.
ถ้าการรักใครสักคนคือการเดินทาง
เรื่องราวของเขาได้พาฉันไปในพื้นที่ ๆ ไม่เคยไปถึง...
ท่าต่อไปเป็นท่าแพลงค์ฮิปทวิสนะครับ โดยการทำเอวโบแพลงค์ครับ และหมุนสะโพกไปซ้ายและขวาพยายามให้แตะลงถึงพื้นนะครับ ตอนหมุนสะโพกลงให้หายใจเข้า ตอนกลับมาท่าเริ่มต้นให้หายใจออกครับ ทำ 45 วินาที...
ทุก ๆ เย็นหลังเลิกงาน พรนภาต้องทำสิ่งนี้เป็นอย่างแรกถึงจะทำอย่างอื่นได้ เมธีก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้ทำไป ถ้าเป็นสิ่งที่กันและกันรัก พวกเธอจะไม่ห้ามเด็ดขาด ถ้าสิ่งนั้นไม่ผิดและไม่หนักหนาสาหัส
“เฮ้อ! เกือบตาย!” พรนภาทิ้งตัวนอนหมอบราบไปกับพรมทันทีหลังจบท่าแพลงค์ อุทานออกมาอย่างคนดีใจ พ่นลมหายใจออกมายาว ๆ พร้อมลุกขึ้นนั่งชันเข่าเอนหลังนิดหน่อย ใช้มือสองข้างดันพื้นไว้บนพรมลองแพลงค์
หายใจหอบเหงื่อไหลออกตามใบหน้า ก็ท่านี้มันเป็นท่ายากอีกท่า ที่เล่นยากมาก ใจไม่สู้จะไม่ยอมเล่นท่านี้เลย 45 วินาทีมันช่างยาวนานแสนนาน แต่พรนภาสู้ทุกท่าและผ่านไปได้ด้วยดี ทำครบ 45 วินาทีทุกระบวนท่ากันเลย
“ผ่านไปอีกวันกับชีวิตคนอ้วนอย่างฉัน กับร่างกายที่ดูอวบอั๋น” พรนภาร้องออกมาเป็นเพลงกับความสำเร็จของตนด้วยท่าทางตลก
วันนี้เธอทำคลอสแพลงค์ พรุ่งนี้ค่อยทำคลอสลดต้นขาปั้นสะโพก สลับกันทุกวัน ออกกำลังกายสำเร็จไปอีกหนึ่งวัน มองไปที่เมธีพร้อมหัวเราะลั่นกับเพลงที่ตนเองร้อง ก่อนจะเก็บพรมและเดินไปเปิดตู้เย็นดื่มน้ำดับกระหาย
“เหนื่อยก็เลิกทำซี้! อ้วนพี่ก็รักค่ะ” เมธีหัวเราะไปกับการกระทำของเธอ เห็นเป็นเรื่องไร้สาระ สำหรับคนที่ได้รักไปแล้ว จะเป็นอย่างไรก็ยังรักเสมอ “ผอมซะ! อ้วนตรงไหนถามหน่อย ไม่เหมือนตอนเจอกันครั้งแรกเลย คนอวบ ๆ หายไปไหน พี่ชอบคนนั้น พี่ชอบนภาคนที่ผมยาว ๆ และอวบ ๆ “
“เอ๋า! คนนั้นไม่มีแล้ว มีแต่คนนี้! พี่เมธีรักมั้ยคนนี้อ่ะ” พร้อมจ้องมองคนตรงหน้าเอาคำตอบ ตอบมาเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ นาทีนี้เลย
ฮา! เมธีหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ มองด้วยแววตาทะเล้นอีกแล้ว เธอไม่ชอบสายตานี้ สายตาที่มองเป็นเรื่องตลก เธอจริงจังนะ ทำไมต้องเห็นเป็นเรื่องตลกทุกครั้งไป
“ อืม พี่บอกแล้วว่าแค่เป็นพรนภา จะเป็นพรนภาเวอร์ชั่นไหนพี่ก็รักค่ะ ไปอาบน้ำได้แล้ว มาทานข้าว”
“ฮ่วย! ชอบอยากมีปัญหานะพี่เมธีหนิ” เธอมองค้อนเขา ทว่ามองในเชิงตลกมากกว่าจะโกรธเป็นจริงเป็นจัง
“ว่าแต่ร้านย่างเนยที่เราไปวันนั้นอ่ะ เค้ายังเปิดมั้ยคะ อยากน้อ” เขาเพียงแต่พูดล้อเล่น ยียวนกวนให้เธองอนเล่น ๆ เท่านั้น เวลาพรนภางอนช่างน่ารักเสียนี่กะไร ทั้งที่ทำให้เธองอนแล้วตัวเองก็ต้องง้อ แต่ก็ชอบแกล้งให้งอนเล่น ๆ
“ไปถะแหมะ ไปเอาโควิดคนเดียวโลด ฮ่วย! จังสิล่ะยามคนออกกำลังกาย จังสิล่ะ” เธออมยิ้มแบบงอน ๆ เม้มปากไม่ยอมหัวเราะออกมา ไม่อยากแพ้พี่เมธี ทำไมชอบชวนเธอไปกินอยู่เรื่อยเลย ก็บอกแล้วว่าจะลดหุ่น ใจเจ้ากรรมก็ไม่เคยปฏิเสธด้วย ชอบไปตลอด บางทีก็ชวนไปเองเสียด้วยซ้ำ
“ไป! ถ้าเขาเลิกล็อคดาวน์แล้วเราไปกันน้อ ฮา” สุดท้ายเธอก็ตกลง ไม่เคยจะปฏิเสธ
เมธีหัวเราะลั่นอย่างพอใจมาก เหมือนสะใจที่ชนะเธอได้ เหมือนในใจกำลังคิดว่าออกกำลังกายไปเถอะพรนภา! เธอรู้ แววตาของเมธีมันฟ้อง
“ไป ๆ ไปอาบน้ำค่ะ “ เขาไล่เธอไปอาบน้ำ ส่วนตนเองก็เตรียมกับข้าวไว้รอ เมนูมื้อเย็นมีไม่กี่อย่างสำหรับสองคนไม่ต้องมากมายอะไรก็ได้ กินง่ายอยู่ง่าย และเมนูอาหารก็เป็นเมนูประจำภูมิลำเนาของเขาสองคนนั่นเอง
พรนภาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินมานั่งประจำที่ที่โต๊ะอาหาร “พี่เมธีต่อไปนี้นภาจะไม่ทานข้าวกับพี่เมธีแบบนี้เช่นทุกวันแล้วนะคะ”
เมธีปรายตามองเธอหลังจากพูดจบ ทว่ายังตักข้าวเข้าปากรอฟังสิ่งที่เธอจะพูดต่อไป “นภาจะทำ IF (ไอเอฟ)และก็กินคีโต”
“ไม่ได้ค่ะ!” เมธีจ้องมองเธอแบบจริงจัง นาทีนี้รู้ในทันทีว่าเขาไม่ได้พูดเล่น “แค่นี้ก็ผอมมากแล้ว จะลดอะไรนักหนา ผอมมากไม่ดีมีลูกยาก “ เขารู้ว่ากิน if กับกินคีโตคืออะไร ไม่ยอมให้ทำเด็ดขาด แค่ออกกำลังกายทุกวันก็พอแล้ว ได้สุขภาพด้วย ทำอย่างที่พรนภาบอกได้แค่ผอมแห้งอย่างเดียว กินคีโตก็กินยาก จู้จี้จุกจิก ที่เขารู้ก็เพราะพรนภาโดนเพื่อนที่ทำงานของเขานั่นแหละชักชวน
“พุ่นน่ะ! มีลูกยากว่าสั่น ตรงใด! ไม่ได้ก็ไม่ได้สิ ทำไมต้องขึ้นเสียงใส่นภาด้วยอ่ะ” เธอมองค้อนหน้าบึ้งให้กับเขา วางช้อนลงบนจานและไม่ทานต่อ จ้องมองด้วยน้ำตาคลอ หลังจากที่เธอใช้ชีวิตอยู่กับเมธี ทำให้แสดงออกได้ตามความรู้สึก ไม่ต้องเก็บความรู้สึกเหมือนอยู่กับคนเก่า อยู่กับเมธีแสดงออกได้ทุกอย่าง
เมธียิ้มออกไปทางหัวเราะ นี่ไงไม่เคยโกรธเลย เพราะเธอก็ยังไม่เคยทะเลาะกันคอขาดบาดตายสักที “พี่ขึ้นเสียงตรงไหนคะ พี่ก็แค่พูดว่า ไม่ได้ค่ะ”
“ก็นี่ไง ตรงนี้ไง ไม่ได้ค่ะ!” พรนภายังหน้าบึ้ง พูดเลียนแบบคำพูดของเขาเมื่อสักครู่ พร้อมทำท่าทางขึงขังใส่แบบตลก “พี่เมธีพูดแบบนี้ หึ” น้ำตาก็ยังคลอ
“โห่นี่เรียกขึ้นเสียงแล้วเหรอคะ ไม่อยากให้ขึ้นเสียงงั้นขึ้นเตียงเลยดีมั้ย” พร้อมทำท่าจะลุกขึ้น
“ฮืม ทานข้าวอยู่! ฮา” พรนภาทำเสียงยาวแบบตลก ๆ พร้อมหัวเราะ พวกเธอทั้งสองคนหัวเราะให้กันลั่นห้องครัว
ทุก ๆ วันพวกเธอสองคนจะทานข้าวพร้อมหน้ากัน และได้ทานฝีมือของเมธีทุกวัน คอนโดเล็ก ๆ ห้องครัวเล็ก ๆ ทว่ามันเต็มไปด้วยความอบอุ่น ไม่จำเป็นต้องมีบ้านหลังใหญ่ก็ได้ นี่ไม่อยากจะนึกเลยถ้ามีเด็กตัวเล็ก ๆ มาอยู่ด้วยสักคนจะอบอุ่นแค่ไหน
เธอแอบมองเขาอีกแล้ว ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ นัยน์ตาที่ฉายแววแห่งความสุขของเขามันช่างอบอุ่นในหัวใจของเธอเหลือเกิน คำพูดที่ไพเราะของเขาฟังแล้วสบายใจ เธอชอบผู้ชายพูดค่ะ ชอบมากชอบที่สุด ทำให้กลายเป็นคนอ่อนโยนน่ารักที่สุดไปเลย
มันคือพรหมลิขิตใช่ไหม ที่ทำให้เธอกับเขามาเจอกัน และได้ใช้ชีวิตร่วมกัน แม้อายุจะห่างกันมาก มันก็ไม่ใช่ปัญหาที่พวกเธอจะรักกัน
“แอบมองพี่อีกแล้ว”
“เปล่า!” ก่อนจะเบือนสายตาไปที่อื่น แล้วพวกเธอก็ก้มหน้าก้มตาทานข้าวเย็นกัน เป็นมื้อเย็นที่ธรรมดาแต่พิเศษในทุก ๆ วัน
บนเตียงนอนสีชมพูลายการ์ตูนคิตตี้ พวกเธอสองคนนอนดูทีวีด้วยกันเช่นเคย ในท่าเดิม ๆ ที่เคยทำ หมอนก็มีทว่าพรนภาก็ไม่อยากหนุน แขนกับหน้าอกของเมธีนุ่มกว่า
ตั้งแต่มีเธอเข้ามา ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่ผ้าปูที่นอนก็ต้องเปลี่ยนเป็นสีและรูปแบบที่เธอชอบ หลาย ๆ อย่างเปลี่ยนหมด ตู้เสื้อก็ต้องซื้อมาเพิ่ม แค่ชุดของเธอก็เต็มแล้ว โต๊ะเครื่องแป้งไม่เคยมีก็ต้องซื้อ ทีวีเมื่อก่อนมีแค่โชว์ตอนนี้เปิดใช้งานทุกวัน
จากห้องโล่ง ๆ เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ ห้องครัวจากที่ไม่ค่อยทำกับข้าว อุปกรณ์ไม่ค่อยมี วันนี้มีครบครัน มันดูมีชีวิตชีวามากกว่าแต่ก่อน และเขาก็เต็มใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มาก
เตียงที่เคยกว้างมีพรนภามานอนด้วยก็ดูแคบไปในทันที “ดูอะไรคะ” เอ่ยคำถาม ๆ เธอ พร้อมโน้มปากลงมาหอมหน้าผากของเธอด้วย ปรายตามองดูคลิปวีดีโอกับเธอ
“ดูน้องข้าวหอมม้าเต่อค่ะ น่ารักมั้ย” พร้อมยื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้เมธีดู “ลูกไอดอลของนภานะเนี่ย นางโตเป็นสาวแล้วปีนี้ นภาติดตามตั้งแต่นางเกิดอ่ะ แม่เค้าอัดคลิปลงเฟซบุ๊ก นภาติดตามหมดเลยทั้งไอจีทั้งติ๊กต่อก” เด็กที่นภากล่าวถึงเธอชอบมาก แต่งตัวแนวเท่ ๆ เก๋ ๆ ผมสั้น เธอชอบเด็กผมสั้น เพราะเธอก็ผมสั้น พร้อมสาธยายให้เมธีฟังถึงเด็กคนนี้
“ลูกใครอ่ะ”
พรนภามองเมธีด้วยหางตา ทำไมกล้าถามแบบนี้ “เอ๋า นภาจะไปรู้เหรอพี่เมธีว่าลูกใครอ่ะ ฮ่วย! เด็กเซเลป ชื่อน้องข้าวหอม นางอยู่หนองคายเด้หนิ” นึกในใจถามไม่คิดอีกและ
“ถ้านภามีลูกสาวนะนภาจะจับมันแต่งตัวแบบนี้ นภาชอบคลิปที่แม่นางให้กินอึ่งทอด แล้วนางบอกขี้เดียด แต่นางกินเฉย! ฮา น่ารักมั้ย! “ ทว่าเมธีไม่ได้สนใจดูกับเธอเลย เธอมองค้อนโดยที่เขาไม่สนใจ “พี่เมธีน่ารักมั้ย ดู!” พร้อมดันตัวเองขึ้นไปทับบนหน้าอกของเขาและยื่นโทรศัพท์ให้ดูเต็ม ๆ หน้าจอเลย
“ครับน่ารักครับ มา! มาทำน้องข้าวหอมเด็กกาฬสินธุ์ดีกว่า” แกล้งเธอไปอย่างนั้นเอง ลูกไก่ในกำมือของเขาช่างน่ารักที่สุด
“พี่เมธี! ไม่! ฮ่วย นภาดูลูกสาวของนภาอยู่ อยู่เพิ่งกวนดิ”
“เอ๋า ก็จะเสกน้องข้าวหอมให้ไม่เอาเหรอ พี่ชอบนะ พี่อยากได้ลูกสาวพอดีเลย” ไม่พูดเฉยพลิกร่างกายตัวเองขึ้นมาประกบร่างกายของเธอเอาไว้ บรรจงจูบริมฝีปากของเธอเบา ๆ อย่างนุ่มนวล
“พี่รักหนูนะคะ”
“นภาก็รักพี่เมธีค่ะ”
ภายใต้ความมืดของห้อง พรนภานอนอยู่ภายใต้อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของเมธี เธออยากหยุดเวลาไว้แค่ตรงนี้ ไม่อยากเช้า ไม่อยากห่างเขาไปไหน อยากอยู่แบบนี้ตลอดไป รอแค่เวลานำพาบางสิ่งบางอย่างมาเติมเต็มคำว่าครอบครัวของเขาให้สมบูรณ์แบบเท่านั้นเอง...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พรนภากับพี่เมธีฝากบอกว่า ช่วงกักตัวโควิด ทนอ่านซีนนภากับเมธีสวีทกันในห้องไปก่อนนะคะ แหแหแห 🤣🤣🤣 ก็มันออกไปไหนไม่ได้นี่นา
ข้าวหอม
จบบท
ฝันหวาน (sweet dream)16
.
ถ้าการรักใครสักคนคือการเดินทาง
เรื่องราวของเขาได้พาฉันไปในพื้นที่ ๆ ไม่เคยไปถึง...
ท่าต่อไปเป็นท่าแพลงค์ฮิปทวิสนะครับ โดยการทำเอวโบแพลงค์ครับ และหมุนสะโพกไปซ้ายและขวาพยายามให้แตะลงถึงพื้นนะครับ ตอนหมุนสะโพกลงให้หายใจเข้า ตอนกลับมาท่าเริ่มต้นให้หายใจออกครับ ทำ 45 วินาที...
ทุก ๆ เย็นหลังเลิกงาน พรนภาต้องทำสิ่งนี้เป็นอย่างแรกถึงจะทำอย่างอื่นได้ เมธีก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้ทำไป ถ้าเป็นสิ่งที่กันและกันรัก พวกเธอจะไม่ห้ามเด็ดขาด ถ้าสิ่งนั้นไม่ผิดและไม่หนักหนาสาหัส
“เฮ้อ! เกือบตาย!” พรนภาทิ้งตัวนอนหมอบราบไปกับพรมทันทีหลังจบท่าแพลงค์ อุทานออกมาอย่างคนดีใจ พ่นลมหายใจออกมายาว ๆ พร้อมลุกขึ้นนั่งชันเข่าเอนหลังนิดหน่อย ใช้มือสองข้างดันพื้นไว้บนพรมลองแพลงค์
หายใจหอบเหงื่อไหลออกตามใบหน้า ก็ท่านี้มันเป็นท่ายากอีกท่า ที่เล่นยากมาก ใจไม่สู้จะไม่ยอมเล่นท่านี้เลย 45 วินาทีมันช่างยาวนานแสนนาน แต่พรนภาสู้ทุกท่าและผ่านไปได้ด้วยดี ทำครบ 45 วินาทีทุกระบวนท่ากันเลย
“ผ่านไปอีกวันกับชีวิตคนอ้วนอย่างฉัน กับร่างกายที่ดูอวบอั๋น” พรนภาร้องออกมาเป็นเพลงกับความสำเร็จของตนด้วยท่าทางตลก
วันนี้เธอทำคลอสแพลงค์ พรุ่งนี้ค่อยทำคลอสลดต้นขาปั้นสะโพก สลับกันทุกวัน ออกกำลังกายสำเร็จไปอีกหนึ่งวัน มองไปที่เมธีพร้อมหัวเราะลั่นกับเพลงที่ตนเองร้อง ก่อนจะเก็บพรมและเดินไปเปิดตู้เย็นดื่มน้ำดับกระหาย
“เหนื่อยก็เลิกทำซี้! อ้วนพี่ก็รักค่ะ” เมธีหัวเราะไปกับการกระทำของเธอ เห็นเป็นเรื่องไร้สาระ สำหรับคนที่ได้รักไปแล้ว จะเป็นอย่างไรก็ยังรักเสมอ “ผอมซะ! อ้วนตรงไหนถามหน่อย ไม่เหมือนตอนเจอกันครั้งแรกเลย คนอวบ ๆ หายไปไหน พี่ชอบคนนั้น พี่ชอบนภาคนที่ผมยาว ๆ และอวบ ๆ “
“เอ๋า! คนนั้นไม่มีแล้ว มีแต่คนนี้! พี่เมธีรักมั้ยคนนี้อ่ะ” พร้อมจ้องมองคนตรงหน้าเอาคำตอบ ตอบมาเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ นาทีนี้เลย
ฮา! เมธีหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ มองด้วยแววตาทะเล้นอีกแล้ว เธอไม่ชอบสายตานี้ สายตาที่มองเป็นเรื่องตลก เธอจริงจังนะ ทำไมต้องเห็นเป็นเรื่องตลกทุกครั้งไป
“ อืม พี่บอกแล้วว่าแค่เป็นพรนภา จะเป็นพรนภาเวอร์ชั่นไหนพี่ก็รักค่ะ ไปอาบน้ำได้แล้ว มาทานข้าว”
“ฮ่วย! ชอบอยากมีปัญหานะพี่เมธีหนิ” เธอมองค้อนเขา ทว่ามองในเชิงตลกมากกว่าจะโกรธเป็นจริงเป็นจัง
“ว่าแต่ร้านย่างเนยที่เราไปวันนั้นอ่ะ เค้ายังเปิดมั้ยคะ อยากน้อ” เขาเพียงแต่พูดล้อเล่น ยียวนกวนให้เธองอนเล่น ๆ เท่านั้น เวลาพรนภางอนช่างน่ารักเสียนี่กะไร ทั้งที่ทำให้เธองอนแล้วตัวเองก็ต้องง้อ แต่ก็ชอบแกล้งให้งอนเล่น ๆ
“ไปถะแหมะ ไปเอาโควิดคนเดียวโลด ฮ่วย! จังสิล่ะยามคนออกกำลังกาย จังสิล่ะ” เธออมยิ้มแบบงอน ๆ เม้มปากไม่ยอมหัวเราะออกมา ไม่อยากแพ้พี่เมธี ทำไมชอบชวนเธอไปกินอยู่เรื่อยเลย ก็บอกแล้วว่าจะลดหุ่น ใจเจ้ากรรมก็ไม่เคยปฏิเสธด้วย ชอบไปตลอด บางทีก็ชวนไปเองเสียด้วยซ้ำ
“ไป! ถ้าเขาเลิกล็อคดาวน์แล้วเราไปกันน้อ ฮา” สุดท้ายเธอก็ตกลง ไม่เคยจะปฏิเสธ
เมธีหัวเราะลั่นอย่างพอใจมาก เหมือนสะใจที่ชนะเธอได้ เหมือนในใจกำลังคิดว่าออกกำลังกายไปเถอะพรนภา! เธอรู้ แววตาของเมธีมันฟ้อง
“ไป ๆ ไปอาบน้ำค่ะ “ เขาไล่เธอไปอาบน้ำ ส่วนตนเองก็เตรียมกับข้าวไว้รอ เมนูมื้อเย็นมีไม่กี่อย่างสำหรับสองคนไม่ต้องมากมายอะไรก็ได้ กินง่ายอยู่ง่าย และเมนูอาหารก็เป็นเมนูประจำภูมิลำเนาของเขาสองคนนั่นเอง
พรนภาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินมานั่งประจำที่ที่โต๊ะอาหาร “พี่เมธีต่อไปนี้นภาจะไม่ทานข้าวกับพี่เมธีแบบนี้เช่นทุกวันแล้วนะคะ”
เมธีปรายตามองเธอหลังจากพูดจบ ทว่ายังตักข้าวเข้าปากรอฟังสิ่งที่เธอจะพูดต่อไป “นภาจะทำ IF (ไอเอฟ)และก็กินคีโต”
“ไม่ได้ค่ะ!” เมธีจ้องมองเธอแบบจริงจัง นาทีนี้รู้ในทันทีว่าเขาไม่ได้พูดเล่น “แค่นี้ก็ผอมมากแล้ว จะลดอะไรนักหนา ผอมมากไม่ดีมีลูกยาก “ เขารู้ว่ากิน if กับกินคีโตคืออะไร ไม่ยอมให้ทำเด็ดขาด แค่ออกกำลังกายทุกวันก็พอแล้ว ได้สุขภาพด้วย ทำอย่างที่พรนภาบอกได้แค่ผอมแห้งอย่างเดียว กินคีโตก็กินยาก จู้จี้จุกจิก ที่เขารู้ก็เพราะพรนภาโดนเพื่อนที่ทำงานของเขานั่นแหละชักชวน
“พุ่นน่ะ! มีลูกยากว่าสั่น ตรงใด! ไม่ได้ก็ไม่ได้สิ ทำไมต้องขึ้นเสียงใส่นภาด้วยอ่ะ” เธอมองค้อนหน้าบึ้งให้กับเขา วางช้อนลงบนจานและไม่ทานต่อ จ้องมองด้วยน้ำตาคลอ หลังจากที่เธอใช้ชีวิตอยู่กับเมธี ทำให้แสดงออกได้ตามความรู้สึก ไม่ต้องเก็บความรู้สึกเหมือนอยู่กับคนเก่า อยู่กับเมธีแสดงออกได้ทุกอย่าง
เมธียิ้มออกไปทางหัวเราะ นี่ไงไม่เคยโกรธเลย เพราะเธอก็ยังไม่เคยทะเลาะกันคอขาดบาดตายสักที “พี่ขึ้นเสียงตรงไหนคะ พี่ก็แค่พูดว่า ไม่ได้ค่ะ”
“ก็นี่ไง ตรงนี้ไง ไม่ได้ค่ะ!” พรนภายังหน้าบึ้ง พูดเลียนแบบคำพูดของเขาเมื่อสักครู่ พร้อมทำท่าทางขึงขังใส่แบบตลก “พี่เมธีพูดแบบนี้ หึ” น้ำตาก็ยังคลอ
“โห่นี่เรียกขึ้นเสียงแล้วเหรอคะ ไม่อยากให้ขึ้นเสียงงั้นขึ้นเตียงเลยดีมั้ย” พร้อมทำท่าจะลุกขึ้น
“ฮืม ทานข้าวอยู่! ฮา” พรนภาทำเสียงยาวแบบตลก ๆ พร้อมหัวเราะ พวกเธอทั้งสองคนหัวเราะให้กันลั่นห้องครัว
ทุก ๆ วันพวกเธอสองคนจะทานข้าวพร้อมหน้ากัน และได้ทานฝีมือของเมธีทุกวัน คอนโดเล็ก ๆ ห้องครัวเล็ก ๆ ทว่ามันเต็มไปด้วยความอบอุ่น ไม่จำเป็นต้องมีบ้านหลังใหญ่ก็ได้ นี่ไม่อยากจะนึกเลยถ้ามีเด็กตัวเล็ก ๆ มาอยู่ด้วยสักคนจะอบอุ่นแค่ไหน
เธอแอบมองเขาอีกแล้ว ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ นัยน์ตาที่ฉายแววแห่งความสุขของเขามันช่างอบอุ่นในหัวใจของเธอเหลือเกิน คำพูดที่ไพเราะของเขาฟังแล้วสบายใจ เธอชอบผู้ชายพูดค่ะ ชอบมากชอบที่สุด ทำให้กลายเป็นคนอ่อนโยนน่ารักที่สุดไปเลย
มันคือพรหมลิขิตใช่ไหม ที่ทำให้เธอกับเขามาเจอกัน และได้ใช้ชีวิตร่วมกัน แม้อายุจะห่างกันมาก มันก็ไม่ใช่ปัญหาที่พวกเธอจะรักกัน
“แอบมองพี่อีกแล้ว”
“เปล่า!” ก่อนจะเบือนสายตาไปที่อื่น แล้วพวกเธอก็ก้มหน้าก้มตาทานข้าวเย็นกัน เป็นมื้อเย็นที่ธรรมดาแต่พิเศษในทุก ๆ วัน
บนเตียงนอนสีชมพูลายการ์ตูนคิตตี้ พวกเธอสองคนนอนดูทีวีด้วยกันเช่นเคย ในท่าเดิม ๆ ที่เคยทำ หมอนก็มีทว่าพรนภาก็ไม่อยากหนุน แขนกับหน้าอกของเมธีนุ่มกว่า
ตั้งแต่มีเธอเข้ามา ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่ผ้าปูที่นอนก็ต้องเปลี่ยนเป็นสีและรูปแบบที่เธอชอบ หลาย ๆ อย่างเปลี่ยนหมด ตู้เสื้อก็ต้องซื้อมาเพิ่ม แค่ชุดของเธอก็เต็มแล้ว โต๊ะเครื่องแป้งไม่เคยมีก็ต้องซื้อ ทีวีเมื่อก่อนมีแค่โชว์ตอนนี้เปิดใช้งานทุกวัน
จากห้องโล่ง ๆ เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ ห้องครัวจากที่ไม่ค่อยทำกับข้าว อุปกรณ์ไม่ค่อยมี วันนี้มีครบครัน มันดูมีชีวิตชีวามากกว่าแต่ก่อน และเขาก็เต็มใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มาก
เตียงที่เคยกว้างมีพรนภามานอนด้วยก็ดูแคบไปในทันที “ดูอะไรคะ” เอ่ยคำถาม ๆ เธอ พร้อมโน้มปากลงมาหอมหน้าผากของเธอด้วย ปรายตามองดูคลิปวีดีโอกับเธอ
“ดูน้องข้าวหอมม้าเต่อค่ะ น่ารักมั้ย” พร้อมยื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้เมธีดู “ลูกไอดอลของนภานะเนี่ย นางโตเป็นสาวแล้วปีนี้ นภาติดตามตั้งแต่นางเกิดอ่ะ แม่เค้าอัดคลิปลงเฟซบุ๊ก นภาติดตามหมดเลยทั้งไอจีทั้งติ๊กต่อก” เด็กที่นภากล่าวถึงเธอชอบมาก แต่งตัวแนวเท่ ๆ เก๋ ๆ ผมสั้น เธอชอบเด็กผมสั้น เพราะเธอก็ผมสั้น พร้อมสาธยายให้เมธีฟังถึงเด็กคนนี้
“ลูกใครอ่ะ”
พรนภามองเมธีด้วยหางตา ทำไมกล้าถามแบบนี้ “เอ๋า นภาจะไปรู้เหรอพี่เมธีว่าลูกใครอ่ะ ฮ่วย! เด็กเซเลป ชื่อน้องข้าวหอม นางอยู่หนองคายเด้หนิ” นึกในใจถามไม่คิดอีกและ
“ถ้านภามีลูกสาวนะนภาจะจับมันแต่งตัวแบบนี้ นภาชอบคลิปที่แม่นางให้กินอึ่งทอด แล้วนางบอกขี้เดียด แต่นางกินเฉย! ฮา น่ารักมั้ย! “ ทว่าเมธีไม่ได้สนใจดูกับเธอเลย เธอมองค้อนโดยที่เขาไม่สนใจ “พี่เมธีน่ารักมั้ย ดู!” พร้อมดันตัวเองขึ้นไปทับบนหน้าอกของเขาและยื่นโทรศัพท์ให้ดูเต็ม ๆ หน้าจอเลย
“ครับน่ารักครับ มา! มาทำน้องข้าวหอมเด็กกาฬสินธุ์ดีกว่า” แกล้งเธอไปอย่างนั้นเอง ลูกไก่ในกำมือของเขาช่างน่ารักที่สุด
“พี่เมธี! ไม่! ฮ่วย นภาดูลูกสาวของนภาอยู่ อยู่เพิ่งกวนดิ”
“เอ๋า ก็จะเสกน้องข้าวหอมให้ไม่เอาเหรอ พี่ชอบนะ พี่อยากได้ลูกสาวพอดีเลย” ไม่พูดเฉยพลิกร่างกายตัวเองขึ้นมาประกบร่างกายของเธอเอาไว้ บรรจงจูบริมฝีปากของเธอเบา ๆ อย่างนุ่มนวล
“พี่รักหนูนะคะ”
“นภาก็รักพี่เมธีค่ะ”
ภายใต้ความมืดของห้อง พรนภานอนอยู่ภายใต้อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของเมธี เธออยากหยุดเวลาไว้แค่ตรงนี้ ไม่อยากเช้า ไม่อยากห่างเขาไปไหน อยากอยู่แบบนี้ตลอดไป รอแค่เวลานำพาบางสิ่งบางอย่างมาเติมเต็มคำว่าครอบครัวของเขาให้สมบูรณ์แบบเท่านั้นเอง...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จบบท