.
“ดูอะไรเอ่ยคุณแม่ !” เมธีพรวดพราดเอาหน้าเข้ามาดูหน้าจอโทรศัพท์ของเธอ ทำให้โทรศัพท์มันร่วงโดนหน้าของเธอ โดนเหลี่ยมของโทรศัพท์เข้าเต็ม ๆ
“เออะ! “ เธออุทาน พร้อมจะอ้าปากด่าให้ทีที่ทำอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้
“อุ้ย ! ขอโทษ ๆ ค่ะร่วงโดนหน้าเลย” ไม่ยอมให้พรนภาได้มีโอกาสเอ่ยปากด่า ตนเองก็เอาปากไปจุ๊บริมฝีปากของเธอเอาไว้แล้ว เสียงพูดของพรนภาดังอู้อี้ออกมาเบา ๆ เขาใช้ริมฝีปากประกบริมฝีปากของพรนภาเอาไว้สักพักก็ผละออก ยิ้มแหย ๆ ให้ด้วยความรู้สึกผิด “ป่ะป๊าขอโทษค่ะ เจ็บมั้ย”
พรนภาเขม้นมองตาเขียวปั๊ด เจ็บก็เจ็บแถมยังไม่มีโอกาสได้ต่อว่าอีก “เจ็บ ! ฮ่วย... พี่เมธีก็ลองทำหล่นใส่หน้าตัวเองดิ ไอโฟนเครื่องนี้คิดว่ามันหนักมั้ยล่ะ ปาหัวพี่เมธีก็แตก !” หน้างอง้ำพูดงอแงต่อว่าเหมือนเด็ก ๆ เธอเจ็บจริง ๆ “จะอยากซุกอ้อนอะไรนักหนา” เอ็ดเขาให้ที่เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง มองใบหน้าคมเข้มเรียวได้รูปพร้อมพูดเอ็ด
“เอ๋า พี่ขอโทษค่ะ เจ็บมากเหรอ โอ๋ ๆ !ไหนขอดูซิโดนตรงไหน ไหนเค้าขอดูหน่อย” คนโดนดุรู้สึกผิดทันที ตนเองทำอะไรไม่เข้าท่าจริง ๆ
“ไม่ต้องเลย !” พูดพลางใช้มือลูบให้หายเจ็บ ไม่ยอมให้เขาดูถึงจะเจ็บอยู่ก็ตาม “ไม่เล่นเกมแล้วเหรอถึงได้อยากแกล้งเค้าอ่ะ”
“ไม่ได้แกล้ง ก็พี่เห็นนภาเงียบ ๆ ดูอะไรอยู่คนเดียว ก็นึกว่าดูหนุ่ม ๆ เด็ก ๆ หล่อ ๆ อยู่ไง ฮ่วย ! เค้าก็หวงของเค้าเด๊ะ ก็อยากรู้ ” พอเมธีพูดมาแบบนี้ก็อดเขินและยิ้มไม่ได้ ทว่าต้องเก็บอาการเอาไว้
“นภาดูบ่าวท้าวอยู่ เนี่ย ! ตำหมึกกระดองอ่ะพี่เมธีดู “ พรนภาชูหน้าจอให้เขาดู หลังเลิกงานกลับมาภายในห้องเล็ก ๆ พวกเธอทำกิจวัตรประจำวันเสร็จก็เข้าสู่ช่วงเวลาที่เป็นตัวของตัวเอง เมธีเล่นเกมทุกวันอย่างกับเด็ก ๆ ส่วนเธอก็นอนเล่นโซเชียลและดูเขาเล่นเกมในทุก ๆ วันก่อนนอน “พี่เมธีเค้าหิวเข่า แฮ่ !” ดูไปดูมารู้สึกหิวตามซะอย่างนั้น
“พุ้นน่ะ ! ดูไปดูมาก็หิวกับเค้าบาดหนิ” เมธีพูดประชดเบา ๆ หันมามองครู่เดียวแล้วก็หันกลับไปสนใจเกมต่อ
อาการงอนของเธอเมื่อครู่หายไปแล้ว ไม่อยากโกรธนานมันเสียเวลาแห่งความสุข ไร้สาระมากสำหรับความรู้สึกของเธอ อะไรที่ไม่หนักหนาสาหัสพรนภามองข้ามมันได้เสมอ
“อยาก ! เค้าอยากกิน พี่เมธีพาเข้าไปซื้อได้มั้ย “ พูดลอย ๆ ก้มหน้ามองโทรศัพท์ดูบ่าวท้าวกินตำหนวดปลาหมึกต่อ หูก็คอยฟังว่าสามีคราวพ่อจะตอบตกลงพาไปซื้อหรือไม่ “อ่ะพี่เมธีดู แล้วพี่เมธีจะอยากกินเลย”
“ไม่ค่ะ ไม่ว่างดูเล่นเกมอยู่” พูดพร้อมลุกขึ้นจากเตียงนอนไปยืนที่พื้นหน้าจอทีวี แกล้งซะเลย ใจจริงจะพาไปอยู่แล้ว มีหรือจะขัดใจภรรยาคราวลูกคนนี้ คนที่น่ารัก คนที่เป็นโลกอันสดใจของเขาทุกวัน แค่เรื่องแค่นี้ตามใจได้สบาย ๆ อยู่แล้ว ทว่าขอแกล้งสักหน่อย ดูเด็กงอนก็น่ารักดี
“พี่เมธีต้องดู นภาอยากกิน พี่เมธีต้องดู” ไม่พอลุกถือโทรศัพท์ตามไปให้ดูอีกที่หน้าจอทีวี เมธีหัวเราะเบือนหน้าหนี มือก็ยังถือจอยเล่นเกมต่อไป “ไม่ได้ ! ห้ามเบือนหน้าหนี พี่เมธีต้องดู นภาอยากกิน”
“ไม่ว่างดูค่ะ เล่นเกมอยู่ ยิง ! โห่ข้ามคานจนได้ !” สบถกับเกมทำไม่สนใจที่พรนภาพูด เมื่อพรนภาพยายามให้ตนเองดูก็เบือนหน้าหนีพร้อมหัวเราะชอบใจที่แกล้งได้สำเร็จ
“ฮ่วยพี่เมธียังจะพูดกับเกมอีก จะดูไม่ดู ! งั้นปิดนะ!” แสยะยิ้มเมื่อตนเองถือไผ่เหนือกว่าเพราะที่มือมีรีโมททีวีถืออยู่ แกว่งโชว์ไปมา“นภาอยากกินอ่ะ พาไปซื้อหน่อยที่ตลาด สองทุ่มเองตลาดยังไม่ปิดนะ มันมีร้านนึงที่เค้าทำขาย”
“ตลาดไหน ใกล้ ๆ บ้านเรานี่เหรอ” ได้ผลเขาหันมาสนใจสิ่งที่เธอพูด แม้สายตาจะมองไปที่หน้าจอทีวีบ้างก็ตาม
“ม่าย ! ตลาดหน้าที่ทำงานของนภา” พูดพร้อมฉีกยิ้มให้สามี ให้กับท่าทางตกใจของเขา จะตกใจอะไรแค่ให้พาไปตลาดใกล้ ๆ ที่ทำงานเท่านั้นเอง
“โห ! ไม่ใช่ใกล้ ๆ นะนั่น นี่ก็สองทุ่มละ เค้าปิดแล้วมั้งคะ” อยากจะพาเธอไปอยู่แต่ตลาดที่ว่าก็ไกลคอนโดเหลือเกิน เกรงว่าร้านจะปิดแล้ว ถ้าเป็นหกโมงเย็นหรือหนึ่งทุ่มก็ว่าไปอีกอย่าง
“ยังไม่ปิด ! นภารู้... โอเคนภาไม่อยากกินแล้วก็ได้ อึ ! ปิดก่อน เซาเบิ่งเจ้าล่ะบ่าวท้าว ! เบิ่งล่ะมันอยาก อยากคนกะบ่พาไปซื้อ “ ปิดยูทูปหน้างอเดินกลับไปนั่งพิงหัวเตียงกอดอกเบือนหน้าไปด้านข้าง ไม่ยอมมองมาตรง ๆ เพราะเมธียืนอยู่ตรงนั้น
“พุ้นน่ะ ขั้นเพิ่นสิเครียดบ่อยากจักเม็ด” เมธีพูดยิ้ม ๆ นึกเอ็นดูกับอาการงอนของภรรยา “ขอพี่เล่นตานี้จบก่อนได้มั้ยล่ะ”
“ก็ตอนนี้มันก็สองทุ่มแล้วอ่ะ กว่าพี่เมธีจะเล่นจบ ก็ไม่ปาไปสามทุ่มเลยเหรอ ฮ่วย” ขมวดคิ้วหน้างอพูดด้วยความเสียใจ เสียใจที่โดนขัดใจ ไม่สนว่าตอนนี้เมธีจะมองว่าตัวเองมีนิสัยแบบเด็ก ๆ ก็ตาม กอดอกมองไปด้านข้างเหมือนเดิม น้ำใส ๆ ก็กำลังจะเอ่อไหลออกจากตา
“คักกว่าน้องเอยบาดหนิ ความหน้าบูดเอาแต่ใจ” เขาหมายถึงหลานสาวตัวน้อยลูกของน้องชาย “ไปค่ะไป ! ปะ ๆ เลิกเล่นแล้ว” ทันทีที่รู้สึกว่าเรื่องจะบานปลายเขาก็ยอมพาไปเพื่อเบรกไว้ เดี๋ยวมากไปกว่านี้จะง้อยาก เขาเลิกเล่นเกมปิดทีวีไว้ นึกตลกกับอาการดีใจของพรนภาแต่เก็บอาการ ฉีกยิ้มส่ายหัวให้ก่อนจะเดินปลี่เข้ามาหอมแก้มเด็กขี้งอนฟอดใหญ่บนเตียง
พรนภาคลี่ยิ้มออกมาจนได้ ปรับอารมณ์ได้เร็วมาก เพราะแกล้งทำต่างหาก พี่เมธีไม่รู้จักเอาเสียเลยคำว่ามารยาหญิง
“เอารถไรไปคะ” ไม่พูดเฉยลุกแต่งตัวให้เรียบร้อย สวมกางเกงขายาว ทาแป้งฝุ่นสักหน่อย เธอจำได้ขึ้นใจเสมอว่าเมธีไม่ชอบให้เธอสวมกางเกงขาสั้นออกไปข้างนอก ก็ไม่เคยทำให้ลำบากใจสักครั้ง “พร้อมแล้วค่า”
“หืย ! คักขนาดขั้นถืกใจเพิ่นน่ะ ขั้นบ่ถืกใจหน้างอปานไข่ฝาก เอารถมอเตอร์ไซค์ไปค่ะ ง่ายดี ถ้าร้านไม่เปิดกินไรดีเรา”
“กะซาง ฮา อะไรก็ได้ พี่เมธีน่ารักจังเลย ฮืย คันแข่วเด้ ” เดินมาสวมกอดทางด้านหลังของเขา ออกแรงรัดให้แน่น ๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว ตัวตัน ๆ สมส่วนกอดดีนัก เสียงหัวเราะของเธอปนเสียงหัวเราะของเขา หากมีคนมาได้ยินจะสัมผัสถึงความสุขของพวกเธอสองคนในตอนนี้ได้
“ปะ เมธีพาแว๊นเองครับผม อยากโดนช้อนแกงวะ ฮา “
“เดี๋ยวไปเอาคำพูดนี้มาจากไหน แล้วโดนช้อนแกงคืออะไร”
ทั้งสองคนพูดคุยกันระหว่างเดินไปที่ลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ เป็นอีกวันที่ได้นั่งซ้อนท้ายกอดเอวของเขา นานมากกว่าจะมีบรรยากาศแบบนี้ น้อยมากที่เขาจะพาเธอซ้อนมอเตอร์ไซค์ แอบยิ้มอยู่ด้านหลัง มองแผ่นหลังกว้างได้รูปของเขาและแอบยิ้มตลอดทาง นึกอะไรเพลิน ๆ ระหว่างนั่งรถ นึกขอบคุณที่ตามใจเธอเสมอ นึกขอบคุณที่รักเธอ นึกขอบคุณทุกอย่างที่ทำเพื่อเธอเสมอมา
“กอดเอวไว้เดี๋ยวตก” ระหว่างขับรถเมธีปล่อยมือซ้ายมาจับมือเธอให้เกาะเอวตัวเอง และกุมมือเธอไว้ไม่ยอมปล่อย บังคับรถมือเดียวก็พอได้ สักพักก็ปล่อยมือเธอไปบังคับรถสองมือ ส่วนเธอกอดเอวเขาไว้อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย ลงทุนนั่งรถจากคอนโดเป็นกิโลเพื่อไปซื้อตำปลาหมึกตามคลิปที่ดู
มาถึงตลาดตรงข้ามที่ทำงานของเธอพบว่ายังมีผู้คนมาเดินจับจ่ายกันอยู่ คราวนี้ก็มาลุ้นว่าร้านยังเปิดอยู่ไหม ของยังเหลืออยู่ไหม พรนภาใจชื้นขึ้นมาเมื่อพบว่าร้านยังเปิดอยู่ ทั้งสองคนไม่รีรอรีบเดินไปที่ร้านกันเลย
“แม่ค้าตำหมึกดองยังเหลืออยู่มั้ยคะ” พรนภาเอ่ยถามด้วยใจเต้นตึกตัก กลัวว่าแม่ค้าจะตอบว่าหมดแล้ว
“เหลือค่ะ เอาตำหมึกดองน้อ “ แม่ค้าตอบและยิ้มให้
“ค่ะ !” พรนภาฉีกยิ้มด้วยความดีใจ เงยหน้าหันไปมองสามี เมธีก็ยิ้มให้พร้อมยกมือขึ้นมาวางบนศีรษะของเธอด้วยความเอ็นดูเช่นเดิม
“เอาตำปูม้าด้วยนะครับ” เขาสั่งของตนเองบ้าง
“นั่น ! พอเค้าชวนมาก็ไม่อยากจะพา หืย ! คนอะไรซังเด้ “
“เอ้าก็ได้มาแล้วน้อ”
ทั้งสองคนยืนคุยกันโดยไม่สนใจสายตาของแม่ค้าและร้านใกล้เคียงมองมาเลย แม่ค้าตำหมึกกระดองให้เธอก็ชำเลืองมองเป็นระยะ ๆ คงมีคำถามอยู่ในใจ ปรายตามองส่งยิ้มให้เมธีบ้าง ให้เธอบ้างเป็นช่วง ๆ ขณะทำเมนูที่สั่ง
“อืมม์ แฟนครับ” เมธีตอบเบา ๆ ทว่าชัดถ้อยชัดคำด้วยเข้าใจสายตานั้น
“น่ารักดีค่ะ ว่าแล้ว ! พ่อลูกอะไรกันพูดคุยเหมือนเป็นแฟนกันเลย แฟนกันจริง ๆ น่ารักค่ะ มีหลายคู่เลยเหมือนพวกคุณเนี่ย” แม่ค้าชวนคุย
“ครับ !” เมธีตอบยิ้ม ๆ เธอเองก็เหมือนกัน พอโดนพูดตรง ๆ แบบนี้ก็เขินมาก ได้แค่ยิ้มสู้และเก็บอาการเขินไว้
“น่ารักออกค่ะ ความรักมันเลือกไม่ได้หรอกน้อว่าจะรักใครไม่รักใคร มันขึ้นอยู่กับคนสองคนและความรู้สึกค่ะ เสร็จแล้วค่าหนึ่งร้อยบาทพอดีค่ะ”
“ครับ !” เมธีควักเงินจ่ายและขอตัว “น้องซื้ออะไรอีกมั้ยได้มาแล้ว ผลไม้เอามั้ยคะ” ไหน ๆ ก็ได้มาแล้วพวกเธอก็เดินตลาดกันต่อเสียเลย ผู้คนเริ่มบางตา ตลาดที่นี่ปิดดึกพอสมควร เพราะรอคนโรงงานเลิกงานมาจับจ่ายใช้สอยกัน
“นภาอยากกินทุเรียน ได้มั้ย” เงยหน้าหันมองทำสายตาละห้อยอีกตามเคย มันเป็นแผนลูกอ้อนของเธอต่างหาก
“ได้ค่ะ จะเอาเป็นแพล็กหรือเป็นลูก”
“แพล็กดีกว่าง่ายดี !” พูดจบก็แวะร้านขายทุเรียนเลย เนื่องจากมันอยู่ตรงหน้าพอดิบพอดี เมื่อได้ทุกอย่างสมดังใจก็พากันกลับ เธอต้องแปลกใจเมื่อเมธีขับเลยคอนโดไป แต่ก็พอเดาออกว่าไปที่ไหน
“เค้าขอเบียร์ได้มั้ย” จอดรถสนิทที่หน้าร้านโชว์ห่วย เมธีหันมามองเธอ ทำอ้อนเลียนแบบเธอไปอีก เด็ก ๆ ทำก็น่ารักอยู่หรอก คนแก่ทำน่าตีนัก น่าตีที่เลียนแบบเธอนี่แหละ ไม่เคยคิดจะขัดใจอยู่แล้ว เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กันได้เสมอ พยักหน้าให้เป็นการอนุญาต
“ป้าเบียร์สามขวดครับ”
“อ้าว ให้ขวดเดียวแหมะ” หูพึ่งทันทีเมื่อได้ยินคำว่าสามขวดของสามี อนุญาตคืออนุญาตให้แค่ขวดเดียวเท่านั้น มองค้อนให้ทว่าคนโดนมองยิ้มแหย ๆ กลับมาเป็นคำตอบ
“3 ขวดคร๊าบ อิอิ” เขาชูนิ้วขึ้นมา 3 นิ้วให้เธอ พรนภาไม่อยากต่อล้อต่อเถียง จึงปล่อยไป จากนั้นก็พากันกลับคอนโดหลังซื้อแอลกอฮอล์เรียบร้อย
มาถึงห้องไม่รีรอรีบนำอาหารไปแกะใส่จานทันที “พี่เมธีกินในห้องนะ เค้าอยากดูทีวีด้วยอ่ะ ดูบ่าวท้าวต่อ ”
“ได้ค่ะ ปูเสื่อเลย แก้วพี่อยู่ไหนเนี่ย อ่อนี่ไง” ทั้งสองปาร์ตี้เล็ก ๆ กันสองคนในห้อง พรนภาเปิดยูทูปดูบ่าวท้าวเชื่อมบลูทูธเข้ากับทีวีดูบ่าวท้าวกินตำปลาหมึก เป็นคลิปเดิมที่ดูก่อนไปซื้อมา ดูไปด้วยกินตามไปด้วยได้อรรถรสมาก ๆ เมธีเองก็ดูเช่นกัน ดูแล้วก็บ่นอยากกิน สมน้ำหน้า ! หิวมั้ยล่ะ ว่าแต่เค้า ปรายตามองอมยิ้มพร้อมนึกบ่นสามีในใจ
“พี่เมธี...” เรียกชื่อเขามองหน้าและก็เงียบไป
“ครับ !” เมธีกระดกเบียร์เสร็จปรายตามองเธอ รอฟังว่าเธอจะพูดอะไรต่อ
ฝันหวาน (Sweet Dream) 42
.
“ดูอะไรเอ่ยคุณแม่ !” เมธีพรวดพราดเอาหน้าเข้ามาดูหน้าจอโทรศัพท์ของเธอ ทำให้โทรศัพท์มันร่วงโดนหน้าของเธอ โดนเหลี่ยมของโทรศัพท์เข้าเต็ม ๆ
“เออะ! “ เธออุทาน พร้อมจะอ้าปากด่าให้ทีที่ทำอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้
“อุ้ย ! ขอโทษ ๆ ค่ะร่วงโดนหน้าเลย” ไม่ยอมให้พรนภาได้มีโอกาสเอ่ยปากด่า ตนเองก็เอาปากไปจุ๊บริมฝีปากของเธอเอาไว้แล้ว เสียงพูดของพรนภาดังอู้อี้ออกมาเบา ๆ เขาใช้ริมฝีปากประกบริมฝีปากของพรนภาเอาไว้สักพักก็ผละออก ยิ้มแหย ๆ ให้ด้วยความรู้สึกผิด “ป่ะป๊าขอโทษค่ะ เจ็บมั้ย”
พรนภาเขม้นมองตาเขียวปั๊ด เจ็บก็เจ็บแถมยังไม่มีโอกาสได้ต่อว่าอีก “เจ็บ ! ฮ่วย... พี่เมธีก็ลองทำหล่นใส่หน้าตัวเองดิ ไอโฟนเครื่องนี้คิดว่ามันหนักมั้ยล่ะ ปาหัวพี่เมธีก็แตก !” หน้างอง้ำพูดงอแงต่อว่าเหมือนเด็ก ๆ เธอเจ็บจริง ๆ “จะอยากซุกอ้อนอะไรนักหนา” เอ็ดเขาให้ที่เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง มองใบหน้าคมเข้มเรียวได้รูปพร้อมพูดเอ็ด
“เอ๋า พี่ขอโทษค่ะ เจ็บมากเหรอ โอ๋ ๆ !ไหนขอดูซิโดนตรงไหน ไหนเค้าขอดูหน่อย” คนโดนดุรู้สึกผิดทันที ตนเองทำอะไรไม่เข้าท่าจริง ๆ
“ไม่ต้องเลย !” พูดพลางใช้มือลูบให้หายเจ็บ ไม่ยอมให้เขาดูถึงจะเจ็บอยู่ก็ตาม “ไม่เล่นเกมแล้วเหรอถึงได้อยากแกล้งเค้าอ่ะ”
“ไม่ได้แกล้ง ก็พี่เห็นนภาเงียบ ๆ ดูอะไรอยู่คนเดียว ก็นึกว่าดูหนุ่ม ๆ เด็ก ๆ หล่อ ๆ อยู่ไง ฮ่วย ! เค้าก็หวงของเค้าเด๊ะ ก็อยากรู้ ” พอเมธีพูดมาแบบนี้ก็อดเขินและยิ้มไม่ได้ ทว่าต้องเก็บอาการเอาไว้
“นภาดูบ่าวท้าวอยู่ เนี่ย ! ตำหมึกกระดองอ่ะพี่เมธีดู “ พรนภาชูหน้าจอให้เขาดู หลังเลิกงานกลับมาภายในห้องเล็ก ๆ พวกเธอทำกิจวัตรประจำวันเสร็จก็เข้าสู่ช่วงเวลาที่เป็นตัวของตัวเอง เมธีเล่นเกมทุกวันอย่างกับเด็ก ๆ ส่วนเธอก็นอนเล่นโซเชียลและดูเขาเล่นเกมในทุก ๆ วันก่อนนอน “พี่เมธีเค้าหิวเข่า แฮ่ !” ดูไปดูมารู้สึกหิวตามซะอย่างนั้น
“พุ้นน่ะ ! ดูไปดูมาก็หิวกับเค้าบาดหนิ” เมธีพูดประชดเบา ๆ หันมามองครู่เดียวแล้วก็หันกลับไปสนใจเกมต่อ
อาการงอนของเธอเมื่อครู่หายไปแล้ว ไม่อยากโกรธนานมันเสียเวลาแห่งความสุข ไร้สาระมากสำหรับความรู้สึกของเธอ อะไรที่ไม่หนักหนาสาหัสพรนภามองข้ามมันได้เสมอ
“อยาก ! เค้าอยากกิน พี่เมธีพาเข้าไปซื้อได้มั้ย “ พูดลอย ๆ ก้มหน้ามองโทรศัพท์ดูบ่าวท้าวกินตำหนวดปลาหมึกต่อ หูก็คอยฟังว่าสามีคราวพ่อจะตอบตกลงพาไปซื้อหรือไม่ “อ่ะพี่เมธีดู แล้วพี่เมธีจะอยากกินเลย”
“ไม่ค่ะ ไม่ว่างดูเล่นเกมอยู่” พูดพร้อมลุกขึ้นจากเตียงนอนไปยืนที่พื้นหน้าจอทีวี แกล้งซะเลย ใจจริงจะพาไปอยู่แล้ว มีหรือจะขัดใจภรรยาคราวลูกคนนี้ คนที่น่ารัก คนที่เป็นโลกอันสดใจของเขาทุกวัน แค่เรื่องแค่นี้ตามใจได้สบาย ๆ อยู่แล้ว ทว่าขอแกล้งสักหน่อย ดูเด็กงอนก็น่ารักดี
“พี่เมธีต้องดู นภาอยากกิน พี่เมธีต้องดู” ไม่พอลุกถือโทรศัพท์ตามไปให้ดูอีกที่หน้าจอทีวี เมธีหัวเราะเบือนหน้าหนี มือก็ยังถือจอยเล่นเกมต่อไป “ไม่ได้ ! ห้ามเบือนหน้าหนี พี่เมธีต้องดู นภาอยากกิน”
“ไม่ว่างดูค่ะ เล่นเกมอยู่ ยิง ! โห่ข้ามคานจนได้ !” สบถกับเกมทำไม่สนใจที่พรนภาพูด เมื่อพรนภาพยายามให้ตนเองดูก็เบือนหน้าหนีพร้อมหัวเราะชอบใจที่แกล้งได้สำเร็จ
“ฮ่วยพี่เมธียังจะพูดกับเกมอีก จะดูไม่ดู ! งั้นปิดนะ!” แสยะยิ้มเมื่อตนเองถือไผ่เหนือกว่าเพราะที่มือมีรีโมททีวีถืออยู่ แกว่งโชว์ไปมา“นภาอยากกินอ่ะ พาไปซื้อหน่อยที่ตลาด สองทุ่มเองตลาดยังไม่ปิดนะ มันมีร้านนึงที่เค้าทำขาย”
“ตลาดไหน ใกล้ ๆ บ้านเรานี่เหรอ” ได้ผลเขาหันมาสนใจสิ่งที่เธอพูด แม้สายตาจะมองไปที่หน้าจอทีวีบ้างก็ตาม
“ม่าย ! ตลาดหน้าที่ทำงานของนภา” พูดพร้อมฉีกยิ้มให้สามี ให้กับท่าทางตกใจของเขา จะตกใจอะไรแค่ให้พาไปตลาดใกล้ ๆ ที่ทำงานเท่านั้นเอง
“โห ! ไม่ใช่ใกล้ ๆ นะนั่น นี่ก็สองทุ่มละ เค้าปิดแล้วมั้งคะ” อยากจะพาเธอไปอยู่แต่ตลาดที่ว่าก็ไกลคอนโดเหลือเกิน เกรงว่าร้านจะปิดแล้ว ถ้าเป็นหกโมงเย็นหรือหนึ่งทุ่มก็ว่าไปอีกอย่าง
“ยังไม่ปิด ! นภารู้... โอเคนภาไม่อยากกินแล้วก็ได้ อึ ! ปิดก่อน เซาเบิ่งเจ้าล่ะบ่าวท้าว ! เบิ่งล่ะมันอยาก อยากคนกะบ่พาไปซื้อ “ ปิดยูทูปหน้างอเดินกลับไปนั่งพิงหัวเตียงกอดอกเบือนหน้าไปด้านข้าง ไม่ยอมมองมาตรง ๆ เพราะเมธียืนอยู่ตรงนั้น
“พุ้นน่ะ ขั้นเพิ่นสิเครียดบ่อยากจักเม็ด” เมธีพูดยิ้ม ๆ นึกเอ็นดูกับอาการงอนของภรรยา “ขอพี่เล่นตานี้จบก่อนได้มั้ยล่ะ”
“ก็ตอนนี้มันก็สองทุ่มแล้วอ่ะ กว่าพี่เมธีจะเล่นจบ ก็ไม่ปาไปสามทุ่มเลยเหรอ ฮ่วย” ขมวดคิ้วหน้างอพูดด้วยความเสียใจ เสียใจที่โดนขัดใจ ไม่สนว่าตอนนี้เมธีจะมองว่าตัวเองมีนิสัยแบบเด็ก ๆ ก็ตาม กอดอกมองไปด้านข้างเหมือนเดิม น้ำใส ๆ ก็กำลังจะเอ่อไหลออกจากตา
“คักกว่าน้องเอยบาดหนิ ความหน้าบูดเอาแต่ใจ” เขาหมายถึงหลานสาวตัวน้อยลูกของน้องชาย “ไปค่ะไป ! ปะ ๆ เลิกเล่นแล้ว” ทันทีที่รู้สึกว่าเรื่องจะบานปลายเขาก็ยอมพาไปเพื่อเบรกไว้ เดี๋ยวมากไปกว่านี้จะง้อยาก เขาเลิกเล่นเกมปิดทีวีไว้ นึกตลกกับอาการดีใจของพรนภาแต่เก็บอาการ ฉีกยิ้มส่ายหัวให้ก่อนจะเดินปลี่เข้ามาหอมแก้มเด็กขี้งอนฟอดใหญ่บนเตียง
พรนภาคลี่ยิ้มออกมาจนได้ ปรับอารมณ์ได้เร็วมาก เพราะแกล้งทำต่างหาก พี่เมธีไม่รู้จักเอาเสียเลยคำว่ามารยาหญิง
“เอารถไรไปคะ” ไม่พูดเฉยลุกแต่งตัวให้เรียบร้อย สวมกางเกงขายาว ทาแป้งฝุ่นสักหน่อย เธอจำได้ขึ้นใจเสมอว่าเมธีไม่ชอบให้เธอสวมกางเกงขาสั้นออกไปข้างนอก ก็ไม่เคยทำให้ลำบากใจสักครั้ง “พร้อมแล้วค่า”
“หืย ! คักขนาดขั้นถืกใจเพิ่นน่ะ ขั้นบ่ถืกใจหน้างอปานไข่ฝาก เอารถมอเตอร์ไซค์ไปค่ะ ง่ายดี ถ้าร้านไม่เปิดกินไรดีเรา”
“กะซาง ฮา อะไรก็ได้ พี่เมธีน่ารักจังเลย ฮืย คันแข่วเด้ ” เดินมาสวมกอดทางด้านหลังของเขา ออกแรงรัดให้แน่น ๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว ตัวตัน ๆ สมส่วนกอดดีนัก เสียงหัวเราะของเธอปนเสียงหัวเราะของเขา หากมีคนมาได้ยินจะสัมผัสถึงความสุขของพวกเธอสองคนในตอนนี้ได้
“ปะ เมธีพาแว๊นเองครับผม อยากโดนช้อนแกงวะ ฮา “
“เดี๋ยวไปเอาคำพูดนี้มาจากไหน แล้วโดนช้อนแกงคืออะไร”
ทั้งสองคนพูดคุยกันระหว่างเดินไปที่ลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ เป็นอีกวันที่ได้นั่งซ้อนท้ายกอดเอวของเขา นานมากกว่าจะมีบรรยากาศแบบนี้ น้อยมากที่เขาจะพาเธอซ้อนมอเตอร์ไซค์ แอบยิ้มอยู่ด้านหลัง มองแผ่นหลังกว้างได้รูปของเขาและแอบยิ้มตลอดทาง นึกอะไรเพลิน ๆ ระหว่างนั่งรถ นึกขอบคุณที่ตามใจเธอเสมอ นึกขอบคุณที่รักเธอ นึกขอบคุณทุกอย่างที่ทำเพื่อเธอเสมอมา
“กอดเอวไว้เดี๋ยวตก” ระหว่างขับรถเมธีปล่อยมือซ้ายมาจับมือเธอให้เกาะเอวตัวเอง และกุมมือเธอไว้ไม่ยอมปล่อย บังคับรถมือเดียวก็พอได้ สักพักก็ปล่อยมือเธอไปบังคับรถสองมือ ส่วนเธอกอดเอวเขาไว้อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย ลงทุนนั่งรถจากคอนโดเป็นกิโลเพื่อไปซื้อตำปลาหมึกตามคลิปที่ดู
มาถึงตลาดตรงข้ามที่ทำงานของเธอพบว่ายังมีผู้คนมาเดินจับจ่ายกันอยู่ คราวนี้ก็มาลุ้นว่าร้านยังเปิดอยู่ไหม ของยังเหลืออยู่ไหม พรนภาใจชื้นขึ้นมาเมื่อพบว่าร้านยังเปิดอยู่ ทั้งสองคนไม่รีรอรีบเดินไปที่ร้านกันเลย
“แม่ค้าตำหมึกดองยังเหลืออยู่มั้ยคะ” พรนภาเอ่ยถามด้วยใจเต้นตึกตัก กลัวว่าแม่ค้าจะตอบว่าหมดแล้ว
“เหลือค่ะ เอาตำหมึกดองน้อ “ แม่ค้าตอบและยิ้มให้
“ค่ะ !” พรนภาฉีกยิ้มด้วยความดีใจ เงยหน้าหันไปมองสามี เมธีก็ยิ้มให้พร้อมยกมือขึ้นมาวางบนศีรษะของเธอด้วยความเอ็นดูเช่นเดิม
“เอาตำปูม้าด้วยนะครับ” เขาสั่งของตนเองบ้าง
“นั่น ! พอเค้าชวนมาก็ไม่อยากจะพา หืย ! คนอะไรซังเด้ “
“เอ้าก็ได้มาแล้วน้อ”
ทั้งสองคนยืนคุยกันโดยไม่สนใจสายตาของแม่ค้าและร้านใกล้เคียงมองมาเลย แม่ค้าตำหมึกกระดองให้เธอก็ชำเลืองมองเป็นระยะ ๆ คงมีคำถามอยู่ในใจ ปรายตามองส่งยิ้มให้เมธีบ้าง ให้เธอบ้างเป็นช่วง ๆ ขณะทำเมนูที่สั่ง
“อืมม์ แฟนครับ” เมธีตอบเบา ๆ ทว่าชัดถ้อยชัดคำด้วยเข้าใจสายตานั้น
“น่ารักดีค่ะ ว่าแล้ว ! พ่อลูกอะไรกันพูดคุยเหมือนเป็นแฟนกันเลย แฟนกันจริง ๆ น่ารักค่ะ มีหลายคู่เลยเหมือนพวกคุณเนี่ย” แม่ค้าชวนคุย
“ครับ !” เมธีตอบยิ้ม ๆ เธอเองก็เหมือนกัน พอโดนพูดตรง ๆ แบบนี้ก็เขินมาก ได้แค่ยิ้มสู้และเก็บอาการเขินไว้
“น่ารักออกค่ะ ความรักมันเลือกไม่ได้หรอกน้อว่าจะรักใครไม่รักใคร มันขึ้นอยู่กับคนสองคนและความรู้สึกค่ะ เสร็จแล้วค่าหนึ่งร้อยบาทพอดีค่ะ”
“ครับ !” เมธีควักเงินจ่ายและขอตัว “น้องซื้ออะไรอีกมั้ยได้มาแล้ว ผลไม้เอามั้ยคะ” ไหน ๆ ก็ได้มาแล้วพวกเธอก็เดินตลาดกันต่อเสียเลย ผู้คนเริ่มบางตา ตลาดที่นี่ปิดดึกพอสมควร เพราะรอคนโรงงานเลิกงานมาจับจ่ายใช้สอยกัน
“นภาอยากกินทุเรียน ได้มั้ย” เงยหน้าหันมองทำสายตาละห้อยอีกตามเคย มันเป็นแผนลูกอ้อนของเธอต่างหาก
“ได้ค่ะ จะเอาเป็นแพล็กหรือเป็นลูก”
“แพล็กดีกว่าง่ายดี !” พูดจบก็แวะร้านขายทุเรียนเลย เนื่องจากมันอยู่ตรงหน้าพอดิบพอดี เมื่อได้ทุกอย่างสมดังใจก็พากันกลับ เธอต้องแปลกใจเมื่อเมธีขับเลยคอนโดไป แต่ก็พอเดาออกว่าไปที่ไหน
“เค้าขอเบียร์ได้มั้ย” จอดรถสนิทที่หน้าร้านโชว์ห่วย เมธีหันมามองเธอ ทำอ้อนเลียนแบบเธอไปอีก เด็ก ๆ ทำก็น่ารักอยู่หรอก คนแก่ทำน่าตีนัก น่าตีที่เลียนแบบเธอนี่แหละ ไม่เคยคิดจะขัดใจอยู่แล้ว เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กันได้เสมอ พยักหน้าให้เป็นการอนุญาต
“ป้าเบียร์สามขวดครับ”
“อ้าว ให้ขวดเดียวแหมะ” หูพึ่งทันทีเมื่อได้ยินคำว่าสามขวดของสามี อนุญาตคืออนุญาตให้แค่ขวดเดียวเท่านั้น มองค้อนให้ทว่าคนโดนมองยิ้มแหย ๆ กลับมาเป็นคำตอบ
“3 ขวดคร๊าบ อิอิ” เขาชูนิ้วขึ้นมา 3 นิ้วให้เธอ พรนภาไม่อยากต่อล้อต่อเถียง จึงปล่อยไป จากนั้นก็พากันกลับคอนโดหลังซื้อแอลกอฮอล์เรียบร้อย
มาถึงห้องไม่รีรอรีบนำอาหารไปแกะใส่จานทันที “พี่เมธีกินในห้องนะ เค้าอยากดูทีวีด้วยอ่ะ ดูบ่าวท้าวต่อ ”
“ได้ค่ะ ปูเสื่อเลย แก้วพี่อยู่ไหนเนี่ย อ่อนี่ไง” ทั้งสองปาร์ตี้เล็ก ๆ กันสองคนในห้อง พรนภาเปิดยูทูปดูบ่าวท้าวเชื่อมบลูทูธเข้ากับทีวีดูบ่าวท้าวกินตำปลาหมึก เป็นคลิปเดิมที่ดูก่อนไปซื้อมา ดูไปด้วยกินตามไปด้วยได้อรรถรสมาก ๆ เมธีเองก็ดูเช่นกัน ดูแล้วก็บ่นอยากกิน สมน้ำหน้า ! หิวมั้ยล่ะ ว่าแต่เค้า ปรายตามองอมยิ้มพร้อมนึกบ่นสามีในใจ
“พี่เมธี...” เรียกชื่อเขามองหน้าและก็เงียบไป
“ครับ !” เมธีกระดกเบียร์เสร็จปรายตามองเธอ รอฟังว่าเธอจะพูดอะไรต่อ