.
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ที่ทั้งสองคนไม่ได้โทรคุยกันเหมือนเดิม แสงระวีทำใจยอมรับ ลึก ๆ ยังคงรอคอยสายของหนึ่งทุกวัน พักเที่ยงจับโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คตลอดเวลา เหมือนกลัวว่าจะพลาดไม่ได้รับสายหากมีคนโทรเข้า แต่ถ้าจะให้โทรหา แสงระวีก็ไม่คิดจะโทรเหมือนกัน ส่วนแท็กต่างคนต่างอยู่ ไม่สานความสัมพันธ์อีกต่อไป
เป็นอย่างที่แสงระวีคาดเดาเอาไว้ไม่มีผิด แท็กเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด เป็นฝีมือแท็กเองที่ทำให้หนึ่งรู้เรื่องนี้ เจนอาสาเคลียร์เรื่องทั้งหมดให้ ถามปัญหาทำไมหนึ่งถึงเปลี่ยนไปเพราะอะไรกัน หนึ่งนำข้อความที่แท็กส่งมาให้เจนดู จากนั้นเจนนำมาให้ตนเองดูอีกที เป็นเบอร์ของแท็กจริง ๆ แสงระวีถอนหายใจ หนึ่งจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหม อยากอธิบายแต่ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเช่นกัน
แต่ว่าสิ่งที่อยากรู้ คือ แท็กได้เบอร์หนึ่งมาจากไหน แสงระวีพยายามคิดหาสถานการณ์ช่วงไหนที่จะเป็นไปได้มากที่สุด ตนเองไม่เคยให้โทรศัพท์เพื่อนคนไหนเล่นเลย ถึงเพื่อน ๆ ในกลุ่มจะพอรู้จักกับหนึ่งอยู่บ้างก็ไม่ได้มีเบอร์โทรศัพท์กัน แล้วแท็กเอาเบอร์ของหนึ่งมาจากไหน นั่งเหม่อลอยครุ่นคิดเรื่องนี้ก็คิดไม่ตกสักที
และแล้วเธอก็นึกเหตุการณ์บางเหตุการณ์ขึ้นมาได้ หรือจะเป็นตอนนั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งเพื่อน ๆ ขออนุญาตนำโทรศัพท์ของเธอไปถ่ายรูป เธอให้โทรศัพท์แก่เพื่อนไป ไม่ได้หวงเพราะไม่คิดอะไรมาก ไม่คิดว่าจะเป็นแผนของใครบางคน สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ระงับความโกรธเอาไว้ ไม่อยากให้เรื่องนี้ต้องทำให้เสียเพื่อนไปอีก ถึงอย่างไรมันก็ผ่านไปแล้ว แท็กนะแท็ก เห็นแบบนี้ร้ายนัก
น่าจะเป็นเหตุการณ์นั้นแน่ ! แท็กเอาเบอร์โทรศัพท์ของหนึ่งไป พอคิดแบบนั้นยิ่งทำให้แสงระวีไม่อยากคุยด้วยเข้าไปอีก แม้แต่หน้าก็ไม่อยากเจอ มิหนำซ้ำแสงระวียังรู้มาอีกด้วยว่า ที่แท็กมีเบอร์โทรของตนเอง โทรหาตนเองได้เพราะยูเอ็น
“อี่ยูเอ็น ! “ แสงระวีพึมพำเอ่ยชื่อเพื่อนสนิท “พวกมืงนี่ร้ายกันจังนะ ! “ พึมพำคนเดียวที่โต๊ะนักเรียนของตน ระหว่างพักเที่ยงหลังทานข้าวเสร็จก็พากันขึ้นมาเล่นที่ห้องเรียนเช่นทุกวัน แตกต่างกันก็เพียงไม่มีสายของหนึ่ง ไม่ได้คุยกับหนึ่งอีกแล้ว
คิดไปคิดมาก็ไม่อยากถือสาหาความ ถึงอย่างไรเรื่องนี้มันก็ผ่านมาแล้ว ทะเลาะกันไปก็ไม่ได้ทำให้หนึ่งกลับมาคืนดีด้วย มีแต่จะเสียเพื่อนเปล่า ๆ อีกอย่างไม่นานก็จะจบ ม.3 ย้ายโรงเรียนจากกันแล้ว ปล่อยผ่านไปดีกว่า จากกันด้วยดี ๆ กว่า อย่างน้อยมิตรภาพของความเป็นเพื่อนก็ยังอยู่
แสงระวีถอนหายใจคิดถึงหนึ่งแบบบอกไม่ถูก ทว่าก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าต่างคนต่างอยู่แบบนี้ ปรายตามองเพื่อน ๆ เล่นกันอย่างมีความสุข ทำไมตนเองถึงเศร้าใจแบบนี้ก็ไม่รู้ ไม่ได้รักหนึ่งแต่มันคุ้นเคย ก็คนมันคุยกันทุกวันนี่นา ทำหน้าละห้อยนอนหมอบไปกับโต๊ะเรียน หนุนแขนตนเองนึกไปเรื่อยเปื่อย
“วีไม่คุยกับหนึ่งเหรอวันนี้” ฝ้ายถาม เดินมานั่งเล่นที่โต๊ะเป็นเพื่อน คงสังเกตมาหลายวัน ไม่เห็นเธอคุยโทรศัพท์ ฝ้ายคงสงสัย
พอฝ้ายเดินมานั่งด้วยก็ลุกขึ้น “ไม่อ่ะ หนึ่งไม่ว่าง ช่วงนี้เห็นบอกว่าเรียนหนัก กิจกรรมเยอะน่ะ” แสงระวีโกหก ไม่อยากให้เพื่อน ๆ รู้ว่าเลิกคุยกันไปแล้ว โดยเฉพาะกับแท็ก อยากเอาชนะ อยากให้แท็กเห็นว่าถึงตนเองจะทำแบบนั้นลงไป ก็ไม่ได้ทำให้พวกเธอเลิกคุยกัน
“กูก็นึกว่ามืงเลิกคุยกันแล้วซะอีก กูไม่ได้เอ่อ อยากรู้อยากเห็นนะ” ฝ้ายพูดกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย แสงระวีปรายตามองเพื่อนยิ้มให้เช่นกัน แหม๋ ! นี่ขนาดไม่ได้อยากรู้นะ ค่อนขอดเพื่อนในใจ
“อือ แต่ถึงกูจะเลิกกับหนึ่งกูก็ไม่คุยกับใคร กูจะโสดเว้ย ! กูเบื่อไม่อยากมีแฟนแล้ว เบื่อมาก ! ” แสงระวีพูดประโยคนี้หนักแน่นเสียงดัง ต้องการให้แท็กได้ยิน และ จำเอาไว้ว่าจะไม่มีวันให้โอกาสอีกต่อไป อยากทำอะไรไม่เข้าท่าเอง
แม้แท็กจะปากแข็งปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ และ พยายามขอโทษสักแค่ไหน แสงระวีก็ไม่มีโอกาสจะให้อีก ไม่ชอบคนที่ทำนอกเหนือคำสั่งหรือข้อกำหนดที่ตั้งเอาไว้ ในเมื่อตกลงกันแล้วว่าตนเองมีคนคุยมาก่อน และ แท็กรับปากว่ารับได้เข้าใจ แต่ทำไมยังทำแบบนี้อีก แสงระวีตัดสินใจจบความสัมพันธ์แบบไม่รีรอ และสองคนกลายเป็นคนไม่รู้จักกันอีกต่อไป
ทุก ๆ วันหลังเลิกเรียนเธอจะไปเล่นกับพี่สาวฝาแฝด มันเหงาและมันก็อยากทราบเรื่องราวของใครบางคน วันนี้ก็เช่นกัน เจนเป็นหน่วยข่าวกรองสืบข่าวของหนึ่งให้เธอทุกวัน หนึ่งทำอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง เจนจะนำมาเล่าให้ฟังเสมอ ปากบอกไม่อยากฟังแต่หลังเลิกเรียนมารอเจนที่บ้านเสมอ
“ไหนบอกไม่อยากฟังไงอี่วี แหมมารอกูทุกวันเลยนะ” เจนอดล้อไม่ได้ พอเล่าให้ฟังก็ทำเป็นไม่อยากฟัง ไม่สนใจ พอไม่เล่าก็ทำเป็นถามหา พูดไปถึงเรื่องอื่นก็พยายามจะให้วกมาพูดถึงเรื่องหนึ่งให้ได้แบบเนียน ๆ ทุกที
“ไม่ได้มาถามหามันสักหน่อย มาหามืงสองคนไม่ได้ไง วันหลังจะไม่มาแล้วถ้างั้น” แสงระวีทำโมโหกลบเกลื่อนที่โดนจับได้
“พวกมืงไม่โทรหากันเลยเหรอตั้งแต่วันนั้นน่ะ” เจนถาม
“ไม่อ่ะ หนึ่งไม่อยากคุยกับกูจะหน้าด้านโทรไปทำไม ถ้าหนึ่งอยากคุยคงโทรมาแล้วล่ะ กูอธิบายพูดความจริงไปหมดแล้ว จะให้พูดอะไรอีก” หน้างอง้ำเมื่อพูดถึงชื่อนี้ เธอพยายามง้ออธิบายกับเรื่องที่เกิดขึ้นไปหมดแล้ว จะให้ไปตามง้อถึงบ้านถึงโรงเรียนก็เป็นไปไม่ได้
“ก็มืงทำตัวมืงเองอ่ะวี ถ้ามืงไม่แอบคุยกับคนอื่นหนึ่งมันก็คงไม่ทำแบบนี้ แต่มันยังไม่มีคนคุยใหม่นะ กูเห็นมันยังไม่มีใครเลย หลังเลิกเรียนไม่รู้” โดนเจนต่อว่านิดหน่อย และ เหมือนเจนจะนึกอะไรได้
“วีถ้ากูโทรหาหนึ่งให้มืงจะคุยมั้ย เคลียร์ด้วยข้อความมันไม่กระจ่างหรอกมันต้องคุยกัน กูโทรให้เอามั้ย” เจนพยายามทำตัวเป็นแม่สื่อด้วยอยากให้เพื่อนกลับมาคบกับเพื่อนอีกครั้ง
“ไม่อ่ะเจน กูไม่คุย ! ก็บอกแล้วไงถ้าหนึ่งอยากคุยคงโทรมาเองแหละ” ถึงอย่างไรก็จะทะนงตัวให้ถึงที่สุด เรื่องอะไรจะเป็นฝ่ายง้อ เพราะที่ผ่านมาก็ถือว่าตนเองง้อมามากพอแล้ว
“อ่อ ไม่คุยก็ไม่คุย ว่าแต่พรุ่งนี้วันเสาร์พากูเข้าไปโรงเรียนหน่อยนะ” เจนมองหน้าแสงระวีอย่างมีแผน
“อี่เจลอ่ะ ชวนมันดิ ขี้เกียจไป” ปฏิเสธด้วยใจตุ้มต่อม ประเมินเหตุการณ์แล้วว่าหากไปก็ต้องมีโอกาสเจอหนึ่งแน่นอน ทว่าก็ไม่อยากไป เดี๋ยวโดนหาว่าไปง้ออีก
“อี่เจลมันไม่ไป กูชวนมันแล้ว นะวีมืงไปเป็นเพื่อนกูหน่อย กูไม่มีเพื่อนนั่งรถไปด้วยอ่ะ กูไม่อยากขับมอเตอร์ไซค์คนเดียว มืงเข้าไปเป็นเพื่อนกูนะ กลับบ่ายไม่อยู่นานหรอกนะ ๆ วี” เจนหลับตาพริบ ๆ ทำท่าทางตลกอ้อนวอนให้เธอพาไป สุดท้ายก็ทนต่อลูกอ้อนไม่ได้ ยอมตกลงพาไปแต่โดยดี
วันเสาร์แสงระวีตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ ชุดออกงานเป็นชุดเดิม กางเกงวอร์มสีดำ และเสื้อยืดคอกลม พร้อมเสื้อแขนยาวสวมทับ เก็บแป้ง หวี กระจก ลิปมันพร้อมน้ำยาอุทัยทิพย์ใส่ในกระเป๋าสะพายใบเล็ก ๆ เตรียมความพร้อมสำหรับธุระของเจนในวันนี้
แม่ให้เงินติดตัวห้าร้อยบาท เพราะเธอขอมาซื้อหนังสือเรียนด้วย แต่งตัวเสร็จพาน้อง ๆ ไปส่งที่บ้านของยาย สำหรับวันนี้เธอไม่ได้แอบพ่อกับแม่ไปหาผู้ชายนะ เธอพาเจนไปโรงเรียนต่างหาก บอกกับแม่ว่าจะพาเจนเข้าไปโรงเรียนและจะไปดูหนังสือติวเข้า ม.4 ด้วย และแม่ก็อนุญาตแต่โดยดี
“วาพาน้องวายไปเล่นบ้านยายนะ นี่เงินพี่ให้เอาไว้ซื้อขนม พี่วีไปแป๊บเดียวก็กลับมาละ เดี๋ยวซื้อเงาะมาฝาก” แสงระวีบอกกับน้องสาว ขณะพากันเดินลงมาจากบ้าน ตนเองจะเดินไปส่งน้อง ๆ ที่บ้านของยายก่อนค่อยวนมาที่บ้านสองฝาแฝด
“อย่ากลับบ้านเย็นมากล่ะ แม่ทำงานมาเหนื่อยอย่าให้ได้บ่น ทุกอย่างต้องเรียบร้อย” น้องวาพูดกับเธอ พอโดนสั่งสอนแบบนี้ก็เบิกตาเลิกคิ้วมองค้อนน้องสาว หมั่นไส้ในคำพูดนักเป็นน้องหรือเป็นแม่กันแน่ สั่งอย่างกับเป็นแม่ก็มิปาน
“จ้า ! แม่ประคุณทูลหัวของพี่” กลอกตามองบนน้องสาวเข้าให้ ก่อนจะปิดบ้านให้เรียบร้อยและพาน้อง ๆ ไปส่งที่บ้านยาย จากนั้นเดินกลับมาหาเจนที่บ้านแล้วพากันขับมอเตอร์ไซค์เข้าไปในเมือง
“วีแวะบ้านแพมก่อนนะ แพมกับปุ้มรอเราอยู่ ค่อยออกไปโรงเรียนพร้อมกัน” เจนหันหน้ามาพูดด้วยขณะกำลังขับรถ แสงระวีไม่ขัดอะไรอยู่แล้ว มาถึงขนาดนี้ไปไหนไปกัน บ้านของแพมอยู่ถึงก่อนเข้าตัวเมือง อีกไม่นานก็ใกล้จะถึงแล้ว
ระหว่างนั่งรถพวกเธอสองคนตะโกนคุยกันบ้างเงียบบ้างเป็นระยะ ๆ เนื่องจากทัศนวิสัยในการฟังไม่ดีเท่าไหร่ ทั้งเสียงลมแถมยังสวมหมวกกันน็อกเข้าไปอีก ทำให้ไม่ค่อยได้ยินเสียงที่พูดนัก ระหว่างนั่งรถไปตามถนน แว่บหนึ่งของความคิดที่ผุดขึ้น เธอขอให้ได้เจอหนึ่งเถอะ
รู้สึกอยากเจอไม่ได้คุยกันหลายวันมันโหยหาแปลก ๆ จะบอกว่าคิดถึงก็ใกล้เคียงแต่ไม่ใช่ทั้งหมดของความรู้สึก นั่งซ้อนท้ายเจนใจลอยไปหาหนึ่งจะได้เจอหรือเปล่า หนึ่งจะมาด้วยไหม ระหว่างนั่งรถไปกับเจนคิดอะไรเงียบ ๆ เพลิน ๆ
และแล้วก็มาถึงหมู่บ้านของแพม เจนขับรถเข้าไปในหมู่บ้านอย่างคนคุ้นเคย ไม่หลงทางไม่โทรถามด้วย แสงระวีคิดว่าเจนน่าจะมาอยู่บ่อย ๆ เจนขับเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาอย่างชำนาญ ไม่นานรถก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านสองชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้ บ้านของแพมนั่นเอง ปุ้มมารออยู่ก่อนแล้ว
“พร้อมยังไปกันเถอะเก้ากับหนึ่งไปถึงโรงเรียนตั้งนานแล้ว” พวกเธอสองคนมาถึงไม่ยอมลงจากรถทานน้ำหรือทำอะไรกันเลย บอกกล่าวกับเพื่อนทั้งสองคนให้รีบไป เพราะมีเพื่อนอีกสองคนไปรอนานแล้ว แพมกับปุ้มไม่พูดมากจากนั้นทั้งสี่คนก็ออกเดินทางไปยังโรงเรียนของพวกตน
หนึ่งกับเก้าไปคอยที่โรงเรียนอยู่ เมื่อคิดว่าจะต้องได้เจอหนึ่งวันนี้ ความรู้สึกของแสงระวีกลับเปลี่ยนไป ไม่อยากเจอ ยิ่งใกล้ถึงโรงเรียนยิ่งหวั่นไหว ถ้าเจอหนึ่งแล้วจะต้องวางตัวอย่างไร จะทำอย่างไร อยู่แบบไหน พอคิดแบบนี้มันก็อยากกลับเอาดื้อ ๆ ไม่อยากไปด้วย จะชวนเจนกลับคงโดนด่ากลับมา ไหน ๆ ก็มาแล้วตายเป็นตายแสงระวีคิดในใจขณะนั่งรถออกจากบ้านแพมไปโรงเรียน
เจนพาเธอขับรถเข้ามาในบริเวณโรงเรียน โรงเรียนเปลี่ยนไปมากจากครั้งที่เธอพาเจลมาจับฉลากปีนั้น ปีนี้มีอาคารที่กำลังสร้างใหม่สองหลัง ทุกอย่างเปลี่ยนไปแปลกตา แค่นี้แสงระวีก็ตื่นเต้นแทบแย่ แอบนึกไปถึงวันได้เข้ามาเป็นนักเรียนโรงเรียนนี้มันก็ตื่นเต้นดี
เจนพาเธอขับรถมาจอดหน้าตึกเรียนชั้นของตน มีผู้ชายคนหนึ่งยืนมองลงมาจากชั้นสามของอาคาร เธอถอดหมวกกันน็อกออกแหงนมองขึ้นไปตามความรู้สึก ที่รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังมองอยู่ เห็นหนึ่งกำลังยืนมองลงมาที่ตนเองกับเจน จึงรีบเดินเข้าไปหลบยืนภายในตัวอาคารทันที ไม่ทันเห็นหนึ่งแสยะยิ้มให้
“เป็นไรวี” เจนถาม คงเห็นเธอรีบร้อนแปลก ๆ จึงถามขึ้น
“เปล่า ! กูร้อน “ ปฏิเสธไป “เจนที่เรายืนอยู่นี่อาคาร ม.3 เหรอ แล้วห้องมืงอยู่ชั้นไหนอ่ะ” แสงระวีถามด้วยความสงสัย แต่น่าจะใช่แหละไม่งั้นเจนคงไม่จอดรถหน้าอาคารนี่หรอก
แสงระวี….บทที่ 8 (รีไรท์)
.
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ที่ทั้งสองคนไม่ได้โทรคุยกันเหมือนเดิม แสงระวีทำใจยอมรับ ลึก ๆ ยังคงรอคอยสายของหนึ่งทุกวัน พักเที่ยงจับโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คตลอดเวลา เหมือนกลัวว่าจะพลาดไม่ได้รับสายหากมีคนโทรเข้า แต่ถ้าจะให้โทรหา แสงระวีก็ไม่คิดจะโทรเหมือนกัน ส่วนแท็กต่างคนต่างอยู่ ไม่สานความสัมพันธ์อีกต่อไป
เป็นอย่างที่แสงระวีคาดเดาเอาไว้ไม่มีผิด แท็กเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด เป็นฝีมือแท็กเองที่ทำให้หนึ่งรู้เรื่องนี้ เจนอาสาเคลียร์เรื่องทั้งหมดให้ ถามปัญหาทำไมหนึ่งถึงเปลี่ยนไปเพราะอะไรกัน หนึ่งนำข้อความที่แท็กส่งมาให้เจนดู จากนั้นเจนนำมาให้ตนเองดูอีกที เป็นเบอร์ของแท็กจริง ๆ แสงระวีถอนหายใจ หนึ่งจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหม อยากอธิบายแต่ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเช่นกัน
แต่ว่าสิ่งที่อยากรู้ คือ แท็กได้เบอร์หนึ่งมาจากไหน แสงระวีพยายามคิดหาสถานการณ์ช่วงไหนที่จะเป็นไปได้มากที่สุด ตนเองไม่เคยให้โทรศัพท์เพื่อนคนไหนเล่นเลย ถึงเพื่อน ๆ ในกลุ่มจะพอรู้จักกับหนึ่งอยู่บ้างก็ไม่ได้มีเบอร์โทรศัพท์กัน แล้วแท็กเอาเบอร์ของหนึ่งมาจากไหน นั่งเหม่อลอยครุ่นคิดเรื่องนี้ก็คิดไม่ตกสักที
และแล้วเธอก็นึกเหตุการณ์บางเหตุการณ์ขึ้นมาได้ หรือจะเป็นตอนนั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งเพื่อน ๆ ขออนุญาตนำโทรศัพท์ของเธอไปถ่ายรูป เธอให้โทรศัพท์แก่เพื่อนไป ไม่ได้หวงเพราะไม่คิดอะไรมาก ไม่คิดว่าจะเป็นแผนของใครบางคน สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ระงับความโกรธเอาไว้ ไม่อยากให้เรื่องนี้ต้องทำให้เสียเพื่อนไปอีก ถึงอย่างไรมันก็ผ่านไปแล้ว แท็กนะแท็ก เห็นแบบนี้ร้ายนัก
น่าจะเป็นเหตุการณ์นั้นแน่ ! แท็กเอาเบอร์โทรศัพท์ของหนึ่งไป พอคิดแบบนั้นยิ่งทำให้แสงระวีไม่อยากคุยด้วยเข้าไปอีก แม้แต่หน้าก็ไม่อยากเจอ มิหนำซ้ำแสงระวียังรู้มาอีกด้วยว่า ที่แท็กมีเบอร์โทรของตนเอง โทรหาตนเองได้เพราะยูเอ็น
“อี่ยูเอ็น ! “ แสงระวีพึมพำเอ่ยชื่อเพื่อนสนิท “พวกมืงนี่ร้ายกันจังนะ ! “ พึมพำคนเดียวที่โต๊ะนักเรียนของตน ระหว่างพักเที่ยงหลังทานข้าวเสร็จก็พากันขึ้นมาเล่นที่ห้องเรียนเช่นทุกวัน แตกต่างกันก็เพียงไม่มีสายของหนึ่ง ไม่ได้คุยกับหนึ่งอีกแล้ว
คิดไปคิดมาก็ไม่อยากถือสาหาความ ถึงอย่างไรเรื่องนี้มันก็ผ่านมาแล้ว ทะเลาะกันไปก็ไม่ได้ทำให้หนึ่งกลับมาคืนดีด้วย มีแต่จะเสียเพื่อนเปล่า ๆ อีกอย่างไม่นานก็จะจบ ม.3 ย้ายโรงเรียนจากกันแล้ว ปล่อยผ่านไปดีกว่า จากกันด้วยดี ๆ กว่า อย่างน้อยมิตรภาพของความเป็นเพื่อนก็ยังอยู่
แสงระวีถอนหายใจคิดถึงหนึ่งแบบบอกไม่ถูก ทว่าก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าต่างคนต่างอยู่แบบนี้ ปรายตามองเพื่อน ๆ เล่นกันอย่างมีความสุข ทำไมตนเองถึงเศร้าใจแบบนี้ก็ไม่รู้ ไม่ได้รักหนึ่งแต่มันคุ้นเคย ก็คนมันคุยกันทุกวันนี่นา ทำหน้าละห้อยนอนหมอบไปกับโต๊ะเรียน หนุนแขนตนเองนึกไปเรื่อยเปื่อย
“วีไม่คุยกับหนึ่งเหรอวันนี้” ฝ้ายถาม เดินมานั่งเล่นที่โต๊ะเป็นเพื่อน คงสังเกตมาหลายวัน ไม่เห็นเธอคุยโทรศัพท์ ฝ้ายคงสงสัย
พอฝ้ายเดินมานั่งด้วยก็ลุกขึ้น “ไม่อ่ะ หนึ่งไม่ว่าง ช่วงนี้เห็นบอกว่าเรียนหนัก กิจกรรมเยอะน่ะ” แสงระวีโกหก ไม่อยากให้เพื่อน ๆ รู้ว่าเลิกคุยกันไปแล้ว โดยเฉพาะกับแท็ก อยากเอาชนะ อยากให้แท็กเห็นว่าถึงตนเองจะทำแบบนั้นลงไป ก็ไม่ได้ทำให้พวกเธอเลิกคุยกัน
“กูก็นึกว่ามืงเลิกคุยกันแล้วซะอีก กูไม่ได้เอ่อ อยากรู้อยากเห็นนะ” ฝ้ายพูดกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย แสงระวีปรายตามองเพื่อนยิ้มให้เช่นกัน แหม๋ ! นี่ขนาดไม่ได้อยากรู้นะ ค่อนขอดเพื่อนในใจ
“อือ แต่ถึงกูจะเลิกกับหนึ่งกูก็ไม่คุยกับใคร กูจะโสดเว้ย ! กูเบื่อไม่อยากมีแฟนแล้ว เบื่อมาก ! ” แสงระวีพูดประโยคนี้หนักแน่นเสียงดัง ต้องการให้แท็กได้ยิน และ จำเอาไว้ว่าจะไม่มีวันให้โอกาสอีกต่อไป อยากทำอะไรไม่เข้าท่าเอง
แม้แท็กจะปากแข็งปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ และ พยายามขอโทษสักแค่ไหน แสงระวีก็ไม่มีโอกาสจะให้อีก ไม่ชอบคนที่ทำนอกเหนือคำสั่งหรือข้อกำหนดที่ตั้งเอาไว้ ในเมื่อตกลงกันแล้วว่าตนเองมีคนคุยมาก่อน และ แท็กรับปากว่ารับได้เข้าใจ แต่ทำไมยังทำแบบนี้อีก แสงระวีตัดสินใจจบความสัมพันธ์แบบไม่รีรอ และสองคนกลายเป็นคนไม่รู้จักกันอีกต่อไป
ทุก ๆ วันหลังเลิกเรียนเธอจะไปเล่นกับพี่สาวฝาแฝด มันเหงาและมันก็อยากทราบเรื่องราวของใครบางคน วันนี้ก็เช่นกัน เจนเป็นหน่วยข่าวกรองสืบข่าวของหนึ่งให้เธอทุกวัน หนึ่งทำอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง เจนจะนำมาเล่าให้ฟังเสมอ ปากบอกไม่อยากฟังแต่หลังเลิกเรียนมารอเจนที่บ้านเสมอ
“ไหนบอกไม่อยากฟังไงอี่วี แหมมารอกูทุกวันเลยนะ” เจนอดล้อไม่ได้ พอเล่าให้ฟังก็ทำเป็นไม่อยากฟัง ไม่สนใจ พอไม่เล่าก็ทำเป็นถามหา พูดไปถึงเรื่องอื่นก็พยายามจะให้วกมาพูดถึงเรื่องหนึ่งให้ได้แบบเนียน ๆ ทุกที
“ไม่ได้มาถามหามันสักหน่อย มาหามืงสองคนไม่ได้ไง วันหลังจะไม่มาแล้วถ้างั้น” แสงระวีทำโมโหกลบเกลื่อนที่โดนจับได้
“พวกมืงไม่โทรหากันเลยเหรอตั้งแต่วันนั้นน่ะ” เจนถาม
“ไม่อ่ะ หนึ่งไม่อยากคุยกับกูจะหน้าด้านโทรไปทำไม ถ้าหนึ่งอยากคุยคงโทรมาแล้วล่ะ กูอธิบายพูดความจริงไปหมดแล้ว จะให้พูดอะไรอีก” หน้างอง้ำเมื่อพูดถึงชื่อนี้ เธอพยายามง้ออธิบายกับเรื่องที่เกิดขึ้นไปหมดแล้ว จะให้ไปตามง้อถึงบ้านถึงโรงเรียนก็เป็นไปไม่ได้
“ก็มืงทำตัวมืงเองอ่ะวี ถ้ามืงไม่แอบคุยกับคนอื่นหนึ่งมันก็คงไม่ทำแบบนี้ แต่มันยังไม่มีคนคุยใหม่นะ กูเห็นมันยังไม่มีใครเลย หลังเลิกเรียนไม่รู้” โดนเจนต่อว่านิดหน่อย และ เหมือนเจนจะนึกอะไรได้
“วีถ้ากูโทรหาหนึ่งให้มืงจะคุยมั้ย เคลียร์ด้วยข้อความมันไม่กระจ่างหรอกมันต้องคุยกัน กูโทรให้เอามั้ย” เจนพยายามทำตัวเป็นแม่สื่อด้วยอยากให้เพื่อนกลับมาคบกับเพื่อนอีกครั้ง
“ไม่อ่ะเจน กูไม่คุย ! ก็บอกแล้วไงถ้าหนึ่งอยากคุยคงโทรมาเองแหละ” ถึงอย่างไรก็จะทะนงตัวให้ถึงที่สุด เรื่องอะไรจะเป็นฝ่ายง้อ เพราะที่ผ่านมาก็ถือว่าตนเองง้อมามากพอแล้ว
“อ่อ ไม่คุยก็ไม่คุย ว่าแต่พรุ่งนี้วันเสาร์พากูเข้าไปโรงเรียนหน่อยนะ” เจนมองหน้าแสงระวีอย่างมีแผน
“อี่เจลอ่ะ ชวนมันดิ ขี้เกียจไป” ปฏิเสธด้วยใจตุ้มต่อม ประเมินเหตุการณ์แล้วว่าหากไปก็ต้องมีโอกาสเจอหนึ่งแน่นอน ทว่าก็ไม่อยากไป เดี๋ยวโดนหาว่าไปง้ออีก
“อี่เจลมันไม่ไป กูชวนมันแล้ว นะวีมืงไปเป็นเพื่อนกูหน่อย กูไม่มีเพื่อนนั่งรถไปด้วยอ่ะ กูไม่อยากขับมอเตอร์ไซค์คนเดียว มืงเข้าไปเป็นเพื่อนกูนะ กลับบ่ายไม่อยู่นานหรอกนะ ๆ วี” เจนหลับตาพริบ ๆ ทำท่าทางตลกอ้อนวอนให้เธอพาไป สุดท้ายก็ทนต่อลูกอ้อนไม่ได้ ยอมตกลงพาไปแต่โดยดี
วันเสาร์แสงระวีตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ ชุดออกงานเป็นชุดเดิม กางเกงวอร์มสีดำ และเสื้อยืดคอกลม พร้อมเสื้อแขนยาวสวมทับ เก็บแป้ง หวี กระจก ลิปมันพร้อมน้ำยาอุทัยทิพย์ใส่ในกระเป๋าสะพายใบเล็ก ๆ เตรียมความพร้อมสำหรับธุระของเจนในวันนี้
แม่ให้เงินติดตัวห้าร้อยบาท เพราะเธอขอมาซื้อหนังสือเรียนด้วย แต่งตัวเสร็จพาน้อง ๆ ไปส่งที่บ้านของยาย สำหรับวันนี้เธอไม่ได้แอบพ่อกับแม่ไปหาผู้ชายนะ เธอพาเจนไปโรงเรียนต่างหาก บอกกับแม่ว่าจะพาเจนเข้าไปโรงเรียนและจะไปดูหนังสือติวเข้า ม.4 ด้วย และแม่ก็อนุญาตแต่โดยดี
“วาพาน้องวายไปเล่นบ้านยายนะ นี่เงินพี่ให้เอาไว้ซื้อขนม พี่วีไปแป๊บเดียวก็กลับมาละ เดี๋ยวซื้อเงาะมาฝาก” แสงระวีบอกกับน้องสาว ขณะพากันเดินลงมาจากบ้าน ตนเองจะเดินไปส่งน้อง ๆ ที่บ้านของยายก่อนค่อยวนมาที่บ้านสองฝาแฝด
“อย่ากลับบ้านเย็นมากล่ะ แม่ทำงานมาเหนื่อยอย่าให้ได้บ่น ทุกอย่างต้องเรียบร้อย” น้องวาพูดกับเธอ พอโดนสั่งสอนแบบนี้ก็เบิกตาเลิกคิ้วมองค้อนน้องสาว หมั่นไส้ในคำพูดนักเป็นน้องหรือเป็นแม่กันแน่ สั่งอย่างกับเป็นแม่ก็มิปาน
“จ้า ! แม่ประคุณทูลหัวของพี่” กลอกตามองบนน้องสาวเข้าให้ ก่อนจะปิดบ้านให้เรียบร้อยและพาน้อง ๆ ไปส่งที่บ้านยาย จากนั้นเดินกลับมาหาเจนที่บ้านแล้วพากันขับมอเตอร์ไซค์เข้าไปในเมือง
“วีแวะบ้านแพมก่อนนะ แพมกับปุ้มรอเราอยู่ ค่อยออกไปโรงเรียนพร้อมกัน” เจนหันหน้ามาพูดด้วยขณะกำลังขับรถ แสงระวีไม่ขัดอะไรอยู่แล้ว มาถึงขนาดนี้ไปไหนไปกัน บ้านของแพมอยู่ถึงก่อนเข้าตัวเมือง อีกไม่นานก็ใกล้จะถึงแล้ว
ระหว่างนั่งรถพวกเธอสองคนตะโกนคุยกันบ้างเงียบบ้างเป็นระยะ ๆ เนื่องจากทัศนวิสัยในการฟังไม่ดีเท่าไหร่ ทั้งเสียงลมแถมยังสวมหมวกกันน็อกเข้าไปอีก ทำให้ไม่ค่อยได้ยินเสียงที่พูดนัก ระหว่างนั่งรถไปตามถนน แว่บหนึ่งของความคิดที่ผุดขึ้น เธอขอให้ได้เจอหนึ่งเถอะ
รู้สึกอยากเจอไม่ได้คุยกันหลายวันมันโหยหาแปลก ๆ จะบอกว่าคิดถึงก็ใกล้เคียงแต่ไม่ใช่ทั้งหมดของความรู้สึก นั่งซ้อนท้ายเจนใจลอยไปหาหนึ่งจะได้เจอหรือเปล่า หนึ่งจะมาด้วยไหม ระหว่างนั่งรถไปกับเจนคิดอะไรเงียบ ๆ เพลิน ๆ
และแล้วก็มาถึงหมู่บ้านของแพม เจนขับรถเข้าไปในหมู่บ้านอย่างคนคุ้นเคย ไม่หลงทางไม่โทรถามด้วย แสงระวีคิดว่าเจนน่าจะมาอยู่บ่อย ๆ เจนขับเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาอย่างชำนาญ ไม่นานรถก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านสองชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้ บ้านของแพมนั่นเอง ปุ้มมารออยู่ก่อนแล้ว
“พร้อมยังไปกันเถอะเก้ากับหนึ่งไปถึงโรงเรียนตั้งนานแล้ว” พวกเธอสองคนมาถึงไม่ยอมลงจากรถทานน้ำหรือทำอะไรกันเลย บอกกล่าวกับเพื่อนทั้งสองคนให้รีบไป เพราะมีเพื่อนอีกสองคนไปรอนานแล้ว แพมกับปุ้มไม่พูดมากจากนั้นทั้งสี่คนก็ออกเดินทางไปยังโรงเรียนของพวกตน
หนึ่งกับเก้าไปคอยที่โรงเรียนอยู่ เมื่อคิดว่าจะต้องได้เจอหนึ่งวันนี้ ความรู้สึกของแสงระวีกลับเปลี่ยนไป ไม่อยากเจอ ยิ่งใกล้ถึงโรงเรียนยิ่งหวั่นไหว ถ้าเจอหนึ่งแล้วจะต้องวางตัวอย่างไร จะทำอย่างไร อยู่แบบไหน พอคิดแบบนี้มันก็อยากกลับเอาดื้อ ๆ ไม่อยากไปด้วย จะชวนเจนกลับคงโดนด่ากลับมา ไหน ๆ ก็มาแล้วตายเป็นตายแสงระวีคิดในใจขณะนั่งรถออกจากบ้านแพมไปโรงเรียน
เจนพาเธอขับรถเข้ามาในบริเวณโรงเรียน โรงเรียนเปลี่ยนไปมากจากครั้งที่เธอพาเจลมาจับฉลากปีนั้น ปีนี้มีอาคารที่กำลังสร้างใหม่สองหลัง ทุกอย่างเปลี่ยนไปแปลกตา แค่นี้แสงระวีก็ตื่นเต้นแทบแย่ แอบนึกไปถึงวันได้เข้ามาเป็นนักเรียนโรงเรียนนี้มันก็ตื่นเต้นดี
เจนพาเธอขับรถมาจอดหน้าตึกเรียนชั้นของตน มีผู้ชายคนหนึ่งยืนมองลงมาจากชั้นสามของอาคาร เธอถอดหมวกกันน็อกออกแหงนมองขึ้นไปตามความรู้สึก ที่รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังมองอยู่ เห็นหนึ่งกำลังยืนมองลงมาที่ตนเองกับเจน จึงรีบเดินเข้าไปหลบยืนภายในตัวอาคารทันที ไม่ทันเห็นหนึ่งแสยะยิ้มให้
“เป็นไรวี” เจนถาม คงเห็นเธอรีบร้อนแปลก ๆ จึงถามขึ้น
“เปล่า ! กูร้อน “ ปฏิเสธไป “เจนที่เรายืนอยู่นี่อาคาร ม.3 เหรอ แล้วห้องมืงอยู่ชั้นไหนอ่ะ” แสงระวีถามด้วยความสงสัย แต่น่าจะใช่แหละไม่งั้นเจนคงไม่จอดรถหน้าอาคารนี่หรอก