แสงระวี…..บทที่ 5 (รีไรท์)

กระทู้สนทนา

.

                   ชีวิตช่วง ม.1 ของแสงระวีผ่านไปด้วยดีแต่ไม่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์นัก มีเรื่องราวมากมายผ่านเข้ามาให้ได้ยิ้มหัวเราะ คิดมาก และร้องไห้คนเดียวอยู่บ่อยครั้ง แสงระวีไม่ค่อยออกไปเล่นกับพวกเพื่อน ๆ หมู่บ้านเดียวกันเท่าที่ควร ใช้เวลาไปกับการตั้งใจเรียนมากกว่าเรื่องอื่น

                  อีกทั้งตนเองอยู่ห้องระดับต้น ๆ ส่วนเพื่อน ๆ อยู่ห้องปลายแถว ด้วยเรื่องเรียนเรื่องอะไรต่าง ๆ ทำให้พาลไม่ได้ไปเจอเพื่อนมากนัก จึงทำให้เกิดระยะห่าง และกลายเป็นเลิกสนิทกันไปโดยปริยาย แสงระวีไม่สนใจ เล่นกับกลุ่มเพื่อนในห้องเรียนของตนก็ได้

                   วันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็พาตัวเองมาเล่นกับเจนและเจลพี่สาวฝาแฝดของตนเอง ขี้เกียจจะไปตะลอน ๆ เล่นกับเพื่อนคนอื่น เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เวลาพวกนิด น้ำ ชมพู่ ชวนไปเที่ยวที่ไหนแสงระวีจะปฏิเสธทุกครั้งไป นี่คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เพื่อนโรงเรียนเดียวกันตีตัวออกห่าง

                     อีกอย่างที่ไม่ยอมไปเล่นกับพวกนั้น คือเวลาที่เธอไปเล่นกลับมาโดนแม่บ่นทุกที จึงแก้ปัญหาโดยการเล่นกับเจลและเจนพอ นาน ๆ ถึงไปเล่นกับพวกนั้น ไม่ใช่เพื่อน ๆ ไม่ดี ไม่ใช่แม่ไม่อยากให้คบ เป็นเพราะมีสองฝาแฝดเป็นเพื่อนอยู่แล้ว ในความคิดของแม่ เพื่อนพวกนั้นชอบขับมอเตอร์ไซค์เที่ยวเล่นไปตามหมู่บ้านอื่น นี่เป็นสาเหตุที่แม่ไม่ชอบให้เธอไปเล่นกับเพื่อนกลุ่มนั้น

                    กลายเป็นว่าทำให้เพื่อนกลุ่มนั้นตีตัวออกห่าง ไปไหนมาไหนไม่ชวนเธอสักครั้ง ทว่าทุกคนก็ยังคุยกับเธอปกติเหมือนที่ผ่านมา ไม่ได้ทะเลาะกัน แค่ไม่สนิทกันอีกต่อไป มีทางเดินของใครของมัน

                    แสงระวีเป็นคนที่ค่อนข้างเรียนดี ทำกิจกรรมทุกอย่างที่คุณครูให้ทำ จึงทำให้เส้นทางการใช้ชีวิตภายในโรงเรียนสวนทางกันกับเพื่อน ๆ สาเหตุหลักเป็นเพราะเรื่องพวกนี้ทำให้แสงระวีค่อย ๆ ห่างกับเพื่อนโดยไม่รู้ตัว วันที่ความสัมพันธ์ระหว่างคำว่าเพื่อนตัดขาดจากกันโดยไม่ถาวรก็มาถึง

                  ในเช้าวันที่ต้องไปโรงเรียนตามปกติ ทุกคนไม่รอเธอเช่นทุกวัน พากันไปโรงเรียนก่อน โดยการขับรถมอเตอร์ไซค์ซ้อนกันไป ทิ้งเธอให้เดินไปโรงเรียนคนเดียว ระหว่างวันเธอจึงไม่เข้าไปคุยด้วย ไม่ถาม ไม่พูดไม่คุยแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อนกลุ่มนั้น เลิกเรียนเธอเก็บเอาความเจ็บใจนี้นำไปเล่าให้พี่สาวฝาแฝดฟัง ทั้งสองคนโกรธแทนเธอไปด้วย ทว่าทำอะไรไม่ได้ เพราะเรียนคนล่ะที่

                  แสงระวีน่าจะได้เข้ามาเรียนในเมืองเหมือนกับพวกเธอ “ไม่เป็นไรนะอี่วี มืงยังมีเพื่อน ๆ ห้องมืงไง พวกอี่น้ำอี่จอยอย่าไปแคร์” เจลพูดด้วยน้ำเสียงเดือดดาล เป็นเดือดเป็นร้อนแทน

                 “กูไม่โกรธพวกมันหรอกที่พวกมันจะไม่ให้กูเข้ากลุ่มด้วย แต่กูโกรธตรงที่ไม่รอก็น่าจะบอกกันดี ๆ “ ทั้งเจ็บใจปนน้อยใจจะว่าไม่โกรธก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เธอยอมรับปัญหานี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอเองนั่นแหละที่ทำตัวเหินห่างทุกคน

                  “ไม่เป็นไรวี ทนเอา ขึ้น ม.4 มาเรียนกับพวกกู” เจนพูดปลอบใจอีกคน ทั้งคู่บอกให้เลิกคบกับพวกนั้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเลย ทั้งคู่ก็จะไม่คบกับกลุ่มเพื่อนพวกนั้นเช่นกัน ต่อไปนี้กลุ่มพวกเธอจะมีแค่สามคนพี่น้อง

                    แสงระวีมีเพื่อนสนิทอยู่แล้วที่โรงเรียน เพื่อนห้องเดียวกันจึงไม่คิดมากอะไร แสงระวีตัดสินใจเด็ดขาดแน่วแน่ไม่คบเพื่อนพวกนั้นอีก รวมทั้งสองฝาแฝดด้วยที่ตัดขาดจากเพื่อนกลุ่มนั้น ก็ไม่ใช่ว่าเจอหน้ากันจะด่าทอกัน เพียงแต่แยกตัวไม่เล่นด้วย ไม่สนิทด้วยอีกต่อไปก็เท่านั้นเอง เจอกันก็ทักทายตามแต่โอกาสและความเหมาะสม

                  วันเวลาผ่านไปแสงระวีขึ้น ม.2 ด้วยเกรดเฉลี่ยที่สวยงาม ไม่คุยกับผู้ชายตามที่พ่อกับแม่ขอร้อง สำหรับพี่ชายที่แสนดีก็ยังปลื้มอยู่ทุกวัน พอขึ้น ม.2 พี่นิก็เริ่มคุยด้วยมากขึ้น คุยในฐานะน้องสาวคนหนึ่ง พี่นิเที่ยวมานั่งเล่นด้วยก่อนเลิกเรียนทุกวัน ก็อีกนั่นแหละไม่ใช่การนั่งเล่นด้วยกันสองต่อสอง เป็นการนั่งเล่นคุยกันท่ามกลางหมู่เพื่อน ๆ ใต้ต้นไม้ที่ประจำกลุ่มทุกวัน

                    เรื่องเธอกับพี่นิเป็นที่โจษขานในหมู่เพื่อนของกันและกัน เมื่อเพื่อน ๆ รู้ทุกคนต่างพูดกันปากต่อปาก พี่นิเป็นคนหน้าตาดีประจำโรงเรียนคนหนึ่ง จึงทำให้มีคนพูดนินทาไปหลายวัน รู้กันทั้งโรงเรียน บ้างก็ให้ความสนใจ บ้างก็รู้แล้วเฉย ๆ โดยเฉพาะเพื่อน ๆ ของเธอชอบแซวเวลาพี่นิเดินผ่านหน้า

                 แสงระวีปฏิเสธทุกครั้งที่เพื่อนถาม บอกทุกคนไปว่าแค่พี่ชาย แค่ปลื้มเพื่อน ๆ ก็ไม่มีใครเชื่อ พวกเธอสองคนไม่เคยโทรคุยกันแม้แต่สายเดียว มาพบ มาเจอกันที่โรงเรียนเท่านั้น พวกเธอคุยกันในฐานะพี่ชายน้องสาวคนหนึ่ง พี่นิมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วทั้งคน จะไปกล้าคบได้อย่างไร เป็นได้แค่พี่ชายก็มากเกินพอ แสงระวีรู้และก็ไม่ได้คบด้วย จึงไม่สนใจกับคำพูดที่เพื่อน ๆ กล่าวหา ความจริงเป็นอย่างไรแสงระวีกับพี่นิรู้อยู่แก่ใจ

                    พวกเธอสองคนมีความรู้สึกดี ๆ ให้กันได้ไม่นาน และแล้วก็มาถึงวันที่ความสัมพันธ์ของพวกเธอทั้งสองคนต้องจบลง เมื่อแฟนของพี่นิรู้เรื่อง รู้ว่าพี่นิแอบมาคุยกับเธอ เพราะมีคนพูดปากต่อปาก ทำให้ไปเข้าหูแฟนของพี่นิเข้า พี่บิว! พี่บิวเป็นแฟนตัวจริงของพี่นิรู้เข้าโชคดีเรียนคนละโรงเรียนไม่อย่างนั้นเธอคงมีเรื่องไปแล้ว พี่บิวด่าเธอผ่านข้อความ

                   “วีมืงเป็นใคร มืงสวยมาจากไหนมาคบแฟนกู พี่นิของกู พี่นิไม่มีน้องสาว พี่นิมีแค่น้องชาย ถ้ามืงอยากเป็นน้องสาวพี่นิ ชาติหน้าตอนบ่าย ๆ นะค่อยมาเกิดเป็นน้องเค้า กูบิว มีปัญหาโทรมาหากูได้” ตามด้วยเบอร์มือถือของแฟนพี่นิ

                   มีข้อความจากเบอร์ไม่ได้บันทึกชื่อ เธอเปิดอ่านด้วยหัวใจเต้นแรง ไม่ได้กลัวแต่โกรธที่มีคนส่งข้อความมาด่า แฟนพี่นิส่งข้อความมา เธอไม่ได้ตอบกลับและไม่ได้ลบทิ้ง นำข้อความไปให้พี่นิดูที่โรงเรียน เรื่องอะไรมาด่าเธอแบบนี้ ทั้งที่ก็ไม่ได้คบกันเลย เธอเข้าใจที่พี่บิวหวง ทว่ามันก็โกรธ

                   พี่นิหน้าถอดสีไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย พี่นิตามขอโทษตามง้อเธออยู่หลายวัน ขอโทษที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อยากให้เธอเข้าใจและยกโทษให้ สำหรับเธอเชื่อว่าพี่นิไม่ได้รู้เรื่องจริง ๆ ถ้ารู้พี่บิวคงไม่ได้ส่งข้อความมาด่าเธอแบบนี้หรอก

                   ตั้งแต่วันนั้นก็หลบหน้าพี่นิเรื่อยมา จวบจนจบชั้น ม.2  มีบ้างที่เลี่ยงไม่ได้ต้องเจอหน้ากัน แต่ก็ทำได้เพียงส่งยิ้มให้ มันไม่สามารถกลับมาทำเหมือนเดิมได้อีก เพราะอะไรหลาย ๆ อย่าง มีคนเป็นสายให้แฟนพี่นิเธอรู้ แต่ความรู้สึกดี ๆ ของเธอที่มีให้ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนไป

                    เธอเป็นคนไม่ยอมเจอเอง ทั้งที่พี่นิอยากเจอมาก ตนเองก็อยากเจอมากเหมือนกัน แต่ไม่อยากมีปัญหาแบบนั้นอีก จึงเลือกที่จะไม่เจอหน้าจะดีกว่า ไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม พี่นิเองพยายามหาโอกาสมาเจอมาคุยด้วยเสมอ ต่อไปนี้เธอทำได้เพียงเก็บพี่นิเอาไว้ในใจ พี่ชายที่แสนดี ทำได้แค่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ก็พอ

                   เก็บเอาความปลื้มไว้กับตัวเอง มองอยู่ไกล ๆ ห่าง ๆ ยังไงก็ยังมีความรู้สึกดี ๆ ให้เสมอ เคยปลื้มแบบไหนก็จะปลื้มอยู่อย่างนั้น แค่ไม่แสดงออกประเจิดประเจ้ออีกต่อไป จนในที่สุดพี่นิจบ ม.6 ออกไป ความว้าเหว่ยิ่งกลัดกร่อนหัวใจของเธอเข้าไปอีก ไม่มีแล้วคนที่คอยเป็นความรู้สึกดี ๆ ให้กัน

                     แสงระวีขึ้น ม.3 ด้วยความเศร้า ไม่มีพี่นิอีกต่อไป เหมือนโลกทั้งใบมันเคว้งคว้างไปหมด ไม่มีกำลังใจเรียนในแต่ละวัน ไม่ได้เห็นหน้าพี่นิแค่หายใจก็ยังเหนื่อย ถึงอย่างไรก็ต้องหายใจต่อไปแบบไร้กำลังใจ แค่คิดมันก็เศร้า ถึงจะเศร้าแค่ไหนชีวิตก็ยังดำเนินต่อไป

                  ในที่สุดวันหยุดสุดสัปดาห์ที่รอคอยก็มาถึงสักที จันทร์ถึงศุกร์ไม่ค่อยได้เจอสองฝาแฝดนัก เพราะเลิกเรียนไม่ตรงกัน กว่าสองคนจะกลับจากโรงเรียนก็เย็นมาก ไหนจะต้องทำงานบ้านอะไรต่าง ๆ นานาอีก ยกเว้นก็แต่ตอนกลางคืน แต่มันก็ไม่อยากจะไปช่วงนั้นเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นวันหยุดจึงเป็นวันที่แสงระวีเฝ้ารอคอยมากที่สุด

                   วันเสาร์มาถึงพอรู้ว่าเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนของเจนจะมาหาที่บ้าน มาทำรายงานกลุ่ม ทำเอาเธอผิดหวังอยู่ไม่น้อย เพื่อนของเจนมาขนาดนี้ใครจะกล้าไป อุตส่าห์เฝ้ารอคอยตั้งห้าวันด้วยความคิดถึง สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่ไป อยู่บ้านก็ได้อาทิตย์นี้ อีกคนที่เบื่อเห็นจะเป็นเจล มองเห็นเดินมาหาเธอแต่ไกล ๆ ไม่อยู่เล่นกับเพื่อน ๆ เจนด้วยหรืออย่างไรกัน

                 “เจลอี่เจนล่ะ” เมื่อเจลมาถึงเอ่ยทักทาย แสงระวีถามหาเจนเฉย ๆ  ทราบดีว่าเพื่อนของเจนมาที่บ้าน ก็แค่ถามไปอย่างนั้นเอง

                 “เพื่อนอี่เจนมากูรำคาญเลยมาหามืง” เจลตอบเซ็ง ๆ พวกเพื่อนเจนคุยกันเสียงดัง เจลเป็นคนไม่ชอบความวุ่นวายอยู่แล้วจึงปลีกตัวมาหาเธอที่บ้าน

                “อ่อ ! แล้วมืงไม่อยู่เล่นกับเพื่อน ๆ ล่ะ มืงไม่รู้จักเพื่อนอี่เจนเหรอ” แสงระวีถามด้วยความสนใจ สนใจตรงจุดที่ว่าเจลรู้จักกับเพื่อน ๆ ของเจนบ้างไหม ตนสงสัยว่าทั้งชั้นจะรู้จักกันหมดทุกคนเหมือนโรงเรียนของตนเองหรือเปล่า ส่วนที่โรงเรียนนั้นตนรู้จักกันหมดทุกคนทั้งชั้นกันเลย

                  “รู้จัก ! แต่ขี้เกียจอยู่คุยด้วย เอ้อ ! เรื่องมืงกับพี่นิเป็นยังไง คุยกันต่อมั้ยหลังจากอี่นั่นมันส่งข้อความมาด่ามืงน่ะ กูเคยเห็นมันแล้วดำก็ดำ สวยก็ไม่สวย ไม่คู่ควรกับพี่นิเลย อีห่าน่าจะโทรไปด่ามันคืนสักหน่อย”

                  เจลโมโหแทนเธอทั้งที่เรื่องมันจบไปนานแล้ว ปรายตามองพี่สาวพร้อมยิ้มให้ เจลก็เป็นเจลเสมอตั้งแต่เด็กจนโต ที่ปกป้องน้องสาวอย่างเธอและพี่สาวเจนเสมอมา ไม่รู้ว่าสู้คนอื่นได้ไม่ได้ แต่ใจใหญ่สู้ไว้ก่อน โชคดีเรื่องนั้นเกิดขึ้นในช่วงปลายภาคเรียนเทอมสองของชั้น ม.2 พี่นิกำลังจะจบ ม.6 ออกไปพอดี เลยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แฟนพี่นิก็ไม่ได้มาตามถึงโรงเรียนด้วย เจลเป็นคนไม่กลัวใคร พูดจาโผงผาง ต่างกับเจนที่เป็นคนเงียบ ๆ เรียบร้อย

                    “ช่างเถอะมืงปล่อยไป กูไม่สนใจแล้ว อีกอย่างกูไม่ได้ชอบพี่เค้าด้วย กูกับพี่นิไม่ได้คบกันสักหน่อย” แสงระวียืนยันคำเดิมหนักแน่น เธอไม่ได้รักพี่นิ เธอแค่ปลื้มในความหล่อ พี่นิแค่เป็นผู้ชายตรงสเปกที่เธอวางเอาไว้

                     เพราะรู้ว่าพี่นิมีเจ้าของอยู่แล้วจึงไม่คิดจะก้าวก่าย เกินเลยไปกว่าคำว่าพี่น้อง และไม่คิดจะสานต่อหรือจะแย่งใครมาเลย อธิบายพูดความในใจให้เจลฟังยกใหญ่ มีแต่คนเข้าใจผิดกันทั้งนั้น

                      “วีกูหิว หาซื้ออะไรกินกันดีกว่ามั้ย เดี๋ยวกูไปเอารถที่บ้าน” เจลชวนหาอะไรทาน ดูนาฬิกาในโทรศัพท์มือถือก็จวนจะเที่ยงอยู่รอมร่อ ถึงว่ารู้สึกหิว เมื่อเจลชวนหาอะไรทานก็ไม่ขัด

                    “เจลอย่าพึ่ง ! กูพามืงไปเอารถกับอี่เจนด้วยดีกว่า” เสนอตัวพาไป ใจจริงอยากเห็นเพื่อน ๆ ของเจนมากว่าเป็นหน้าตาอย่างไร ดูสวยหล่อกันบ้างไหมเท่านั้นเอง

                    พวกเธอสองคนเดินไปเอารถมอเตอร์ไซค์กับเจน ขณะนั้นพวกเพื่อน ๆ ของเจนยังไม่กลับกันเลย ทุกคนพากันนั่งสุมหัวเรื่องรายงานกลุ่มอย่างขะมักเขม้น ทว่าดันมีผู้ชายคนหนึ่ง นั่งมองเพื่อนทำรายงานอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ของเจน รูปร่างหน้าตาดี ผิวพรรณขาวสะอาดสะอ้านทำให้แสงระวีอดคิดขำ ๆ ไม่ได้ว่าทำไมคนเรียนในเมืองกับเรียนโรงเรียนบ้านนอกมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงนัก

                    ผู้ชายแถวบ้านนึกว่าพวกอะไรก็ไม่รู้ซกมกเหลือเกิน นึกว่าโจรก็มิปาน และผู้ชายคนนั้นก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมลงจากรถของเจนด้วย แถมยังส่งสายตามองมายังพวกเธอสองคนแบบไม่ละสายตา ทำเอาเธอเสียอาการอยู่ไม่น้อย ที่ถูกจ้องมองขนาดนั้น แถมผู้ชายก็หน้าตาดีไม่น้อยด้วย

                      ใครจะไม่เสียอาการบ้างจึงทำเป็นปรายตามองไปที่อื่น หันมองไปยังเจนที่นั่งอยู่โต๊ะม้าหินอ่อน เจลเองก็ไม่กล้าเข้าไปขอรถดันบังคับให้เธอเข้าไปแทนทว่าเธอก็ฉลาดพอที่จะไม่เข้าไปเอาเอง จึงเดินเข้าไปกระซิบบอกเจนให้เอารถออกมาให้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่