.
เอามาให้อ่านค่ะ^^
********************
หลังจากวันที่ไปทำบุญด้วยกัน แสงระวีกับหนึ่งคบกันได้อย่างเปิดเผย ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายรับรู้ แถมหนึ่งยังไปมาหาสู่เข้าออกบ้านเธอได้ตามสบายด้วย ทว่าความรักของพวกเธอสองคนก็ยังอยู่ในกรอบและสายตาผู้ใหญ่
ทุกวันหยุดหนึ่งจะมาหาเธอที่บ้านเสมอ พ่อกับแม่ต้อนรับเป็นอย่างดี ไม่มีท่าทีรังเกียจหรือประชดประชันให้หนึ่งไม่สบายใจแม้แต่น้อย หนึ่งคุ้นเคยกับพ่อแม่และน้อง ๆ มาก ทำเสมือนบ้านของเธอเป็นบ้านอีกหลังของตนเองเลย เข้าออกได้ตามสบาย ยกเว้นก็แต่นอนค้างที่เธอยังไม่อยากให้ถึงขั้นนั้น
เธอให้หนึ่งมาที่บ้านแค่วันอาทิตย์ เพราะแม่หยุดงานวันอาทิตย์จะได้อยู่บ้านด้วยกัน สำหรับวันอื่น ๆ ไม่อยากให้มาหานัก ไม่อยากให้ผู้ใหญ่ไม่สบายใจ
หนึ่งไม่เคยทำให้เธอเสียใจหรือไม่สบายใจเลย อาจจะมีไม่เข้าใจกันบ้างทว่าสุดท้ายก็กลับมาคืนดีกันได้ หนึ่งก็ไม่เคยทำให้เธอกังวลหรือห่วงสักครั้ง เธอก็เช่นกัน ไม่เคยทำให้หนึ่งระแวงเลย
ความรักของพวกเธอสองคนค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นทีละนิด ก่อตัวขึ้นทุกวันไม่มีขีดจำกัด ต้นรักกำลังเบิกบานในวัยเรียน การเรียนไม่เสียหาย ผลการเรียนอยู่ในระดับที่ดีเสมอมา ถึงเวลาเรียนก็ตั้งใจ ถึงเวลาสอบก็ตั้งใจอ่านหนังสือกัน เพราะแบบนี้พ่อกับแม่ของเธอจึงสบายใจ ยอมปล่อยให้เธอคบกับหนึ่ง
สิ้นสุดชั่วโมงเรียนชั่วโมงสุดท้ายของวันนี้ กลุ่มของพวกเธออยู่กันครบ ยกเว้นเจลคนเดียวที่แยกตัวออกไป พวกเธอนั่งประจำฐานที่ตั้ง นั่นก็คือศาลาทรงไทยตัวเดิมใต้ต้นเฟื่องฟ้าหน้าโรงยิม มีบ่อปลาและน้ำตกเล็ก ๆ ให้ความรู้สึกสดชื่นและเย็นสบาย ข้าง ๆ โรงยิมเป็นสวนย่อมต้นชาดัดและหญ้า ปลูกประดับไว้
ขณะนี้ภารโรงกำลังเปิดสปริงเกอร์รดน้ำต้นหญ้าเปียกชื้นไปหมด พวกเธอกำลังติวเข้มวิชาฟิสิกส์กันอยู่บนศาลา ติวโดยหนึ่งเพราะหนึ่งเรียนพิเศษมา เธอไม่ได้เรียนจึงอาศัยหนึ่งนี่แหละเป็นตัวช่วย
หนึ่งช่วยติวให้ด้วยความเต็มใจ ไม่เพียงแค่เธอยังมีเจนและปุ้มขอร่วมในการติวด้วย สองคนมีผลประโยชน์พลอยได้ไปในตัว ส่วนเก้าเป็นคนเรียนค่อนข้างเก่งอยู่แล้ว แถมยังเรียนพิเศษกับหนึ่งอีกด้วย จึงเป็นอีกคนที่ช่วยติวช่วยดูให้ จะว่าไปเก้านั่งดูมากกว่าช่วยติวเสียอีก แทบจะไม่สนใจพวกเธอด้วยซ้ำ ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเธอไม่ได้ใส่ใจเก้าอยู่แล้ว
“สูตรการหาค่าความเร็ววีเข้าใจมั้ย บทนี้เข้าใจเรียนรู้เรื่องมั้ยอ่ะ” หนึ่งถามพร้อมปรายตามองเธอ จากนั้นก็หยิบขนมเคี้ยวอย่างสบายอารมณ์ ตนเองมองแว่บเดียวก็เข้าใจ แต่คนตรงหน้านี่สิจะเข้าใจบ้างหรือเปล่า
“ไม่อ่ะ ! จารย์วุฒิสอนไม่ค่อยรู้เรื่องเลย” แสงระวีตอบแบบไม่ต้องคิดนานเลย
“อี่วีจารย์วุฒิสอนไม่รู้เรื่อง หรือมืงโง่ ! “ เจนพูดพร้อมหัวเราะอึกอักในลำคอ
“เออกูโง่ ! จบมั้ย !” หันไปมองค้อนให้พี่สาว พวกเธอหัวเราะให้กันบนศาลา ใคร ๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันหมด เหมือนที่เธอพูดนั่นแหละ
หนึ่งเปิดหนังสือฟิสิกส์ กางหน้าที่แสงระวีพึ่งเรียนมาเมื่อครู่ให้ดู เตรียมสมุดและปากกาเขียนอธิบายให้แสงระวีเข้าใจมากที่สุด เท่าที่ตนเองจะทำได้
“โจทย์ข้อนี้วีเข้าใจมั้ย แทนสูตรเป็นมั้ย ไหนลองแทนสูตรให้หนึ่งดูหน่อย” เริ่มจากข้อแรกกันเลย ให้ลองทำให้ดูก่อน อยากรู้ว่าเข้าใจมากน้อยแค่ไหน แทนสูตรเป็นหรือเปล่า สับสนกับสูตรที่ต้องใช้บ้างไหมสำหรับข้อนี้
หนึ่งชี้โจทย์ฟิสิกส์ให้แสงระวีทำ เลือกโจทย์ที่ง่ายที่สุดลองให้ทำดูก่อน อยากรู้ว่าแสงระวีเข้าใจมากน้อยแค่ไหนจะได้ช่วยติวเพิ่มเติมให้
“เค้าก็พอเข้าใจน่าหนึ่ง แต่อยากให้หนึ่งอธิบายเพิ่มเติม” ตอบบ่ายเบี่ยงไม่อยากทำ เธอไม่เข้าใจที่ครูสอนหรอก เธออ่อนวิชาฟิสิกส์มาก ทำหน้าบูดบึ้งให้คุณครูจำเป็น ไม่อยากทำให้ดูเพราะไม่เข้าใจจริง ๆ
ความต้องการก็คือ อยากให้หนึ่งทำให้ดูและอธิบายให้ฟังไปเลย ทำไมต้องให้ทำให้ดูก่อน สิ่งที่ต้องการคือการอธิบาย พร้อมที่จะนั่งฟังเต็มที่ ถึงจะไม่เข้าใจในชั่วโมงเรียนการติวนอกรอบแบบนี้อาจจะทำให้เธอเข้าใจมากยิ่งขึ้น อาจทำข้อสอบได้
“หนึ่งอี่วีมันทำไม่เป็น ตอนเรียนมันก็เอ๋อ ๆ เชื่อกูมันนั่งโต๊ะกับกูเนี่ย” เจนสบโอกาสแหย่แสงระวีเล่น ไม่ใช่แค่แสงระวีมึนตนเองก็มึนเช่นกัน บางบทมันก็เข้าใจและไม่เข้าใจปะปนกันไป
“ว่าแต่กูมืงก็เหมือนกันแหละเจน แหม๋มืงน่ะจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่อยู่ตลอดเวลา ครูสอนฟิสิกส์ทีไรแทบจะหลับทุกที จะโดนปากกาเมจิลอยได้วันไหนก็ไม่รู้” ยอมโดนแซะคนเดียวซะที่ไหน แซะคืนบ้าง
“มืงลองโยนมาดิ คิดว่ากลัวเหรอ” เจนพูดออกท่าทางจริงจังกึ่งตลก
“อี่ห่าเค้าก็โยนเฉียด ๆ เค้าก็รู้อยู่วันนั้นยังโยนใส่ไอ้เปียวเลยเกือบโดนกู ถ้าโดนกูนะมืง” นึกไปถึงชั่วโมงฟิสิกส์รอบก่อน นึกไปถึงปากกาลอยได้ขึ้นมาก็ตลกดี นึกถึงใบหน้าของเพื่อนชายแก๊งหลังห้อง ตลกปนขยาด
“หยุดเลยทั้งสองคน มาเรียนกันต่อ ปุ้มเข้าใจมั้ยบทนี้” หนึ่งเอ็ดเจนกับแสงระวีแหย่กันไม่สนใจเรียน ตนเองกำลังตั้งใจสอนอยากให้เข้าใจ หนึ่งใช้สายตาออกคำสั่งให้หยุด จะสอนต่อจะเรียนไม่เรียน ถ้าไม่เรียนจะได้เลิกติว พร้อมหันไปถามปุ้ม เพราะปุ้มเป็นคนเดียวที่เงียบฟังสองพี่น้องกำลังเถียงกัน ตามจริงปุ้มไม่ได้จะติวด้วยแค่ขอฟังหนึ่งสอนเงียบ ๆ ด้วยเฉย ๆ
“เรียนดิ โห่ ! ครูหนึ่งโหดจังเลยอ่ะ เดี๋ยวให้ลูกศิษย์แสงระวีจัดการเลย” เจนพูดขึ้นพร้อมทำท่าทางตั้งใจเรียน “อ่ะเริ่ม ยังไงต่อ”
“สูตรการหาความเร็วนะ วีเท่ากับเอสส่วนที เราแค่จำสูตรให้ได้แล้วเราจะคำนวณได้เอง” หนึ่งตั้งใจติวให้มาก ๆ ค่อย ๆ พูดให้พวกเธอคิดตาม สื่อออกมาให้พวกเธอเข้าใจง่ายที่สุด
“อือ” แสงระวีตอบพร้อมพยักหน้าให้เป็นเชิงเข้าใจ แอบมองหนึ่งขณะติวเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ยิ้มไร ฟังเค้าสอนดิ เข้าใจมั้ยเนี่ย” หนึ่งทักเมื่อรู้ตัว เงยหน้าขึ้นมาปะทะเข้ากับรอยยิ้มของเธอเข้าพอดี เธอรีบหุบยิ้มแทบไม่ทันและทำท่าตั้งใจฟังต่อ
“ฟังอยู่ วีเท่ากับเอสส่วนที วีคือความเร็วเฉลี่ยใช่มั้ย และเอสคือการกระจัด ส่วนทีคือเวลา อันนี้ได้อยู่วีเข้าใจ” ตอบหนึ่งด้วยรอยยิ้ม เธอเข้าใจจริง ๆ เพราะสูตรนี้มันน้อยมาก จำง่าย
“อ่ะอันนี้เข้าใจใช่มั้ย มันง่ายมาก งั้นผ่านนะ “ ปรายตามองพวกเธอสามคน พวกเธอพยักหน้าให้ หนึ่งจึงข้ามไปสอนสูตรฟิสิกส์สูตรต่อไป “จะมีอีกสูตรหนึ่ง เหมือนกันยกมาเลย เนี่ยโจทย์นี้เลย วีแทนสูตรได้มั้ย เจนกับปุ้มได้มั้ย ลองทำดู”
“หนึ่งแหละพูดมา” แสงระวียังต้องการให้หนึ่งอธิบายต่อ ไม่อยากทำโจทย์ ตอนนี้เริ่มงง ๆ ขึ้นมาแล้ว
“โจทย์ข้อนี้นะต้องแทนสูตรเพิ่มเข้ามานิดหน่อย เราก็ยกสูตรเมื่อกี้มาเลย แต่จะมีเพิ่มเติมอีกค่าคือ วีเท่ากับเอสสองลบเอสหนึ่งส่วนด้วยทีสองลบทีหนึ่งเท่ากับเดลต้าเอสส่วนเดลต้าที งงปะ “ เงยหน้าถามทุกคน ซึ่งตอนนี้สีหน้าและแววตาของแต่ละคนฉายแววความงงออกมาให้เห็นบ้างแล้ว
“ทุกคนงงมั้ย สังเกตดูนะยังเป็นวีเท่ากับเอสส่วนทีเหมือนเดิม เพิ่มเติมเข้ามาแค่กระจายเป็นเอสหนึ่งเอสสอง ทีหนึ่งทีสองเฉย ๆ มีเพิ่มเดลต้าทีกับเดลต้าเอส สองค่านี้ทุกคนไม่ต้องห่วงนะ ไม่ว่าจะวีหรือเอสหรือทีความหมายแทนค่ายังเหมือนเดิม”
“หูยยากอ่ะหนึ่ง! เนี่ยเลยตรงนี้ไปเลยได้มั้ยวีงงไม่เข้าใจ” แสงระวีทำสีหน้าบ่งบอกถึงความยาก ไม่เข้าใจ
“ข้ามไม่ได้! จะข้ามได้ไงบอกจารย์วุฒิห้ามสอนได้ด้วยเหรอ ยังไงวีต้องเจออยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง เจนกับปุ้มเข้าใจมั้ย “ คุยกับเธอมิวายหันมาถามเพื่อนทั้งสองคนด้วย “อ่ะค่อย ๆ ทำความเข้าใจกันไป จุดสำคัญคือเราต้องจำความหมายของแต่ละค่าให้ได้แค่นั้น พร้อมจำสูตรให้ได้ด้วย จำสูตรได้ จำความหมายได้แค่นี้ก็ทำได้แล้ว”
“หึ ๆ แค่นี้เหรอ กล้าใช้คำว่าแค่นี้ หนึ่งหนิไม่ใช่วี” พูดค่อนขอดให้คนสอน ใช่สิตนเองเข้าใจก็พูดง่าย คนไม่เข้าใจก็คือไม่เข้าใจ คนโง่ก็คือคนโง่
“อะไรตัวเองมันง่ายนิดเดียวเองนะเดี๋ยวพาทำ” หนึ่งพูดพร้อมเอาปากกาเคาะไปที่ศีรษะของแสงระวีเบา ๆ ยิ้มให้ก่อนจะก้มหน้าดูโจทย์ฟิสิกส์ต่อ
“ยากว่ะหนึ่งงงมาก” ปุ้มพูดพร้อมยิ้มแหย ๆ อย่างกับปุ้มจะทิ้งแล้วไม่เอาแล้ว เกรดสองพอวิชานี้
“เนี่ยหนึ่งจะแทนสูตรให้ดูนะข้อนี้ วีก็คือค่าความเร็วเฉลี่ยใช่มั้ย เอสคือการกระจัด ทีคือเวลาตามที่บอกเมื่อครู่เลยเพิ่มเติมเข้ามาคือเดลต้า ก็จะเป็นเดลต้าทีส่วนด้วยเดลต้าเอสงงมั้ย” หนึ่งหยุดพร้อมถามเพื่อน ๆ และหันหน้าไปทางแสงระวี
“ไม่!..ต่อเลย” เจนตอบแทน
“เดลต้าคือผลต่าง จำไว้นะ” หนึ่งหยุดพร้อมมองหน้าทุกคนอีกครั้ง “เดลต้าเอสก็คือผลต่างของการกระจัด เดลต้าทีคือผลต่างของเวลา” เมื่อพูดจบหนึ่งหยุดเงียบไปสักพักและยิ้ม
“หยุดทำไมหนึ่ง วีกำลังเข้าใจเลย” แสงระวีรู้สึกอารมณ์ค้าง กำลังเข้าใจแต่หนึ่งดันหยุดชะงักทำไม เงยหน้าขึ้นมามอง ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองหนึ่งเช่นกัน จู่ ๆ หนึ่งหยุดกลางอากาศซะอย่างนั้น
“วีนั่นคือค่าความเร็วเฉลี่ย ส่วนวีนี่คือความรัก” หนึ่งเล่นมุกกับพวกเธอ ปรายตามองเธอพร้อมยิ้มกลั้วหัวเราะ ทว่ามันดันทำให้เธอรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า และอดขำไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องปล่อยฮากระจายกันทั้งวง
“หูย ๆ !” ปุ้มกับเจนอุทานออกมาพร้อมกัน หัวเราะกันใหญ่หันไปมองแสงระวี คนโดนแซวหน้าแดงพูดอะไรไม่ออก ทำตัวไม่ถูก
“แอ๊ะ! โอ้ยเลี่ยนปุ้มปะเราไปหาซื้อของเปรี้ยว ๆ มากินกัน อยู่แถวนี้เลี่ยนไม่ไหวแล้ว” หลังหนึ่งพูดจบทุกคนหัวเราะกันใหญ่ เก้าพูดแขวะเข้าให้ แขวะแบบตลก ๆ จากนั้นเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงนักเรียน ชวนปุ้มออกไปจากตรงนี้ไปหาซื้อของตามที่พูด
“มืงถึงเวลากุคุยกับพี่มอสและขอตัวนะ” เจนนึกขึ้นมาได้จึงขอตัว เจนเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าทั้งหัวเราะไปด้วย เมื่อเก็บสมุดหนังสือเรียบร้อยปลีกตัวออกมาคุยโทรศัพท์ตามที่ว่า มีเพียงแสงระวีที่ยังอึ้งและเขินทำตัวไม่ถูกกับคำหวานเมื่อสักครู่ของหนึ่ง ไม่คิดว่าหนึ่งจะกล้าเล่นมุกแบบนี้
ไม่ได้อยู่ด้วยกันเพียงสองคนสักหน่อย เพื่อนอยู่ครบเผลอ ๆ คนด้านนอกศาลาได้ยินด้วย ทำไมหนึ่งเล่นไม่ปรึกษากันเลย เจอแบบนี้เธอก็เขินเก็บอาการไม่อยู่เหมือนกันนะ จะโกรธก็โกรธไม่ลง ค่อนขอดด้วยสายตา
“เฮ้ยเดี๋ยวดิ ล้อเล่น! กลับมาเรียนต่อ” หนึ่งเองทั้งพูดทั้งขำตนเองเหมือนกันที่กล้าเล่นมุกแบบนี้ออกมา
“หนึ่งอ่ะพูดอะไรก็ไม่รู้วีอายเพื่อน ๆ นะ ไม่เรียนแล้วเก็บเลย พูดอะไรก็ไม่รู้” แสงระวีหน้าแดงเขินพูดอะไรไม่ออกที่โดนแซว เก็บสมุดหนังสือเข้ากระเป๋าให้เรียบร้อย ไม่มีจิตใจที่จะเรียนต่ออีก ไว้เรียนวันหลังแล้วกัน
“แต่หนึ่งพูดจริงนะ” หนึ่งพูดออกมาเบา ๆ พร้อมจ้องมองหน้าแสงระวี
แสงระวี…. บทที่ 15 (รีไรท์)
.
เอามาให้อ่านค่ะ^^
********************
หลังจากวันที่ไปทำบุญด้วยกัน แสงระวีกับหนึ่งคบกันได้อย่างเปิดเผย ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายรับรู้ แถมหนึ่งยังไปมาหาสู่เข้าออกบ้านเธอได้ตามสบายด้วย ทว่าความรักของพวกเธอสองคนก็ยังอยู่ในกรอบและสายตาผู้ใหญ่
ทุกวันหยุดหนึ่งจะมาหาเธอที่บ้านเสมอ พ่อกับแม่ต้อนรับเป็นอย่างดี ไม่มีท่าทีรังเกียจหรือประชดประชันให้หนึ่งไม่สบายใจแม้แต่น้อย หนึ่งคุ้นเคยกับพ่อแม่และน้อง ๆ มาก ทำเสมือนบ้านของเธอเป็นบ้านอีกหลังของตนเองเลย เข้าออกได้ตามสบาย ยกเว้นก็แต่นอนค้างที่เธอยังไม่อยากให้ถึงขั้นนั้น
เธอให้หนึ่งมาที่บ้านแค่วันอาทิตย์ เพราะแม่หยุดงานวันอาทิตย์จะได้อยู่บ้านด้วยกัน สำหรับวันอื่น ๆ ไม่อยากให้มาหานัก ไม่อยากให้ผู้ใหญ่ไม่สบายใจ
หนึ่งไม่เคยทำให้เธอเสียใจหรือไม่สบายใจเลย อาจจะมีไม่เข้าใจกันบ้างทว่าสุดท้ายก็กลับมาคืนดีกันได้ หนึ่งก็ไม่เคยทำให้เธอกังวลหรือห่วงสักครั้ง เธอก็เช่นกัน ไม่เคยทำให้หนึ่งระแวงเลย
ความรักของพวกเธอสองคนค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นทีละนิด ก่อตัวขึ้นทุกวันไม่มีขีดจำกัด ต้นรักกำลังเบิกบานในวัยเรียน การเรียนไม่เสียหาย ผลการเรียนอยู่ในระดับที่ดีเสมอมา ถึงเวลาเรียนก็ตั้งใจ ถึงเวลาสอบก็ตั้งใจอ่านหนังสือกัน เพราะแบบนี้พ่อกับแม่ของเธอจึงสบายใจ ยอมปล่อยให้เธอคบกับหนึ่ง
สิ้นสุดชั่วโมงเรียนชั่วโมงสุดท้ายของวันนี้ กลุ่มของพวกเธออยู่กันครบ ยกเว้นเจลคนเดียวที่แยกตัวออกไป พวกเธอนั่งประจำฐานที่ตั้ง นั่นก็คือศาลาทรงไทยตัวเดิมใต้ต้นเฟื่องฟ้าหน้าโรงยิม มีบ่อปลาและน้ำตกเล็ก ๆ ให้ความรู้สึกสดชื่นและเย็นสบาย ข้าง ๆ โรงยิมเป็นสวนย่อมต้นชาดัดและหญ้า ปลูกประดับไว้
ขณะนี้ภารโรงกำลังเปิดสปริงเกอร์รดน้ำต้นหญ้าเปียกชื้นไปหมด พวกเธอกำลังติวเข้มวิชาฟิสิกส์กันอยู่บนศาลา ติวโดยหนึ่งเพราะหนึ่งเรียนพิเศษมา เธอไม่ได้เรียนจึงอาศัยหนึ่งนี่แหละเป็นตัวช่วย
หนึ่งช่วยติวให้ด้วยความเต็มใจ ไม่เพียงแค่เธอยังมีเจนและปุ้มขอร่วมในการติวด้วย สองคนมีผลประโยชน์พลอยได้ไปในตัว ส่วนเก้าเป็นคนเรียนค่อนข้างเก่งอยู่แล้ว แถมยังเรียนพิเศษกับหนึ่งอีกด้วย จึงเป็นอีกคนที่ช่วยติวช่วยดูให้ จะว่าไปเก้านั่งดูมากกว่าช่วยติวเสียอีก แทบจะไม่สนใจพวกเธอด้วยซ้ำ ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเธอไม่ได้ใส่ใจเก้าอยู่แล้ว
“สูตรการหาค่าความเร็ววีเข้าใจมั้ย บทนี้เข้าใจเรียนรู้เรื่องมั้ยอ่ะ” หนึ่งถามพร้อมปรายตามองเธอ จากนั้นก็หยิบขนมเคี้ยวอย่างสบายอารมณ์ ตนเองมองแว่บเดียวก็เข้าใจ แต่คนตรงหน้านี่สิจะเข้าใจบ้างหรือเปล่า
“ไม่อ่ะ ! จารย์วุฒิสอนไม่ค่อยรู้เรื่องเลย” แสงระวีตอบแบบไม่ต้องคิดนานเลย
“อี่วีจารย์วุฒิสอนไม่รู้เรื่อง หรือมืงโง่ ! “ เจนพูดพร้อมหัวเราะอึกอักในลำคอ
“เออกูโง่ ! จบมั้ย !” หันไปมองค้อนให้พี่สาว พวกเธอหัวเราะให้กันบนศาลา ใคร ๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันหมด เหมือนที่เธอพูดนั่นแหละ
หนึ่งเปิดหนังสือฟิสิกส์ กางหน้าที่แสงระวีพึ่งเรียนมาเมื่อครู่ให้ดู เตรียมสมุดและปากกาเขียนอธิบายให้แสงระวีเข้าใจมากที่สุด เท่าที่ตนเองจะทำได้
“โจทย์ข้อนี้วีเข้าใจมั้ย แทนสูตรเป็นมั้ย ไหนลองแทนสูตรให้หนึ่งดูหน่อย” เริ่มจากข้อแรกกันเลย ให้ลองทำให้ดูก่อน อยากรู้ว่าเข้าใจมากน้อยแค่ไหน แทนสูตรเป็นหรือเปล่า สับสนกับสูตรที่ต้องใช้บ้างไหมสำหรับข้อนี้
หนึ่งชี้โจทย์ฟิสิกส์ให้แสงระวีทำ เลือกโจทย์ที่ง่ายที่สุดลองให้ทำดูก่อน อยากรู้ว่าแสงระวีเข้าใจมากน้อยแค่ไหนจะได้ช่วยติวเพิ่มเติมให้
“เค้าก็พอเข้าใจน่าหนึ่ง แต่อยากให้หนึ่งอธิบายเพิ่มเติม” ตอบบ่ายเบี่ยงไม่อยากทำ เธอไม่เข้าใจที่ครูสอนหรอก เธออ่อนวิชาฟิสิกส์มาก ทำหน้าบูดบึ้งให้คุณครูจำเป็น ไม่อยากทำให้ดูเพราะไม่เข้าใจจริง ๆ
ความต้องการก็คือ อยากให้หนึ่งทำให้ดูและอธิบายให้ฟังไปเลย ทำไมต้องให้ทำให้ดูก่อน สิ่งที่ต้องการคือการอธิบาย พร้อมที่จะนั่งฟังเต็มที่ ถึงจะไม่เข้าใจในชั่วโมงเรียนการติวนอกรอบแบบนี้อาจจะทำให้เธอเข้าใจมากยิ่งขึ้น อาจทำข้อสอบได้
“หนึ่งอี่วีมันทำไม่เป็น ตอนเรียนมันก็เอ๋อ ๆ เชื่อกูมันนั่งโต๊ะกับกูเนี่ย” เจนสบโอกาสแหย่แสงระวีเล่น ไม่ใช่แค่แสงระวีมึนตนเองก็มึนเช่นกัน บางบทมันก็เข้าใจและไม่เข้าใจปะปนกันไป
“ว่าแต่กูมืงก็เหมือนกันแหละเจน แหม๋มืงน่ะจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่อยู่ตลอดเวลา ครูสอนฟิสิกส์ทีไรแทบจะหลับทุกที จะโดนปากกาเมจิลอยได้วันไหนก็ไม่รู้” ยอมโดนแซะคนเดียวซะที่ไหน แซะคืนบ้าง
“มืงลองโยนมาดิ คิดว่ากลัวเหรอ” เจนพูดออกท่าทางจริงจังกึ่งตลก
“อี่ห่าเค้าก็โยนเฉียด ๆ เค้าก็รู้อยู่วันนั้นยังโยนใส่ไอ้เปียวเลยเกือบโดนกู ถ้าโดนกูนะมืง” นึกไปถึงชั่วโมงฟิสิกส์รอบก่อน นึกไปถึงปากกาลอยได้ขึ้นมาก็ตลกดี นึกถึงใบหน้าของเพื่อนชายแก๊งหลังห้อง ตลกปนขยาด
“หยุดเลยทั้งสองคน มาเรียนกันต่อ ปุ้มเข้าใจมั้ยบทนี้” หนึ่งเอ็ดเจนกับแสงระวีแหย่กันไม่สนใจเรียน ตนเองกำลังตั้งใจสอนอยากให้เข้าใจ หนึ่งใช้สายตาออกคำสั่งให้หยุด จะสอนต่อจะเรียนไม่เรียน ถ้าไม่เรียนจะได้เลิกติว พร้อมหันไปถามปุ้ม เพราะปุ้มเป็นคนเดียวที่เงียบฟังสองพี่น้องกำลังเถียงกัน ตามจริงปุ้มไม่ได้จะติวด้วยแค่ขอฟังหนึ่งสอนเงียบ ๆ ด้วยเฉย ๆ
“เรียนดิ โห่ ! ครูหนึ่งโหดจังเลยอ่ะ เดี๋ยวให้ลูกศิษย์แสงระวีจัดการเลย” เจนพูดขึ้นพร้อมทำท่าทางตั้งใจเรียน “อ่ะเริ่ม ยังไงต่อ”
“สูตรการหาความเร็วนะ วีเท่ากับเอสส่วนที เราแค่จำสูตรให้ได้แล้วเราจะคำนวณได้เอง” หนึ่งตั้งใจติวให้มาก ๆ ค่อย ๆ พูดให้พวกเธอคิดตาม สื่อออกมาให้พวกเธอเข้าใจง่ายที่สุด
“อือ” แสงระวีตอบพร้อมพยักหน้าให้เป็นเชิงเข้าใจ แอบมองหนึ่งขณะติวเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ยิ้มไร ฟังเค้าสอนดิ เข้าใจมั้ยเนี่ย” หนึ่งทักเมื่อรู้ตัว เงยหน้าขึ้นมาปะทะเข้ากับรอยยิ้มของเธอเข้าพอดี เธอรีบหุบยิ้มแทบไม่ทันและทำท่าตั้งใจฟังต่อ
“ฟังอยู่ วีเท่ากับเอสส่วนที วีคือความเร็วเฉลี่ยใช่มั้ย และเอสคือการกระจัด ส่วนทีคือเวลา อันนี้ได้อยู่วีเข้าใจ” ตอบหนึ่งด้วยรอยยิ้ม เธอเข้าใจจริง ๆ เพราะสูตรนี้มันน้อยมาก จำง่าย
“อ่ะอันนี้เข้าใจใช่มั้ย มันง่ายมาก งั้นผ่านนะ “ ปรายตามองพวกเธอสามคน พวกเธอพยักหน้าให้ หนึ่งจึงข้ามไปสอนสูตรฟิสิกส์สูตรต่อไป “จะมีอีกสูตรหนึ่ง เหมือนกันยกมาเลย เนี่ยโจทย์นี้เลย วีแทนสูตรได้มั้ย เจนกับปุ้มได้มั้ย ลองทำดู”
“หนึ่งแหละพูดมา” แสงระวียังต้องการให้หนึ่งอธิบายต่อ ไม่อยากทำโจทย์ ตอนนี้เริ่มงง ๆ ขึ้นมาแล้ว
“โจทย์ข้อนี้นะต้องแทนสูตรเพิ่มเข้ามานิดหน่อย เราก็ยกสูตรเมื่อกี้มาเลย แต่จะมีเพิ่มเติมอีกค่าคือ วีเท่ากับเอสสองลบเอสหนึ่งส่วนด้วยทีสองลบทีหนึ่งเท่ากับเดลต้าเอสส่วนเดลต้าที งงปะ “ เงยหน้าถามทุกคน ซึ่งตอนนี้สีหน้าและแววตาของแต่ละคนฉายแววความงงออกมาให้เห็นบ้างแล้ว
“ทุกคนงงมั้ย สังเกตดูนะยังเป็นวีเท่ากับเอสส่วนทีเหมือนเดิม เพิ่มเติมเข้ามาแค่กระจายเป็นเอสหนึ่งเอสสอง ทีหนึ่งทีสองเฉย ๆ มีเพิ่มเดลต้าทีกับเดลต้าเอส สองค่านี้ทุกคนไม่ต้องห่วงนะ ไม่ว่าจะวีหรือเอสหรือทีความหมายแทนค่ายังเหมือนเดิม”
“หูยยากอ่ะหนึ่ง! เนี่ยเลยตรงนี้ไปเลยได้มั้ยวีงงไม่เข้าใจ” แสงระวีทำสีหน้าบ่งบอกถึงความยาก ไม่เข้าใจ
“ข้ามไม่ได้! จะข้ามได้ไงบอกจารย์วุฒิห้ามสอนได้ด้วยเหรอ ยังไงวีต้องเจออยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง เจนกับปุ้มเข้าใจมั้ย “ คุยกับเธอมิวายหันมาถามเพื่อนทั้งสองคนด้วย “อ่ะค่อย ๆ ทำความเข้าใจกันไป จุดสำคัญคือเราต้องจำความหมายของแต่ละค่าให้ได้แค่นั้น พร้อมจำสูตรให้ได้ด้วย จำสูตรได้ จำความหมายได้แค่นี้ก็ทำได้แล้ว”
“หึ ๆ แค่นี้เหรอ กล้าใช้คำว่าแค่นี้ หนึ่งหนิไม่ใช่วี” พูดค่อนขอดให้คนสอน ใช่สิตนเองเข้าใจก็พูดง่าย คนไม่เข้าใจก็คือไม่เข้าใจ คนโง่ก็คือคนโง่
“อะไรตัวเองมันง่ายนิดเดียวเองนะเดี๋ยวพาทำ” หนึ่งพูดพร้อมเอาปากกาเคาะไปที่ศีรษะของแสงระวีเบา ๆ ยิ้มให้ก่อนจะก้มหน้าดูโจทย์ฟิสิกส์ต่อ
“ยากว่ะหนึ่งงงมาก” ปุ้มพูดพร้อมยิ้มแหย ๆ อย่างกับปุ้มจะทิ้งแล้วไม่เอาแล้ว เกรดสองพอวิชานี้
“เนี่ยหนึ่งจะแทนสูตรให้ดูนะข้อนี้ วีก็คือค่าความเร็วเฉลี่ยใช่มั้ย เอสคือการกระจัด ทีคือเวลาตามที่บอกเมื่อครู่เลยเพิ่มเติมเข้ามาคือเดลต้า ก็จะเป็นเดลต้าทีส่วนด้วยเดลต้าเอสงงมั้ย” หนึ่งหยุดพร้อมถามเพื่อน ๆ และหันหน้าไปทางแสงระวี
“ไม่!..ต่อเลย” เจนตอบแทน
“เดลต้าคือผลต่าง จำไว้นะ” หนึ่งหยุดพร้อมมองหน้าทุกคนอีกครั้ง “เดลต้าเอสก็คือผลต่างของการกระจัด เดลต้าทีคือผลต่างของเวลา” เมื่อพูดจบหนึ่งหยุดเงียบไปสักพักและยิ้ม
“หยุดทำไมหนึ่ง วีกำลังเข้าใจเลย” แสงระวีรู้สึกอารมณ์ค้าง กำลังเข้าใจแต่หนึ่งดันหยุดชะงักทำไม เงยหน้าขึ้นมามอง ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองหนึ่งเช่นกัน จู่ ๆ หนึ่งหยุดกลางอากาศซะอย่างนั้น
“วีนั่นคือค่าความเร็วเฉลี่ย ส่วนวีนี่คือความรัก” หนึ่งเล่นมุกกับพวกเธอ ปรายตามองเธอพร้อมยิ้มกลั้วหัวเราะ ทว่ามันดันทำให้เธอรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า และอดขำไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องปล่อยฮากระจายกันทั้งวง
“หูย ๆ !” ปุ้มกับเจนอุทานออกมาพร้อมกัน หัวเราะกันใหญ่หันไปมองแสงระวี คนโดนแซวหน้าแดงพูดอะไรไม่ออก ทำตัวไม่ถูก
“แอ๊ะ! โอ้ยเลี่ยนปุ้มปะเราไปหาซื้อของเปรี้ยว ๆ มากินกัน อยู่แถวนี้เลี่ยนไม่ไหวแล้ว” หลังหนึ่งพูดจบทุกคนหัวเราะกันใหญ่ เก้าพูดแขวะเข้าให้ แขวะแบบตลก ๆ จากนั้นเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงนักเรียน ชวนปุ้มออกไปจากตรงนี้ไปหาซื้อของตามที่พูด
“มืงถึงเวลากุคุยกับพี่มอสและขอตัวนะ” เจนนึกขึ้นมาได้จึงขอตัว เจนเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าทั้งหัวเราะไปด้วย เมื่อเก็บสมุดหนังสือเรียบร้อยปลีกตัวออกมาคุยโทรศัพท์ตามที่ว่า มีเพียงแสงระวีที่ยังอึ้งและเขินทำตัวไม่ถูกกับคำหวานเมื่อสักครู่ของหนึ่ง ไม่คิดว่าหนึ่งจะกล้าเล่นมุกแบบนี้
ไม่ได้อยู่ด้วยกันเพียงสองคนสักหน่อย เพื่อนอยู่ครบเผลอ ๆ คนด้านนอกศาลาได้ยินด้วย ทำไมหนึ่งเล่นไม่ปรึกษากันเลย เจอแบบนี้เธอก็เขินเก็บอาการไม่อยู่เหมือนกันนะ จะโกรธก็โกรธไม่ลง ค่อนขอดด้วยสายตา
“เฮ้ยเดี๋ยวดิ ล้อเล่น! กลับมาเรียนต่อ” หนึ่งเองทั้งพูดทั้งขำตนเองเหมือนกันที่กล้าเล่นมุกแบบนี้ออกมา
“หนึ่งอ่ะพูดอะไรก็ไม่รู้วีอายเพื่อน ๆ นะ ไม่เรียนแล้วเก็บเลย พูดอะไรก็ไม่รู้” แสงระวีหน้าแดงเขินพูดอะไรไม่ออกที่โดนแซว เก็บสมุดหนังสือเข้ากระเป๋าให้เรียบร้อย ไม่มีจิตใจที่จะเรียนต่ออีก ไว้เรียนวันหลังแล้วกัน
“แต่หนึ่งพูดจริงนะ” หนึ่งพูดออกมาเบา ๆ พร้อมจ้องมองหน้าแสงระวี