.
หลังสิ้นเสียงเคาะประตูสองสามครั้งคนข้างในก็รีบเปิดให้ทันควัน “เปียกอีกแล้วเมียสุดที่รักของเค้า” พูดกลั้วยิ้มให้กับสภาพของพรนภา มือก็ลูบไปยังผมที่แสกกลางและเปียกของพรนภา ลูบเล่นด้วยความเอ็นดูปนสงสารและเห็นใจ จะให้ทำอย่างไรได้ เคยขอร้องให้ลาออกจากงานก็ไม่ยอม มองดูภรรยาสาวด้วยความเอ็นดูนัก มีพรนภาสักสิบคนก็ยังเลี้ยงได้เลย
พรนภาเดินเข้ามาในห้องยืนทำหน้ามุ่ยให้กับสภาพของตนเอง วันนี้ฝนตกน้ำท่วมอีกแล้ว เป็นอะไรที่น่าเบื่อ และ เซ็งมาก ๆ ในความรู้สึก “ทำไมอ่ะ ! ทำไมฝนชอบตกเวลาที่นภาจะเลิกงานแล้วทุกที ทำไมน้ำต้องท่วมเส้นทางที่นภาต้องขับผ่านตลอด ทำไมฝนไม่ตกตอนกลางวันอ่ะ “ พูดพร้อมทำหน้าบึ้งตึงจะร้องไห้ เห็นสภาพของตนเองแล้วมันเศร้า มันน้อยใจ มันบอกความรู้สึกไม่ถูก ตนเองต้องอึดและทนขนาดไหนถึงผ่านมาได้
“ทำไมอ่ะ ทำไม…ทำไม ! ทำไมเป็นคนตั้งคำถามเก่งจังคะ” พูดล้อเลียนพร้อมหอมหน้าผากของเธอไปอีก “ก็หน้าฝนนี่คะ อยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวฝนค่ะ” เขาพูดปนยิ้ม “ถอดชุดทำงานออกอาบน้ำเลยค่ะ เดี๋ยวไม่สบาย ไข้มาเขาว่าเป็นโควิดเด๊นอยนึงน่ะ” เขาพูดส่วนเธอทำหน้าบึ้งให้กับสภาพของตนเองอยู่ที่เปียกแฉะไปหมดทั้งตัว
“พี่เมธีตัวเองก็พูดได้นะ ตัวเองขับรถยนต์ไปทำงานอ่ะ อยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวฝนพะนะ ชิ !” ค่อนขอดให้สามีคราวพ่อ ยิ่งหงุดหงิดยิ่งมาพูดแบบนี้
“เอ๋าทำไมน้องไม่ไปเรียนขับรถล่ะ พี่จะหัดให้ก็ไม่เอา” ปรายตามองภรรยารุ่นลูก ขนาดงอนยังน่ารัก เธอสามารถงอนได้หมดทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ ถ้าเธอจะงอน และ เขาก็ยอมง้อเสมอ
“ไม่ ! ขืนให้พี่เมธีหัดนะมีหวังฆ่ากันตายก่อนขับเป็นพอดี “ เธอพูดจริงจังทว่าคนฟังกลับหัวเราะซะอย่างนั้น “เดี๋ยวได้ฤกษ์งามยามดีก่อนนะนภาจะไปเรียนขับรถ “ เพียงพูดไปอย่างนั้น ทำไมภายในใจถึงไม่อยากขับรถยนต์เป็นเลย อยากไปไหนมาไหนกับพี่เมธีมากกว่า อยากให้พี่เมธีพาไปและขับรถให้มากกว่า จึงไม่สนใจที่จะไปเรียน และ ขับให้เป็น
“ อีกอย่างถ้านภาขับรถยนต์เป็นนะ ตัวเองจะขับมอเตอร์ไซค์ไปทำงานเหรอพี่เมธี” เธอถามแบบไม่สบอารมณ์นัก
“เอ๋า… ขับไปจะทำไม ก็ซื้ออีกคันไง คนละคันกับของพี่ไปเลย” เขาพูดจริงจัง สงสารไม่อยากให้เธอเปียกมาแบบนี้เลย “ฝนตกน้ำก็ท่วมถนนอีก เปียกอีกเอาคันเล็ก ๆ ยารีสก็ได้อ่ะ”
“ม่าย ! หาตะเรื่องเสียเงิน ซีวิคคันนี้ก็ผ่อนให้หมดก่อนเหอะ เค้าก็อยากได้บ้านมากกว่านะ” เธอพูด เผยยิ้มให้กับสามีรถไม่เห็นจะจำเป็นอะไรเลย “ไปอาบน้ำแล้วคัน ฮา “
“ไปเลย ! แล้วมาทานข้าวค่ะ “ พูดพร้อมยิ้มให้กับเธอเช่นกัน รอยยิ้มที่ละมุนที่สุด รอยยิ้มของเธอคนเดียว จากนั้นจึงเดินถือผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป ใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำ รีบแต่งตัวให้เสร็จเรียบร้อยแล้วมาทานข้าวด้วยความหิว ฝนตกแบบนี้ทีไรเป็นอันต้องไม่ได้ออกกำลังกายทุกที เพราะเขาไม่ยอมให้ทำ อยากให้รีบไปอาบน้ำเกรงจะไม่สบาย
“ว๊าว ! น่าทานทั้งนั้นเลย” เธอพูดชมคนทำกับข้าวสักหน่อย เมื่อเห็นกับข้าววางบนโต๊ะ มื้อไหน ๆ ก็ต้องเขาล่ะที่เป็นคนทำให้ทาน สามีสุดที่รัก แม้จะเป็นกับข้าวภูมิภาคของพวกเธอเองก็ตาม ฝีมือพี่เมธีอร่อยที่สุด
“ย้องกินเป็นแถะคะ ฮื้ย ! ” พูดกลั้วหัวเราะ “โชคดีแล้วทูลหัวได้ผัวทำกับข้าวเป็น ฮา “ เขาพูดปนหัวเราะ อีกทั้งเธอก็หัวเราะกับคำพูดของเขาด้วย เลิกงานกลับห้องมามีความสุขแบบนี้ทุกวันเสมอ น้อยที่พวกเธอสองคนจะทะเลาะกัน ด้วยช่องว่างระหว่างอายุจึงทำให้ไม่ค่อยมีปากเสียงกันเท่าไหร่ อีกทั้งเขาและเธอก็รู้จักปรับและรับมือกับปัญหาของกันและกันเป็นอย่างดี
บนโต๊ะอาหารในครัวเล็ก ๆ ของคอนโด มีกับข้าวแค่ไม่กี่อย่างสำหรับสองคน เท่านี้ก็เพียงพอต่อใจและมีความสุขที่สุด “อร่อยจังเลย” เคี้ยวข้าวหมดแล้วก็พูดชมฝีมือของสามีสักหน่อย จะได้มีกำลังใจทำให้ทานทุกวัน เพราะเขาเลิกงานกลับมาถึงห้องก่อนทุกวัน
“อร่อยก็ทานเยอะ ๆ ค่ะจะได้โตเร็ว ๆ แฮงโตน้อยอยู่” เขาพูดพร้อมทานข้าวไปด้วย “ ให้ป้อนเปล่า”
“ไม่ต้อง ! นภากินเองได้ พี่เมธีน่ะกินเยอะ ๆ เหมือนกันจะได้โตเร็ว ๆ “ เธอพูดและก็หัวเราะตลกกับคำพูดของตนเอง เพราะประโยคที่จะพูดต่อไปนี้คือจะแซวล้วน ๆ
“พี่โตแล้วค่ะ โตจนแก่แล้ว ฮา “ เขาตบมุกตัวเอง ทำเอาเธอย่นจมูกด้วยความเสียดาย อุตส่าห์ว่าจะเล่นสักหน่อย นิดหน่อยก็เอาพวกเธอสามารถทำอะไรที่ต่ำกว่าอายุของตนเองได้เสมอ หากอยู่ด้วยกันแบบนี้
“เอ๋าพี่เมธี ฮ่วย ! ประโยคนั้นมันต้องเป็นนภาพูดนะ เว้าลัดคน ! ” แกล้งทำหน้ามุ่ยไปอย่างนั้นมองคนตรงหน้าด้วยความสุข แบบไหนก็รักเพราะได้รักไปแล้ว เผยยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่กาลเวลาไม่สามารถทำอะไรได้เลย เขาดูแลตนเองอยู่เสมอ อีกทั้งเธอช่วยดูแลด้วย ถึงจะเกือบห้าสิบก็ยังดูทะมัดทะแมง
“เอ๋าบ่ ! ฮา โอ๋ ๆ เอาใหม่สั่นเอาใหม่”
“บ่ ! เซาเว้าล่ะ “ แล้วต่างคนก็ต่างทานข้าวแบบไม่รีบร้อน ขอใช้ชีวิตแบบช้า ๆ กับเวลาส่วนตัวแบบนี่กับคนที่รักสักหน่อย หลังจากที่เร่งรีบกับงานกับนายจ้างมาทั้งวัน ช่วงเวลานี้เป็นช่วงของความสุขที่พวกเธอสองคนจะเติมเต็มให้กันและกัน
สักพักก็เริ่มอิ่มแล้ว พรนภาอาสาเป็นคนจัดการถ้วยชามพวกนี้เอง ให้เขาไปนอนพักผ่อนได้เลย เรื่องในครัวตรงนี้ตนเองจัดการเองได้
…………………………………………..
“หัวเราะอะไรคะ ! ตลกขนาดนั้น” เขาถามเมื่อเห็นเธอหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย บนเตียงนุ่ม ๆ ของพวกเธอสองคน หลังทานมื้อเย็นเสร็จต่างคนก็ต่างใช้เวลาไปกับเรื่องส่วนตัว ทว่าวันนี้ต่างกับทุกวันเมธีไม่เล่นเกมเลย เลื่อนดูโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ เหมือนกับเธอ ส่วนเธอดูไลฟสดย้อนหลังของพระสงฆ์อยู่
“หัวเราะ พส.ค่ะ” เธอตอบ ก็ไม่ได้สนใจคนถามเท่าไหร่ เพราะจิตใจและสายตาจดจ่ออยู่แต่หน้าจอโทรศัพท์ของตนเอง
“อะไรคือ พส. เอ๋า มหาสมปองตั้วนั่น” เขาพูดเมื่อชะเง้อหน้ามามองหน้าจอโทรศัพท์ของเธอ รู้จักพระท่านนี้ ทว่าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
“ป๊าด ! รู้จักด้วย ฮา “ แซวสามีรุ่นพ่อเล่น ๆ ใคร ๆ ก็ต้องรู้จักอยู่แล้ว พระท่านออกจะดัง เป็นที่รู้จักเกือบทุกคน “พส.ก็พระสงฆ์ไง พี่เมธีไม่ทันเอาซะเลย”
“ก็ไม่ได้สนใจนี่คะ ทำแต่งานไม่ค่อยสนใจธรรมะสักเท่าไหร่” เขาตอบหน้าตาเฉย
“โอ๋ ๆ ทำไมต้องงอนด้วยเนี่ย” หันมามองผู้เป็นสามี รู้สึกว่าประโยคที่ตอบกลับมานั้นแฝงด้วยการประชดนิด ๆ “พี่เมธีดูอะไรอ่ะ” ถามสามีที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ข้าง ๆ กัน “มหาสมปองอย่างฮาอ่ะ”
“นั่นมหาสมปอง แต่ตอนนี้มาหาเมธีมะ” เขาพูดกลั้วหัวเราะ ตบมุกได้พอดิบพอดี “มา ! มาหาเมธีก่อน เร็ว ๆ “ ไม่พูดเฉยกันหน้าตะแคงข้างเข้าสวมกอดเธอ “ดูด้วยคนค่ะ คิดถึงจังเลยตัวก็เล็ก ๆ ไม่ต้องออกมันแล้วกำลังกายน่ะ” ไม่พูดเฉยกระชับอ้อมกอดให้แน่นเข้าไปอีก
“เป็นอะไร” พรนภาวางโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆ หันมาสนใจคนข้างกายก่อน ไม่อยากทำให้โซเชียลมาทำลายความรักของเธอกับสามี เวลานี้ควรให้กันและกันมากที่สุด เพราะตอนทำงานก็ห่างกันทั้งวันแล้ว ช่วงเวลานี้ควรจะเติมเต็มความรักอีกทั้งความสุขให้กันและกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เค้าอยากกอดเฉย ๆ “ สูดดมปอยผมของเธอเบา ๆ “น้องอยากได้บ้านเหรอ ก็ได้นะ คอนโดนี้ก็ปล่อยเช่า พี่เห็นด้วยมาก ๆ ค่ะ” เขาถามเรื่องที่เธอพูดไว้เมื่อช่วงหัวค่ำ
“อยากได้แต่ไม่อยากซื้อที่นี่” เธอตอบพร้อมตะแคงหันหน้ามาปะทะกับแผงหน้าอกของเขา เธอนอนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเขานิดหน่อย และ นอนอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของเขา
“ยังไงคะ !”
“ทำที่บ้าน ! ทำที่บ้านของนภานะ บ้านของเราเองแหมะ ส่วนตัวของเราก็อยู่คอนโดแบบนี้แหละ ฮา ลูกมาก็อยู่คอนโดก็ได้ ห้องก็กว้างอยู่ นภาอยากทำบ้านของเราที่บ้านอ่ะ “ เธอบอกความต้องการแก่เขา “จะมาซื้ออะไรที่นี่ “
“พี่ก็ถามเฉย ๆ ตามใจน้องค่ะ เป็นตาบ่ได้เลี้ยงลูกเองแถะเบิ่งทรง ฮา “
“มันเป็นเรื่องของอนาคตนะพี่เมธี” เธอพูดภายใต้อ้อมกอดของเขา “ให้มันมาก่อนเหอะ”
“เรื่องพวกนั้นมันเป็นเรื่องของอนาคต แต่ตอนนี้ปัจจุบัน พี่อยากจะให้น้องนภามีความสุขที่สุดค่ะ” พูดจบเขาพลิกตัวนอนทับร่างของเธอเอาไว้ จ้องมองใบหน้าหวาน ๆ แววตาที่แสนหวาน ริมฝีปากที่อวบอิ่มอมชมพูก่อนจะจุมพิตลงไปเบา ๆ เคล้าคลึงด้วยพลังแห่งความรัก มอบความสุขให้แก่กันและกันสำหรับคืนนี้ ก่อนจะหลับไหลไปเพราะความเมื่อยล้า…
จบบท…
https://ppantip.com/topic/40946882….บทที่ 60
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ https://youtube.com/shorts/d9X6vp5rzQ8?feature=share ก็เพราะมีเธอเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้… 🤍
ฝันหวาน (Sweet Dream) 61
.
หลังสิ้นเสียงเคาะประตูสองสามครั้งคนข้างในก็รีบเปิดให้ทันควัน “เปียกอีกแล้วเมียสุดที่รักของเค้า” พูดกลั้วยิ้มให้กับสภาพของพรนภา มือก็ลูบไปยังผมที่แสกกลางและเปียกของพรนภา ลูบเล่นด้วยความเอ็นดูปนสงสารและเห็นใจ จะให้ทำอย่างไรได้ เคยขอร้องให้ลาออกจากงานก็ไม่ยอม มองดูภรรยาสาวด้วยความเอ็นดูนัก มีพรนภาสักสิบคนก็ยังเลี้ยงได้เลย
พรนภาเดินเข้ามาในห้องยืนทำหน้ามุ่ยให้กับสภาพของตนเอง วันนี้ฝนตกน้ำท่วมอีกแล้ว เป็นอะไรที่น่าเบื่อ และ เซ็งมาก ๆ ในความรู้สึก “ทำไมอ่ะ ! ทำไมฝนชอบตกเวลาที่นภาจะเลิกงานแล้วทุกที ทำไมน้ำต้องท่วมเส้นทางที่นภาต้องขับผ่านตลอด ทำไมฝนไม่ตกตอนกลางวันอ่ะ “ พูดพร้อมทำหน้าบึ้งตึงจะร้องไห้ เห็นสภาพของตนเองแล้วมันเศร้า มันน้อยใจ มันบอกความรู้สึกไม่ถูก ตนเองต้องอึดและทนขนาดไหนถึงผ่านมาได้
“ทำไมอ่ะ ทำไม…ทำไม ! ทำไมเป็นคนตั้งคำถามเก่งจังคะ” พูดล้อเลียนพร้อมหอมหน้าผากของเธอไปอีก “ก็หน้าฝนนี่คะ อยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวฝนค่ะ” เขาพูดปนยิ้ม “ถอดชุดทำงานออกอาบน้ำเลยค่ะ เดี๋ยวไม่สบาย ไข้มาเขาว่าเป็นโควิดเด๊นอยนึงน่ะ” เขาพูดส่วนเธอทำหน้าบึ้งให้กับสภาพของตนเองอยู่ที่เปียกแฉะไปหมดทั้งตัว
“พี่เมธีตัวเองก็พูดได้นะ ตัวเองขับรถยนต์ไปทำงานอ่ะ อยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวฝนพะนะ ชิ !” ค่อนขอดให้สามีคราวพ่อ ยิ่งหงุดหงิดยิ่งมาพูดแบบนี้
“เอ๋าทำไมน้องไม่ไปเรียนขับรถล่ะ พี่จะหัดให้ก็ไม่เอา” ปรายตามองภรรยารุ่นลูก ขนาดงอนยังน่ารัก เธอสามารถงอนได้หมดทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ ถ้าเธอจะงอน และ เขาก็ยอมง้อเสมอ
“ไม่ ! ขืนให้พี่เมธีหัดนะมีหวังฆ่ากันตายก่อนขับเป็นพอดี “ เธอพูดจริงจังทว่าคนฟังกลับหัวเราะซะอย่างนั้น “เดี๋ยวได้ฤกษ์งามยามดีก่อนนะนภาจะไปเรียนขับรถ “ เพียงพูดไปอย่างนั้น ทำไมภายในใจถึงไม่อยากขับรถยนต์เป็นเลย อยากไปไหนมาไหนกับพี่เมธีมากกว่า อยากให้พี่เมธีพาไปและขับรถให้มากกว่า จึงไม่สนใจที่จะไปเรียน และ ขับให้เป็น
“ อีกอย่างถ้านภาขับรถยนต์เป็นนะ ตัวเองจะขับมอเตอร์ไซค์ไปทำงานเหรอพี่เมธี” เธอถามแบบไม่สบอารมณ์นัก
“เอ๋า… ขับไปจะทำไม ก็ซื้ออีกคันไง คนละคันกับของพี่ไปเลย” เขาพูดจริงจัง สงสารไม่อยากให้เธอเปียกมาแบบนี้เลย “ฝนตกน้ำก็ท่วมถนนอีก เปียกอีกเอาคันเล็ก ๆ ยารีสก็ได้อ่ะ”
“ม่าย ! หาตะเรื่องเสียเงิน ซีวิคคันนี้ก็ผ่อนให้หมดก่อนเหอะ เค้าก็อยากได้บ้านมากกว่านะ” เธอพูด เผยยิ้มให้กับสามีรถไม่เห็นจะจำเป็นอะไรเลย “ไปอาบน้ำแล้วคัน ฮา “
“ไปเลย ! แล้วมาทานข้าวค่ะ “ พูดพร้อมยิ้มให้กับเธอเช่นกัน รอยยิ้มที่ละมุนที่สุด รอยยิ้มของเธอคนเดียว จากนั้นจึงเดินถือผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป ใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำ รีบแต่งตัวให้เสร็จเรียบร้อยแล้วมาทานข้าวด้วยความหิว ฝนตกแบบนี้ทีไรเป็นอันต้องไม่ได้ออกกำลังกายทุกที เพราะเขาไม่ยอมให้ทำ อยากให้รีบไปอาบน้ำเกรงจะไม่สบาย
“ว๊าว ! น่าทานทั้งนั้นเลย” เธอพูดชมคนทำกับข้าวสักหน่อย เมื่อเห็นกับข้าววางบนโต๊ะ มื้อไหน ๆ ก็ต้องเขาล่ะที่เป็นคนทำให้ทาน สามีสุดที่รัก แม้จะเป็นกับข้าวภูมิภาคของพวกเธอเองก็ตาม ฝีมือพี่เมธีอร่อยที่สุด
“ย้องกินเป็นแถะคะ ฮื้ย ! ” พูดกลั้วหัวเราะ “โชคดีแล้วทูลหัวได้ผัวทำกับข้าวเป็น ฮา “ เขาพูดปนหัวเราะ อีกทั้งเธอก็หัวเราะกับคำพูดของเขาด้วย เลิกงานกลับห้องมามีความสุขแบบนี้ทุกวันเสมอ น้อยที่พวกเธอสองคนจะทะเลาะกัน ด้วยช่องว่างระหว่างอายุจึงทำให้ไม่ค่อยมีปากเสียงกันเท่าไหร่ อีกทั้งเขาและเธอก็รู้จักปรับและรับมือกับปัญหาของกันและกันเป็นอย่างดี
บนโต๊ะอาหารในครัวเล็ก ๆ ของคอนโด มีกับข้าวแค่ไม่กี่อย่างสำหรับสองคน เท่านี้ก็เพียงพอต่อใจและมีความสุขที่สุด “อร่อยจังเลย” เคี้ยวข้าวหมดแล้วก็พูดชมฝีมือของสามีสักหน่อย จะได้มีกำลังใจทำให้ทานทุกวัน เพราะเขาเลิกงานกลับมาถึงห้องก่อนทุกวัน
“อร่อยก็ทานเยอะ ๆ ค่ะจะได้โตเร็ว ๆ แฮงโตน้อยอยู่” เขาพูดพร้อมทานข้าวไปด้วย “ ให้ป้อนเปล่า”
“ไม่ต้อง ! นภากินเองได้ พี่เมธีน่ะกินเยอะ ๆ เหมือนกันจะได้โตเร็ว ๆ “ เธอพูดและก็หัวเราะตลกกับคำพูดของตนเอง เพราะประโยคที่จะพูดต่อไปนี้คือจะแซวล้วน ๆ
“พี่โตแล้วค่ะ โตจนแก่แล้ว ฮา “ เขาตบมุกตัวเอง ทำเอาเธอย่นจมูกด้วยความเสียดาย อุตส่าห์ว่าจะเล่นสักหน่อย นิดหน่อยก็เอาพวกเธอสามารถทำอะไรที่ต่ำกว่าอายุของตนเองได้เสมอ หากอยู่ด้วยกันแบบนี้
“เอ๋าพี่เมธี ฮ่วย ! ประโยคนั้นมันต้องเป็นนภาพูดนะ เว้าลัดคน ! ” แกล้งทำหน้ามุ่ยไปอย่างนั้นมองคนตรงหน้าด้วยความสุข แบบไหนก็รักเพราะได้รักไปแล้ว เผยยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่กาลเวลาไม่สามารถทำอะไรได้เลย เขาดูแลตนเองอยู่เสมอ อีกทั้งเธอช่วยดูแลด้วย ถึงจะเกือบห้าสิบก็ยังดูทะมัดทะแมง
“เอ๋าบ่ ! ฮา โอ๋ ๆ เอาใหม่สั่นเอาใหม่”
“บ่ ! เซาเว้าล่ะ “ แล้วต่างคนก็ต่างทานข้าวแบบไม่รีบร้อน ขอใช้ชีวิตแบบช้า ๆ กับเวลาส่วนตัวแบบนี่กับคนที่รักสักหน่อย หลังจากที่เร่งรีบกับงานกับนายจ้างมาทั้งวัน ช่วงเวลานี้เป็นช่วงของความสุขที่พวกเธอสองคนจะเติมเต็มให้กันและกัน
สักพักก็เริ่มอิ่มแล้ว พรนภาอาสาเป็นคนจัดการถ้วยชามพวกนี้เอง ให้เขาไปนอนพักผ่อนได้เลย เรื่องในครัวตรงนี้ตนเองจัดการเองได้
…………………………………………..
“หัวเราะอะไรคะ ! ตลกขนาดนั้น” เขาถามเมื่อเห็นเธอหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย บนเตียงนุ่ม ๆ ของพวกเธอสองคน หลังทานมื้อเย็นเสร็จต่างคนก็ต่างใช้เวลาไปกับเรื่องส่วนตัว ทว่าวันนี้ต่างกับทุกวันเมธีไม่เล่นเกมเลย เลื่อนดูโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ เหมือนกับเธอ ส่วนเธอดูไลฟสดย้อนหลังของพระสงฆ์อยู่
“หัวเราะ พส.ค่ะ” เธอตอบ ก็ไม่ได้สนใจคนถามเท่าไหร่ เพราะจิตใจและสายตาจดจ่ออยู่แต่หน้าจอโทรศัพท์ของตนเอง
“อะไรคือ พส. เอ๋า มหาสมปองตั้วนั่น” เขาพูดเมื่อชะเง้อหน้ามามองหน้าจอโทรศัพท์ของเธอ รู้จักพระท่านนี้ ทว่าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
“ป๊าด ! รู้จักด้วย ฮา “ แซวสามีรุ่นพ่อเล่น ๆ ใคร ๆ ก็ต้องรู้จักอยู่แล้ว พระท่านออกจะดัง เป็นที่รู้จักเกือบทุกคน “พส.ก็พระสงฆ์ไง พี่เมธีไม่ทันเอาซะเลย”
“ก็ไม่ได้สนใจนี่คะ ทำแต่งานไม่ค่อยสนใจธรรมะสักเท่าไหร่” เขาตอบหน้าตาเฉย
“โอ๋ ๆ ทำไมต้องงอนด้วยเนี่ย” หันมามองผู้เป็นสามี รู้สึกว่าประโยคที่ตอบกลับมานั้นแฝงด้วยการประชดนิด ๆ “พี่เมธีดูอะไรอ่ะ” ถามสามีที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ข้าง ๆ กัน “มหาสมปองอย่างฮาอ่ะ”
“นั่นมหาสมปอง แต่ตอนนี้มาหาเมธีมะ” เขาพูดกลั้วหัวเราะ ตบมุกได้พอดิบพอดี “มา ! มาหาเมธีก่อน เร็ว ๆ “ ไม่พูดเฉยกันหน้าตะแคงข้างเข้าสวมกอดเธอ “ดูด้วยคนค่ะ คิดถึงจังเลยตัวก็เล็ก ๆ ไม่ต้องออกมันแล้วกำลังกายน่ะ” ไม่พูดเฉยกระชับอ้อมกอดให้แน่นเข้าไปอีก
“เป็นอะไร” พรนภาวางโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆ หันมาสนใจคนข้างกายก่อน ไม่อยากทำให้โซเชียลมาทำลายความรักของเธอกับสามี เวลานี้ควรให้กันและกันมากที่สุด เพราะตอนทำงานก็ห่างกันทั้งวันแล้ว ช่วงเวลานี้ควรจะเติมเต็มความรักอีกทั้งความสุขให้กันและกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เค้าอยากกอดเฉย ๆ “ สูดดมปอยผมของเธอเบา ๆ “น้องอยากได้บ้านเหรอ ก็ได้นะ คอนโดนี้ก็ปล่อยเช่า พี่เห็นด้วยมาก ๆ ค่ะ” เขาถามเรื่องที่เธอพูดไว้เมื่อช่วงหัวค่ำ
“อยากได้แต่ไม่อยากซื้อที่นี่” เธอตอบพร้อมตะแคงหันหน้ามาปะทะกับแผงหน้าอกของเขา เธอนอนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเขานิดหน่อย และ นอนอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของเขา
“ยังไงคะ !”
“ทำที่บ้าน ! ทำที่บ้านของนภานะ บ้านของเราเองแหมะ ส่วนตัวของเราก็อยู่คอนโดแบบนี้แหละ ฮา ลูกมาก็อยู่คอนโดก็ได้ ห้องก็กว้างอยู่ นภาอยากทำบ้านของเราที่บ้านอ่ะ “ เธอบอกความต้องการแก่เขา “จะมาซื้ออะไรที่นี่ “
“พี่ก็ถามเฉย ๆ ตามใจน้องค่ะ เป็นตาบ่ได้เลี้ยงลูกเองแถะเบิ่งทรง ฮา “
“มันเป็นเรื่องของอนาคตนะพี่เมธี” เธอพูดภายใต้อ้อมกอดของเขา “ให้มันมาก่อนเหอะ”
“เรื่องพวกนั้นมันเป็นเรื่องของอนาคต แต่ตอนนี้ปัจจุบัน พี่อยากจะให้น้องนภามีความสุขที่สุดค่ะ” พูดจบเขาพลิกตัวนอนทับร่างของเธอเอาไว้ จ้องมองใบหน้าหวาน ๆ แววตาที่แสนหวาน ริมฝีปากที่อวบอิ่มอมชมพูก่อนจะจุมพิตลงไปเบา ๆ เคล้าคลึงด้วยพลังแห่งความรัก มอบความสุขให้แก่กันและกันสำหรับคืนนี้ ก่อนจะหลับไหลไปเพราะความเมื่อยล้า…
จบบท…
https://ppantip.com/topic/40946882….บทที่ 60
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้