เปลี่ยนท่าค่ะ” เขากดถ่ายรูปจากโทรศัพท์ให้เธอด้วยความชำนาญ “อ่ะมองแก้วน้ำค่ะ เค ! เปลี่ยนท่าค่ะ มองไหล่ ๆ เค ! มองเท้าค่ะ เค ! มองไปเรื่อยค่ะ มองไปเรื่อย เค ! เสร็จแล้ว ดูมั้ย” เมธียื่นโทรศัพท์ให้เธอเช็ครูปตัวเอง “ฝีมือระดับพี่สวยทุกรูป”
“ค่า ! ขาตั้งกล้องที่น่ารักของเค้า” พรนภาอวยสามีคราวพ่อ เมธีจะได้มีแรงกายแรงใจถ่ายรูปให้ตัวเองเยอะ ๆ พร้อมเลื่อนดูรูปตัวเองอย่างมีความสุข
“เย้ย ! ขาตั้งกล้องว่าซั่น ช่างภาพก็พอม๊าง ฮา “ พูดกลั้วหัวเราะยิ้มอวดฟันสวยให้เธอ พรนภานางแบบที่น่ารักของเขาเช่นกัน
“เค้าลองถ่ายรูปพี่เมธีกับทะเลมั่ง”
“ไม่เอาอ่ะ เฮ้ย ! อย่านะเค้ารู้นะว่าแอบเข้ากล้องไว้แล้ว !” ร้อนตัวระแวงไว้ก่อน ประสบการณ์ที่ผ่าน ๆ มาสอนเขาไว้หมดแล้ว
ฮา ! พรนภาหัวเราะพอใจมากที่ได้เห็นอาการระแวงของคนตรงหน้า “อะไรพี่เมธีเค้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย ร้อนตัวนะเราอ่ะ” พรนภาหัวเราะชูหน้าจอโทรศัพท์ให้เขาดูด้วยความบริสุทธิ์ใจ เธอยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย
ทั้งสองคนหัวเราะระริกระรี้ให้แก่กัน เป็นภาพกุ๊กกิ๊กที่คนอื่นมองมาต้องอิจฉา เสียแต่ว่าอายุของเธอกับเขามันไม่ค่อยบาลานซ์กันเท่าที่ควรเหมือนคู่อื่น ๆ ที่มาที่นี่ หากแต่ว่าพวกเธอก็ไม่สนใจสายตาของใคร ความรักเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะรักจะชอบกับใครก็ได้ ขอแค่ไม่ทำให้ใครต้องเดือดร้อนก็พอ
“ประสบการณ์ที่ผ่านมามันย้ำเตือนให้พี่ต้องระวัง หึหึ !” เมธีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง หากแต่ว่าเป็นเพียงการพูดหยอกล้อเท่านั้น “ไม่ได้แอ้มเค้าหรอกจ้ะที่รัก”
“เหรอ ! ถ้าเค้าสั่งให้ตัวเองถ่ายรูปล่ะ ตัวเองก็ต้องยอมถ่าย เพราะว่าถ้าหากตัวเองไม่ยอมให้เค้าถ่ายรูปให้ แปลว่าพี่เมธีไม่รักเค้า” พูดลอยหน้าลอยตา ไม่สนใจสายตาคมเข้มคู่นั้นที่กำลังจ้องมองมายังตนเองเลย “กล้องไหนดีน๊า กล้องสดหรือคาเมร่าดีน๊า อิอิ “ พูดด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขที่สุด มือก็กดเข้ากล้องโทรศัพท์เตรียมความพร้อมเก็บภาพเมธีให้ได้มากที่สุด “หายกันกับวันก่อนที่บังคับให้นภาซดน้ำแกง”