.
เมธีจอดรถรอเวลาเลิกงานหน้าที่ทำงานของพรนภา เห็นเธอกำลังง่วนอยู่กับการเคลียร์เอกสารก่อนเลิกงาน เขาสตาร์ทเครื่องนั่งรอในรถอย่างสบายใจ ภาวนาแค่อย่ามีลูกค้าเดินเข้ามาอีกเลย ไม่อย่างนั้นกลับช้าแน่นอน ปรับเบาะนอนรออย่างสบายใจ
คำอ้อนวอนของเขาเป็นจริง ไม่มีลูกค้าคนไหนมาเพิ่ม และพรนภาภรรยาสาวสวยของเขาก็เดินถือกระเป๋าออกมาจากออฟฟิศ ทว่าด้วยสีหน้าที่บอกบุญไม่รับ เบื่อโลกสุด ๆ เขาจึงเปิดประตูรถเดินออกมารับ และห่วงอยู่ในที อะไรที่พรนภาไม่สบายใจ เขาก็ไม่สบายใจไปด้วยนั่นแหละ เพราะรักมากจึงอยากเห็นเธอมีความสุขเพียงอย่างเดียว
“หน้าบึ้งจัง งานมีปัญหาเหรอคะ สบายดีมั้ยน้องออ” ถามภรรยาก่อนจะหันไปถามเพื่อนร่วมงานของภรรยาด้วย “ไม่ได้เจอกันนานเลยครับ ไม่ค่อยได้ดริ้งค์ด้วยกันเลย ต้องหาเวลาสักหน่อยแล้ว ใช่มั้ยคะน้องนภา” พูดกับอรวีและหันไปถามภรรยาด้วย
“สวัสดีค่ะพี่เมธี ออสบายดีค่ะ “ อรวียิ้มให้เขา ทักทายกันนิดหน่อย และก็ขอตัวลาจากกันตรงนี้เลย ส่วนเขาก็หันมาสนใจคนตรงหน้าต่อ
เลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม ยกมือขึ้นมาจับศีรษะของเธอเหมือนอย่างเคย “เป็นอะไรคะ หน้าบึ้งเชียว ปะกลับเหอะ มีเรื่องไม่สบายใจเหรอ พี่ออร์ดี้ยืมตังค์ ฮา “ พูดตลก ๆ เพื่ออยากให้เธอยิ้ม ทว่าไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไหร่นัก
พรนภาถอนหายใจทำหน้ามุ่ยก่อนจะตอบ “อีกและพี่เมธี ! โดนอีกและ ! เสมอ ๆ เลย ทำไมเค้าไม่เข้าใจนภาบ้างอ่ะ อธิบายแล้วนะ ฮ่วย รู้ว่านภาไม่ผิด สำนักงานส่งของให้ช้า แต่แบบทำไมต้องร้องเรียนอ่ะ ทำไมต้องส่งมาให้นภาคิดมากด้วย ฮ่วย” พรนภาพูดยาวเหยียดเขาแทบหายใจไม่ทัน คงอัดอั้นตันใจมาก ๆ เลยสินะ สงสารก็สงสาร อยากขอให้ออกจากงาน แต่ก็โดนดุทุกทีที่พูด
เขายิ้มนึกว่าเรื่องอะไร ยกมือขึ้นดันศีรษะของเธอโน้มลงมาปลอบ ยังไม่ทันได้ออกรถ “ก็ลูกค้าอ่ะ เค้าก็ไม่เข้าใจระบบงานเราหรอก พี่ก็เหมือนกันแหละ” พูดปลอบใจเท่าที่จะทำได้ อยากให้เธอสบายใจ แสดงออกว่าห่วงใยเธอที่สุด
พรนภาผละศีรษะออก หันมามองเขาด้วยสีหน้าไม่รับบุญเช่นเคย “ก็นภาบอกแล้ว นภาอธิบายว่าวันนั้นวันนี้ได้ อะไรซื้อไปเมื่อวาน วันนี้โทรตามแล้ว แล้วก็ร้องเรียนเลย คืออะไร!! คือนี่ไม่เข้าใจที่นภาพูดหรืออะไร แล้วฝ่ายโทรหาถามว่าลูกค้าใคร ก็อธิบายให้เค้าฟัง ก็ทราบว่าไม่ผิด แต่มันนอยด์เข้าใจมั้ยพี่เมธี ฮ่วย” เธอขมวดคิ้วจะร้องไห้ให้ได้เลย เจ็บใจแต่ทำอะไรไม่ได้
“ครับพี่เข้าใจ เอาความไม่สบายใจทิ้งไว้ที่นี่เลยนะคะ ห้ามเอากลับคอนโดด้วยเข้าใจมั้ย อือ ไปกินอะไรถึงจะสบายใจดีนะ” พอเขาพูดประโยคนี้เท่านั้น พรนภาปรับสีหน้าทันที อมยิ้มเป็นยิ้มแบบมีเลศนัย ทำให้เขามองและต้องหัวเราะลั่นรถด้วยความนึกขันเธอ “แหม ! ไม่ค่อยจะเลยนะคะ เลือกมาเลยจะกินอะไร เมธีเลี้ยงเอง “
“พูดอะไรนะเมื่อกี้”
“บอกว่าเมธีเลี้ยงเอง จัดเลยกินไร “
ความเศร้าหายไป ภาพกุ้งหอยปูปลาวนเข้ามาแทนที่ในสมอง พูดถึงเธอก็ยังไม่ได้ไปร้านบุฟเฟต์ปิ้งย่างเลย เป็นเดือนสองเดือนได้ที่ไม่ได้ไปกันกับเมธี พักเรื่องแอลกอฮอล์ไว้ก่อน เพลียแค่ไหนก็ไม่อยากกิน แค่นึกชื่ออ้วกก็จะทะลักออกมาจากปากของเธอแล้ว เมธีสตาร์ทรถไว้ นั่งคุยกันในรถยังไม่ขับออกไป
“ ไปกินอะไรแก้เซ็งดีนะ แก้เครียด ไปไหนก็ได้ค่ะ แค่ให้น้องสบายใจก็พอ แต่ต้องสัญญาด้วยว่าพาไปแล้วจะต้องไม่เครียด ไม่พาความเครียดกับห้องไปด้วย โอเค๊ !”
“โอเคค่า” ยิ้มยียวน ที่จริงก็แค่บ่นไปอย่างนั้นเอง โดนไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ก็แค่หักคะแนนโบนัสเท่านั้น ไม่เป็นไรอยู่แล้วโบนัสของเมธีก็เหลือเฟือ “ไปร้านทะเลเผาโลด ร้านเดิมของเรา”
“โอเคค่า ไปโลด” แล้วเมธีก็ขับรถออกไป มุ่งหน้าไปยังร้านที่ว่านั่น เป็นร้านบุฟเฟต์หมูกระทะด้วย ทะเลเผาด้วย มีให้เลือกสรรมากมาย น้ำจิ้มก็อร่อย ของก็สด ถูกใจเธอกับเมธีมาก ๆ และถือว่าเป็นร้านประจำของพวกเธอกันเลย
เมื่อมาถึงร้านพบว่าผู้คนแน่นร้านมาก ๆ เพราะวันนี้เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เธอต้องหน้ามุ่ยถอนหายใจอีกรอบ ลืมไปว่าวันนี้วันหยุดคนแน่นร้าน ร้านไหน ๆ ก็คงเต็มหมด
“พี่เมธีเราไปบางแสนกันมั้ย” พรนภาชวน อยากลองไปนั่งชิว ๆ ตากลมกลางคืนดูบ้าง แม้ไปถึงก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดทุกที คนเยอะเหมือนกัน วุ่นวายกว่าตรงนี้อีก
“แน่ใจเหรอ พรุ่งนี้น้องหยุดเหรอ” เขาถามด้วยความห่วงใย ไม่ได้จะปฏิเสธเลย ไปไหนไปกันอยู่แล้ว
“ไม่ได้หยุด ร้านนี้ก็ร้านนี้ค่ะ” ยิ้มให้เขา ตอบตกลงตัดสินใจแน่วแน่ ร้านนี้ก็ได้ไหน ๆ ก็มาถึงแล้ว
“ปะไปหาโต๊ะนั่งกัน ให้ชวนพี่หนุ่มกับพี่แหวนมั้ย น้องน่าจะชวนพี่ออดี้มาด้วยนะคะ เลี้ยงคอมสาขายัง” เมธีถามระหว่างจูงมือเดินหาโต๊ะว่างนั่ง ซึ่งเต็มหมดทุกโต๊ะทุกมุม สุดท้ายก็มาได้โต๊ะข้างนอก ทว่ามุมก็ดีอาจจะรำคาญเสียงรถวิ่งผ่านไปผ่านมาบ้างก็ไม่เป็นไร
“วันหลังแล้วกันค่ะ” เธอตอบพร้อมขยับเก้าอี้ พนักงานเดินมาถามว่าจะเอาเตาอะไรบ้าง มีทั้งเตาย่างและเตาปิ้ง และเครื่องดื่มด้วย เมธีหันมามองเธอเป็นเชิงคำถาม “ตามใจพี่เมธีเลยค่ะ” แค่ได้มาทานอะไรแบบนี้ก็อารมณ์ดีแล้ว จากที่อารมณ์เสียมาตลอดทั้งวัน
“งั้นเอามาทั้งสองเตาเลยครับ” เขาหันมาตอบพนักงาน ก่อนจะหันมาถามเธออีก “น้องเอาน้ำอะไรคะ”
“โค๊กค่ะ” เธอตอบ
“แอลกอฮอล์ได้มั้ย” พอถามแบบนี้เธอขมวดคิ้วหย่นจมูกให้ทันที เขาหัวเราะเบา ๆ ด้วยรู้คำตอบของสายตาคู่นั้น “น้ำโค๊กอย่างเดียวครับ เอาสองเตาเลย” หันไปตอบพนักงาน เมื่อตกลงเสร็จพนักงานเดินไปเอาเตามาวางให้ ส่วนพวกเธอก็พากันเดินเลือกหาวัตถุดิบในการรับประทานคืนนี้
“พี่เมธีจะทานอะไรหยิบมาเลยนะคะ” พรนภาพูดจริงจังมาก สายตาก็มองหาหมูสามชั้น มือหนึ่งถือจาน มือหนึ่งถือที่คีบอยู่
เมธียกที่คีบเขกศีรษะของเธอเบา ๆ ด้วยความเอ็นดูนัก ทำเก่งกินไม่หมดทุกที เป็นเขาที่ต้องคอยเก็บส่วนที่เหลือที่กินไม่หมดให้เสมอ พรนภาหันหน้ามามองพร้อมหัวเราะ แล้วก็พากันเดินตักเนื้อและผักจนเต็มจานแล้วก็เดินกลับมาที่โต๊ะ แล้วเดินกลับไปเลือกวัตถุดิบอีก เนื่องจากความต้องการที่จะกินยังไม่พอ เมื่อได้ครบแล้วพวกเธอก็มานั่งประจำที่
เมธีเป็นคนดูเตาย่าง มีพวกหมึก หอยหวาน กุ้งและปูย่างบนเตาไฟ คอยพลิกอยู่ตลอดเวลา ส่วนเธอเป็นคนดูเตาปิ้งเอง คอยพลิกเนื้อไม่ให้ไหม้ก่อนสุก แล้วตักใส่จานให้เขาสลับกับของตนเอง
ตรงหน้าของทั้งสองคนมีของกินเยอะแยะมากมาย ถึงวันนี้ลูกค้าจะเยอะไปหน่อยก็ไม่ผิดหวัง เสียงพูดคุยดังจอแจแข่งกับเสียงเพลงของร้านและเสียงรถวิ่งตามถนนก็ตาม ทว่ามันก็ไม่ได้ปัดเป่าความสุขให้หายไปได้เลย และตัวเธอเองก็ไม่มีความเครียดหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย วินาทีนี้คือ กุ้งย่าง หอยย่าง เนื้อย่างที่อยู่บนเตาสำคัญที่สุด
“น้องอ่ะกุ้งสุกแล้ว เดี๋ยวพี่แกะให้ “ เมธีแกะกุ้งใส่จานให้เธอ กลิ่นของมันหอมเย้ายวนใจมาก ๆ จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดกลมกล่อมเข้ากันมาก ๆ พรนภาไม่สนใจว่าชุดทำงานจะเปื้อนหรือผมจะเหม็นกลิ่นควันเลย แค่เธอมีความสุขในการกินก็พอ เรื่องออกกำลังกายตอนนี้ก็ไม่ต้องไปนึกถึงมัน
ฉีกยิ้มให้แก่เขา ก่อนเอ่ยคำขอบคุณ “ขอบคุณนะคะป่ะป๊า วันนี้เค้าให้พี่เมธีเป็นป่ะป๊าหนึ่งวัน และเค้าเป็นคุณแม่หนึ่งวัน” ใช้ซ่อมสักลงไปที่ตัวกุ้ง จุ่มลงไปในถ้วยน้ำจิ้มซีฟู้ด แล้วก็เอาเข้าปากทานอย่างเอร็ดอร่อย “อร่อยมากเว่อ ! “
“เหรอไหนลองดิ ใช้มือมันถึงได้อรรถรสในการกิน” เขาหยิบกุ้งเผาจิ้มน้ำจิ้มแล้วก็เอากุ้งเข้าปากไป เคี้ยวอย่างอร่อย “เป็นวันนี้เลยได้ปะ คุณแม่อ่ะ “
“ได้ !” พรนภาตอบพร้อมหัวเราะชอบใจ “พี่เมธีแกะปูให้เค้าหน่อย อ่ะนี้ตับกินตับนี่ไปก่อนนะ ค่อยไปกินต่อที่ห้องแล้วก็นี่หมูสไลด์” ตักหมูที่ปิ้งอยู่บนเตากระเบื้องใส่จานให้สามี เมธีเองก็หัวเราะกับคำพูดของเธอ วินาทีนี้มันช่างมีความสุขเหลือเกิน ไม่สนใจสายตาของลูกค้าคนอื่นที่มองมาแล้วพูดคุยกัน “พี่เมธีมันต้องไปทุบตรงนู้นน่ะ” เธอชี้มือไปที่สำหรับให้ลูกค้าทุบปูที่ย่างสุกแล้ว
“เคค่ะ เดี๋ยวพี่ทุบให้” เขาหยิบปูใส่จานจะเดินไปตรงที่สำหรับทุบปู
“เดี๋ยว ! ให้ไปทุบปูนะ ไม่ใช่ไปเหล่สาว” มองค้อนให้กับเขา รู้สึกไม่ค่อยไว้ใจเลย
“ค๊าบคุณแม่ หืย มองคุณแม่มีคุณแม่คนเดียวครับผม“ ถึงจะโดนประชดแต่พรนภาก็ยิ้มพอใจ จากนั้นเขาก็เดินถือปูไปทุบสักพักก็เดินกลับมา
“ขอบคุณค่า “ ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณสามี พี่เมธีน่ารักที่สุดเลย แอบมองแล้วอมยิ้ม
“เฮ้ย ! แอบมองเค้าอีกแล้วนะ จับได้คาหนังคาเขาเลย “ ใช้ตะเกียบเคาะศีรษะของเธอเบา ๆ
“พี่เมธีอ่ะ ตะเกียบออกมาจากปากนะเมื่อกี้ ฮ่วย”
“เชื่อโรคโดนไฟตายหมดแล้ว แอบมองเค้าทำไม พี่หล่อใช่มั้ย ถ้าพี่ไม่หล่อน้องไม่ชอบพี่หรอก ฮา” ไม่ค่อยจะหลงตัวเองเท่าไหร่นัก
พรนภาไม่พูดอะไรเพียงแค่หัวเราะให้กับเขา จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทานต่อ ได้มานั่งทานอะไรแบบนี้กับคนที่รักมันก็มีความสุขดี ได้มาพบปะผู้คน ได้ออกมาชมบรรยากาศข้างนอกบ้าง เปลี่ยนบรรยากาศในการทานมื้อเย็น มันช่างพิเศษที่สุด
พิเศษโดยไม่ต้องมีสิ่งของหรูหรา หรือสถานที่หรูหรา หรือต้องมีแสงเทียนประดับประดาเลย แค่นี้ความสุขมันก็มีท้วมท้น ธรรมดา ๆ ที่แสนพิเศษ
วันนี้เธอจัดการทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าจนหมด ทานหมดเกลี้ยง น้ำอัดลมด้วย เมธีเองก็ต้องตกใจ เป็นภาพที่หาดูอยาก นาน ๆ ทีจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ “ป๊าด !! นี่พรนภาตัวจริงป่าว ท่าจะหิวจริง กินหมดเลย”
“เอ๋า ก็คนไม่ได้กินมานานแล้วมั้ยอ่ะ พี่เมธีพาเค้ามากินล่าสุดตอนไหนเอ๋า เห็นมั้ยตัวเองก็ยังจำไม่ได้” พูดจบนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ รู้สึกอิ่มมาก ๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลารอเมธีกินให้หมดอย่างสบายใจ “ทีเหลือของใครจัดการให้หมดเลยนะ นภาอิ่มแล้ว”
“ค๊าบ เก่งมาก ให้มันได้แบบนี้เสมอ ๆ นะคะ “ ปรายตามองเธอผู้ที่เป็นดั่งดวงใจ และรักที่สุด ให้ทำอะไรก็ยอมชาตินี้ อะไรที่ให้ได้และตามใจได้เขาจะทำหมด พรนภาภรรยาที่น่ารักที่สุดของเขา
“จะได้ไม่เป็นภาระพี่เมธีใช่มั้ย เค้ารู้หรอก” ทำท่างอนเข้าให้ ทว่าเธอเองก็รู้สึกว่าตนเองนั้นกินเยอะเหมือนกัน เพราะหิว เพราะนานมาก ๆ ที่พึ่งจะได้มา
“เย้ย ! เค้ายังไม่ได้พูดนะตัวเอง สำหรับน้องพี่ทำให้ได้หมดนั่นแหละค่ะ แค่ไม่ปล่อยพี่ไว้คนเดียวก็พอ พี่แก่แล้ว” พูดเบา ๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานต่อไป ไม่สนใจปล่อยให้เธอเล่นมือถือตามสบาย
ส่วนพรนภายิ้มเบา ๆ “หนูไม่ทิ้งพี่ไปไหนหรอกค่ะ หนูก็รักของหนูนะ” นึกในใจพร้อมมองเขาทานอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ให้น้ำหนักขึ้นได้อย่างไรล่ะ ก็ทานเยอะขนาดนี้
พอตนเองรู้สึกย่อยแล้วก็สั่งเขาย่างให้อีกอยู่อย่างนั้น วันนี้เธอเองก็ปล่อยตัวเหมือนกัน ขอตามใจปากหนึ่งวัน หลังจากนั้นค่อยไปลดหุ่นต่อ
ฝันหวาน (Sweet Dream) 35
.
เมธีจอดรถรอเวลาเลิกงานหน้าที่ทำงานของพรนภา เห็นเธอกำลังง่วนอยู่กับการเคลียร์เอกสารก่อนเลิกงาน เขาสตาร์ทเครื่องนั่งรอในรถอย่างสบายใจ ภาวนาแค่อย่ามีลูกค้าเดินเข้ามาอีกเลย ไม่อย่างนั้นกลับช้าแน่นอน ปรับเบาะนอนรออย่างสบายใจ
คำอ้อนวอนของเขาเป็นจริง ไม่มีลูกค้าคนไหนมาเพิ่ม และพรนภาภรรยาสาวสวยของเขาก็เดินถือกระเป๋าออกมาจากออฟฟิศ ทว่าด้วยสีหน้าที่บอกบุญไม่รับ เบื่อโลกสุด ๆ เขาจึงเปิดประตูรถเดินออกมารับ และห่วงอยู่ในที อะไรที่พรนภาไม่สบายใจ เขาก็ไม่สบายใจไปด้วยนั่นแหละ เพราะรักมากจึงอยากเห็นเธอมีความสุขเพียงอย่างเดียว
“หน้าบึ้งจัง งานมีปัญหาเหรอคะ สบายดีมั้ยน้องออ” ถามภรรยาก่อนจะหันไปถามเพื่อนร่วมงานของภรรยาด้วย “ไม่ได้เจอกันนานเลยครับ ไม่ค่อยได้ดริ้งค์ด้วยกันเลย ต้องหาเวลาสักหน่อยแล้ว ใช่มั้ยคะน้องนภา” พูดกับอรวีและหันไปถามภรรยาด้วย
“สวัสดีค่ะพี่เมธี ออสบายดีค่ะ “ อรวียิ้มให้เขา ทักทายกันนิดหน่อย และก็ขอตัวลาจากกันตรงนี้เลย ส่วนเขาก็หันมาสนใจคนตรงหน้าต่อ
เลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม ยกมือขึ้นมาจับศีรษะของเธอเหมือนอย่างเคย “เป็นอะไรคะ หน้าบึ้งเชียว ปะกลับเหอะ มีเรื่องไม่สบายใจเหรอ พี่ออร์ดี้ยืมตังค์ ฮา “ พูดตลก ๆ เพื่ออยากให้เธอยิ้ม ทว่าไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไหร่นัก
พรนภาถอนหายใจทำหน้ามุ่ยก่อนจะตอบ “อีกและพี่เมธี ! โดนอีกและ ! เสมอ ๆ เลย ทำไมเค้าไม่เข้าใจนภาบ้างอ่ะ อธิบายแล้วนะ ฮ่วย รู้ว่านภาไม่ผิด สำนักงานส่งของให้ช้า แต่แบบทำไมต้องร้องเรียนอ่ะ ทำไมต้องส่งมาให้นภาคิดมากด้วย ฮ่วย” พรนภาพูดยาวเหยียดเขาแทบหายใจไม่ทัน คงอัดอั้นตันใจมาก ๆ เลยสินะ สงสารก็สงสาร อยากขอให้ออกจากงาน แต่ก็โดนดุทุกทีที่พูด
เขายิ้มนึกว่าเรื่องอะไร ยกมือขึ้นดันศีรษะของเธอโน้มลงมาปลอบ ยังไม่ทันได้ออกรถ “ก็ลูกค้าอ่ะ เค้าก็ไม่เข้าใจระบบงานเราหรอก พี่ก็เหมือนกันแหละ” พูดปลอบใจเท่าที่จะทำได้ อยากให้เธอสบายใจ แสดงออกว่าห่วงใยเธอที่สุด
พรนภาผละศีรษะออก หันมามองเขาด้วยสีหน้าไม่รับบุญเช่นเคย “ก็นภาบอกแล้ว นภาอธิบายว่าวันนั้นวันนี้ได้ อะไรซื้อไปเมื่อวาน วันนี้โทรตามแล้ว แล้วก็ร้องเรียนเลย คืออะไร!! คือนี่ไม่เข้าใจที่นภาพูดหรืออะไร แล้วฝ่ายโทรหาถามว่าลูกค้าใคร ก็อธิบายให้เค้าฟัง ก็ทราบว่าไม่ผิด แต่มันนอยด์เข้าใจมั้ยพี่เมธี ฮ่วย” เธอขมวดคิ้วจะร้องไห้ให้ได้เลย เจ็บใจแต่ทำอะไรไม่ได้
“ครับพี่เข้าใจ เอาความไม่สบายใจทิ้งไว้ที่นี่เลยนะคะ ห้ามเอากลับคอนโดด้วยเข้าใจมั้ย อือ ไปกินอะไรถึงจะสบายใจดีนะ” พอเขาพูดประโยคนี้เท่านั้น พรนภาปรับสีหน้าทันที อมยิ้มเป็นยิ้มแบบมีเลศนัย ทำให้เขามองและต้องหัวเราะลั่นรถด้วยความนึกขันเธอ “แหม ! ไม่ค่อยจะเลยนะคะ เลือกมาเลยจะกินอะไร เมธีเลี้ยงเอง “
“พูดอะไรนะเมื่อกี้”
“บอกว่าเมธีเลี้ยงเอง จัดเลยกินไร “
ความเศร้าหายไป ภาพกุ้งหอยปูปลาวนเข้ามาแทนที่ในสมอง พูดถึงเธอก็ยังไม่ได้ไปร้านบุฟเฟต์ปิ้งย่างเลย เป็นเดือนสองเดือนได้ที่ไม่ได้ไปกันกับเมธี พักเรื่องแอลกอฮอล์ไว้ก่อน เพลียแค่ไหนก็ไม่อยากกิน แค่นึกชื่ออ้วกก็จะทะลักออกมาจากปากของเธอแล้ว เมธีสตาร์ทรถไว้ นั่งคุยกันในรถยังไม่ขับออกไป
“ ไปกินอะไรแก้เซ็งดีนะ แก้เครียด ไปไหนก็ได้ค่ะ แค่ให้น้องสบายใจก็พอ แต่ต้องสัญญาด้วยว่าพาไปแล้วจะต้องไม่เครียด ไม่พาความเครียดกับห้องไปด้วย โอเค๊ !”
“โอเคค่า” ยิ้มยียวน ที่จริงก็แค่บ่นไปอย่างนั้นเอง โดนไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ก็แค่หักคะแนนโบนัสเท่านั้น ไม่เป็นไรอยู่แล้วโบนัสของเมธีก็เหลือเฟือ “ไปร้านทะเลเผาโลด ร้านเดิมของเรา”
“โอเคค่า ไปโลด” แล้วเมธีก็ขับรถออกไป มุ่งหน้าไปยังร้านที่ว่านั่น เป็นร้านบุฟเฟต์หมูกระทะด้วย ทะเลเผาด้วย มีให้เลือกสรรมากมาย น้ำจิ้มก็อร่อย ของก็สด ถูกใจเธอกับเมธีมาก ๆ และถือว่าเป็นร้านประจำของพวกเธอกันเลย
เมื่อมาถึงร้านพบว่าผู้คนแน่นร้านมาก ๆ เพราะวันนี้เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เธอต้องหน้ามุ่ยถอนหายใจอีกรอบ ลืมไปว่าวันนี้วันหยุดคนแน่นร้าน ร้านไหน ๆ ก็คงเต็มหมด
“พี่เมธีเราไปบางแสนกันมั้ย” พรนภาชวน อยากลองไปนั่งชิว ๆ ตากลมกลางคืนดูบ้าง แม้ไปถึงก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดทุกที คนเยอะเหมือนกัน วุ่นวายกว่าตรงนี้อีก
“แน่ใจเหรอ พรุ่งนี้น้องหยุดเหรอ” เขาถามด้วยความห่วงใย ไม่ได้จะปฏิเสธเลย ไปไหนไปกันอยู่แล้ว
“ไม่ได้หยุด ร้านนี้ก็ร้านนี้ค่ะ” ยิ้มให้เขา ตอบตกลงตัดสินใจแน่วแน่ ร้านนี้ก็ได้ไหน ๆ ก็มาถึงแล้ว
“ปะไปหาโต๊ะนั่งกัน ให้ชวนพี่หนุ่มกับพี่แหวนมั้ย น้องน่าจะชวนพี่ออดี้มาด้วยนะคะ เลี้ยงคอมสาขายัง” เมธีถามระหว่างจูงมือเดินหาโต๊ะว่างนั่ง ซึ่งเต็มหมดทุกโต๊ะทุกมุม สุดท้ายก็มาได้โต๊ะข้างนอก ทว่ามุมก็ดีอาจจะรำคาญเสียงรถวิ่งผ่านไปผ่านมาบ้างก็ไม่เป็นไร
“วันหลังแล้วกันค่ะ” เธอตอบพร้อมขยับเก้าอี้ พนักงานเดินมาถามว่าจะเอาเตาอะไรบ้าง มีทั้งเตาย่างและเตาปิ้ง และเครื่องดื่มด้วย เมธีหันมามองเธอเป็นเชิงคำถาม “ตามใจพี่เมธีเลยค่ะ” แค่ได้มาทานอะไรแบบนี้ก็อารมณ์ดีแล้ว จากที่อารมณ์เสียมาตลอดทั้งวัน
“งั้นเอามาทั้งสองเตาเลยครับ” เขาหันมาตอบพนักงาน ก่อนจะหันมาถามเธออีก “น้องเอาน้ำอะไรคะ”
“โค๊กค่ะ” เธอตอบ
“แอลกอฮอล์ได้มั้ย” พอถามแบบนี้เธอขมวดคิ้วหย่นจมูกให้ทันที เขาหัวเราะเบา ๆ ด้วยรู้คำตอบของสายตาคู่นั้น “น้ำโค๊กอย่างเดียวครับ เอาสองเตาเลย” หันไปตอบพนักงาน เมื่อตกลงเสร็จพนักงานเดินไปเอาเตามาวางให้ ส่วนพวกเธอก็พากันเดินเลือกหาวัตถุดิบในการรับประทานคืนนี้
“พี่เมธีจะทานอะไรหยิบมาเลยนะคะ” พรนภาพูดจริงจังมาก สายตาก็มองหาหมูสามชั้น มือหนึ่งถือจาน มือหนึ่งถือที่คีบอยู่
เมธียกที่คีบเขกศีรษะของเธอเบา ๆ ด้วยความเอ็นดูนัก ทำเก่งกินไม่หมดทุกที เป็นเขาที่ต้องคอยเก็บส่วนที่เหลือที่กินไม่หมดให้เสมอ พรนภาหันหน้ามามองพร้อมหัวเราะ แล้วก็พากันเดินตักเนื้อและผักจนเต็มจานแล้วก็เดินกลับมาที่โต๊ะ แล้วเดินกลับไปเลือกวัตถุดิบอีก เนื่องจากความต้องการที่จะกินยังไม่พอ เมื่อได้ครบแล้วพวกเธอก็มานั่งประจำที่
เมธีเป็นคนดูเตาย่าง มีพวกหมึก หอยหวาน กุ้งและปูย่างบนเตาไฟ คอยพลิกอยู่ตลอดเวลา ส่วนเธอเป็นคนดูเตาปิ้งเอง คอยพลิกเนื้อไม่ให้ไหม้ก่อนสุก แล้วตักใส่จานให้เขาสลับกับของตนเอง
ตรงหน้าของทั้งสองคนมีของกินเยอะแยะมากมาย ถึงวันนี้ลูกค้าจะเยอะไปหน่อยก็ไม่ผิดหวัง เสียงพูดคุยดังจอแจแข่งกับเสียงเพลงของร้านและเสียงรถวิ่งตามถนนก็ตาม ทว่ามันก็ไม่ได้ปัดเป่าความสุขให้หายไปได้เลย และตัวเธอเองก็ไม่มีความเครียดหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย วินาทีนี้คือ กุ้งย่าง หอยย่าง เนื้อย่างที่อยู่บนเตาสำคัญที่สุด
“น้องอ่ะกุ้งสุกแล้ว เดี๋ยวพี่แกะให้ “ เมธีแกะกุ้งใส่จานให้เธอ กลิ่นของมันหอมเย้ายวนใจมาก ๆ จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดกลมกล่อมเข้ากันมาก ๆ พรนภาไม่สนใจว่าชุดทำงานจะเปื้อนหรือผมจะเหม็นกลิ่นควันเลย แค่เธอมีความสุขในการกินก็พอ เรื่องออกกำลังกายตอนนี้ก็ไม่ต้องไปนึกถึงมัน
ฉีกยิ้มให้แก่เขา ก่อนเอ่ยคำขอบคุณ “ขอบคุณนะคะป่ะป๊า วันนี้เค้าให้พี่เมธีเป็นป่ะป๊าหนึ่งวัน และเค้าเป็นคุณแม่หนึ่งวัน” ใช้ซ่อมสักลงไปที่ตัวกุ้ง จุ่มลงไปในถ้วยน้ำจิ้มซีฟู้ด แล้วก็เอาเข้าปากทานอย่างเอร็ดอร่อย “อร่อยมากเว่อ ! “
“เหรอไหนลองดิ ใช้มือมันถึงได้อรรถรสในการกิน” เขาหยิบกุ้งเผาจิ้มน้ำจิ้มแล้วก็เอากุ้งเข้าปากไป เคี้ยวอย่างอร่อย “เป็นวันนี้เลยได้ปะ คุณแม่อ่ะ “
“ได้ !” พรนภาตอบพร้อมหัวเราะชอบใจ “พี่เมธีแกะปูให้เค้าหน่อย อ่ะนี้ตับกินตับนี่ไปก่อนนะ ค่อยไปกินต่อที่ห้องแล้วก็นี่หมูสไลด์” ตักหมูที่ปิ้งอยู่บนเตากระเบื้องใส่จานให้สามี เมธีเองก็หัวเราะกับคำพูดของเธอ วินาทีนี้มันช่างมีความสุขเหลือเกิน ไม่สนใจสายตาของลูกค้าคนอื่นที่มองมาแล้วพูดคุยกัน “พี่เมธีมันต้องไปทุบตรงนู้นน่ะ” เธอชี้มือไปที่สำหรับให้ลูกค้าทุบปูที่ย่างสุกแล้ว
“เคค่ะ เดี๋ยวพี่ทุบให้” เขาหยิบปูใส่จานจะเดินไปตรงที่สำหรับทุบปู
“เดี๋ยว ! ให้ไปทุบปูนะ ไม่ใช่ไปเหล่สาว” มองค้อนให้กับเขา รู้สึกไม่ค่อยไว้ใจเลย
“ค๊าบคุณแม่ หืย มองคุณแม่มีคุณแม่คนเดียวครับผม“ ถึงจะโดนประชดแต่พรนภาก็ยิ้มพอใจ จากนั้นเขาก็เดินถือปูไปทุบสักพักก็เดินกลับมา
“ขอบคุณค่า “ ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณสามี พี่เมธีน่ารักที่สุดเลย แอบมองแล้วอมยิ้ม
“เฮ้ย ! แอบมองเค้าอีกแล้วนะ จับได้คาหนังคาเขาเลย “ ใช้ตะเกียบเคาะศีรษะของเธอเบา ๆ
“พี่เมธีอ่ะ ตะเกียบออกมาจากปากนะเมื่อกี้ ฮ่วย”
“เชื่อโรคโดนไฟตายหมดแล้ว แอบมองเค้าทำไม พี่หล่อใช่มั้ย ถ้าพี่ไม่หล่อน้องไม่ชอบพี่หรอก ฮา” ไม่ค่อยจะหลงตัวเองเท่าไหร่นัก
พรนภาไม่พูดอะไรเพียงแค่หัวเราะให้กับเขา จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทานต่อ ได้มานั่งทานอะไรแบบนี้กับคนที่รักมันก็มีความสุขดี ได้มาพบปะผู้คน ได้ออกมาชมบรรยากาศข้างนอกบ้าง เปลี่ยนบรรยากาศในการทานมื้อเย็น มันช่างพิเศษที่สุด
พิเศษโดยไม่ต้องมีสิ่งของหรูหรา หรือสถานที่หรูหรา หรือต้องมีแสงเทียนประดับประดาเลย แค่นี้ความสุขมันก็มีท้วมท้น ธรรมดา ๆ ที่แสนพิเศษ
วันนี้เธอจัดการทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าจนหมด ทานหมดเกลี้ยง น้ำอัดลมด้วย เมธีเองก็ต้องตกใจ เป็นภาพที่หาดูอยาก นาน ๆ ทีจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ “ป๊าด !! นี่พรนภาตัวจริงป่าว ท่าจะหิวจริง กินหมดเลย”
“เอ๋า ก็คนไม่ได้กินมานานแล้วมั้ยอ่ะ พี่เมธีพาเค้ามากินล่าสุดตอนไหนเอ๋า เห็นมั้ยตัวเองก็ยังจำไม่ได้” พูดจบนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ รู้สึกอิ่มมาก ๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลารอเมธีกินให้หมดอย่างสบายใจ “ทีเหลือของใครจัดการให้หมดเลยนะ นภาอิ่มแล้ว”
“ค๊าบ เก่งมาก ให้มันได้แบบนี้เสมอ ๆ นะคะ “ ปรายตามองเธอผู้ที่เป็นดั่งดวงใจ และรักที่สุด ให้ทำอะไรก็ยอมชาตินี้ อะไรที่ให้ได้และตามใจได้เขาจะทำหมด พรนภาภรรยาที่น่ารักที่สุดของเขา
“จะได้ไม่เป็นภาระพี่เมธีใช่มั้ย เค้ารู้หรอก” ทำท่างอนเข้าให้ ทว่าเธอเองก็รู้สึกว่าตนเองนั้นกินเยอะเหมือนกัน เพราะหิว เพราะนานมาก ๆ ที่พึ่งจะได้มา
“เย้ย ! เค้ายังไม่ได้พูดนะตัวเอง สำหรับน้องพี่ทำให้ได้หมดนั่นแหละค่ะ แค่ไม่ปล่อยพี่ไว้คนเดียวก็พอ พี่แก่แล้ว” พูดเบา ๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานต่อไป ไม่สนใจปล่อยให้เธอเล่นมือถือตามสบาย
ส่วนพรนภายิ้มเบา ๆ “หนูไม่ทิ้งพี่ไปไหนหรอกค่ะ หนูก็รักของหนูนะ” นึกในใจพร้อมมองเขาทานอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ให้น้ำหนักขึ้นได้อย่างไรล่ะ ก็ทานเยอะขนาดนี้
พอตนเองรู้สึกย่อยแล้วก็สั่งเขาย่างให้อีกอยู่อย่างนั้น วันนี้เธอเองก็ปล่อยตัวเหมือนกัน ขอตามใจปากหนึ่งวัน หลังจากนั้นค่อยไปลดหุ่นต่อ