.
“มารับเค้าเร็ว เค้าเลิกงานแล้ว” เมธีไลน์หา เธอกดอ่านโดยไม่รอช้า เพราะตั้งตารอมาตลอดทั้งวันอยู่แล้ว ถึงเวลาที่รอคอยสักที เธอรีบพิมพ์ตอบกลับไปให้เขารอก่อน “ครับ! ไม่ต้องรีบค่อย ๆ ขับมา พี่เป็นห่วงค่ะ”
พรนภารีบบึ่งรถไปรับสามีที่ทำงานในทันที ไม่นานก็ขับไปถึงหน้าบริษัทของเมธี โทรเรียกให้สามีเดินออกมา เพราะตนเองรอที่กำแพงหน้าบริษัทแล้ว
“มาถึงนานหรือยังคะ ลูกหล่าเมียพ่อ” เขาพูดปนยิ้ม หัวเราะกับมุกของตนเอง เล่นเองหัวเราะเองไปอีก
“นิสัยอิหลิ! หื้ย!” เธอค่อนขอดเขา ทว่าปนไปด้วยเสียงหัวเราะเช่นกัน ไม่แคร์สายตาของพนักงานคนอื่น ๆ ที่เดินผ่านมาเห็นเลย บางคนก็มอง บางคนก็ผ่านไป “มาเมื่อกี้เองค่ะ ปะไปตลาดกัน นภาคิดไว้แล้วว่าอยากกินอะไร”
“อะไรเอ่ย!” เขาถาม ขึ้นไปนั่งค่อมมอเตอร์ไซค์ฟรีโน่คู่ใจของเธอ เตรียมแว้นพาเธอไปตลาดและกลับคอนโดกัน
เธอก้าวขาขึ้นนั่งซ้อนท้ายสามี มันตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์กับเมธี นึกตลกก็มิปาน คนอะไรอยากนั่งมอเตอร์ไซค์ ตอนเด็ก ๆ ไม่เคยนั่งหรือไร
มันไม่แปลกที่คนเราจะขับมอเตอร์ไซค์ แต่ด้วยสถานะที่เป็นอยู่ตอนนี้ ความเหมาะสม ไม่ได้เจ้ายศเจ้าอย่าง แต่ก็ด้วยตำแหน่งและหน้าที่การงานของสามี เธอแค่อยากให้มันดูเหมาะสมเท่านั้นเอง
“ไส้ย่างค่ะ นภาอยากกินไส้ย่าง พี่เมธีทำให้นภากินนะ หมักแซ่บ ๆ เลยนะ เอาสูตรที่พี่เมธีทำให้นภากินที่อยู่บ้านอ่ะ นภาติดใจ” เธอพูด พร้อมขยับ ๆ ไปนั่งชิด ๆ เขา เกาะเอวแน่น ๆ กันไปเลย
“ฮ่วย! มาอยากคือขี้เหล้าแท้บาดหนิ” พูดแซวเธอ หันมายิ้มหัวเราะให้เธอไปอีก เมธีในสายตาของเธอตอนนี้ น่ารักที่สุด ตัวก็ใหญ่ขับรถไปลมไม่โดนตัวของเธอเลย บังเธอไปหมดแล้ว “มันต้องมีเหล้าด้วยนะ มันถึงจะสมบูรณ์แบบ”
“ฮั่นเด้สั่น! จะของกะอยากคือกันนั่นล้า จัดไปค่า” พรนภาอนุญาตหนึ่งวัน มันเพลีย มันอยากอยู่แล้ว ตนเองจึงอนุญาตไป “รีนะหรือจะเบียร์”
“แล้วแต่น้องค่ะ พร้อมยังลูกหล่าเมียพ่อ ฮา” พูดทีไรก็หัวเราะทุกที เล่นเองขำเองสำหรับเมธี “เกาะแน่น ๆ เมธีจะพาแว้นล้าว”
“ไปเลยคุมพ่อสุดที่รักของลูก ลูกพร้อมมาก” แกล้งพูดพร้อมหัวเราะ และ กอดเอวเมธีไว้แน่น ๆ จากนั้นเมธีก็พาขับรถออกไปจากบริษัทที่ทำงาน พาเธอขับไปยังตลาดสด เพื่อหาซื้อของที่จะทานในเย็นนี้
ขับรถออกมาได้ไม่ไกลก็มาถึงตลาดสด พวกเธอนำรถไปจอดไว้ยังลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ เมธีเดินตามหลังเธอ ให้เธอเดินนำหน้าไป บ้างก็เดินมือแตะไหล่ของเธอแล้วแต่จังหวะ ช่วงคนเบียดกันหรือไม่เบียด
“ไส้อ่อนน้อน้องน้อ” เขาถาม ก้มศีรษะลงมาคุยกับเธอขณะกำลังเดินเลือกซื้อวัตถุดิบ
“ก็ไส้อ่อนนั่นล่ะ ไส้แก่มันเป็นยังไงอ่ะ นภาไม่รู้จักหรอก รู้แต่ว่าไส้ย่าง แล้วให้พี่เมธีทำให้กิน ทำเหมือนตอนทำกินที่บ้านน่ะแหมะ” เธอยังจำรสชาติฝีมือของเมธีได้ ที่ครั้งไปย่างที่บ้านของเจ้าตัวกับญาติ ๆ
“จ้า! เดี๋ยวพี่ทำให้กินแซ่บ ๆ เลย” เขากล่าว จากนั้นก็เดินหาซื้อวัตถุดิบต่อไป “น้องเอาอะไรอีกมั้ยคะ กินแค่ไส้เหรอ” เขาถาม
“ค่ะ! ปะซื้อเหล้าน้ำแข็งโซดาบัดหนิ” เธอตอบ ชวนเขากลับทันทีเมื่อได้ของครบแล้ว
“เมาแล้วอย่ากวนอ้ายเด้ เมายามใดกวนตะเฮาเด้เพิ่น” เมธีแซวเธอเบา ๆ หัวเราะอึกอักอยู่ทางด้านหลังเธอ ขณะเดินแตะไหล่ของเธอออกมาจากตลาด
ที่นี่เป็นตลาดกลางแจ้งคล้าย ๆ คลองถม มีผู้คนมาเดินจับจ่ายเงินแน่นหนา ถึงกระนั้นก็อยู่ในความดูแลเข้มงวดเรื่องโรคระบาดของทางตลาด จึงค่อนข้างสบายใจ แต่ถึงอย่างไรก็ยอมเสี่ยงล่ะ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ได้กินอะไรกันพอดี ถ้ามัวแต่กลัว
“ฮือ! มาว่าเขาอิหยังว่ะ” เธอหันไปค่อนขอดให้สามี “ใครกวนใครกันแน่ ฮ่วย!” ยอมที่ไหนโดนใส่ร้าย ทุกทีเมามาก็มีแต่ตัวเองนั่นแหละกวนคนอื่น
“เหรอ! พี่เป็นคนกวนน้องเหรอ โทษ ๆ เข้าใจผิดค่ะ” เขายังแหย่เธอไม่ยอมหยุด “งั้นกลับนะคะ! ซื้อมั้ยเสื้อพงเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าน่ะ” เมธีถาม สำหรับพรนภาภรรยาสาวคนนี่ ตามใจได้ทุกอย่าง “ไม่ซื้อจะพากลับแล้วเด้ กว่าจะทำเสร็จ กว่าจะได้ย่าง กว่าจะได้กินดึกก่อนได้เมาพอดี”
“ดึกจะเป็นไร! พรุ่งนี้นภาก็หยุดอีก” เธอพูดอย่างคนสบายใจ เพราะหยุดสองวันติดกันเลย ใจจริงถ้าไม่ติดว่าจะกลับบ้านปีใหม่ เธอก็อยากหยุดยาวติดต่อกันสามวันสี่วันนู่นแหละ ทว่าต้องเก็บวันหยุดไว้กลับบ้าน จึงหยุดแค่สองวันพอ “ม่าย! ไม่ซื้อ” ทำเสียงออเซาะให้
“แต่เค้าทำงานไงคะ เค้าไม่ได้หยุดกับน้องหนิ” ทำเป็นพูดเสียงเรียบ ไม่ติดว่าอยู่กลางตลาด อยู่ท่ามกลางสายตาประชาชน หอมแก้มนิ่ม ๆ ของพรนภาไปแล้ว
“โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะคะ ปะกลับกัน พอแล้วแค่นี้” เธอพูดปนยิ้ม ยิ้มให้สามีรุ่นพ่ออย่างเอ็นดูนัก
“คำนี้ ฉากนี้มันต้องเป็นพี่พูดไม่ใช่เหรอคะตัวเอง ฮา” เขาพูดกลั้วหัวเราะ ก็ทุกครั้งต้องเป็นเขาที่พูดปลอบใจเสมอ แต่วันนี้เธอกลับเป็นคนพูดปลอบใจเขาซะอย่างนั้น รักและเอ็นดูมากที่สุดเลย ที่รักของเขา จากนั้นพวกเขาก็ขับรถกลับคอนโดกัน เมื่อได้ของครบตามที่ต้องการแล้ว
มาถึงพรนภาทำหน้าที่เตรียมสถานที่ ส่วนเมธีเป็นคนทำไส้ย่างให้ทาน พวกเธอจะย่างกันในห้องโถงนี่แหละ ไม่กลัวกลิ่นจะตกค้างหรอก ไม่ได้เจ้ายศเจ้าอย่างขนาดนั้น อยู่กันแบบสบาย ๆ พรนภาปูเสื่อลงที่พื้น เตรียมเตาย่างไฟฟ้า เตรียมจาน เตรียมผักที่ไว้กินกับไส้ย่างเรียบร้อย เตรียมเหล้าโซดาน้ำแข็งพร้อม
“พี่เมธีให้นภาตำน้ำจิ้มให้มั้ย พี่เมธีก็เป็นคนบอกสูตรนภาก็ได้ จะได้กระชับเวลาไง” เธอขออาสาทำน้ำพริกจิ้มไส้ย่างเอง “ตัวเองไว้ใจเค้าเหอะ ฮา” มองหน้าสามี ยิ้มกลั้วหัวเราะให้เมื่อเจอสายตาระแวงคู่นั้นของสามีมองมา
“น้องตำพริกไว้ให้พี่ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่ปรุงเอง” เมธีอนุญาตให้ช่วย ขณะนั้นตนเองก็กำลังต้มไส้หมูอยู่ “มันต้องต้มก่อนค่อยเอาไปย่างอีกที” เขาพูดพร้อมดูหม้อต้มไปด้วย ส่วนเธอก็ลงมือตำพริกให้สามีทันที
“แล้วไม่หมักเหรอคะ” เธอถามด้วยความสงสัย
“หมักค่ะ แต่ต้มก่อนไงจากนั้นก็หมักแล้วค่อยนำไปย่าง” เขาอธิบายอย่างใจเย็น “ตำพริกเสร็จยัง ปรุงดิ ปรุงเลยค่ะ เอาที่น้องว่าแซ่บ”
“นั่น! สรุปใครทำกันแน่ ไม่อร่อยอย่ามาบ่นเด้อ” เธอเหวี่ยงค้อนให้เบา ๆ ไหนบอกจะเป็นคนทำ ไม่ได้ขี้เกียจอะไร แต่ห่วงว่ามันจะไม่อร่อยเท่านั้นเอง อุตส่าห์กินไส้ย่างทั้งที อยากให้ปาร์ตี้นี้มันมีแต่ความสุขต่างหาก มันก็ต้องเป็นไปตั้งแต่น้ำจิ้มที่แสนอร่อยเข้ากันอย่างไรล่ะ ถ้าไม่อร่อยคงปาร์ตี้ไม่สนุก
“จัดเลยค่ะ! มันจะไปยากอะไร ก็ปรุงธรรมดา ๆ นี่แหละ” จากนั้นเขาก็บอกสูตรกับเธอว่าใส่อะไรลงไปบ้าง แล้วเขาก็ชิมให้ “โรยต้นหอมซอยลงไปด้วย อือ…แค่นี้แหละ แล้วเค้าก็จะหมักไส้บาดหนิ จากนั้นก็เอาไปย่าง แค่นี้ก็รอกินได้เลย” เขาเอ่ย เธอยิ้มให้กับเขา คนอะไรน่ารักที่สุดเลย ตามใจตลอด อยากทานอะไรก็จัดให้ ไม่มีบ่นว่าเหนื่อยหรือบ่นว่าเสียเวลาพักผ่อนสักครั้ง ขนาดไม่ใช่วันหยุดก็จัดให้
“อยากกินแล้ว!” เธอพูดด้วยท่าทางอารมณ์ดี “ไปชงเหล้ามาเสิร์ฟดีกว่า เดี๋ยวหนูไปชงเหล้ามาให้นะคะ” แกล้งพูดเย้าแหย่
“เข้ม ๆ ค่ะ สองฝาโซดาไม่น้ำ ก่อนไปมาให้ป๋าหอมแก้มก่อนซิ ” เขาสั่ง เล่นไปกับเธอด้วย นี่ไงเมธีตัวจริงเสียงจริง เล่นอะไรก็เล่นตาม ไม่เคยมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระหรือปัญญาอ่อนเลยสักครั้ง แล้วเธอก็ไปทำมาให้ เรื่องชงเหล้าขอให้บอก เซียนอยู่แล้ว
พอเขาหมักไส้หมูเสร็จเรียบร้อยก็นำมาย่างที่เตาไฟฟ้า ที่เธอเตรียมไว้รอหมดแล้ว ผักกับแอลกอฮอล์พร้อม เขียงและมีดพร้อม “เปิดเพลง ๆ ตำจอกกับเมียกั๊นน่ะคืนหนิ ชนค่า!” เขายกแก้วขึ้นชนกับเธอ “น้องกินคอหมูย่างมั้ยคะ วันหลังเราซื้อมาย่างบ้างดีกว่า”
“หื่อ! นภาไม่กิน ไส้กินอยู่นะ แต่คอไม่กิน” เธอตอบ พร้อมยกแก้วเหล้าดื่ม มันสดชื่นมาก ๆ อย่าบอกใครเชียว สำหรับเธอต้อง เหล้าโซดาและน้ำปาดหน้า คออ่อนแต่อยากกิน เสียงเพลงก็เปิดเคล้าคลึงเบา ๆ ได้บรรยากาศมาก ได้บรรยากาศกันอยู่สองคน
“อร่อยจะตาย อร่อยกว่าไส้อีก” เขาพูดพร้อมพลิกไส้ที่กำลังย่างอยู่บนเตาไปด้วย กลิ่นของมันเริ่มหอมคละคลุ้งไปทั่วห้องแล้ว ไม่เป็นไรมีสเปรย์ดับกลิ่นอาหารอยู่ค่อยฉีดหลังทานเสร็จ ไส้กำลังสุกเป็นสีเหลืองน่าทานมาก กลิ่นของสมุนไพรที่หมักหอมเรียกน้ำย่อยที่สุด
“ไม่! นภาไม่เคยกิน อันไหนที่นภาไม่กิน ไม่ชอบพี่เมธีอย่ายัดเยียดนภาได้มั้ยคะ” หน้าบึ้งจ้องมองคนตรงหน้า
“นั่น ๆ ยกไปสามรอบนึง เริ่มเมาหาเรื่องเขาล่ะเด้บาดหนิ ค้าบ! อะไรที่น้องไม่ชอบพี่ก็ไม่ทำหรอก ใจเย็น ๆ อย่าพึ่งงอแงเดี๋ยวเค้าจัดให้” เขาพูดกลั้วหัวเราะ ในคอนโดเล็ก ๆ พวกเธอกำลังปาร์ตี้ไส้หมูกันอยู่สองคน คุยกันไป งอแงและง้อกันไป ฟังเพลงไปพร้อมย่างไส้ไปด้วย ยกแก้วเหล้าชนกันไปด้วย
มีความสุขมากที่สุด วันธรรมดา ๆ ที่มันแสนจะพิเศษสำหรับพวกเธอ ไม่ต้องการอะไรมากมาย แค่ได้อยู่ด้วย ได้เจอกัน ได้พูดคุยกันทุกวันก็พอใจ
เธอเหวี่ยงค้อนให้เขา “อะไรที่น้องไม่ชอบพี่ก็ไม่ทำโลด อย่ามาพูด! แล้วใครบังคับให้นภากินต้มอึ่งอ่างก่อน” เธอพูดและยังเหวี่ยงสายตาให้เขา ส่วนเจ้าตัวหัวเราะลั่นห้องกันเลย
“อะไรตัวเอง! มันแค่น้ำซุปมั้ย พี่ไม่ได้บังคับน้องกินตัวของมันสักหน่อยเลยค่ะ” เขาพูดด้วยความจำนนท์ต่อความผิด จำเหตุการณ์นั้นได้ดี “โอ๋ ๆ เค้าขอโทษ ๆ จงลืม ณ บัดนาว เพี้ยง!” พูดจบโน้มตัวมาทำเป็นเป่าศีรษะของเธออย่างตลก และ มันก็ได้ผลด้วย เรียกเสียงหัวเราะของเธอออกมาได้
“ไม่ต้องมาทำแบบนี้เลย ชิ! จะแก้ตัวอะไรอีก มันก็แค่น้ำซุป! หื้ย! มันก็คือคำแก้ตัวดี ๆ ของคนอยากแกล้งเค้าแหละ” เธอก็ยังไม่หยุดเหวี่ยงสามี แต่เป็นไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้คิดจะขุดคุ้ยขึ้นมาเพื่อหาเรื่อง แค่คำพูดและสถานการณ์มันพาไป
“นี่สุกแล้วค่า เดี๋ยวพี่ซอยให้” เขาเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่อย่างนั้นโดนแน่ ๆ ตัวเขา หยิบไส้ย่างที่สุกเหลืองน่าทานมาซอยเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้ภรรยาสาว “ชิมดิอร่อยปะ”
พรนภาจิ้มไส้ย่างกับน้ำพริกมันหอมสมุนไพรมาก กรอบ ผสมกับน้ำพริกรสเผ็ดได้อย่างลงตัว “อร่อยมากค่า” จากนั้นก็กระดกเหล้าไปค่อนแก้วกันเลย ก่อนจะวางแก้วลงเติมโซดาเติมเหล้าอีก วันนี้มันมีความสุขที่สุด
“เป็นไงคะ! เหมือนที่กินที่บ้านเปล่า” เขาถาม
“เหมือนค่ะ อร่อย! นี่แหละนภาอยากกินมานานแล้ว ว่าจะชวนกินหลายครั้งแล้วล่ะ แต่ลืม! ไม่ใช่ลืมหรอก แต่ว่าแค่อยากกินหมูกระทะมากกว่าแค่นั้นเอง วันนี้ได้ฤกษ์กินไส้ย่างละ อร่อย! แฮ่…” พูดปนยิ้ม พูดออเซาะสามีรุ่นพ่อไปแบบไม่เกรงใจเลย จะเกรงใจใครก็มีกันอยู่แค่สองคน และ เมธีก็ชอบให้เธอออเซาะแบบนี้ด้วย
“กลับบ้านเราทำกินอีกเนอะ เอ้าชน! ยกสิคะ ปล่อยให้ละลายเป็นฝายน้ำล้นบ่อ น้ำแข็งละลายล้นแก้วหมดแล้ว” เขาทัก ตอนนี้ก็เริ่มจะคุยกันเสียงดังแล้วล่ะ เขาไม่ได้เมาแค่สนุกไปด้วย
แค่เห็นพรนภาชอบในสิ่งที่เขาทำให้ เห็นพรนภามีความสุขเขาก็สุขใจ “เมาแล้วอย่ามาเฮา ๆ โต ๆ เด้อ ฮ่ายเด้ ฮา” เขาแซวไปอย่างนั้น ถึงพูดจริงก็ไม่ถือสาหรอก ไม่ถือคนบ้าไม่ว่าคนเมา เพราะตอนนี้ภรรยาสาวดูท่าจะเสียอาการแล้ว
“หมดแก้ว!” พรนภาพูด
ฝันหวาน (Sweet Dream) 85
.
“มารับเค้าเร็ว เค้าเลิกงานแล้ว” เมธีไลน์หา เธอกดอ่านโดยไม่รอช้า เพราะตั้งตารอมาตลอดทั้งวันอยู่แล้ว ถึงเวลาที่รอคอยสักที เธอรีบพิมพ์ตอบกลับไปให้เขารอก่อน “ครับ! ไม่ต้องรีบค่อย ๆ ขับมา พี่เป็นห่วงค่ะ”
พรนภารีบบึ่งรถไปรับสามีที่ทำงานในทันที ไม่นานก็ขับไปถึงหน้าบริษัทของเมธี โทรเรียกให้สามีเดินออกมา เพราะตนเองรอที่กำแพงหน้าบริษัทแล้ว
“มาถึงนานหรือยังคะ ลูกหล่าเมียพ่อ” เขาพูดปนยิ้ม หัวเราะกับมุกของตนเอง เล่นเองหัวเราะเองไปอีก
“นิสัยอิหลิ! หื้ย!” เธอค่อนขอดเขา ทว่าปนไปด้วยเสียงหัวเราะเช่นกัน ไม่แคร์สายตาของพนักงานคนอื่น ๆ ที่เดินผ่านมาเห็นเลย บางคนก็มอง บางคนก็ผ่านไป “มาเมื่อกี้เองค่ะ ปะไปตลาดกัน นภาคิดไว้แล้วว่าอยากกินอะไร”
“อะไรเอ่ย!” เขาถาม ขึ้นไปนั่งค่อมมอเตอร์ไซค์ฟรีโน่คู่ใจของเธอ เตรียมแว้นพาเธอไปตลาดและกลับคอนโดกัน
เธอก้าวขาขึ้นนั่งซ้อนท้ายสามี มันตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์กับเมธี นึกตลกก็มิปาน คนอะไรอยากนั่งมอเตอร์ไซค์ ตอนเด็ก ๆ ไม่เคยนั่งหรือไร
มันไม่แปลกที่คนเราจะขับมอเตอร์ไซค์ แต่ด้วยสถานะที่เป็นอยู่ตอนนี้ ความเหมาะสม ไม่ได้เจ้ายศเจ้าอย่าง แต่ก็ด้วยตำแหน่งและหน้าที่การงานของสามี เธอแค่อยากให้มันดูเหมาะสมเท่านั้นเอง
“ไส้ย่างค่ะ นภาอยากกินไส้ย่าง พี่เมธีทำให้นภากินนะ หมักแซ่บ ๆ เลยนะ เอาสูตรที่พี่เมธีทำให้นภากินที่อยู่บ้านอ่ะ นภาติดใจ” เธอพูด พร้อมขยับ ๆ ไปนั่งชิด ๆ เขา เกาะเอวแน่น ๆ กันไปเลย
“ฮ่วย! มาอยากคือขี้เหล้าแท้บาดหนิ” พูดแซวเธอ หันมายิ้มหัวเราะให้เธอไปอีก เมธีในสายตาของเธอตอนนี้ น่ารักที่สุด ตัวก็ใหญ่ขับรถไปลมไม่โดนตัวของเธอเลย บังเธอไปหมดแล้ว “มันต้องมีเหล้าด้วยนะ มันถึงจะสมบูรณ์แบบ”
“ฮั่นเด้สั่น! จะของกะอยากคือกันนั่นล้า จัดไปค่า” พรนภาอนุญาตหนึ่งวัน มันเพลีย มันอยากอยู่แล้ว ตนเองจึงอนุญาตไป “รีนะหรือจะเบียร์”
“แล้วแต่น้องค่ะ พร้อมยังลูกหล่าเมียพ่อ ฮา” พูดทีไรก็หัวเราะทุกที เล่นเองขำเองสำหรับเมธี “เกาะแน่น ๆ เมธีจะพาแว้นล้าว”
“ไปเลยคุมพ่อสุดที่รักของลูก ลูกพร้อมมาก” แกล้งพูดพร้อมหัวเราะ และ กอดเอวเมธีไว้แน่น ๆ จากนั้นเมธีก็พาขับรถออกไปจากบริษัทที่ทำงาน พาเธอขับไปยังตลาดสด เพื่อหาซื้อของที่จะทานในเย็นนี้
ขับรถออกมาได้ไม่ไกลก็มาถึงตลาดสด พวกเธอนำรถไปจอดไว้ยังลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ เมธีเดินตามหลังเธอ ให้เธอเดินนำหน้าไป บ้างก็เดินมือแตะไหล่ของเธอแล้วแต่จังหวะ ช่วงคนเบียดกันหรือไม่เบียด
“ไส้อ่อนน้อน้องน้อ” เขาถาม ก้มศีรษะลงมาคุยกับเธอขณะกำลังเดินเลือกซื้อวัตถุดิบ
“ก็ไส้อ่อนนั่นล่ะ ไส้แก่มันเป็นยังไงอ่ะ นภาไม่รู้จักหรอก รู้แต่ว่าไส้ย่าง แล้วให้พี่เมธีทำให้กิน ทำเหมือนตอนทำกินที่บ้านน่ะแหมะ” เธอยังจำรสชาติฝีมือของเมธีได้ ที่ครั้งไปย่างที่บ้านของเจ้าตัวกับญาติ ๆ
“จ้า! เดี๋ยวพี่ทำให้กินแซ่บ ๆ เลย” เขากล่าว จากนั้นก็เดินหาซื้อวัตถุดิบต่อไป “น้องเอาอะไรอีกมั้ยคะ กินแค่ไส้เหรอ” เขาถาม
“ค่ะ! ปะซื้อเหล้าน้ำแข็งโซดาบัดหนิ” เธอตอบ ชวนเขากลับทันทีเมื่อได้ของครบแล้ว
“เมาแล้วอย่ากวนอ้ายเด้ เมายามใดกวนตะเฮาเด้เพิ่น” เมธีแซวเธอเบา ๆ หัวเราะอึกอักอยู่ทางด้านหลังเธอ ขณะเดินแตะไหล่ของเธอออกมาจากตลาด
ที่นี่เป็นตลาดกลางแจ้งคล้าย ๆ คลองถม มีผู้คนมาเดินจับจ่ายเงินแน่นหนา ถึงกระนั้นก็อยู่ในความดูแลเข้มงวดเรื่องโรคระบาดของทางตลาด จึงค่อนข้างสบายใจ แต่ถึงอย่างไรก็ยอมเสี่ยงล่ะ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ได้กินอะไรกันพอดี ถ้ามัวแต่กลัว
“ฮือ! มาว่าเขาอิหยังว่ะ” เธอหันไปค่อนขอดให้สามี “ใครกวนใครกันแน่ ฮ่วย!” ยอมที่ไหนโดนใส่ร้าย ทุกทีเมามาก็มีแต่ตัวเองนั่นแหละกวนคนอื่น
“เหรอ! พี่เป็นคนกวนน้องเหรอ โทษ ๆ เข้าใจผิดค่ะ” เขายังแหย่เธอไม่ยอมหยุด “งั้นกลับนะคะ! ซื้อมั้ยเสื้อพงเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าน่ะ” เมธีถาม สำหรับพรนภาภรรยาสาวคนนี่ ตามใจได้ทุกอย่าง “ไม่ซื้อจะพากลับแล้วเด้ กว่าจะทำเสร็จ กว่าจะได้ย่าง กว่าจะได้กินดึกก่อนได้เมาพอดี”
“ดึกจะเป็นไร! พรุ่งนี้นภาก็หยุดอีก” เธอพูดอย่างคนสบายใจ เพราะหยุดสองวันติดกันเลย ใจจริงถ้าไม่ติดว่าจะกลับบ้านปีใหม่ เธอก็อยากหยุดยาวติดต่อกันสามวันสี่วันนู่นแหละ ทว่าต้องเก็บวันหยุดไว้กลับบ้าน จึงหยุดแค่สองวันพอ “ม่าย! ไม่ซื้อ” ทำเสียงออเซาะให้
“แต่เค้าทำงานไงคะ เค้าไม่ได้หยุดกับน้องหนิ” ทำเป็นพูดเสียงเรียบ ไม่ติดว่าอยู่กลางตลาด อยู่ท่ามกลางสายตาประชาชน หอมแก้มนิ่ม ๆ ของพรนภาไปแล้ว
“โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะคะ ปะกลับกัน พอแล้วแค่นี้” เธอพูดปนยิ้ม ยิ้มให้สามีรุ่นพ่ออย่างเอ็นดูนัก
“คำนี้ ฉากนี้มันต้องเป็นพี่พูดไม่ใช่เหรอคะตัวเอง ฮา” เขาพูดกลั้วหัวเราะ ก็ทุกครั้งต้องเป็นเขาที่พูดปลอบใจเสมอ แต่วันนี้เธอกลับเป็นคนพูดปลอบใจเขาซะอย่างนั้น รักและเอ็นดูมากที่สุดเลย ที่รักของเขา จากนั้นพวกเขาก็ขับรถกลับคอนโดกัน เมื่อได้ของครบตามที่ต้องการแล้ว
มาถึงพรนภาทำหน้าที่เตรียมสถานที่ ส่วนเมธีเป็นคนทำไส้ย่างให้ทาน พวกเธอจะย่างกันในห้องโถงนี่แหละ ไม่กลัวกลิ่นจะตกค้างหรอก ไม่ได้เจ้ายศเจ้าอย่างขนาดนั้น อยู่กันแบบสบาย ๆ พรนภาปูเสื่อลงที่พื้น เตรียมเตาย่างไฟฟ้า เตรียมจาน เตรียมผักที่ไว้กินกับไส้ย่างเรียบร้อย เตรียมเหล้าโซดาน้ำแข็งพร้อม
“พี่เมธีให้นภาตำน้ำจิ้มให้มั้ย พี่เมธีก็เป็นคนบอกสูตรนภาก็ได้ จะได้กระชับเวลาไง” เธอขออาสาทำน้ำพริกจิ้มไส้ย่างเอง “ตัวเองไว้ใจเค้าเหอะ ฮา” มองหน้าสามี ยิ้มกลั้วหัวเราะให้เมื่อเจอสายตาระแวงคู่นั้นของสามีมองมา
“น้องตำพริกไว้ให้พี่ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่ปรุงเอง” เมธีอนุญาตให้ช่วย ขณะนั้นตนเองก็กำลังต้มไส้หมูอยู่ “มันต้องต้มก่อนค่อยเอาไปย่างอีกที” เขาพูดพร้อมดูหม้อต้มไปด้วย ส่วนเธอก็ลงมือตำพริกให้สามีทันที
“แล้วไม่หมักเหรอคะ” เธอถามด้วยความสงสัย
“หมักค่ะ แต่ต้มก่อนไงจากนั้นก็หมักแล้วค่อยนำไปย่าง” เขาอธิบายอย่างใจเย็น “ตำพริกเสร็จยัง ปรุงดิ ปรุงเลยค่ะ เอาที่น้องว่าแซ่บ”
“นั่น! สรุปใครทำกันแน่ ไม่อร่อยอย่ามาบ่นเด้อ” เธอเหวี่ยงค้อนให้เบา ๆ ไหนบอกจะเป็นคนทำ ไม่ได้ขี้เกียจอะไร แต่ห่วงว่ามันจะไม่อร่อยเท่านั้นเอง อุตส่าห์กินไส้ย่างทั้งที อยากให้ปาร์ตี้นี้มันมีแต่ความสุขต่างหาก มันก็ต้องเป็นไปตั้งแต่น้ำจิ้มที่แสนอร่อยเข้ากันอย่างไรล่ะ ถ้าไม่อร่อยคงปาร์ตี้ไม่สนุก
“จัดเลยค่ะ! มันจะไปยากอะไร ก็ปรุงธรรมดา ๆ นี่แหละ” จากนั้นเขาก็บอกสูตรกับเธอว่าใส่อะไรลงไปบ้าง แล้วเขาก็ชิมให้ “โรยต้นหอมซอยลงไปด้วย อือ…แค่นี้แหละ แล้วเค้าก็จะหมักไส้บาดหนิ จากนั้นก็เอาไปย่าง แค่นี้ก็รอกินได้เลย” เขาเอ่ย เธอยิ้มให้กับเขา คนอะไรน่ารักที่สุดเลย ตามใจตลอด อยากทานอะไรก็จัดให้ ไม่มีบ่นว่าเหนื่อยหรือบ่นว่าเสียเวลาพักผ่อนสักครั้ง ขนาดไม่ใช่วันหยุดก็จัดให้
“อยากกินแล้ว!” เธอพูดด้วยท่าทางอารมณ์ดี “ไปชงเหล้ามาเสิร์ฟดีกว่า เดี๋ยวหนูไปชงเหล้ามาให้นะคะ” แกล้งพูดเย้าแหย่
“เข้ม ๆ ค่ะ สองฝาโซดาไม่น้ำ ก่อนไปมาให้ป๋าหอมแก้มก่อนซิ ” เขาสั่ง เล่นไปกับเธอด้วย นี่ไงเมธีตัวจริงเสียงจริง เล่นอะไรก็เล่นตาม ไม่เคยมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระหรือปัญญาอ่อนเลยสักครั้ง แล้วเธอก็ไปทำมาให้ เรื่องชงเหล้าขอให้บอก เซียนอยู่แล้ว
พอเขาหมักไส้หมูเสร็จเรียบร้อยก็นำมาย่างที่เตาไฟฟ้า ที่เธอเตรียมไว้รอหมดแล้ว ผักกับแอลกอฮอล์พร้อม เขียงและมีดพร้อม “เปิดเพลง ๆ ตำจอกกับเมียกั๊นน่ะคืนหนิ ชนค่า!” เขายกแก้วขึ้นชนกับเธอ “น้องกินคอหมูย่างมั้ยคะ วันหลังเราซื้อมาย่างบ้างดีกว่า”
“หื่อ! นภาไม่กิน ไส้กินอยู่นะ แต่คอไม่กิน” เธอตอบ พร้อมยกแก้วเหล้าดื่ม มันสดชื่นมาก ๆ อย่าบอกใครเชียว สำหรับเธอต้อง เหล้าโซดาและน้ำปาดหน้า คออ่อนแต่อยากกิน เสียงเพลงก็เปิดเคล้าคลึงเบา ๆ ได้บรรยากาศมาก ได้บรรยากาศกันอยู่สองคน
“อร่อยจะตาย อร่อยกว่าไส้อีก” เขาพูดพร้อมพลิกไส้ที่กำลังย่างอยู่บนเตาไปด้วย กลิ่นของมันเริ่มหอมคละคลุ้งไปทั่วห้องแล้ว ไม่เป็นไรมีสเปรย์ดับกลิ่นอาหารอยู่ค่อยฉีดหลังทานเสร็จ ไส้กำลังสุกเป็นสีเหลืองน่าทานมาก กลิ่นของสมุนไพรที่หมักหอมเรียกน้ำย่อยที่สุด
“ไม่! นภาไม่เคยกิน อันไหนที่นภาไม่กิน ไม่ชอบพี่เมธีอย่ายัดเยียดนภาได้มั้ยคะ” หน้าบึ้งจ้องมองคนตรงหน้า
“นั่น ๆ ยกไปสามรอบนึง เริ่มเมาหาเรื่องเขาล่ะเด้บาดหนิ ค้าบ! อะไรที่น้องไม่ชอบพี่ก็ไม่ทำหรอก ใจเย็น ๆ อย่าพึ่งงอแงเดี๋ยวเค้าจัดให้” เขาพูดกลั้วหัวเราะ ในคอนโดเล็ก ๆ พวกเธอกำลังปาร์ตี้ไส้หมูกันอยู่สองคน คุยกันไป งอแงและง้อกันไป ฟังเพลงไปพร้อมย่างไส้ไปด้วย ยกแก้วเหล้าชนกันไปด้วย
มีความสุขมากที่สุด วันธรรมดา ๆ ที่มันแสนจะพิเศษสำหรับพวกเธอ ไม่ต้องการอะไรมากมาย แค่ได้อยู่ด้วย ได้เจอกัน ได้พูดคุยกันทุกวันก็พอใจ
เธอเหวี่ยงค้อนให้เขา “อะไรที่น้องไม่ชอบพี่ก็ไม่ทำโลด อย่ามาพูด! แล้วใครบังคับให้นภากินต้มอึ่งอ่างก่อน” เธอพูดและยังเหวี่ยงสายตาให้เขา ส่วนเจ้าตัวหัวเราะลั่นห้องกันเลย
“อะไรตัวเอง! มันแค่น้ำซุปมั้ย พี่ไม่ได้บังคับน้องกินตัวของมันสักหน่อยเลยค่ะ” เขาพูดด้วยความจำนนท์ต่อความผิด จำเหตุการณ์นั้นได้ดี “โอ๋ ๆ เค้าขอโทษ ๆ จงลืม ณ บัดนาว เพี้ยง!” พูดจบโน้มตัวมาทำเป็นเป่าศีรษะของเธออย่างตลก และ มันก็ได้ผลด้วย เรียกเสียงหัวเราะของเธอออกมาได้
“ไม่ต้องมาทำแบบนี้เลย ชิ! จะแก้ตัวอะไรอีก มันก็แค่น้ำซุป! หื้ย! มันก็คือคำแก้ตัวดี ๆ ของคนอยากแกล้งเค้าแหละ” เธอก็ยังไม่หยุดเหวี่ยงสามี แต่เป็นไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้คิดจะขุดคุ้ยขึ้นมาเพื่อหาเรื่อง แค่คำพูดและสถานการณ์มันพาไป
“นี่สุกแล้วค่า เดี๋ยวพี่ซอยให้” เขาเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่อย่างนั้นโดนแน่ ๆ ตัวเขา หยิบไส้ย่างที่สุกเหลืองน่าทานมาซอยเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้ภรรยาสาว “ชิมดิอร่อยปะ”
พรนภาจิ้มไส้ย่างกับน้ำพริกมันหอมสมุนไพรมาก กรอบ ผสมกับน้ำพริกรสเผ็ดได้อย่างลงตัว “อร่อยมากค่า” จากนั้นก็กระดกเหล้าไปค่อนแก้วกันเลย ก่อนจะวางแก้วลงเติมโซดาเติมเหล้าอีก วันนี้มันมีความสุขที่สุด
“เป็นไงคะ! เหมือนที่กินที่บ้านเปล่า” เขาถาม
“เหมือนค่ะ อร่อย! นี่แหละนภาอยากกินมานานแล้ว ว่าจะชวนกินหลายครั้งแล้วล่ะ แต่ลืม! ไม่ใช่ลืมหรอก แต่ว่าแค่อยากกินหมูกระทะมากกว่าแค่นั้นเอง วันนี้ได้ฤกษ์กินไส้ย่างละ อร่อย! แฮ่…” พูดปนยิ้ม พูดออเซาะสามีรุ่นพ่อไปแบบไม่เกรงใจเลย จะเกรงใจใครก็มีกันอยู่แค่สองคน และ เมธีก็ชอบให้เธอออเซาะแบบนี้ด้วย
“กลับบ้านเราทำกินอีกเนอะ เอ้าชน! ยกสิคะ ปล่อยให้ละลายเป็นฝายน้ำล้นบ่อ น้ำแข็งละลายล้นแก้วหมดแล้ว” เขาทัก ตอนนี้ก็เริ่มจะคุยกันเสียงดังแล้วล่ะ เขาไม่ได้เมาแค่สนุกไปด้วย
แค่เห็นพรนภาชอบในสิ่งที่เขาทำให้ เห็นพรนภามีความสุขเขาก็สุขใจ “เมาแล้วอย่ามาเฮา ๆ โต ๆ เด้อ ฮ่ายเด้ ฮา” เขาแซวไปอย่างนั้น ถึงพูดจริงก็ไม่ถือสาหรอก ไม่ถือคนบ้าไม่ว่าคนเมา เพราะตอนนี้ภรรยาสาวดูท่าจะเสียอาการแล้ว
“หมดแก้ว!” พรนภาพูด