แสงระวี….บทที่ 26 (รีไรท์)

กระทู้สนทนา

.

                เช้าที่สดใสชื่นบาน ทุกคนมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ผู้คนมาร่วมแสดงความยินดีให้กับรักที่สดใสระหว่างปุ้มกับเก้า หน้าบ้านมีซุ้มประตูตกแต่งด้วยผ้าสีขาวและสีชมพูสวยงาม เข้ากันกลมกลืนลงตัว เป็นซุ้มประตูที่ให้ความหวานสำหรับงานแต่งในวันนี้มาก

                 ถัดมามีโต๊ะบัญชีสำหรับลงชื่อคนที่มาแสดงความยินดีด้วย พี่สาวของปุ้มรับหน้าที่คุมโต๊ะบัญชีนี้ แขกคนในหมู่บ้านมาร่วมแสดงความยินดีตั้งแต่เช้า บ้างก็รอดูเจ้าบ่าวเจ้าสาว มีหลายคนที่มางานแล้วแอบไปถ่ายรูปคู่เจ้าสาวในห้อง เสร็จแล้วก็ขอตัวกลับเลย ส่วนมากจะเป็นญาติ ๆ กันมากกว่าที่อยู่งานจนค่ำ แสงระวีกับเพื่อน ๆ ก็เช่นกัน ตั้งใจจะอยู่จนถึงตอนค่ำกันเลย

                แสงระวีพร้อมสองฝาแฝดและพี่มอสมาถึงตั้งแต่เช้าตรู่ ปุ้มแต่งชุดเจ้าสาวด้วยชุดไทยสีครีมปนแดงออกน้ำตาล รูปร่างสมส่วน ไม่เหมือนคุณแม่หลังคลอดเลยสักนิด แสงระวีนึกอิจฉาหุ่นของปุ้มอยู่ไม่น้อย น้องปลาวาฬลูกสาวของปุ้มกำลังหลับอยู่ ไม่อยากส่งเสียงดังให้ตื่นเดี๋ยวงอแงร้องไห้พวกเธอจึงขอตัวออกมารอเจ้าบ่าวอยู่ข้างนอกดีกว่า ส่วนหนึ่งกับแพมจะตามมาพร้อมเจ้าบ่าว

                 ผู้คนทยอยเข้ามาร่วมงานกันไม่ขาด เพื่อน ๆ สมัยเรียนมัธยมต่างมาร่วมยินดีกับทั้งสองคน เห็นแล้วอดปลื้มใจแทนไม่ได้เลยที่เพื่อน ๆ ให้ความสำคัญ ไม่ลืมกัน เพื่อน ๆ เกือบทั้งห้องที่มาร่วมยินดีกับเก้าและปุ้มในวันนี้ ยกเว้นคนที่ไปทำงานไกล ๆ ไม่สามารถลากลับมาได้ ก็ยังวิดีโอคอลมาอวยพร

                 พวกเธอนั่งกันเป็นกลุ่มเพื่อน ทั้งเพื่อนสมัย ม.ต้น ม.ปลายมาร่วมแสดงความยินดี เพื่อนบางคนพาแฟนมาด้วย บางคนมาคนเดียวก็ไม่ว่ากัน บางคนลูกได้ขวบสองขวบก็พามาด้วยในวันนี้

                 เพื่อน ๆ ต่างถามข่าวคราวซึ่งกันและกัน แสงระวีอยากจะเดินหนีเสียจริง เมื่อถามถึงเรื่องของตนเองที่เกิดขึ้น เพื่อน ๆ ทราบเรื่องนั้นเกือบทุกคน มีบางคนที่ไม่รู้ก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น แสงระวีก็ไม่อยากจะตอบและพูดถึงเลย ทว่าเลี่ยงไม่ได้ ทำได้แค่ยิ้ม ๆ ให้กับทุกคน

                 เก้านาฬิกาเก้านาทีเจ้าบ่าวมาถึง เสียงโห่ร้อง เสียงหัวเราะ เสียงเพลงแห่เจ้าบ่าวดังมาแต่ไกล เก้าเดินนำหน้าขบวนมีพ่อแม่ของเก้าเดินข้าง ๆ  ถือกระเป๋าเงินสีดำรูปสี่เหลี่ยมใบกะทัดรัด เพื่อนเจ้าบ่าวเดินตามข้าง ๆ อีกสองคน หนึ่งและพ่อแม่เดินตามหลังมาพร้อมญาติ ๆ ฝั่งเจ้าบ่าวอีกหลายคน

                 เธอหวาดหวั่นหัวใจเต้นรัวที่เห็นพ่อแม่ของหนึ่งมาด้วย เธอจะวางตัวอย่างไร ทำตัวเช่นไร คงรู้แล้วเหมือนกันว่าเธอกับลูกชายตัวเองกลับมาคบกันอีก พวกเขาก็ไม่อะไรแต่ทำไมเธอถึงเกร็ง ในเมื่อคนผิดไม่ใช่เธอ เมื่อคิดเช่นนั้นก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ทำใจสบาย ๆ ไม่คิดอะไรมาก

                 ทุกคนมีรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า มีแต่ความสุข ความดีใจ เก้าแต่งตัวด้วยชุดสีครีม ลงตัวเข้ากันกับชุดเจ้าสาว เมื่อมาถึงซุ้มประตู เก้าหยุดถอดรองเท้าให้หลานสาวของปุ้มล้างเท้าให้ก่อนเข้าบ้าน มีการโต้เถียงพูดคุยกันนิดหน่อย ต้องมีค่าจ้างล้าง ไม่อย่างนั้นไม่ล้างเท้าให้ และ ไม่ยอมปล่อยให้เข้าบ้าน

                 พอลอดซุ้มประตูเข้ามาได้ ก็มีประตูเงินประตูทองสามสี่ด่านอีก เป็นพวกเพื่อน ๆ ที่กั้นประตูเงินประตูทอง โดยการนำเข็มขัดเงินเข็มขัดทองมากั้นไว้ ไม่ยอมให้ผ่านเข้าไปง่าย ๆ ก็ได้คนละซองสองซองไป หนึ่งแอบชะเง้อมองหาเธอทำไมจะไม่เห็น เธอแอบมองเขาเหมือนกัน ตนเองเข้ามานั่งรอในบ้านตั้งนานแล้ว

                 เจ้าบ่าวมาถึงบ้านเข้ามานั่งรอตรงพานบายศรี ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมีการนับเงินค่าสินสอด ทองหมั้นว่าครบหรือเปล่า ถ้าครบถึงจะอนุญาตให้เจ้าสาวออกมาเจอได้ หนึ่งนั่งลงตรงด้านหลังของเก้า

                 หนึ่งชอบหันหน้ามามองเธอด้านหลังอยู่เรื่อย อยากดุเหมือนกันจะหันมามองอะไรนักหนา เดี๋ยวคนอื่นก็มองตาม แม่กับพี่นิวหันมามองตามเผยยิ้มให้เธอ เธอไม่กล้าเข้าไปไหว้เลย ทำได้เพียงนั่งอยู่ด้านหลังและยิ้มตอบ เพราะเจลไม่ให้ไป

                 เธออยู่กับเจลตลอดเวลา พวกเขาคงอยากคุยกับเธอ แต่เธอไม่เปิดโอกาสให้ได้คุย คอยหลบอยู่ห่าง ๆ เสมอ

                 “ครบหรือเปล่าน้อสินสอด มีอะไรบ้าง “ ผู้ใหญ่ฝ่ายปุ้มพูดขึ้น แต่เป็นการพูดติดตลก วันนี้ไม่มีใครเครียดหรือซีเรียสแม้แต่น้อย

                 “สินสอดครบ สร้อย แหวนครบ เฮ้ย ! ไม่ครบ ๆ “ ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายปุ้มพูดขึ้น ทุกคนหัวเราะไม่มีท่าทีตกใจสักนิด

                 “ไม่ครบอะไรอะไรล่ะตา” ผู้ใหญ่ฝ่ายเก้าโต้แย้งทันที

                 “เหลือลูกมันเนี่ย สินสอดชิ้นสำคัญเลยนะ จะขาดไม่ได้ ลูกมันไปไหน ของสำคัญขาดได้ไง ไม่มีไม่ยอมยกให้นะ” ทุกคนหัวเราะชอบใจกันใหญ่

                 “อยู่นี่ ๆ จ้ามาแล้ว” แม่ของหนึ่งเป็นคนเข้าไปอุ้มน้องปลาวาฬออกมา ทุกคนหันไปมองตาม แล้วแม่ของเก้าเป็นคนรับอุ้มหลานต่อ น้องปลาวาฬตาใสแป๋วไม่ร้องเลยสักแอะ เหมือนรู้เรื่อง ให้ความร่วมมือพ่อกับแม่เป็นอย่างดี ใครอุ้มเปลี่ยนมือก็ไม่ร้อง

                 ที่พาขวัญอีกฝั่งมีเจ้าบ่าวนั่งตามด้วยเพื่อนเจ้าบ่าวอีกสองคน ในเปลมีน้องปลาวาฬแม่ของเก้าไกวไปมาเบา ๆ ป้องกันไม่ให้หลานร้อง ปลาวาฬน่าจะหลับไปแล้วด้วย พอนับจำนวนเงินอะไรเรียบร้อย ญาติฝั่งเจ้าบ่าวคนหนึ่งก็เข้าไปเชิญเจ้าสาวออกมา

                 ปุ้มกับเพื่อนเจ้าสาวสองคนเดินออกมาจากในห้อง ทุกคนมองตามเป็นสายตาเดียวกันอีกครั้ง พิธีการเริ่มขึ้น ทุกคนพนมมือรับพร ร่วมงานจนจบ คู่บ่าวสาวผูกแขนป้อนไข่กันเรียบร้อย พี่มอสรับหน้าที่เป็นช่างภาพ ถ่ายภาพงานวันนี้ทุกช็อตให้ปุ้มกับเก้า หนึ่งเที่ยวหันหลังมามองเธอตลอด ต้องทำตาสายดุให้ จะหันมามองบ่อยอะไรนักหนา เดี๋ยวก็คอเคล็ดตายไม่รู้ตัว

                 เสร็จพิธีการเก้าอุ้มลูกสาวถ่ายรูปคู่กันพ่อแม่ลูก พี่มอสเป็นช่างภาพจำเป็นสำหรับงานนี้ มีเพื่อน ๆ สลับสับเปลี่ยนกันเข้าไปถ่ายรูปคู่กับเจ้าบ่าวเจ้าสาว เจลบ้าง เจนกับพี่มอสบ้าง เธอบ้างแต่ไม่ใช่คู่กับหนึ่ง แม้หนึ่งจะอยากถ่ายรูปคู่กับเธอบ้างก็ตาม ก็ไม่ยอมไม่เปิดโอกาสให้

                 พ่อแม่ของหนึ่งและพี่นิวออกมาขอถ่ายคู่กับบ่าวสาว ถ่ายรูปคู่กับครอบครัวของคู่บ่าวสาวด้วย

                 “วีอยู่ไหน… มาถ่ายรูปร่วมกันมา” แม่ของหนึ่งเรียกเธอให้เข้ามาถ่ายรูปกับคู่บ่าวสาว แม้เธอจะแอบถอยไปยืนไกล ๆ ทำเป็นหาของ หาเครื่องดื่ม แถว ๆ ถังน้ำแข็งก็ไม่รอดเงื้อมมือไปได้

                 “วี ! น้องวีมาถ่ายรูปครอบครัวด้วยกันเร็ว” พี่นิวช่วยเรียกเธออีกคน กวักมือเรียกเธอให้เข้ามา สามัคคีกันเสียจริง ๆ เลยนะครอบครัวนี้ มองหน้าพร้อมค่อนขอดให้ครอบครัวของหนึ่งในใจ

                 “วีหนูมายืนตรงนี้ลูก หนึ่งเข้ามาตรงนี้อ่ะเก้าปุ้มมายืนตรงนี้เลย พี่นิวกับแพมตรงนี้ เรียบร้อยถ่ายเลยลูก” แม่จัดแจงและสั่งพี่มอสถ่ายภาพครอบครัวให้

                 หลังจากเก็บภาพประทับใจจนอิ่มหนำสำราญแล้วเก้านำลูกไปไว้กับตายาย ตนเองกับปุ้มก็มาร่วมวงสนทนากับเพื่อน แขกเริ่มกลับไปกันหมด เหลือแค่พวกแม่ครัวที่เก็บกวาดงาน พวกเธอตั้งวงคุยกันเหมือนไม่ได้เจอกันมาเป็นชาติ

                 วันนี้ได้มารวมตัวกันมันจึงแย่งกันพูดแบบไม่มีใครฟังใครเลย ยิ่งร่างกายรับแอลกอฮอล์เข้าไปยิ่งทำให้พูดคุยกันสนุก ไม่ค่อยมีคนฟังมีแต่คนแย่งกันพูด มีแค่หนึ่งที่ค่อนข้างเงียบ ไม่ค่อยพูด นั่งเงียบและชอบมองหน้าเธอบ่อย ๆ เวลาเธอพูดคุยเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องสนุกขบขันกับเพื่อน ๆ

                 “เป็นไงมั่งวะ ชีวิตการทำงาน ครอบครัวชิปหายดีมั้ย”

                 “มืงใครเป็นคนคิดวะ ยี่สิบห้าต้องมีบ้านมีรถ สัตว์เอ้ย! แค่ชักหน้าให้ถึงหลังก็พอแรงแล้วแต่ละเดือน กูจะไปฆ่ามัน มันโกหกกู” เพื่อน ๆ คุยกัน ล้วนแต่พูดติดตลกทั้งนั้น พูดปนเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของพวกเธอ

                 แต่ละคนเริ่มเมาพูดอะไรออกมาก็น่าขำน่าหัวเราะไปหมด เห็นจะมีเพียงหนึ่งคนเดียวที่ทำเพียงยิ้ม ๆ ไม่ค่อยหัวเราะ และ ไม่ค่อยพูดเหมือนเพื่อน ๆ แสงระวีแอบสังเกต มางานวันนี้พวกเธอสองคนคุยกันไม่ถึงสิบคำ ไม่ค่อยอยู่ใกล้ ๆ กันไม่ค่อยคุยกันด้วย จะมีแค่ตอนนี้แหละที่นั่งร่วมวงเหล้าด้วยกัน

                 เธอปรายตามองก็ไม่ได้อะไร เธอก็สนุกของเธอไปเรื่อย ไม่อยากสนใจเขา

                 “ตำหนวดคือเงียบแท้ อ้าวชนหน่อยเพื่อน !” บอลยกแก้วขอชนกับหนึ่ง หนึ่งก็ชูแก้วยกตามพร้อมกระดกไปครึ่งแก้ว ต่างคนต่างเมา ต่างจับคู่กันคุยเม้าท์กันไปเรื่อย นาน ๆ ได้มารวมตัวกันแบบนี้ทั้งที

                 หนึ่งมองหน้าเธอ ใบหน้าเริ่มแดงท่าจะเมาแล้ว ไม่ค่อยคุยก็ยกไปหลายแก้วพอดู เธอแอบเสียวสันหลังวาบ เมาแล้วอย่ามาพูดอะไรซี้ซั้วแถวนี้นะ ไม่อย่างนั้นเธอกลับก่อนแน่ นึกเอ็ดหนึ่งในใจส่งสายตาค่อนขอดให้ด้วย หวังว่าหนึ่งจะเข้าใจ

                 เธอมองหน้าเขาหวั่น ๆ อย่ามาสารภาพอะไรตรงนี้เวลานี้ก็แล้วกัน ปรายตามองและคิดในใจไม่สบายใจนัก อย่ามาสารภาพรักตรงนี้ก็พอ ไม่อย่างนั้นได้กลับบ้านก่อนเพื่อนแน่

                 “คุณนายแสงระวีให้คุณตำรวจยกหน่อยซี้” แหนะไอ้บอลยังไม่จบ จะอะไรนักหนาเธออุตส่าห์อยู่เงียบ ๆ แล้วนะเพื่อนหัวเราะชอบใจ เธอรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าอย่างบอกไม่ถูก ทำไมต้องมา อยากดื่มก็ดื่มสิ เหน็บเพื่อนด้วยสายตาไปที คนโดนเหน็บรู้ตัวเผยยิ้มอย่างตลก

                 “กินก็กินดิจะมาขออะไร ทำไมต้องขอทีทำอย่างอื่นไม่เห็นต้องขอเลย เห็นแต่แอบทำอ่ะ” สุดท้ายก็ตอบไปจะได้จบ ๆ บอลจะได้เลิกเซ้าซี้สักที

                 “อ่ะวี ! โห่หมดตั้งนานไม่เติม เจลด้วย เจน พี่มอส เติมดิ เต็มที่เมาก็นอนนี่เลย” เก้าพูดพร้อมเปิดเบียร์อีกขวดเทเติมให้ทุกคน หนึ่งก็ยังมองหน้าเธอ ไอ้นี่มันจะทำอะไรวะ อย่ามาพูดอะไรแถวนี้นะ พูดในใจมองหน้าทำตาดุให้ กลัวว่าเมาแล้วจะพูดอะไรเลอะเทอะ

                 “กินเยอะไปมั้ย” หนึ่งมองหน้าเธอก่อนจะพูด ตามด้วยเสียงโห่ล้อของเพื่อน ๆ อย่างสนุกสนานถือเป็นเรื่องตลกไป บางคนก็ไม่สนใจเล่นโทรศัพท์ตลอด

                 “งานเพื่อนจะห้ามอะไรคุณตำรวจ นาน ๆ ที”

                 “เอ้าเค้าก็เป็นห่วงกันหนิ นี่คู่ต่อไป ! พวกมืงเตรียมเงินใส่ซองไว้เลย” นั่นไงทำไมต้องทำให้เพื่อนพูดด้วย เพื่อนที่นั่งข้าง ๆ เก้าพูดขึ้น อยู่นิ่ง ๆ มันก็ดีแล้ว ตกลงกันแล้วว่างานนี้วันนี้จะไม่ยุ่งกัน อยู่ใครอยู่มัน ทำไมต้องทำให้เพื่อนแซว ทำไมต้องทำให้เป็นประเด็น อยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ ไม่เป็นหรือยังไง เหน็บหนึ่งด้วยหางตา ทว่าเจ้าตัวไม่ได้สนใจเลย

                 “กูอ่ะอยากแต่ง แต่เค้าไม่อยากแต่งว่ะ” หนึ่งตอบ เฮ้ย ! ทำไมต้องพูดแบบนี้วะ แสงระวีได้แต่คิดในใจและมองหน้าหนึ่งแบบไม่เข้าใจ เก้ากับปุ้มยิ้มและแอบหัวเราะให้กับพวกเธอ สองคนนี้ก็เป็นอีกคนที่รู้เรื่องราวร้าวฉานของพวกเธอเสมอ อีกทั้งคอยอยู่ข้าง ๆ เสมอมาด้วย

                 “ปุ้มไปเอาช่อดอกไม้มาให้มัน” เก้าตัวยุเก่งที่สุดตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา นิสัยไม่เคยเปลี่ยน บอกให้ปุ้มไปหยิบช่อดอกไม้ตรงฉากถ่ายรูปมาให้หนึ่ง “มืงขอโทษวีดิ๊ จะได้แต่งกันสักที”

                 “เก้าหยุดเลย ! ปุ้มไม่ต้องลุกไปเอานะ กูกลับก่อนนะกูบอกให้ แกล้งกูอ่ะ” แสงระวีออกคำสั่งปุ้มห้ามลุก ห้ามทำตามที่เก้าบอก ปุ้มดูเหมือนจะลังเล มองหน้าแสงระวีและมองหน้าสามี ปุ้มผู้เข้าใจเข้าข้างเสมอเวลาโดนเก้าแกล้ง

                 “แสงระวีเมื่อไหร่จะมีแบบนี้ว๊า รอนานแล้วนะ อยากใส่ซองเนี่ย” เพื่อนอีกคนช่วยชีวิตไว้ทัน พูดแทรกขึ้นมาก่อน เธอแอบถอนหายใจโล่งอกขึ้นมาทันที นอกจากเก้าจะไม่เลิกแกล้งเธอ ไอ้ตัวนี้ยิ่งร้าย ไม่ได้แกล้งไม่ยอมเลิก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่