.
“มาแล้ว! คิดถึงจังเลยค่ะ” ทันทีที่คนข้างในเปิดประตูห้องมารับ พรนภาก็ได้รับรอยยิ้มที่ละมุนคุ้นเคย พร้อมอ้อมกอดและรอยจูบที่อบอุ่นของเมธี เป็นแบบนี้ในทุก ๆ วันที่เลิกงานกลับมาถึงห้อง ทำให้เวลาเจออะไรหนัก ๆ เหนื่อย ๆ มันหายไปเป็นปลิดทิ้งทุกที “เป็นไรคะ วันนี้งานยุ่งเหรอ หน้าตาละห้อยเชียว” เขาทักทายหลังสวมกอดเธอจนพอใจแล้ว
“เหนื่อยอ่ะพี่เมธี เบื่อด้วย” เธอตอบ ก่อนจะนำกระเป๋าไปวางแล้วถอดชุดทำงานออก สวมกางเกงขาสั้นเสื้อกล้ามเตรียมตัวออกกำลังกายเช่นทุกวัน สำหรับวันนี้มันขี้เกียจไปหมด ถึงอย่างไรก็ไม่ยอมที่จะขาดการดูแลตัวเองหรอก เรื่องออกกำลังกายต้องมาก่อนเรื่องข้าวเย็นแน่นอน
“ทำไมคะ งานมีปัญหาเหรอ หรืออะไรเอ่ย มีปัญหากับพี่ออร์ดี้มาบ่อ หรือ มีปัญหากับลูกค้าคะ” เขาถาม ปรายตามองร่างอ้อนแอ้นของภรรยาคราวลูกด้วยรอยยิ้ม ผิวขาวนวลผ่องดั่งไฟนีออนของภรรยา น่าหลงไหลชวนมองมาก ๆ คนอื่น ๆ จะไม่มีทางได้เห็นนอกจากตนเองแน่นอน เขานั่งมองที่โซฟา “รีบ ๆ เลยค่ะ ออกกำลังกายเสร็จแล้ว ก็รีบไปอาบน้ำมาทานข้าวเลย แล้วก็อ้วนเหมือนเดิม” เขาพูดกลั้วยิ้ม
“พี่เมธีจะพูดให้เค้าขำทำไมก่อน ยิ่งเมื่อยยิ่งเพลียอยู่หนิ ฮ่วย” ค่อนขอดให้สามีรุ่นพ่อไปที คนจะออกกำลังกายยังจะมาพูดให้ขำมันเป็นการตัดกำลังเคยรู้บ้างไหม จากนั้นก็เข้าสู่โลกส่วนตัวในโหมดออกกำลังกาย
วันนี้ทำสคอวทเนื่องจากเมื่อวานทำแพงค์ไปแล้ว ไม่นานเธอก็ทำครบทุกกระบวนท่า นั่งพักให้หายเหนื่อยดื่มน้ำเย็น ๆ สักหน่อยค่อยไปอาบน้ำ “นภาเบื่อไปหมดเลยพี่เมธีตอนนี้ เซ็งบอกอาการไม่ถูกค่ะ”
“เป็นอะไรเหรอตัวเอง ไหนเล่ามาซิ” เขาเลิกคิ้วถาม หันมามองภรรยาสาวคราวลูกอย่างเอ็นดู มีเรื่องอะไรไม่สบายใจมาอีก เขาอยากแชร์ความทุกข์นั้นของเธอเป็นที่สุด ไม่อยากให้รู้สึกเป็นทุกข์อะไรเลยหากทำได้ อยากให้เธอมีแต่ความสุขเพียงเท่านั้น “ระบายมาเถอะน้อง พี่รับฟังได้ทุกเรื่องนะคะ”
พรนภายิ้มให้กับคนตรงหน้าและคำพูดนั้น ทุกครั้งที่เธอมีเรื่องไม่สบายใจอะไรมา เมธีคนนี้ไม่เคยหายไปไหนเลย ไม่เคยปล่อยให้อยู่คนเดียว จมกับความทุกข์ใจคนเดียวเลยสักครั้ง แล้วครั้งนี้ก็เช่นกัน
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่… เป็นเมนส์ ฮา” เธอพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะลุกขึ้นถือผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป สักพักก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จพร้อมทานข้าวมื้อเย็นกับสามี ทุก ๆ วันแม้จะออกกำลังกายรักษาหุ่น เธอก็ไม่เคยปล่อยให้สามีต้องโดดเดี่ยวทานข้าวคนเดียวเลยสักวัน
ภายในห้องครัวเล็ก ๆ ของคอนโด พวกเธอสองคนนั่งทานข้าวด้วยกัน เป็นภาพที่หากใคร ๆ มาเห็นก็จะคุ้นตาเอามาก ๆ และ กับข้าวมื้อเย็น หรือ มื้อไหน ๆ ก็ล้วนแต่เป็นฝีมือของเมธีทั้งนั้น นาน ๆ ทีเธอถึงจะเข้าครัว เธอทำกับข้าวเป็น ทว่าเมธีก็อาสาเป็นคนทำเองตลอด
“ไหนลองเล่ามาซิ เป็นอะไรเอ่ย” เขาถามหลังเคี้ยวข้าวกลืนไปจนหมด จ้องมองใบหน้าเรียวมนได้รูปนั้น
“ก็บอกแล้วไงเป็นเมนส์เฉย ๆ นอยด์ ๆ เหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ แบบผู้หญิง ๆ ทุกคนต้องเป็น” พรนภาตอบ ยิ้มให้กับสามีด้วยความจริงใจที่สุด รู้ว่าเป็นห่วงนั่นแหละ พร้อมทานข้าวไปด้วย กับข้าวของสามีอร่อยที่สุดเลย “อร่อยนะเนี่ย ฝีมือพี่เมธีอร่อยทุกวันเลยรู้ปะ”
“น้อง! ตัวเองลืมไปแล้วเหรอว่าเราเป็นสามีภรรยากันนะ ถึงจะเป็นเรื่องงั้น ๆ ไม่คอขาดบาดตายพี่ก็อยากรับฟังค่ะ ถึงจะเป็นเรื่องไร้สาระพี่ก็ชอบฟัง พี่อยากให้น้องแบ่งมันมาให้พี่ด้วยค่ะ” เขาพูด ทำจริงจังนิดหน่อย เพื่ออยากให้พรนภาระบายมันออกมาบ้าง “ถึงไม่เกี่ยวกับพี่เลย พี่ก็อยากรับรู้ อยากพูดคุยให้คำปรึกษา อยากปลอบใจ อยากพูดให้น้องยิ้มและหัวเราะออกมาได้ อยากรับฟังนะคะ”
เธอถอนหายใจ ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นระบายอย่างไรนี่นา มันเบื่อมันเหนื่อยไปหมด “เค้ารู้พี่เมธี นภารู้! นภาก็ไม่เคยปิดบังพี่เมธีอะไรสักอย่าง นภาไม่มีความลับอะไรกับพี่เมธีตัวเองก็รู้ แต่นภาแค่ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงเท่านั้นเอง” ทำหน้าบึ้งกลับไป
“โถ่เอ้ยน้องนภา” เขาเผยยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่รักมากที่สุด ยิ่งดูยิ่งน่ารัก ขอบคุณเธอที่รักเขามาก ๆ ด้วย “ก็อยากเริ่มต้นตรงไหนยังไงก็เล่ามาเถอะค่ะ พูดไม่รู้เรื่องก็พูดมาเถอะ เพราะปกติน้องก็พูดไม่รู้เรื่องอยู่แล้วนี่นา” เขาพูดพร้อมหัวเราะอึกอักบนโต๊ะอาหารในครัว
“พี่เมธี! ฮ่วย! ตัวเองจะว่าเค้าพูดไม่รู้เรื่องใช่มั้ย เดี๋ยวเถอะ ๆ “ พรนภาแทนที่จะงอนกลับไม่งอน กลับนึกตลกเสียอย่างนั้น หัวเราะไปด้วยเลย รู้หรอกน่าว่าอยากพูดให้ขำน่ะ ค่อนขอดให้สามีในใจ ภายในห้องครัวพวกเธอนั่งทานข้าวด้วยกัน ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกสักเท่าไหร่เลย อะไรที่วางแผนเอาไว้ล่มหมด
“เป็นไง! รู้สึกดีขึ้นมายังคะ พี่รักนภามากเลยนะคะ พี่ไม่อยากให้น้องเก็บความทุกข์ไว้คนเดียว พี่พร้อมรับฟัง พี่อยากรับฟัง น้องเล่าให้พี่ฟังได้ทุกเรื่องนะคะ สัญญาว่าเราจะไม่มีความลับต่อกันอ่ะ” เขาพูด ทราบดีว่าพรนภาไม่เคยมีความลับกับตนเองสักครั้ง ทว่าก็อยากพูดเตือนความจำ ไม่อยากให้ต้องเก็บอะไรไว้ทุกข์เพียงคนเดียวจริง ๆ “พร้อมจะเล่าเมื่อไหร่ก็เล่ามาเลยนะคะ พี่พร้อมรับฟังได้ตลอดเวลา”
จากนั้นก็เข้าสู่ความเงียบ ต่างคนต่างทานข้าว แต่เธอเห็นแววตาของเมธีมีความกังวล แอบยิ้มจะห่วงอะไรมากมายขนาดนี้ ถึงอย่างไรก็ขอบคุณเมธีที่สุด ที่ห่วง ที่เข้าใจ ที่อยากรับฟัง โชคดีมากแค่ไหนที่ได้มาเจอผู้ชายคนนี้ ขอบคุณที่สุดแล้ว
“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะพี่เมธี นภาแค่เหนื่อย เหมือนนภาทำงานอยู่คนเดียวอ่ะ ทั้งที่ไม่ได้อยู่คนเดียว ไม่รู้จะพูดยังไง พูดไปก็หาว่าแก้ตัว” อดนึกถึงเรื่องที่ทำงานไม่ได้อีกแล้ว นึกถึงแบบเหนื่อย ๆ บางที่เธอก็อยากออกไปจากวงจรนี้เหมือนกัน
“ยังไงเอ่ย งานมีปัญหาเหรอคะ” เขาพูดพร้อมเลิกคิ้วถาม
“อือ..” พรนภาตอบ “พี่เมธีคิดดูนะ วัน ๆ นภาทำงานอยู่คนเดียว อีกคนมาทำงานแต่ไม่ทำ มาลงเวลาเข้างานแล้วไม่ทำห่าอะไรเลย มันก็เลยเหมือนนภาทำงานผิดบ่อย นภาโดนบ่นเฉย ๆ ค่ะพี่เมธี แก้ไขงานสามรอบแล้วเนี่ย นภาเบื่อ!” เธอพูดพร้อมนึกไปถึงใบหน้าและการกระทำของใครบางคน “พี่เมธีนภาไม่ได้แก้ตัวนะคะ นภายอมรับผิด นภาทำงานผิดพลาดเอง นภาโดนบ่นว่าทำงานผิดบ่อย อีกแล้วเหรอ! อะไรแบบนี้ ก็วัน ๆ นภาทำงานอยู่คนเดียวอ่ะ จะฟ้องจะพูดก็ไม่ได้ไง ไม่รู้จะฟ้องเรื่องอะไร พูดแบบไหน อีกอย่างนภาไม่อยากมีปัญหา มีกันอยู่แค่นี้เอง แต่เหมือนยิ่งง่าย ๆ ด้วยยิ่งไม่เกรงใจกันอ่ะ ยิ่งไม่พูดยิ่งทำ”
“คิดดูเหอะยอดส่วนตัวนภาสูงกว่าเค้าอีก ไม่รู้ใครเป็นผู้จัดการ ใครเป็นลูกน้องกันแน่ วัน ๆ เอาแต่คุยโทรศัพท์ จะติดกันจะขาดกันไม่ได้อะไรนักหนา อยากพูดอยู่นะย้าย ๆ มาอยู่ด้วยกันเหอะ ตอนเช้าลงเวลาเข้างานแล้วก็ขึ้นไปชั้นบน ลงมาอีกทีตอนเลิกงานนู่น นภาทำงานทำเอกสารอยู่คนเดียว นี้ขนาดแค่นิ้วเย็น ๆ นะพี่เมธี ถ้าเจอเอ็นอุ่นจะขนาดไหน น้อ! ฮา ฮ่วยซังเฮ้ย” พูดกลั้วหัวเราะไปด้วย ทั้งบ่นทั้งแซวเสียเลย ก็มันจริงนี่นา อะไรจะขาดกันไม่ได้ขนาดนั้น พอได้พูดก็พูดยาวเหยียดเลย เห็นเมธีหัวเราะเบา ๆ ให้ด้วย อะไร! ให้ระบายให้ฟังยังมาขำกันอีก
“อืมม์! พี่เข้าใจแล้วค่ะ น้องรับลูกค้าคนเดียว ทำงานคนเดียว พองานผิดพลาดมันก็เลยกลายเป็นว่าน้องทำผิดอยู่บ่อย ๆ อยู่คนเดียวถูกมั้ย อีกคนไม่เคยทำงานผิดพลาดเลย เพราะไม่ค่อยทำงานเลย ฮา” เขาอธิบาย เป็นผู้รับฟังที่ดีของเธอเสมอมา เป็นที่ปรึกษาที่รู้ใจและเข้าใจเธอที่สุดเป็นที่สุด “แล้วคราวนี้น้องก็เป็นฝ่ายถูกโดนบ่น เพราะข้างบนเขามองว่าน้องทำงานผิดพลาดบ่อย แต่อีกคนไม่ผิดเลย ไม่เคยโดนเลย”
พรนภาน้ำตาแทบคลอบนโต๊ะอาหาร ที่อย่างน้อยก็มีคนเข้าใจและรับฟังทุกอย่าง “อือ ประมาณนั้นแหละค่ะ”
“โถ่! เด็กน้อยของเค้า คนไม่เคยทำผิดพลาดคือคนที่ไม่ทำอะไรเลยนะคะ รีบทาน ๆ เลยอยากกอดให้กำลังใจแล้วเนี่ย” เขาพูดกลั้วยิ้มให้กับเธอ “ถ้ามันมากเกินไปโปรดจำเอาไว้ เมธีคนนี้เลี้ยงได้นะน้อง” เขาพูดพร้อมหัวเราะไปอีก
“หื้ย! คักโพดหรอก ความจริงนภาก็ไม่ได้ซีเรียสนะพี่เมธี แต่ทำไมมันต้องเกิดขึ้นช่วงเป็นเมนส์ด้วยอ่ะ นภาก็นอยด์อยากร้องไห้อ่ะ ฮ่วย! มันเศร้า มันคิดมากเข้าใจบ่อ” เหวี่ยงค้อนให้สามีเล่น ๆ ระหว่างทานข้าว ทว่าสามีดันหัวเราะเยาะกลับมาเสียอย่างนั้น
“โอ๋ ๆ ใจเย็น ๆ ทานข้าวก่อนค่ะ ทานให้อิ่มก่อน ฮา” หัวเราะให้กับเด็กน้อยของเขา ไม่รู้หรอกว่าช่วงวันนั้นของเดือนมันเศร้าขนาดไหน ทว่าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อผ่อนคลายความเศร้านั้นของภรรยาลงให้ได้ “เศร้าก็ร้องไห้ไปเลยสิคะ แต่สัญญากับพี่ก่อนว่า ถ้าร้องไห้แล้วจะหายเศร้าหายเครียด แต่ถ้าร้องไห้แล้วยังกลับมาเศร้าเหมือนเดิม พี่ไม่อนุญาตค่ะ”
“พูดง่ายน้อ!” กลอกตามองบนให้เสียเลย
“เอ๋าจักล่ะ! บ่เคยเป็นผู้หญิงน้อ อือ มีอีกทางที่จะแก้ปัญหานี้ได้ค่ะ” เขายักคิ้วให้กับเธอ ยิ้มแบบมีเลศนัย แค่มองก็รู้แล้วว่าจะพูดว่าอะไร จะให้เธอลาออกจากงานล่ะสิ
“ยังไงเหรอพี่เมธี”ลองเชิงถามก่อน มั่นใจแล้วล่ะว่าสามีต้องบอกให้ออกจากงานแน่ ๆ
“ลาออกค่ะ ฮา “ คราวนี้หัวเราะลั่นห้องครัวกันเลย ว่าแล้วเชียว! ซื้อหวยทำไมไม่แม่นแบบนี้นะ หึหึ
“หื้ย! มีโอกาสหนิไม่รอช้าเลยน้อ ไม่ยอมให้เสียโอกาสเลยว่างั้น ฮ่วย! ไม่หรอกค่ะ ปัญหาแค่นี้ชิว ๆ ค่ะ งานมีปัญหาน้อ นภาเศร้าไม่ได้ไง” ค่อนขอดกลับไปซะ
“เศร้าได้ค่ะ แต่น้องต้องเล่าให้พี่ฟังด้วยนะคะ ไม่เก็บไปเศร้าคนเดียวนะ พี่รักน้องมากเลยนะน้องนภา รักมากจนไม่อยากเห็นน้องเศร้าเสียใจ อะไรที่พี่แบ่งเบาได้พี่ก็อยากทำ ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ เรื่องไร้สาระน้องต้องเล่าให้พี่ฟัง เราต้องเล่าให้กันและกันฟังนะคะ สัญญา!”
“ค่ะ! ทานข้าวต่อเหอะ ทานข้าวเสร็จอยากนอนกอดคน ห้ามเล่นเกม ห้ามทำอะไรทั้งนั้น นอนให้นภากอดอย่างเดียวเข้าใจมั้ย เค้าเศร้า งือ ฮา “
“หื้ยผีบ้าเอ้ย! ครับผม” จากนั้นพวกเธอก็ทานข้าวกันต่อ โม้คุยกันไปเรื่อย หลังจากทานข้าวเสร็จก็เป็นหน้าที่ของเธอเหมือนเดิมที่เก็บโต๊ะกับข้าว เมธีมีหน้าที่เพียงทำกับข้าวไว้รอ ส่วนหน้าที่ตรงนี้เธอจะเป็นคนจัดการเอง
………………………………..
บนเตียงนุ่มในห้องนอน เมธีไม่ทำอะไรทั้งนั้น ไม่เล่นเกม นอนให้เธอกอดได้เต็มที่ ตัวของเมธีมันช่างมีพลังวิเศษที่สุด มันอบอุ่น มันอุ่นใจเป็นที่สุด กอดแล้วหายเศร้า หายเสียใจ หายคิดมากจริง ๆ
เธอนอนหนุนแขนของเขา กอดเขาไม่วางมือ หลับตาในอ้อมกอดของเขาเช่นกัน มันอบอุ่นแค่ไหนใครจะรู้ที่ถูกกอดกลับ มันปลอดภัย มันสบายใจเป็นที่สุดเลย
“ฝันดีนะคะคนดีของพี่” พูดพร้อมดมเส้นผมของเธอเบา ๆ ด้วย
“เช่นกันนะคะตัวเอง” เธอตอบอู้อี้พร้อมหลับตา เอาใบหน้าซบตัวของเขา นอนตะแคงกอดลำตัวของเขาอย่างแนบแน่นไปจนถึงเช้าเลย….
จบบท…
ฝันหวาน (Sweet Dream) 74
.
“มาแล้ว! คิดถึงจังเลยค่ะ” ทันทีที่คนข้างในเปิดประตูห้องมารับ พรนภาก็ได้รับรอยยิ้มที่ละมุนคุ้นเคย พร้อมอ้อมกอดและรอยจูบที่อบอุ่นของเมธี เป็นแบบนี้ในทุก ๆ วันที่เลิกงานกลับมาถึงห้อง ทำให้เวลาเจออะไรหนัก ๆ เหนื่อย ๆ มันหายไปเป็นปลิดทิ้งทุกที “เป็นไรคะ วันนี้งานยุ่งเหรอ หน้าตาละห้อยเชียว” เขาทักทายหลังสวมกอดเธอจนพอใจแล้ว
“เหนื่อยอ่ะพี่เมธี เบื่อด้วย” เธอตอบ ก่อนจะนำกระเป๋าไปวางแล้วถอดชุดทำงานออก สวมกางเกงขาสั้นเสื้อกล้ามเตรียมตัวออกกำลังกายเช่นทุกวัน สำหรับวันนี้มันขี้เกียจไปหมด ถึงอย่างไรก็ไม่ยอมที่จะขาดการดูแลตัวเองหรอก เรื่องออกกำลังกายต้องมาก่อนเรื่องข้าวเย็นแน่นอน
“ทำไมคะ งานมีปัญหาเหรอ หรืออะไรเอ่ย มีปัญหากับพี่ออร์ดี้มาบ่อ หรือ มีปัญหากับลูกค้าคะ” เขาถาม ปรายตามองร่างอ้อนแอ้นของภรรยาคราวลูกด้วยรอยยิ้ม ผิวขาวนวลผ่องดั่งไฟนีออนของภรรยา น่าหลงไหลชวนมองมาก ๆ คนอื่น ๆ จะไม่มีทางได้เห็นนอกจากตนเองแน่นอน เขานั่งมองที่โซฟา “รีบ ๆ เลยค่ะ ออกกำลังกายเสร็จแล้ว ก็รีบไปอาบน้ำมาทานข้าวเลย แล้วก็อ้วนเหมือนเดิม” เขาพูดกลั้วยิ้ม
“พี่เมธีจะพูดให้เค้าขำทำไมก่อน ยิ่งเมื่อยยิ่งเพลียอยู่หนิ ฮ่วย” ค่อนขอดให้สามีรุ่นพ่อไปที คนจะออกกำลังกายยังจะมาพูดให้ขำมันเป็นการตัดกำลังเคยรู้บ้างไหม จากนั้นก็เข้าสู่โลกส่วนตัวในโหมดออกกำลังกาย
วันนี้ทำสคอวทเนื่องจากเมื่อวานทำแพงค์ไปแล้ว ไม่นานเธอก็ทำครบทุกกระบวนท่า นั่งพักให้หายเหนื่อยดื่มน้ำเย็น ๆ สักหน่อยค่อยไปอาบน้ำ “นภาเบื่อไปหมดเลยพี่เมธีตอนนี้ เซ็งบอกอาการไม่ถูกค่ะ”
“เป็นอะไรเหรอตัวเอง ไหนเล่ามาซิ” เขาเลิกคิ้วถาม หันมามองภรรยาสาวคราวลูกอย่างเอ็นดู มีเรื่องอะไรไม่สบายใจมาอีก เขาอยากแชร์ความทุกข์นั้นของเธอเป็นที่สุด ไม่อยากให้รู้สึกเป็นทุกข์อะไรเลยหากทำได้ อยากให้เธอมีแต่ความสุขเพียงเท่านั้น “ระบายมาเถอะน้อง พี่รับฟังได้ทุกเรื่องนะคะ”
พรนภายิ้มให้กับคนตรงหน้าและคำพูดนั้น ทุกครั้งที่เธอมีเรื่องไม่สบายใจอะไรมา เมธีคนนี้ไม่เคยหายไปไหนเลย ไม่เคยปล่อยให้อยู่คนเดียว จมกับความทุกข์ใจคนเดียวเลยสักครั้ง แล้วครั้งนี้ก็เช่นกัน
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่… เป็นเมนส์ ฮา” เธอพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะลุกขึ้นถือผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป สักพักก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จพร้อมทานข้าวมื้อเย็นกับสามี ทุก ๆ วันแม้จะออกกำลังกายรักษาหุ่น เธอก็ไม่เคยปล่อยให้สามีต้องโดดเดี่ยวทานข้าวคนเดียวเลยสักวัน
ภายในห้องครัวเล็ก ๆ ของคอนโด พวกเธอสองคนนั่งทานข้าวด้วยกัน เป็นภาพที่หากใคร ๆ มาเห็นก็จะคุ้นตาเอามาก ๆ และ กับข้าวมื้อเย็น หรือ มื้อไหน ๆ ก็ล้วนแต่เป็นฝีมือของเมธีทั้งนั้น นาน ๆ ทีเธอถึงจะเข้าครัว เธอทำกับข้าวเป็น ทว่าเมธีก็อาสาเป็นคนทำเองตลอด
“ไหนลองเล่ามาซิ เป็นอะไรเอ่ย” เขาถามหลังเคี้ยวข้าวกลืนไปจนหมด จ้องมองใบหน้าเรียวมนได้รูปนั้น
“ก็บอกแล้วไงเป็นเมนส์เฉย ๆ นอยด์ ๆ เหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ แบบผู้หญิง ๆ ทุกคนต้องเป็น” พรนภาตอบ ยิ้มให้กับสามีด้วยความจริงใจที่สุด รู้ว่าเป็นห่วงนั่นแหละ พร้อมทานข้าวไปด้วย กับข้าวของสามีอร่อยที่สุดเลย “อร่อยนะเนี่ย ฝีมือพี่เมธีอร่อยทุกวันเลยรู้ปะ”
“น้อง! ตัวเองลืมไปแล้วเหรอว่าเราเป็นสามีภรรยากันนะ ถึงจะเป็นเรื่องงั้น ๆ ไม่คอขาดบาดตายพี่ก็อยากรับฟังค่ะ ถึงจะเป็นเรื่องไร้สาระพี่ก็ชอบฟัง พี่อยากให้น้องแบ่งมันมาให้พี่ด้วยค่ะ” เขาพูด ทำจริงจังนิดหน่อย เพื่ออยากให้พรนภาระบายมันออกมาบ้าง “ถึงไม่เกี่ยวกับพี่เลย พี่ก็อยากรับรู้ อยากพูดคุยให้คำปรึกษา อยากปลอบใจ อยากพูดให้น้องยิ้มและหัวเราะออกมาได้ อยากรับฟังนะคะ”
เธอถอนหายใจ ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นระบายอย่างไรนี่นา มันเบื่อมันเหนื่อยไปหมด “เค้ารู้พี่เมธี นภารู้! นภาก็ไม่เคยปิดบังพี่เมธีอะไรสักอย่าง นภาไม่มีความลับอะไรกับพี่เมธีตัวเองก็รู้ แต่นภาแค่ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงเท่านั้นเอง” ทำหน้าบึ้งกลับไป
“โถ่เอ้ยน้องนภา” เขาเผยยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่รักมากที่สุด ยิ่งดูยิ่งน่ารัก ขอบคุณเธอที่รักเขามาก ๆ ด้วย “ก็อยากเริ่มต้นตรงไหนยังไงก็เล่ามาเถอะค่ะ พูดไม่รู้เรื่องก็พูดมาเถอะ เพราะปกติน้องก็พูดไม่รู้เรื่องอยู่แล้วนี่นา” เขาพูดพร้อมหัวเราะอึกอักบนโต๊ะอาหารในครัว
“พี่เมธี! ฮ่วย! ตัวเองจะว่าเค้าพูดไม่รู้เรื่องใช่มั้ย เดี๋ยวเถอะ ๆ “ พรนภาแทนที่จะงอนกลับไม่งอน กลับนึกตลกเสียอย่างนั้น หัวเราะไปด้วยเลย รู้หรอกน่าว่าอยากพูดให้ขำน่ะ ค่อนขอดให้สามีในใจ ภายในห้องครัวพวกเธอนั่งทานข้าวด้วยกัน ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกสักเท่าไหร่เลย อะไรที่วางแผนเอาไว้ล่มหมด
“เป็นไง! รู้สึกดีขึ้นมายังคะ พี่รักนภามากเลยนะคะ พี่ไม่อยากให้น้องเก็บความทุกข์ไว้คนเดียว พี่พร้อมรับฟัง พี่อยากรับฟัง น้องเล่าให้พี่ฟังได้ทุกเรื่องนะคะ สัญญาว่าเราจะไม่มีความลับต่อกันอ่ะ” เขาพูด ทราบดีว่าพรนภาไม่เคยมีความลับกับตนเองสักครั้ง ทว่าก็อยากพูดเตือนความจำ ไม่อยากให้ต้องเก็บอะไรไว้ทุกข์เพียงคนเดียวจริง ๆ “พร้อมจะเล่าเมื่อไหร่ก็เล่ามาเลยนะคะ พี่พร้อมรับฟังได้ตลอดเวลา”
จากนั้นก็เข้าสู่ความเงียบ ต่างคนต่างทานข้าว แต่เธอเห็นแววตาของเมธีมีความกังวล แอบยิ้มจะห่วงอะไรมากมายขนาดนี้ ถึงอย่างไรก็ขอบคุณเมธีที่สุด ที่ห่วง ที่เข้าใจ ที่อยากรับฟัง โชคดีมากแค่ไหนที่ได้มาเจอผู้ชายคนนี้ ขอบคุณที่สุดแล้ว
“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะพี่เมธี นภาแค่เหนื่อย เหมือนนภาทำงานอยู่คนเดียวอ่ะ ทั้งที่ไม่ได้อยู่คนเดียว ไม่รู้จะพูดยังไง พูดไปก็หาว่าแก้ตัว” อดนึกถึงเรื่องที่ทำงานไม่ได้อีกแล้ว นึกถึงแบบเหนื่อย ๆ บางที่เธอก็อยากออกไปจากวงจรนี้เหมือนกัน
“ยังไงเอ่ย งานมีปัญหาเหรอคะ” เขาพูดพร้อมเลิกคิ้วถาม
“อือ..” พรนภาตอบ “พี่เมธีคิดดูนะ วัน ๆ นภาทำงานอยู่คนเดียว อีกคนมาทำงานแต่ไม่ทำ มาลงเวลาเข้างานแล้วไม่ทำห่าอะไรเลย มันก็เลยเหมือนนภาทำงานผิดบ่อย นภาโดนบ่นเฉย ๆ ค่ะพี่เมธี แก้ไขงานสามรอบแล้วเนี่ย นภาเบื่อ!” เธอพูดพร้อมนึกไปถึงใบหน้าและการกระทำของใครบางคน “พี่เมธีนภาไม่ได้แก้ตัวนะคะ นภายอมรับผิด นภาทำงานผิดพลาดเอง นภาโดนบ่นว่าทำงานผิดบ่อย อีกแล้วเหรอ! อะไรแบบนี้ ก็วัน ๆ นภาทำงานอยู่คนเดียวอ่ะ จะฟ้องจะพูดก็ไม่ได้ไง ไม่รู้จะฟ้องเรื่องอะไร พูดแบบไหน อีกอย่างนภาไม่อยากมีปัญหา มีกันอยู่แค่นี้เอง แต่เหมือนยิ่งง่าย ๆ ด้วยยิ่งไม่เกรงใจกันอ่ะ ยิ่งไม่พูดยิ่งทำ”
“คิดดูเหอะยอดส่วนตัวนภาสูงกว่าเค้าอีก ไม่รู้ใครเป็นผู้จัดการ ใครเป็นลูกน้องกันแน่ วัน ๆ เอาแต่คุยโทรศัพท์ จะติดกันจะขาดกันไม่ได้อะไรนักหนา อยากพูดอยู่นะย้าย ๆ มาอยู่ด้วยกันเหอะ ตอนเช้าลงเวลาเข้างานแล้วก็ขึ้นไปชั้นบน ลงมาอีกทีตอนเลิกงานนู่น นภาทำงานทำเอกสารอยู่คนเดียว นี้ขนาดแค่นิ้วเย็น ๆ นะพี่เมธี ถ้าเจอเอ็นอุ่นจะขนาดไหน น้อ! ฮา ฮ่วยซังเฮ้ย” พูดกลั้วหัวเราะไปด้วย ทั้งบ่นทั้งแซวเสียเลย ก็มันจริงนี่นา อะไรจะขาดกันไม่ได้ขนาดนั้น พอได้พูดก็พูดยาวเหยียดเลย เห็นเมธีหัวเราะเบา ๆ ให้ด้วย อะไร! ให้ระบายให้ฟังยังมาขำกันอีก
“อืมม์! พี่เข้าใจแล้วค่ะ น้องรับลูกค้าคนเดียว ทำงานคนเดียว พองานผิดพลาดมันก็เลยกลายเป็นว่าน้องทำผิดอยู่บ่อย ๆ อยู่คนเดียวถูกมั้ย อีกคนไม่เคยทำงานผิดพลาดเลย เพราะไม่ค่อยทำงานเลย ฮา” เขาอธิบาย เป็นผู้รับฟังที่ดีของเธอเสมอมา เป็นที่ปรึกษาที่รู้ใจและเข้าใจเธอที่สุดเป็นที่สุด “แล้วคราวนี้น้องก็เป็นฝ่ายถูกโดนบ่น เพราะข้างบนเขามองว่าน้องทำงานผิดพลาดบ่อย แต่อีกคนไม่ผิดเลย ไม่เคยโดนเลย”
พรนภาน้ำตาแทบคลอบนโต๊ะอาหาร ที่อย่างน้อยก็มีคนเข้าใจและรับฟังทุกอย่าง “อือ ประมาณนั้นแหละค่ะ”
“โถ่! เด็กน้อยของเค้า คนไม่เคยทำผิดพลาดคือคนที่ไม่ทำอะไรเลยนะคะ รีบทาน ๆ เลยอยากกอดให้กำลังใจแล้วเนี่ย” เขาพูดกลั้วยิ้มให้กับเธอ “ถ้ามันมากเกินไปโปรดจำเอาไว้ เมธีคนนี้เลี้ยงได้นะน้อง” เขาพูดพร้อมหัวเราะไปอีก
“หื้ย! คักโพดหรอก ความจริงนภาก็ไม่ได้ซีเรียสนะพี่เมธี แต่ทำไมมันต้องเกิดขึ้นช่วงเป็นเมนส์ด้วยอ่ะ นภาก็นอยด์อยากร้องไห้อ่ะ ฮ่วย! มันเศร้า มันคิดมากเข้าใจบ่อ” เหวี่ยงค้อนให้สามีเล่น ๆ ระหว่างทานข้าว ทว่าสามีดันหัวเราะเยาะกลับมาเสียอย่างนั้น
“โอ๋ ๆ ใจเย็น ๆ ทานข้าวก่อนค่ะ ทานให้อิ่มก่อน ฮา” หัวเราะให้กับเด็กน้อยของเขา ไม่รู้หรอกว่าช่วงวันนั้นของเดือนมันเศร้าขนาดไหน ทว่าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อผ่อนคลายความเศร้านั้นของภรรยาลงให้ได้ “เศร้าก็ร้องไห้ไปเลยสิคะ แต่สัญญากับพี่ก่อนว่า ถ้าร้องไห้แล้วจะหายเศร้าหายเครียด แต่ถ้าร้องไห้แล้วยังกลับมาเศร้าเหมือนเดิม พี่ไม่อนุญาตค่ะ”
“พูดง่ายน้อ!” กลอกตามองบนให้เสียเลย
“เอ๋าจักล่ะ! บ่เคยเป็นผู้หญิงน้อ อือ มีอีกทางที่จะแก้ปัญหานี้ได้ค่ะ” เขายักคิ้วให้กับเธอ ยิ้มแบบมีเลศนัย แค่มองก็รู้แล้วว่าจะพูดว่าอะไร จะให้เธอลาออกจากงานล่ะสิ
“ยังไงเหรอพี่เมธี”ลองเชิงถามก่อน มั่นใจแล้วล่ะว่าสามีต้องบอกให้ออกจากงานแน่ ๆ
“ลาออกค่ะ ฮา “ คราวนี้หัวเราะลั่นห้องครัวกันเลย ว่าแล้วเชียว! ซื้อหวยทำไมไม่แม่นแบบนี้นะ หึหึ
“หื้ย! มีโอกาสหนิไม่รอช้าเลยน้อ ไม่ยอมให้เสียโอกาสเลยว่างั้น ฮ่วย! ไม่หรอกค่ะ ปัญหาแค่นี้ชิว ๆ ค่ะ งานมีปัญหาน้อ นภาเศร้าไม่ได้ไง” ค่อนขอดกลับไปซะ
“เศร้าได้ค่ะ แต่น้องต้องเล่าให้พี่ฟังด้วยนะคะ ไม่เก็บไปเศร้าคนเดียวนะ พี่รักน้องมากเลยนะน้องนภา รักมากจนไม่อยากเห็นน้องเศร้าเสียใจ อะไรที่พี่แบ่งเบาได้พี่ก็อยากทำ ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ เรื่องไร้สาระน้องต้องเล่าให้พี่ฟัง เราต้องเล่าให้กันและกันฟังนะคะ สัญญา!”
“ค่ะ! ทานข้าวต่อเหอะ ทานข้าวเสร็จอยากนอนกอดคน ห้ามเล่นเกม ห้ามทำอะไรทั้งนั้น นอนให้นภากอดอย่างเดียวเข้าใจมั้ย เค้าเศร้า งือ ฮา “
“หื้ยผีบ้าเอ้ย! ครับผม” จากนั้นพวกเธอก็ทานข้าวกันต่อ โม้คุยกันไปเรื่อย หลังจากทานข้าวเสร็จก็เป็นหน้าที่ของเธอเหมือนเดิมที่เก็บโต๊ะกับข้าว เมธีมีหน้าที่เพียงทำกับข้าวไว้รอ ส่วนหน้าที่ตรงนี้เธอจะเป็นคนจัดการเอง
………………………………..
บนเตียงนุ่มในห้องนอน เมธีไม่ทำอะไรทั้งนั้น ไม่เล่นเกม นอนให้เธอกอดได้เต็มที่ ตัวของเมธีมันช่างมีพลังวิเศษที่สุด มันอบอุ่น มันอุ่นใจเป็นที่สุด กอดแล้วหายเศร้า หายเสียใจ หายคิดมากจริง ๆ
เธอนอนหนุนแขนของเขา กอดเขาไม่วางมือ หลับตาในอ้อมกอดของเขาเช่นกัน มันอบอุ่นแค่ไหนใครจะรู้ที่ถูกกอดกลับ มันปลอดภัย มันสบายใจเป็นที่สุดเลย
“ฝันดีนะคะคนดีของพี่” พูดพร้อมดมเส้นผมของเธอเบา ๆ ด้วย
“เช่นกันนะคะตัวเอง” เธอตอบอู้อี้พร้อมหลับตา เอาใบหน้าซบตัวของเขา นอนตะแคงกอดลำตัวของเขาอย่างแนบแน่นไปจนถึงเช้าเลย….
จบบท…