ฝันหวาน ( Sweet Dream) 33


.

                “พี่เมธีขอกาแฟเค้าด้วย” พูดขอมาแต่ไกล เดินเข้ามาในครัวหาวโชว์ไปรอบสองรอบ ถึงอยู่ที่คอนโดจะตื่นเช้ามาอุ่นกับข้าวให้ประจำ ก็ไม่ได้เช้าขนาดนี้นี่นา

              “อ่อ ได้เลยค่ะ เดี๋ยวพี่ชงให้”  เขาตอบและเดินไปกดน้ำที่หม้อต้มน้ำร้อนอย่างไม่รีรอ ชงกาแฟให้กับเธอ วันนี้เป็นคิวไปนอนค้างบ้านของเธอแล้ว คงจะดีใจมาก ๆ นับนิ้วรอจะแย่แล้วแน่นอน “เสร็จแล้วค่ะ ระวังร้อนนะ”

             “ขอบคุณค่ะ” ยิ้มให้และกล่าวขอบคุณพร้อมรับถ้วยกาแฟจากเขา จิบร้อน ๆ ชื่นใจอย่างบอกไม่ถูก

              หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เดินออกจากห้องนอนมาหาสามีในครัว เธอตื่นเช้าพร้อมกับเขา ทั้งที่ถูกบอกให้นอนต่อ หรือไม่ก็ตื่นสาย ๆ ก็ได้ไม่เป็นไร เธอก็ไม่ยอม อยากตื่นพร้อมกัน อยากให้ตัวเองดูดีในสายตาแม่และคนในครอบครัวของสามี นาน ๆ จะมาสักที จะมัวขี้เกียจอืดอาดได้อย่างไร เดี๋ยวจะดูไม่ดีเอา

              ทว่าเธอจะตื่นเช้าขนาดไหน ก็ยังตื่นไม่ทันแม่ของสามีอยู่ดี

             เมธีนั่งเล่นโทรศัพท์พร้อมจิบกาแฟไปด้วยที่โต๊ะทานข้าวกับเธอ นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย “ตื่นเช้า ๆ แบบนี้ก็สดชื่นดีเหมือนกันนะคะ อยู่ที่ทำงานตื่นเช้าพอ ๆ กันแต่ไม่สดชื่นแบบนี่เลย” พูดเบา ๆ และขยับเข้าไปใกล้ ๆ เมธี “ดูอะไรอ่ะ” ทำท่าทางขึงขัง ทำหึงไปอย่างนั้นเองแหละ เธอเชื่อใจเมธีที่สุด อย่าให้จับได้นะ

            “อะไร ! พี่เลื่อนดูรูปตัวเองเนี่ย ใครหนิทำไมหล่อจัง” เขาพูดจบ พรนภาทำท่าสำลักกาแฟแทบไม่ทัน แกล้งทำเฉย ๆ

               “ไม่เบาเลยนะพี่เมธี ไม่ค่อยจะเลย” พูดประชดเข้าให้ พร้อมจิบกาแฟทานไปด้วย ปรายตามองและอมยิ้ม นึกตลกคนอะไรชมตัวเองก็เป็น

                “เดี๋ยวเถอะ ! สำลักกาแฟเหรอ ฮึ ! “ ยกมือขึ้นมาทำท่าจะเขกหัวให้ พรนภาหัวเราะและเบี่ยงศีรษะหลบได้ทัน “ถ้าพี่ไม่หล่อน้องไม่ชอบพี่หรอก ใช่มั้ยล่ะ”

             “เอาที่พี่เมธีสบายใจเห๊อ นภาไม่ว่าอะไรหรอก ฮา” พูดพลางหัวเราะให้ เมธีเองก็ขำตาม เช้า ๆ ที่บ้านนอกแบบนี้สดชื่นที่สุด อากาศในตอนเช้าเย็นสบาย ถึงจะอยู่ในตัวบ้านก็เถอะ ก็ยังสัมผัสได้ถึงไอเย็นของอากาศ กลิ่นอายดินและหญ้า ท้องทุ่งนา สบายใจสบายตาอย่างบอกไม่ถูก ไม่เร่งรีบ ไม่วุ่นวาย ประโยคนี้ยังใช้ได้ในยุคนี้

              หน้าตาเป็นอีกส่วนที่เธอเลือกเขา แต่ความจริงที่เลือกก็คือ การเอาใจใส่ ใส่ใจทุกความรู้สึกของเธอต่างหาก อาจจะเป็นเพราะวัยและประสบการณ์ที่ผ่านมา และมุมมองของกันและกัน จึงทำให้พวกเธอมีรักที่ลงตัว ถึงจะห่างกันไปนิดก็ไม่เป็นไร ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา จนกระทั่งตัดสินใจจดทะเบียนสมรส เมธียังไม่เคยทำให้เธอไม่สบายใจเลยสักครั้ง

                  “น้องว่าพี่หล่อหรือไม่หล่อ ตอบมา ! ” เงยหน้ามองเธอเพื่อเอาคำตอบ จริงจังในการถามเอามาก ๆ จะให้เธอตอบให้ได้เลยใช่มั้ยเนี่ย นึกพูดในใจ

              “เอ๋า ! จะบังคับนภาตอบให้ได้เลยใช่มั้ยล่ะ” หัวเราะคิกคัก นึกเอ็นดูในการถามของเขานัก “หล่อก็หล่อ หล่อก็ได้” ฉีกยิ้มให้ ก่อนจะกระดกกาแฟหมดแก้ว ก่อนจะวางแก้วลงหัวเราะให้กับเขาอีก คนอะไรชมตัวเองตลอด “ตื่นแต่เช้าก็หิวแต่เช้าวุ้ย” เธอบ่นให้ตัวเองลอย ๆ

             “รู้สึกว่าตั้งแต่มานี่จะกินไม่หยุดเลยนะคะ ออกกำลังกายก็ไม่ทำ หืย! คนจะผอมแต่กินไม่หยุดเลย” แซวไปที ก็จริงนี่ตั้งแต่มาถึงบ้าน ภรรยาตัวน้อยคนนี้รับประทานทุกอย่างที่ขวางหน้าจริง ๆ ทำอะไรให้ก็ทานหมด แต่ก็ชอบ เห็นเธอมีความสุขก็สุขใจไปด้วย

              “เอ๋า ก็นาน ๆ มาบ้านทีน้อ พี่เมธีรู้มั้ยนภาชอบการกลับบ้านมากที่สุด หรือออกนอกพื้นที่อ่ะ ที่ไม่ใช่ห้อง นภาจะได้กินทุกอย่างที่อยากกินได้ และไม่ต้องออกกำลังกายด้วย กินเท่าไหร่ก็ได้ กลับไปค่อยเริ่มใหม่ รู้มั้ยเค้าโคตรฟินมากเลยเวลามาบ้าน จะกินอะไรก็ได้ ไม่ต้องออกกำลังกายด้วย”

              พูดให้เขาฟังความรู้สึกข้างในอย่างลอยหน้าลอยตา และตอนนี้ก็เริ่มหิวแล้วด้วย กลับมาบ้านทีไรมีความสุขในการกินทุกที ออกกำลังกายก็ไม่ต้องทำ

            “เหรอคะ รู้งี้นะพักร้อนหลาย ๆ วันก็ดี จะขุนให้อ้วนเลยคอยดู” ทำหน้าตาทะเล้นให้อีก ใครจะเป็นหมู ไม่เป็นหรอก นึกในใจมองค้อนเข้าให้

            “ม่าย !” ทันทีที่ตอบดันเหลือบไปทางประตู เห็นน้องสาวเมธีมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน พรนภาหัวเราะลั่นกันเลยทีเดียว อีกทั้งเมธีและเจ้าตัวก็ขำไปด้วย รู้สึกอายแปลก ๆ อย่างไรไม่รู้

             “ตามสบายค่ะน้องนภาพี่เมธี ขวัญแค่จะมาทานข้าวเช้าเฉย ๆ ไม่ขัดจังหวะใช่มั้ยคะ” น้องสาวเมธีพูดแซว ยิ้มให้ แค่นี้ก็ทำเอาเธอเขินหน้าแดงมากแล้ว สักพักสามีก็เดินตามมาด้วย ทานข้าวเช้าก่อนไปทำงาน ซึ่งสองคนนี้ทำงานในตัวเมือง เมธีคนเดียวที่ไปทำงานไกลบ้านมาก

              “ทานข้าว ! ทานอะไรคะ” พรนภาถามด้วยความสงสัยจริง ๆ เธอเข้ามาในครัวก็ยังไม่ทันได้ทำกับข้าวอะไรไว้เลย และยังไม่ได้เปิดตู้กับข้าวด้วย จึงไม่รู้ว่ามีกับข้าวอยู่ในนั้น ถึงมีก็คงไม่กล้าทานก่อนอยู่ดี เธอถามด้วยความสงสัยไม่รู้จริง ๆ ทำเอาน้องสาวกับน้องเขยสามีหัวเราะ

            “อ่อ แม่ทำไว้แล้วจ้ะ พี่บอกไม่ต้องทำแม่ก็ทำ แกชอบทำน่ะ ติดนิสัยตั้งแต่พวกพี่เด็ก ๆ ถามพี่เมธีดูสิ ส่วนแกนะทานที่วัดกับหลวงตาแล้ว ” ยิ้มให้เธอทั้งสามีอีกคน

              “พี่เมธีมาทานด้วยกันสิครับ น้องนภามาทานข้าว ข้าวเช้าสำคัญนะ เด็ก ๆ ค่อยทานสาย ๆ ครับ” น้องเขยของเมธีกล่าวชวน พร้อมจัดแจงเก้าอี้ ช่วยภรรยายกสำรับมาวางบนโต๊ะ

            เมธีเลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม “ทานสิคะ พี่ก็จะทานเหมือนกัน” เพราะเดาสายตาที่มองมาออก จึงตอบไปว่าจะทานเป็นเพื่อนด้วย

              เช้านี้พี่น้องพร้อมหน้าพร้อมตากัน ทั้งน้องเขยและเธอ ยกเว้นแม่ที่ไปวัด ส่วนเด็ก ๆ ก็ยังไม่ตื่น ก็ไม่มีใครปลุกปล่อยให้นอนตามสบาย เมนูที่แม่ทำไว้เป็นกับข้าวบ้าน ๆ ที่อร่อยมาก ข้าวเหนียวร้อน ๆ บวกกับความหิวหน่อย ๆ มันช่างเป็นมื้อที่อร่อยที่สุด ถึงแม้จะเขิน ๆ นิดหน่อยก็ตาม ทว่าความหิวไม่เคยปรานีใคร

             “นภากับพี่เมธีไม่รู้เลยว่ามีกับข้าวในตู้ นั่งทานแต่กาแฟ พี่เมธีบ่นหิวอยู่” พร้อมหัวเราะไปอีก ที่จริงตนเองนั่นแหละหิว

              “อะฮะ ! พี่หิวค่ะ “ เมธีก็ยิ้มและมองหน้าเธอ ส่วนตนเองก็เมินหน้าหนี หลบสายตาไป ทุกคนสนทนากันไปด้วย ทานข้าวไปด้วย ก่อนที่ขวัญและสามีจะขอตัวไปทำงาน เธออาสาเก็บสำรับเอง ให้สองคนไปทำงานได้เลย

            เมื่อน้องสาวกับน้องเขยออกไปทำงานเรียบร้อย ก็เหลือพวกเธอแต่สองคนที่ยังนั่งทานต่อ ทานไปด้วยเล่นไปด้วยก็ไม่มีใครว่า ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านกันแล้ว เด็ก ๆ ก็ยังไม่ตื่น จะจีบกันอีกรอบได้สบายมาก

           “จะกลับบ้านแล้วไม่ปลุกลูกล่ะคะ พ่อเค้าจะไปแล้วนะ หรือถ้าพี่เมธีไม่อยากห่างลูกก็ไปส่งนภาที่ท่ารถโดยสารบ้านนภาก็ได้ นภากลับได้ ไม่เป็นไรค่ะ จริง ๆ พูดจริงเด้หนิไม่ได้ประชด”  หลับตาพริบ ๆ มองหน้าเขา ทำเหมือนตลกแต่พูดจริง และไม่ได้คิดอะไรจริง ๆ ด้วย ไม่ใช่ห่วงแค่ความรู้สึกของเขา แต่ห่วงความรู้สึกของอีกคนด้วย นั่นก็คือลูกชายของเขาเอง แต่เธอก็อยากกลับบ้านตัวเองเหมือนกัน

            “ได้ไงคะ เจอพี่ก็ต้องเจอนภา เจอนภาก็ต้องเจอพี่”

           “แล้วลิพูลล่ะ เขาจะไม่น้อยใจเหรอ เอ้อ ! พี่เมธี ถามลิพูลด้วยนะ กลับด้วยมั้ย นภาไม่ถือ ที่บ้านก็ไม่ถือ “ ฉีกยิ้มให้ สร้างความมั่นใจให้เขามากที่สุด ไม่อยากให้เขากังวลใจหรือไม่สบายใจอะไรเลย เธอเปิดใจและทำใจเรื่องลูกติดของเขาตั้งนานแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมมาใช้ชีวิตคู่ด้วย “จำไว้เลยว่ามีลูกติดเค้ารับได้ แต่มีเมียติดเค้ารับไม่ได้ หึหึ”

               “โธ่ ! จะมีเมียติดได้ไงคะ ก็เมียนั่งอยู่ตรงนี้แล้วนี่ไง เดี๋ยวพี่ลองคุยดูก่อน เดี๋ยวให้แม่กลับมาจากวัดก่อนนะ เราค่อยไปบ้านน้อง”

            “ค่ะ อิ่มแล้วใช่มั้ย งั้นนภาเก็บนะ”

             “เคค่า เก็บเลย” แล้วพรนภาก็จัดการทุกอย่าง ก่อนที่จะออกไปนั่งเล่นรอแม่สามีที่หน้าบ้าน หมู่บ้านพี่เมธีก็ไม่ต่างจากหมู่บ้านของเธอ จะต่างกันได้อย่างไร ก็บ้านนอกเหมือนกัน

             “อ้าว ยังไม่กลับกันอีกเหรอ” ทักทายคำแรกเมื่อมองเห็นเธอ แม่กลับมาจากวัดแล้ว สายเอาเรื่อง ก็ไม่แปลก เวลายายของเธอไปวัดก็สายประมาณกัน  

            พรนภาหันไปตามเสียงพูด เห็นเป็นแม่สามีกำลังเดินมา จึงลุกเดินไปรับปิ่นโต “ยังค่ะ รอแม่อยู่ มาหนูช่วยถือ”

            “จะรอทำไม กว่าแม่จะกลับ ก็สายแล้วหนิ”

           “ไม่เป็นไรค่ะ นภาไม่ได้รีบอะไร” รับปิ่นโตมาถือพร้อมเดินเข้ามาในบ้านด้วยกัน ประจวบกับเมธีเดินออกมาจากห้องนอนผู้เป็นแม่พอดีด้วย

            “ลิพูลยังไม่ตื่นอีกเหรอ พ่อจะกลับแล้วเนี่ย” ผู้เป็นย่าตะโกนเข้าไปในห้อง “ลิพูลตื่นยัง”

            “ตื่นแล้วย่าจะตะโกนทำไมเนี่ย” พูดเสียงงัวเงียเดินออกมายืนพิงประตูห้องคุยกับผู้เป็นย่า “พ่อจะกลับชลบุรีแล้วเหรอ หรือพ่อจะไปบ้านพี่นภา พ่อจะไปบ้านพี่นภานะย่า ย่านะพูดมั่ว”

            “พูดมั่วอะไรตื่นสาย ๆ นะ ไปปลุกน้องให้ตื่นด้วย “ พูดเป็นย่าเอ่ยถึงหลานสองคนลูกของลูกสาว

             “พ่อไปโลด พูลไม่ไป แต่ก่อนจะกลับชลบุรีแวะบ้านหาพูลก่อนนะ”

            “ครับ เดี๋ยวพ่อแวะหา นอนค้างด้วยอีกคืน”

              “พี่เมธีนอนกับลิพูลเลยนะ นภาบอกให้นอนกับลูกก็ไม่ยอมนอนนะแม่ นภานอนคนเดียวได้ก็ไม่ฟัง ห้องก็ติดกัน” พูดเหน็บเข้าให้ บางทีคนแก่ก็ดื้อ ไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย “นาน ๆ กว่าจะกลับมาบ้านที”

           คนถูกพาดพิงหัวเราะ “ไม่เป็นไรครับพี่นภา พูลไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วที่จะนอนกับพ่อ “

             “มันก็ต้องมีบ้างนะคะ นาน ๆ กลับบ้านมาหาที แล้วบอกพี่นภาว่ามาหาลูก หืย !”

                “เอ๋า ตัวเองก็ แม่ดูลูกสะใภ้แม่สิ ขี้บ่นเหมือนแม่เลย”

              “พี่เมธี ฮ่วย ! “ ทำเอาลูกชายหัวเราะลั่น และตนเองก็รู้สึกอาย ๆ แม่อย่างไรไม่รู้ พี่เมธีเล่นอะไรไม่เข้าท่าเลย ไม่ดูกาลเทศะด้วย เธออายไม่รู้บ้างเลยหรือไร

             “นอนด้วยกันแหละลูกดีแล้ว ลิพูลนอนกับแม่ได้ไม่เป็นไร” คงจะเห็นว่าเธอจริงจังเรื่องนี้ แม่จึงพูดตัดบทไป “ พากันไปบ้านเถอะลูกสายมากแล้ว “

             “ค่ะ งั้นหนูลาแล้วนะคะ ลิพูลพี่ไปบ้านแล้วนะ “

             “ผมขอตัวนะครับแม่ พ่อไปบ้านน้านภาก่อนนะ เดี๋ยวพ่อแวะหาก่อนกลับ”

               “เอ๋า พี่เมธีเค้าให้เรียกพี่ ฮ่วย พี่น้อลิพูล” ทุกคนยิ้มให้เธอ ก่อนจะยกมือไหว้ลาอีกครั้ง แล้วเดินไปขึ้นรถ วันนี้เธอจะเดินทางไปค้างที่บ้านของเธอ วันที่รอคอยมานาน สุดท้ายก็มาถึง

              “พี่เมธีอย่าลืมแวะปั๊มให้เค้าด้วยนะ เค้าจะเข้าร้านนก”

            “ของเค้าด้วย เหมือนเดิมนะคะ เอสเย็น”

           “ค่า “ ก่อนจะหาวโชว์และของีบสักหน่อย

              เมธีหันไปมองแล้วอมยิ้ม น้องนะน้องรู้ว่าตื่นเช้าทำให้ง่วงแบบนี้ก็ยังจะตื่นตามอีก มองดูใบหน้าเรียบ ๆ ของเธอ ไม่สวยมาก ไม่หวือหวา แต่น่ารักในสายตาของเขา ในชีวิตผ่านผู้หญิงสวยมาหลายคน ทว่าพรนภาคือผู้หญิงที่ธรรมดาที่สุดถ้าเปรียบเทียบกับผู้หญิงเหล่านั้น แต่พิเศษสำหรับเขา

จบบท...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่