.
ก็อก ๆ….
เสียงเคาะประตูห้องเบา ๆ เพียงสองสามครั้ง คนข้างในก็เปิดให้ พร้อมอ้าแขนรับ เป็นภาพเหตุการณ์ที่คุ้นเคยดี หากจะมีคนสังเกตก็จะเห็นภาพนี้อยู่เป็นประจำ เป็นภาพที่เกิดขึ้นทุก ๆ วันหลังเลิกงาน เสียแต่ว่าเมธีจะเลิกงานค่ำ เหตุการณ์นี้ถึงจะไม่เกิดขึ้น
“คิดถึงจังเลยค่ะ” ผายมือโอบกอดร่างบางอย่างคุ้นเคย ทว่าทำด้วยท่าทางตลกปนเสียงหัวเราะที่สดใส
คนที่มองโลกในแง่ดีทุกวัน ทำให้โลกหม่น ๆ ที่เจออยู่ข้างนอกมา มลายหายไปหมดสิ้น ก่อนจะโอบไหล่พาเดินเข้าห้องพร้อมปิดประตูให้เรียบร้อย
“นภาโครตเซ็งเลยพี่เมธี ซ่อมสะพานอีกและ น่าเบื่อ! นู่นแหนะ นภาต้องไปกลับรถนู่น นภากลัวรถ!” พรนภาพูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย สะพานตัวนี้ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ซ่อมไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ซ่อมแล้วซ่อมอีก ที่เบื่อหน่ายเพราะตนเองต้องลำบากขับรถไปกลับรถไกล ๆ กลัว! รถที่นี่มีแต่รถหัวลากทั้งนั้น
“อีกแล้วเหรอคะ!” ถามด้วยความห่วงใยเช่นกัน เขารู้ว่าหากปิดสะพาน จะต้องขับรถวนไปกลับรถค่อนข้างไกลพอสมควร นอกจากจะต้องเสียเวลา และ เผื่อเวลาเดินทางแล้ว ยังเสี่ยงต่ออันตรายด้วยเพราะเป็นถนนใหญ่ รถวิ่งเร็วกันทั้งนั้น “ทนเอานะคะ สามสี่วันก็น่าจะเสร็จ ทำไงได้คะ” พูดปลอบโยน
ครั้นจะบอกให้ลาออกก็ไม่อยากพูด ไม่อยากจ้ำจี้จ้ำไชอะไรนัก เคยพูดแล้วเจ้าตัวยืนยันหนักแน่นว่าไม่ลาออกก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงบ่อย พรนภาพยักหน้าเบา ๆ ด้วยความจำยอม
มาถึงห้องไม่ต้องทำกับข้าว เพราะกับข้าวมื้อเย็นเมธีเป็นคนอาสาทำเอง และ เสร็จพร้อมทานเรียบร้อยแล้ว ทว่าตอนนี้ยังทานอะไรไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ทำกิจวัตรประจำวันเลย
เมธีเปิดทีวีดูข่าวไปพลาง ๆ เธอเปลี่ยนชุดทำงานออก เปลี่ยนเป็นสวมชุดออกกำลังกายแทน วันนี้สวมกางเกงเล้กกิ้งสีดำ และ สวมสปอร์ตบาร์สีดำ ปูพรมลองแพลงก์ที่พื้น จากนั้นก็เปิดยูทูปในโทรศัพท์ดูเทรนเนอร์สอนออกกำลังกาย ทำตามเทรนเนอร์บอกวันละสิบนาทีพอ แค่นี้ก็ทานอะไรได้แบบไม่ต้องกังวล
เมธีนั่งดูทีวีบนโซฟา ปรายตามองภรรยาสาว ยิ้มกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน เผยยิ้มให้กับคนที่กำลังแพลงก์อย่างตั้งใจ ผอมไปหมดแล้ว หน้าก็ตอบ จะลดหุ่นอะไรนักหนา แต่ก็ไม่คิดห้าม
นึกเอ็นดูกับการมุ่งมั่นที่จะลดน้ำหนักของภรรยา แต่พอหลังจากออกกำลังกายเสร็จก็มาทานทุกอย่างที่ขวางหน้าอยู่ดี นึกเอ็นดูกับตรงนี้มาก ๆ ทำให้เผยยิ้มให้โดยไม่ทันระวังตัว
“ยิ้มอะไรพี่เมธี!” หันมาเจอเข้าพอดี จากที่ยิ้ม ๆ ก็กลายเป็นหัวเราะซะอย่างนั้น ทำเอาเธอหัวเราะตามไปด้วย ทั้งเธอและเขานั่งมองหน้ากันหัวเราะให้กันแบบไม่มีเหตุผล “ก็มาตัดกำลังกัน รู้มั้ยการขำเนี่ยมันยิ่งทำให้นภาเหนื่อยคูณสองเด้อพี่เมธี ฮ่วย!”
“เปล่าค่ะ! เสร็จยัง ไปอาบน้ำมาทานข้าวกัน จะได้อ้วน ๆ” ล้อเสียเลย “จะออกกำลังกายอะไรนักหนาคะ ดูซิผอมหมดแล้ว!”
“ก็ยังดีกว่ากินแล้วไม่ออกกำลังกายไง กะซาง! นภาแพลงก์แล้วนภาสบายใจในการกินดีค่ะ เสร็จแล้ว อาบน้ำแป็บ” พูดจบก็เก็บพรมลองแพลงก์เข้าที่เดิม เดินถือผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้เมธีหิวไส้กิ่วคอยไปก่อน
ภายในห้องครัวเล็ก ๆ ของคนโด ที่มีเพียงพวกเธอสองคน กับข้าวมีเพียงไม่กี่อย่าง บางวันก็อย่างเดียว เพราะไม่ได้เรื่องมากอะไรนัก ทานอะไรง่าย ๆ กันก็ได้ อยู่กันเพียงสองคนแค่นี้ ล้วนแต่เป็นกับข้าวง่าย ๆ กับข้าวพื้นเพของพวกเธอทั้งนั้น
“พรุ่งนี้ไม่ได้หยุดอีกเด้ออีหล่า” เมธีเปรย ๆ พร้อมตักข้าวเข้าปากเคี้ยวอย่างอร่อย คิดเอาไว้แล้วว่าพรนภาต้องมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้ รู้ว่าคอยวันหยุดจะได้อยู่ด้วยกัน รู้ว่าเสียใจผิดหวัง รู้! แต่จำเป็นต้องทำ จะให้ทำอย่างไร ทว่าเขามีวิธีง้อให้หายงอนอยู่แล้ว
พรนภาเงยหน้ามอง ถอนหายใจอีกแล้วหรือ จะให้ทำอย่างไรได้! ต้องอยู่ในสภาวะจำยอม งอแงไปเมธีก็ไม่ได้หยุดงานอยู่ดี พูดไปก็ทำให้ทะเลาะกันเปล่า ๆ
“บอกทำไม บอกแล้วนภาทำไรได้ล่ะ ห้ามได้ด้วยเหรอ” ตอบสีหน้าแววตาราบเรียบ ทานข้าวเงียบ ๆ ไป รู้สึกว่าบรรยากาศมันเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เมื่อสักครู่โลกยังเป็นสีชมพูอยู่เลย บัดนี้กำลังจะกลายเป็นสีชมพูหม่น
คิดไว้ไม่มีผิด เขาเตรียมใจไว้กับความงอนของเธอแล้วล่ะ
“นั่น! ไม่เอาค่ะ ไม่งอนดิ ทิตย์หน้าพาไปร้านกาแฟเอามั้ย ชดเชย ๆ ไปไหนเสิร์ชหามาเลยเด้อ เมธีจัดให้ค่ะ” พูดปนยิ้ม เพื่อกลบเกลื่อนบรรยากาศที่หม่นหมองนี้
รับรู้ถึงบรรยากาศที่กำลังจะเปลี่ยน อยากหยุดอยู่ด้วยกัน ทว่ามีงานจำเป็นต้องทำ ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ อะไรพอชดเชยได้ก็อยากจะรีบทำ และ เสนอให้ อยากให้คนตรงหน้ามีความสุขที่สุด
“หื้อ!” ตอบปฏิเสธ เงยหน้ามองสามีที่นั่งโต๊ะตรงข้าม อยากไปแต่วางฟอร์มสักหน่อย แอบยิ้มที่เสนอพาไปเที่ยวเองเลย แต่ต้องหุบปากเอาไว้ก่อน เข้าใจมากกว่า! ไม่งอนหรือคิดมากเลย แต่มันก็มีรู้สึกอยู่บ้าง
ตั้งตารอคอยวันหยุดที่จะได้อยู่พร้อมหน้ากัน ใช้เวลาด้วยกัน ให้เวลากันและกัน เที่ยวด้วยกัน แต่พอถึงวันจริง อะไรมันก็ผิดคาดไปหมด ใครไม่รู้สึกเสียใจก็คงเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีสุด ๆ
รู้ว่างอนไปก็เท่านั้น มีเหตุผลมากพอที่จะไม่งี่เง่าใส่ เธอทำเพียงทานข้าวเงียบ ๆ ไปอย่างนั้น มันเก็บความรู้สึกไม่อยู่ แต่! ก็ไม่ได้สร้างปัญหาใด ๆ ให้ร้าวฉานกัน ยอม! ยอมด้วยเหตุผลและความเป็นจริง เขาเองก็ไม่ได้โกหกเธอสักหน่อย ติดงานจริง ๆ เธอรู้
“แน่ใจนาว่าหื้อน่ะ! น่าน!!! เพิ่นอยากไปเด้หั่น ทำเป็น ๆ หื้ย! “ เขาคลี่ยิ้ม เมื่อรับรู้ถึงความเปลี่ยนไปอีกของอารมณ์ภรรยาสาว คราวนี้รู้ว่าหายงอนแล้ว “เดี๋ยวพาไปค่า แต่น้องต้องห้ามงอนพี่ก่อนเรื่องพรุ่งนี้ เคมั้ยคะ โถ่น้องนภา พี่เหรอจะไม่อยากหยุดอยู่กับเมียน่ะ น้องก็รู้ดีนะคะ”
“ก็รู้ไง ก็ไม่ได้งอนไง ก็เข้าใจ!” ตอบตามความจริง ทว่าเก็บสีหน้าและแววตาไม่อยู่จริง ๆ มันผิดหวัง แต่ เป็นผิดหวังในสับเซตของความเข้าใจ
บรรยากาศการทานมื้อเย็นวันนี้เป็นไปอย่างค่อนข้างเงียบ ไม่หวานหวือหวาเช่นทุกวัน เมธีก็คอยชวนคุยไปเรื่อย ๆ เพราะความรู้สึกผิด ส่วนเธอรู้! เข้าใจ แค่มันทำใจไม่ได้เท่านั้นเอง ทั้งที่ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เมธีไม่ได้หยุดงานตามที่แพลนเอาไว้
……………………………………..
“ตัวเอง งอนพี่เหรอคะ” เขาถาม หลังทานมื้อเย็นเสร็จ เช่นเคย กิจวัตรประจำวันอีกอย่าง คือ นั่งเล่นเกม ใช้เวลาร่วมกัน แต่วันนี้มันต่างไปจากทุกวัน เมธีไม่เล่นเกมเลย ขลุกตัวอยู่กับเธอตลอดเวลา ดูเธอเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย ไม่ยอมห่างกายของเธอเลย พวกเธอสองคนกำลังอยู่บนเตียงนอน
“น้องเงียบกับพี่จังเลยค่ะ พี่ผิดบ่อหนิ จะของแหมะ” อ้อนออเซาะ ดมแก้มของเธอเบา ๆ ด้วย
“เปล่าค่ะ ไม่เล่นเกมเหรอพี่เมธี” พรนภาถาม “ไม่โกรธ ไม่งอน จริง ๆ ตัวเอง” พูดจบส่งฉีกยิ้มให้ด้วย เพื่อเป็นการการันตีคำพูด
รู้ว่าไม่สบายใจเรื่องนี้อยู่แน่ ๆ ถ้าสบายใจป่านนี้เล่นเกมไปนานแล้ว ไม่มาวนเวียนตัวของเธอแบบนี้หรอก แอบเอ็นดูคนแก่คิดมากอยู่ในที เธอโอเคจริง ๆ สบายใจ ยอมรับ ทว่ามันก็ต้องมีเสียใจ ยอมรับว่าผิดหวัง มันเป็นผิดหวังที่เข้าใจสุด ๆ
“จริงอ่ะ” เขาเลิกคิ้วถาม แววตาจ้องมองใบหน้าเรียวมนนั้นอย่างพิศวาส
“จริงสิ” พรนภาตอบ เริ่มรู้มุกที่สามีจะเล่นละ เล่นไปด้วยเสียเลย ไม่อยากให้คิดมาก
“แน่นะ” เมธีถามจบหัวเราะให้อีก
“เอ้า… แน่สิ! พอเถอะ! ฮา”
คราวนี้เรียกเสียงหัวเราะกลับมาได้ บรรยากาศสีชมพูหม่นจางหายไป กลับกลายเป็นบรรยากาศแห่งสีชมพู ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นของความรักในคอนโดแห่งนี้ ห้องนี้! เช่นเดิม
ถึงกระนั้นเมธีก็ไม่ยอมผละออกไปเล่นเกมดั่งเคยทำ ยังคงนอนหนุนตักของเธอ ดูเธอส่องโซเซียลอยู่อย่างนั้น ตนเองก็ดูข่าวสารในเฟซบุ๊กไปด้วยเช่นกัน เพราะคำว่าไม่ได้หยุดพรุ่งนี้ จึงทำให้ได้ใช้เวลาร่วมกันได้เต็มที่ ได้อยู่ด้วยกัน ได้พูดคุยกันกันเกินร้อยเปอร์เซ็นต์
………………………………….
ภายใต้ความมืดสลัวของห้อง พรนภาพลิกตัวไปพลิกตัวมาเพราะนอนไม่หลับ พรุ่งนี้จะต้องหยุดคนเดียวอีกแล้ว แค่คิดก็เหงาจะแย่
หันมองสามีคราวพ่อที่นอนหลับสนิทเอาแรงไปทำงานพรุ่งนี้ นี่ก็ยังไม่ได้หยุดเลย ไม่เหนื่อยก็ให้มันรู้ไป รู้ว่าเหนื่อยแต่ไม่เคยเห็นบ่นสักที บ่นทีก็พูดทีเล่นทีจริง จึงไม่รู้เลยว่าตกลงเหนื่อยจริงหรือแค่พูดเล่น ทว่าเรื่องจริงคือพรุ่งนี้เธอต้องอยู่ห้องคนเดียว
วันไหนกลับห้องมาบ่นครั่นเนื้อครั่นตัว ทำเอาเธอหลอนไปด้วย กลัวจะติดโควิดกลับมา ไปไหนมาบ้างก็ไมรู้ แม้จะตรวจเอทีเคเป็นประจำก็เถอะ ไว้ใจได้ที่ไหน ทว่าพวกเธอก็ยังรักษาตัวรอดมาได้ทุกซีซั่น
ถอนหายใจก่อนจะนอนพลิกตัวนอนตะแคง เอื้อมมือกอดเมธีให้แน่น ๆ แล้วข่มตาหลับไป…
จบบท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มาถึงโค้งหักศอกแล้ว อีก 2 บทสุดท้ายก็จะจบแล้วค่า กับความฝัน… 😪😴
https://ppantip.com/topic/41256835…บทที่ 97
ฝันหวาน (Sweet Dream) 98
.
ก็อก ๆ….
เสียงเคาะประตูห้องเบา ๆ เพียงสองสามครั้ง คนข้างในก็เปิดให้ พร้อมอ้าแขนรับ เป็นภาพเหตุการณ์ที่คุ้นเคยดี หากจะมีคนสังเกตก็จะเห็นภาพนี้อยู่เป็นประจำ เป็นภาพที่เกิดขึ้นทุก ๆ วันหลังเลิกงาน เสียแต่ว่าเมธีจะเลิกงานค่ำ เหตุการณ์นี้ถึงจะไม่เกิดขึ้น
“คิดถึงจังเลยค่ะ” ผายมือโอบกอดร่างบางอย่างคุ้นเคย ทว่าทำด้วยท่าทางตลกปนเสียงหัวเราะที่สดใส
คนที่มองโลกในแง่ดีทุกวัน ทำให้โลกหม่น ๆ ที่เจออยู่ข้างนอกมา มลายหายไปหมดสิ้น ก่อนจะโอบไหล่พาเดินเข้าห้องพร้อมปิดประตูให้เรียบร้อย
“นภาโครตเซ็งเลยพี่เมธี ซ่อมสะพานอีกและ น่าเบื่อ! นู่นแหนะ นภาต้องไปกลับรถนู่น นภากลัวรถ!” พรนภาพูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย สะพานตัวนี้ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ซ่อมไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ซ่อมแล้วซ่อมอีก ที่เบื่อหน่ายเพราะตนเองต้องลำบากขับรถไปกลับรถไกล ๆ กลัว! รถที่นี่มีแต่รถหัวลากทั้งนั้น
“อีกแล้วเหรอคะ!” ถามด้วยความห่วงใยเช่นกัน เขารู้ว่าหากปิดสะพาน จะต้องขับรถวนไปกลับรถค่อนข้างไกลพอสมควร นอกจากจะต้องเสียเวลา และ เผื่อเวลาเดินทางแล้ว ยังเสี่ยงต่ออันตรายด้วยเพราะเป็นถนนใหญ่ รถวิ่งเร็วกันทั้งนั้น “ทนเอานะคะ สามสี่วันก็น่าจะเสร็จ ทำไงได้คะ” พูดปลอบโยน
ครั้นจะบอกให้ลาออกก็ไม่อยากพูด ไม่อยากจ้ำจี้จ้ำไชอะไรนัก เคยพูดแล้วเจ้าตัวยืนยันหนักแน่นว่าไม่ลาออกก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงบ่อย พรนภาพยักหน้าเบา ๆ ด้วยความจำยอม
มาถึงห้องไม่ต้องทำกับข้าว เพราะกับข้าวมื้อเย็นเมธีเป็นคนอาสาทำเอง และ เสร็จพร้อมทานเรียบร้อยแล้ว ทว่าตอนนี้ยังทานอะไรไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ทำกิจวัตรประจำวันเลย
เมธีเปิดทีวีดูข่าวไปพลาง ๆ เธอเปลี่ยนชุดทำงานออก เปลี่ยนเป็นสวมชุดออกกำลังกายแทน วันนี้สวมกางเกงเล้กกิ้งสีดำ และ สวมสปอร์ตบาร์สีดำ ปูพรมลองแพลงก์ที่พื้น จากนั้นก็เปิดยูทูปในโทรศัพท์ดูเทรนเนอร์สอนออกกำลังกาย ทำตามเทรนเนอร์บอกวันละสิบนาทีพอ แค่นี้ก็ทานอะไรได้แบบไม่ต้องกังวล
เมธีนั่งดูทีวีบนโซฟา ปรายตามองภรรยาสาว ยิ้มกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน เผยยิ้มให้กับคนที่กำลังแพลงก์อย่างตั้งใจ ผอมไปหมดแล้ว หน้าก็ตอบ จะลดหุ่นอะไรนักหนา แต่ก็ไม่คิดห้าม
นึกเอ็นดูกับการมุ่งมั่นที่จะลดน้ำหนักของภรรยา แต่พอหลังจากออกกำลังกายเสร็จก็มาทานทุกอย่างที่ขวางหน้าอยู่ดี นึกเอ็นดูกับตรงนี้มาก ๆ ทำให้เผยยิ้มให้โดยไม่ทันระวังตัว
“ยิ้มอะไรพี่เมธี!” หันมาเจอเข้าพอดี จากที่ยิ้ม ๆ ก็กลายเป็นหัวเราะซะอย่างนั้น ทำเอาเธอหัวเราะตามไปด้วย ทั้งเธอและเขานั่งมองหน้ากันหัวเราะให้กันแบบไม่มีเหตุผล “ก็มาตัดกำลังกัน รู้มั้ยการขำเนี่ยมันยิ่งทำให้นภาเหนื่อยคูณสองเด้อพี่เมธี ฮ่วย!”
“เปล่าค่ะ! เสร็จยัง ไปอาบน้ำมาทานข้าวกัน จะได้อ้วน ๆ” ล้อเสียเลย “จะออกกำลังกายอะไรนักหนาคะ ดูซิผอมหมดแล้ว!”
“ก็ยังดีกว่ากินแล้วไม่ออกกำลังกายไง กะซาง! นภาแพลงก์แล้วนภาสบายใจในการกินดีค่ะ เสร็จแล้ว อาบน้ำแป็บ” พูดจบก็เก็บพรมลองแพลงก์เข้าที่เดิม เดินถือผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้เมธีหิวไส้กิ่วคอยไปก่อน
ภายในห้องครัวเล็ก ๆ ของคนโด ที่มีเพียงพวกเธอสองคน กับข้าวมีเพียงไม่กี่อย่าง บางวันก็อย่างเดียว เพราะไม่ได้เรื่องมากอะไรนัก ทานอะไรง่าย ๆ กันก็ได้ อยู่กันเพียงสองคนแค่นี้ ล้วนแต่เป็นกับข้าวง่าย ๆ กับข้าวพื้นเพของพวกเธอทั้งนั้น
“พรุ่งนี้ไม่ได้หยุดอีกเด้ออีหล่า” เมธีเปรย ๆ พร้อมตักข้าวเข้าปากเคี้ยวอย่างอร่อย คิดเอาไว้แล้วว่าพรนภาต้องมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้ รู้ว่าคอยวันหยุดจะได้อยู่ด้วยกัน รู้ว่าเสียใจผิดหวัง รู้! แต่จำเป็นต้องทำ จะให้ทำอย่างไร ทว่าเขามีวิธีง้อให้หายงอนอยู่แล้ว
พรนภาเงยหน้ามอง ถอนหายใจอีกแล้วหรือ จะให้ทำอย่างไรได้! ต้องอยู่ในสภาวะจำยอม งอแงไปเมธีก็ไม่ได้หยุดงานอยู่ดี พูดไปก็ทำให้ทะเลาะกันเปล่า ๆ
“บอกทำไม บอกแล้วนภาทำไรได้ล่ะ ห้ามได้ด้วยเหรอ” ตอบสีหน้าแววตาราบเรียบ ทานข้าวเงียบ ๆ ไป รู้สึกว่าบรรยากาศมันเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เมื่อสักครู่โลกยังเป็นสีชมพูอยู่เลย บัดนี้กำลังจะกลายเป็นสีชมพูหม่น
คิดไว้ไม่มีผิด เขาเตรียมใจไว้กับความงอนของเธอแล้วล่ะ
“นั่น! ไม่เอาค่ะ ไม่งอนดิ ทิตย์หน้าพาไปร้านกาแฟเอามั้ย ชดเชย ๆ ไปไหนเสิร์ชหามาเลยเด้อ เมธีจัดให้ค่ะ” พูดปนยิ้ม เพื่อกลบเกลื่อนบรรยากาศที่หม่นหมองนี้
รับรู้ถึงบรรยากาศที่กำลังจะเปลี่ยน อยากหยุดอยู่ด้วยกัน ทว่ามีงานจำเป็นต้องทำ ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ อะไรพอชดเชยได้ก็อยากจะรีบทำ และ เสนอให้ อยากให้คนตรงหน้ามีความสุขที่สุด
“หื้อ!” ตอบปฏิเสธ เงยหน้ามองสามีที่นั่งโต๊ะตรงข้าม อยากไปแต่วางฟอร์มสักหน่อย แอบยิ้มที่เสนอพาไปเที่ยวเองเลย แต่ต้องหุบปากเอาไว้ก่อน เข้าใจมากกว่า! ไม่งอนหรือคิดมากเลย แต่มันก็มีรู้สึกอยู่บ้าง
ตั้งตารอคอยวันหยุดที่จะได้อยู่พร้อมหน้ากัน ใช้เวลาด้วยกัน ให้เวลากันและกัน เที่ยวด้วยกัน แต่พอถึงวันจริง อะไรมันก็ผิดคาดไปหมด ใครไม่รู้สึกเสียใจก็คงเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีสุด ๆ
รู้ว่างอนไปก็เท่านั้น มีเหตุผลมากพอที่จะไม่งี่เง่าใส่ เธอทำเพียงทานข้าวเงียบ ๆ ไปอย่างนั้น มันเก็บความรู้สึกไม่อยู่ แต่! ก็ไม่ได้สร้างปัญหาใด ๆ ให้ร้าวฉานกัน ยอม! ยอมด้วยเหตุผลและความเป็นจริง เขาเองก็ไม่ได้โกหกเธอสักหน่อย ติดงานจริง ๆ เธอรู้
“แน่ใจนาว่าหื้อน่ะ! น่าน!!! เพิ่นอยากไปเด้หั่น ทำเป็น ๆ หื้ย! “ เขาคลี่ยิ้ม เมื่อรับรู้ถึงความเปลี่ยนไปอีกของอารมณ์ภรรยาสาว คราวนี้รู้ว่าหายงอนแล้ว “เดี๋ยวพาไปค่า แต่น้องต้องห้ามงอนพี่ก่อนเรื่องพรุ่งนี้ เคมั้ยคะ โถ่น้องนภา พี่เหรอจะไม่อยากหยุดอยู่กับเมียน่ะ น้องก็รู้ดีนะคะ”
“ก็รู้ไง ก็ไม่ได้งอนไง ก็เข้าใจ!” ตอบตามความจริง ทว่าเก็บสีหน้าและแววตาไม่อยู่จริง ๆ มันผิดหวัง แต่ เป็นผิดหวังในสับเซตของความเข้าใจ
บรรยากาศการทานมื้อเย็นวันนี้เป็นไปอย่างค่อนข้างเงียบ ไม่หวานหวือหวาเช่นทุกวัน เมธีก็คอยชวนคุยไปเรื่อย ๆ เพราะความรู้สึกผิด ส่วนเธอรู้! เข้าใจ แค่มันทำใจไม่ได้เท่านั้นเอง ทั้งที่ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เมธีไม่ได้หยุดงานตามที่แพลนเอาไว้
……………………………………..
“ตัวเอง งอนพี่เหรอคะ” เขาถาม หลังทานมื้อเย็นเสร็จ เช่นเคย กิจวัตรประจำวันอีกอย่าง คือ นั่งเล่นเกม ใช้เวลาร่วมกัน แต่วันนี้มันต่างไปจากทุกวัน เมธีไม่เล่นเกมเลย ขลุกตัวอยู่กับเธอตลอดเวลา ดูเธอเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย ไม่ยอมห่างกายของเธอเลย พวกเธอสองคนกำลังอยู่บนเตียงนอน
“น้องเงียบกับพี่จังเลยค่ะ พี่ผิดบ่อหนิ จะของแหมะ” อ้อนออเซาะ ดมแก้มของเธอเบา ๆ ด้วย
“เปล่าค่ะ ไม่เล่นเกมเหรอพี่เมธี” พรนภาถาม “ไม่โกรธ ไม่งอน จริง ๆ ตัวเอง” พูดจบส่งฉีกยิ้มให้ด้วย เพื่อเป็นการการันตีคำพูด
รู้ว่าไม่สบายใจเรื่องนี้อยู่แน่ ๆ ถ้าสบายใจป่านนี้เล่นเกมไปนานแล้ว ไม่มาวนเวียนตัวของเธอแบบนี้หรอก แอบเอ็นดูคนแก่คิดมากอยู่ในที เธอโอเคจริง ๆ สบายใจ ยอมรับ ทว่ามันก็ต้องมีเสียใจ ยอมรับว่าผิดหวัง มันเป็นผิดหวังที่เข้าใจสุด ๆ
“จริงอ่ะ” เขาเลิกคิ้วถาม แววตาจ้องมองใบหน้าเรียวมนนั้นอย่างพิศวาส
“จริงสิ” พรนภาตอบ เริ่มรู้มุกที่สามีจะเล่นละ เล่นไปด้วยเสียเลย ไม่อยากให้คิดมาก
“แน่นะ” เมธีถามจบหัวเราะให้อีก
“เอ้า… แน่สิ! พอเถอะ! ฮา”
คราวนี้เรียกเสียงหัวเราะกลับมาได้ บรรยากาศสีชมพูหม่นจางหายไป กลับกลายเป็นบรรยากาศแห่งสีชมพู ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นของความรักในคอนโดแห่งนี้ ห้องนี้! เช่นเดิม
ถึงกระนั้นเมธีก็ไม่ยอมผละออกไปเล่นเกมดั่งเคยทำ ยังคงนอนหนุนตักของเธอ ดูเธอส่องโซเซียลอยู่อย่างนั้น ตนเองก็ดูข่าวสารในเฟซบุ๊กไปด้วยเช่นกัน เพราะคำว่าไม่ได้หยุดพรุ่งนี้ จึงทำให้ได้ใช้เวลาร่วมกันได้เต็มที่ ได้อยู่ด้วยกัน ได้พูดคุยกันกันเกินร้อยเปอร์เซ็นต์
………………………………….
ภายใต้ความมืดสลัวของห้อง พรนภาพลิกตัวไปพลิกตัวมาเพราะนอนไม่หลับ พรุ่งนี้จะต้องหยุดคนเดียวอีกแล้ว แค่คิดก็เหงาจะแย่
หันมองสามีคราวพ่อที่นอนหลับสนิทเอาแรงไปทำงานพรุ่งนี้ นี่ก็ยังไม่ได้หยุดเลย ไม่เหนื่อยก็ให้มันรู้ไป รู้ว่าเหนื่อยแต่ไม่เคยเห็นบ่นสักที บ่นทีก็พูดทีเล่นทีจริง จึงไม่รู้เลยว่าตกลงเหนื่อยจริงหรือแค่พูดเล่น ทว่าเรื่องจริงคือพรุ่งนี้เธอต้องอยู่ห้องคนเดียว
วันไหนกลับห้องมาบ่นครั่นเนื้อครั่นตัว ทำเอาเธอหลอนไปด้วย กลัวจะติดโควิดกลับมา ไปไหนมาบ้างก็ไมรู้ แม้จะตรวจเอทีเคเป็นประจำก็เถอะ ไว้ใจได้ที่ไหน ทว่าพวกเธอก็ยังรักษาตัวรอดมาได้ทุกซีซั่น
ถอนหายใจก่อนจะนอนพลิกตัวนอนตะแคง เอื้อมมือกอดเมธีให้แน่น ๆ แล้วข่มตาหลับไป…
จบบท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://ppantip.com/topic/41256835…บทที่ 97