ฝันหวาน (Sweet Dream) 62

กระทู้สนทนา

.


            “ตื่นค่ะ… เอามือออกนภาจะลุกไปอาบน้ำ สายแล้ว ! มีนัดเก้าโมงเช้านะคะ” พรนภาพูดขณะแกะมือสามีออกจากตัว เพราะว่ากำลังจะลุกแต่ดันถูกรั้งไว้ด้วยท่อนแขนของเมธีเสียนี่

               “สิบนาทีค่ะ” เขากอดเธอเอาไว้

               “สิบนาทีไม่มีอยู่จริง” กลอกตาให้สามี ส่วนเขาหลับตาอยู่ เมื่อลุกจากที่นอนไม่ได้จึงหยิบโทรศัพท์มือถือมาเช็กสังคมออนไลน์สักหน่อย จะหลับต่อก็ทำไม่ได้อีกแล้ว ดูนาฬิกาเจ็ดโมงครึ่งหันขวับไปจ้องสามีที่ยังนอนหลับตาอยู่ “ปล่อยเลยนภาจะลุก จะไปอาบน้ำสายแล้ว ฮ่วย…” พูดพร้อมแกะแขนของเขาออก

                “เอ๋า…” คนนอนอยู่อุทานเบา ๆ เมื่อโดนยกแขนออกจากที่กอดเอาไว้

                “จะเอ๋าอะไรล่ะพี่เมธี ตื่นเลยสายแล้ว “ จ้องมองคนข้าง ๆ อย่างไม่ค่อยชอบใจนัก จากนั้นตนเองจึงเดินหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป รีบอาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จทันเวลา วันนี้มีนัดตอนเก้าโมงกับคุณหมอที่โรงพยาบาล ถอนหายใจให้ตนเอง การไม่มีโรคคือลาภอันประเสริฐเสมอ

              หลังอาบน้ำเสร็จออกมาจากห้องน้ำนึกว่าเมธียังไม่ตื่น จะงอแงให้ ! เห็นเขานั่งมองมายังตนเองด้วยท่าทางสะลึมสะลือ จากที่จะงอนกลับกลายเป็นว่าตลกเสียอย่างนั้น “อาการมันเป็นยังไงคะ บอกเมียมาซิ ! ฮา “ พูดกลั้วยิ้มให้กับสามีคราวพ่อคนนี้ รักมาก ๆ เลย เอ็นดูกับสภาพตอนนี้ด้วย

               “หมอนัดกี่โมงคะ” พูดเสียงแหบพร่าเนื่องจากพึ่งตื่นนอน ก่อนจะกะแอ่มครั้งสองครั้งให้เสียงกลับมาปกติ

                 “เก้าโมงเช้าค่ะ “ ตอบปนยิ้มจากนั้นก็เลิกสนใจ อย่างน้อย ๆ สามีก็ตื่นนอนแล้ว ด้วยตัวเขาเป็นคนที่อาบน้ำแต่งตัวเร็วอยู่แล้ว จึงไม่เร่งรัดอะไรมากนัก “เก้าโมงเช้าถึงเที่ยง แต่กว่าจะถึงคิวไง ไม่ได้มีนภาแค่คนเดียวนะคนไข้อ่ะ”

                “ตื่นแล้วนี่ไงคะ… น้องจะไปไหนต่อปะหาหมอเสร็จอ่ะ” ถามเพราะรู้ใจภรรยารุ่นลูกคนนี้ดี คงไม่จบแค่ไปหาหมอแน่นอน “ร้านกาแฟเปล่า ไม่ใช่กลับมาถึงห้องแล้วงอแงออกไปอีกนะ” ปรายตามองร่างอรชรอ้อนแอ้นนั้นอย่างไม่กะพริบตา

               พอได้ฟังดังนั้นสาวเจ้าหันขวับมามองทันที “ถ้าเป็นแบบนั้นพี่เมธีจะพานภากลับไปมั้ยล่ะ” ทำหน้าบึ้งตึงให้กับเขา แค่แกล้งทำไปอย่างนั้น

                “พุ่นน่ะ ! ฮื้ย… ไปอาบน้ำดีกว่า” ไม่ตอบคำถามรีบลุกหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนเธอเหวี่ยงค้อนตามหลังเขาไปติด ๆ ก่อนจะกลับมาตั้งใจแต่งหน้าทำผมอีกครั้ง

              “ใบนัดเตรียมไว้ยังเนี่ย เสร็จหรือยังจ๊ะคุณผู้หญิง” เขาพูดก่อนจะหัวเราะหึหึในลำคอ ตนเองเป็นคนเร่งคนอื่นแท้ ๆ ทว่าเวลานี้ก็ยังแต่งตังไม่ทันเสร็จเลย ต้องเป็นฝ่ายมานั่งรอแทน

               “เสร็จแล้วค่า เร่งจังเลยพี่เมธี ฮ่วย ! ปะเสร็จแล้ว ใบนัดเอาแล้ว แอลกอฮอล์ล้างมือ แมส กระเป๋าสตางค์ ครบค่ะ แฮ่” ปรายตามองพูดกลั้วยิ้มให้กับสามีสุดที่รัก เขาเองก็ยิ้มตอบ ยกมือขึ้นมาวางบนศีรษะของเธอ เมื่อพร้อมแล้วพวกเธอจึงเดินทางไปยังโรงพยาบาลทันที

                 “จอดที่เดิมมั้ยคะ ฝากรถ !” เขาหันมาพูดขณะเลี้ยวรถไปทางโรงพยาบาล

                   “จอดในโรงพยาบาลก็ดีนะคะ ตรงที่ฝากรถเดินไกลอ่ะ เมื่อยขา” เธอตอบ รู้สึกว่าที่ฝากรถของเอกชนอยู่ไกลโรงพยาบาลเหลือเกิน

                   “มันจะมีที่ให้จอดหรือเปล่าล่ะ เดี๋ยวพี่ลองขับเข้าไปวนดูก็ได้ค่ะ ถ้าไม่มีกลับมาจอดที่เดิมน้อ” หันมาพูดกับพรนภาก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปภายในบริเวณโรงพยาบาล ขับรถวนหาที่ว่างเพื่อจอดรถก็ไม่มีเลย สุดท้ายจึงวนรถกลับมาจอดที่ฝากรถเหมือนเดิม “เดินไปเหมือนเดิม ไม่ไกลหรอกเนอะ”

                “ก็ได้ค่ะ ! แต่เมื่อยพอตัวอยู่นะ ฮา “ ไม่ได้เรื่องมากอะไร ทว่าถ้าเลือกได้ก็อยากจอดภายในบริเวณโรงพยาบาลนั่นแหละ จะได้เดินใกล้หน่อย หลังจากจอดรถเรียบร้อยจึงพากันเดินกลับเข้าไปในโรงพยาบาลอีกรอบ

               มีผู้คนมาพบหมอมากมาย พรนภาทราบขั้นตอนการมาหาหมอของที่นี่เป็นอย่างดี เพราะมาหลายรอบแล้ว และ คิดว่ารอบนี้ไม่ใช่รอบสุดท้ายแน่ ๆ ต้องมีอีกรอบ หรือไม่ก็สองรอบเป็นอย่างต่ำ มาถึงก็นำใบนัดไปยื่น พยาบาลแนะนำให้ไปที่ตึกเฉพาะทางได้เลย ห้องเบอร์ที่ยี่สิบแปด

               “ยังไงต่อเอ่ย” เมธีถามเมื่อเธอเดินถือเอกสารกลับมา

               “พยาบาลบอกว่าไปตึกอัยยิกาห้องที่ยี่สิบแปดค่ะ” เธอตอบพร้อมมองหน้าผู้เป็นสามี

                “ตึกอัยยิกาอยู่ตรงไหนล่ะ เดี๋ยวถามพยาบาลก็ได้” พูดจบเขาเดินตรงมายังพยาบาลอีกคนเพื่อสอบถาม “ขอโทษนะครับจะไปเอ็กซเรย์ที่ตึกอัยยิกา ไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหนครับ” เขาถามพยาบาลพร้อมยื่นเอกสารของพรนภาให้ดูด้วย

               พยาบาลสาวรับเอกสารมาอ่านดูก่อนจะชี้บอกทางไปยังตึกที่ว่า และ ห้องเบอร์ยี่สิบแปดอยู่ฝั่งขวามือ พวกเธอหันไปมองตาม รับเอกสารคืนและไม่ลืมที่จะขอบคุณด้วย จากนั้นพวกเธอทั้งสองคนจึงเดินไปยังตึกนั้น

               “ตึกที่มาเยี่ยมญาติของนภานี่นา” เขาพูดเพราะจำได้แล้ว คราวก่อนนู้นได้มาเยี่ยมญาติลูกพี่ลูกน้องของพรนภาที่ตึกนี้ ทว่าอยู่ชั้นสาม

                “ใช่เหรอพี่เมธี ตัวเองมั่วหรือเปล่า” ชำเลืองมองสามีพร้อมถาม อะไรจะจำแม่นขนาดนั้น

                “น่าจะใช่นะ พี่จำได้อยู่ “ พวกเธอคุยกันขณะเดินไปยังห้องที่ว่า พอเข้ามาภายในอาคารเดินไปยังห้องหมายเลขที่ยี่สิบแปด เห็นเขียนเอาไว้ว่าเอ็กซเรย์ จึงนำใบนัดไปยื่นให้พยาบาล รับบัตรคิวมานั่งรอ

                 “เฮ้อ ! น่าเบื่อ” พูดออกมาเบา ๆ พร้อมหันไปมองคนเป็นสามี เมธีนั่งรออยู่ข้าง ๆ อุ่นใจที่สุด แทบไม่อยากให้ห่างไปไหนเลยเวลาแบบนี้ แค่มาเอ็กซเรย์ อะไรที่ต้องมาหาหมอแบบนี้เธอก็กลัวไปหมด

                “ทำไมคะ ! กลัวเหรอ ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องกลัวนะ” เอื้อมมือมาวางบนศีรษะของพรนภาด้วยความเอ็นดู และ รักมากที่สุด เจ้าตัวพยักหน้าให้เขายังแอบเห็นแววตาที่หม่นของสาวเจ้า กระตุกยิ้มให้ คงจะกลัวแน่ ๆ เลยเด็กน้อยของเขา

                “คิวที่สิบเอ็ด คุณพรนภา สิมะสุวรรณค่ะ” พยาบาลห้องเอ็กซเรย์เรียกชื่อของเธอเมื่อถึงคิว เธอรีบลุกขึ้นยื่นกระเป๋าให้เมธีเก็บไว้ให้ ก่อนจะเดินตามพยาบาลเข้าไปในห้องเอ็กซเรย์

               “เดี๋ยวบอกชื่อหมอนะคะ” หมอประจำห้องเอ็กซเรย์ถาม

                “พรนภา สิมะสุวรรณค่ะ” เธอตอบ

               “เดี๋ยวคนไข้ขึ้นไปนอนรอบนเตียงนะคะ “ เธอขึ้นไปนอนรอบนเตียงนอน สักพักคุณหมอก็ทำการเอ็กซเรย์ ตรงบริเวณลำคอของเธอที่มันบวมขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ คุณหมอถามอาการและสาเหตุของเธอ ดูเหมือนทุกอย่างมันปกติหากฟังสิ่งที่คุณหมอพูด ทว่าเธอข้องใจว่ามันจะบวมได้อย่างไรหากมันปกติ

              “เอ็กซเรย์เรียบร้อยค่ะ เดี๋ยวมาฟังผลอีกวันที่สิบสี่นะคะ เสร็จแล้วกลับได้เลยนะคะ” คุณหมอพูด เธอพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินออกไปข้างนอกหาผู้เป็นสามี ที่รออยู่หน้าห้อง

              “ยังไงคะ มาอีกวันไหน” เขาพูดกลั้วหัวเราะ

              “รู้ดี ! ฮา “ พวกเธอหัวเราะให้กันเบา ๆ หน้าห้องเอ็กซเรย์ “วันที่สิบสี่ค่ะ พี่เมธีหมอเขาพูดเหมือนมันไม่มีอะไรเลยอ่ะ เขาถามเหมือนมันเป็นเรื่องปกติอ่ะ มันจะปกติได้ไงมันปูดขนาดนี้ “

              “รอฟังผลก่อนค่ะ ถ้ายังไม่ทำอะไรจะพาเปลี่ยนโรงบาลละ เสียเวลามาหลายรอบแล้วหนิ “ เขาบ่นเพราะก็รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ จนตอนนี้ก็ยังไม่รู้ไม่ทราบอะไรเลย “ไปไหนต่อมั้ยคะ” เขาถามเพราะรู้ใจภรรยาคนนี้ดีที่สุด เพราะอยากให้คลายกังวลด้วย

             “ไม่ค่ะ ! แต่พาไปห้างหน่อยนะ มีของต้องซื้อ”  เงยหน้ามองสามี คนที่ตามใจทุกอย่างถ้าอยากได้อะไรบนโลกใบนี้ เขายกมือขึ้นมาวางบนศีรษะของเธออีกครั้ง

               “โอเคตามนั้นค่า ว่าแต่ซื้ออะไรเอ่ย แต่เดี๋ยวก่อน ! มีของต้องซื้อนี่ใครซื้อคะ” เขาถาม

                “คิดว่าใครล๊า ฮา” เธอตอบฉีกยิ้มให้สามี ทำตัวอ้อนสุดฤทธิ์ไม่เกรงใจสถานที่เลย แต่ก็ไม่ได้ทำจนดูน่าเกลียด พวกเธอสองคนยิ้มให้กันก่อนจะเดินออกไป และ ขับรถไปยังห้างสรรพสินค้าทันที

                “เอ้า ! บัก… “ เมธีอุทานด้วยความตกใจ

                 “มั๊ย ! เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ พี่เมธีระวัง ๆ หน่อย พวกมอเตอร์ไซค์มันยิ่งอันนี่อยู่” เธอเองก็ตกใจ “จะแมนฟ้าวน้อ ลูกค้าเค้ารอได้อยู่หรอก ไม่ต้องรีบขนาดนั้น” พรนภาบ่นตามหลังให้กับมอเตอร์ไซค์ที่ขับแซงขึ้นไปด้านหน้าเมื่อครู่

               “การตายไม่ใช่การพักผ่อนที่ดีนะครับผม” เมธีบ่นพึมพำขณะขับรถ เพราะกำลังจะเบี่ยงซ้ายลงสะพานเข้าปั๊มน้ำมันพอดี ทว่าโดนคนขับมอเตอร์ไซค์เบียดวิ่งแซงหน้าไปเกือบเกิดเหตุ ทำให้ไม่ได้เบี่ยงซ้ายลงสะพาน เพราะหักหลบ และ ต้องได้ตรงไปอีกเรื่อย ๆ จึงค่อนข้างทำให้คนขับรถหัวเสียนิดหน่อย

                “ใจเย็น ! ใจเย็นก่อนตัวเอง เค้ากลัวนะ ขับรถใจเย็นหน่อยดิ ไม่เกิดอะไรขึ้นก็ดีแล้วนะ” ต่อว่าสามีของตนก่อนแม้ไม่ผิด

                 “บ่ได้ลงสะพานเลยกุ ไปไสล่ะบาดหนิ ได้พาเมียไปเที่ยวพัทยาเลยบาดหนิ” เขาพูดกลั้วหัวเราะไปอีก คนอะไรเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วขนาดนั้น

               “ไปโลด ! “ เธอรีบพูด

            “บ่ !” เขาตอบกลับมาแบบไม่คิด

            “พุ่นน่ะ ฮื้ย ! น้องจะไปไหนพี่พาไปหมดโลด ใครพูด ! ใครพูดคะ” กลอกตาให้สามีคราวพ่ออย่างนึกตลก แค่พูดตลก ๆ เท่านั้นไม่ได้งอนจริงจังอะไรเลย และแล้วเขาก็พาวนกลับมายังห้างสรรพสินค้าอีกจนได้ แล้วพาเธอเข้าไปซื้อของที่ต้องการ จากนั้นก็กลับคอนโดเพราะไม่คิดจะไปที่ไหนต่ออีกแล้ว

              ………………………………
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่