คิดถึง 2 บทที่ 68

กระทู้สนทนา

.

                 ไดอารี่ความคิดถึง

               ในวันเหงา ๆ ลูกค้าไม่มีสักคน บอสเลื่อนเฟซบุ๊กดูนู่นดูนี่ไปเรื่อยแก้เซ็ง ทว่าดันไปเห็นข้อความของปุ้มเพื่อนของแพรวที่โพสต์เอาไว้ เป็นโพสต์ที่โพสต์เล่น ๆ สนุกกันเท่านั้น อดหัวเราะให้ไม่ได้ เมื่อภาพในหัวมันดันนึกไปถึงเรื่องสมัยตอนเด็ก ๆ ที่ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทกันดีด้วยซ้ำ

                 สมัยนั้นเธอแค่รู้จักกันในนามเพื่อนของเพื่อนเท่านั้น ทว่าก็รู้จักกัน ไปเที่ยวเล่นด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง ตามแต่โอกาสที่ได้ตามพิมพ์กับแพรวไปเล่นด้วย พอขึ้น ม.ปลายถึงได้เริ่มสนิทกัน เล่นด้วยกันเต็มที่

                 ปุ้มโพสต์ว่า ‘ตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 28 ปีพีระพรรณเคยสร้างวีรกรรมกับใครเอาไว้บ้าง โหสิให้แม่พีระด้วยนะ อิอิ BD TO ME’ ตนเอง วันนี้เป็นวันเกิดของปุ้ม บอสยังไม่ได้แฮปปี้เบิร์ดเดย์เพื่อนด้วย กะอวยพรไปในตัว ถ้าเป็นสมัยยังเรียนอยู่ป่านนี้นึกหาสถานที่ปาร์ตี้กันแล้วล่ะหลังเลิกเรียน ถ้ามีวันเกิดใครคนใดคนหนึ่งอย่าหวังว่าจะได้กลับบ้าน

                  บอสได้อ่านแล้วก็นึกถึงเรื่องดี ๆ ไม่มีเลย มีเรื่องหนึ่งที่แล่นเข้ามาในหัว จึงตอบคอมเมนต์โพสต์ของปุ้มไป

                  “อย่าให้สุนิต้องเล่านะพีระ “ พร้อมเลขห้าหลายตัวและสติ๊กเกอร์หัวเราะส่งตามไปด้วย พวกเธอชอบย่อชื่อกันเอง เรียกด้วยความสนุกเฮฮา

                  “เหลามาสุ โหสิให้พีด้วยนะ ! ฮา “ ปุ้มตอบกลับเมนต์มาอย่างเร็ว เรียกคำนำหน้าชื่อจริงของเธอสั้น ๆ คำเดียว เธอนั่งอ่านคอมเมนต์ของเพื่อนไปหัวเราะไปด้วย วันนี้ผู้จัดการหยุดทางสะดวก จะทำอะไรก็ได้ สำหรับวันนี้เธอเป็นผู้จัดการเอง หึหึ

                   มีเพื่อน ๆ ของปุ้มหลายคนมาตอบคอมเมนต์ มีทั้งคนที่เธอรู้จักและไม่รู้จัก ส่วนมากก็จะเป็นเพื่อน ๆ คนกันเองทั้งนั้นที่เข้ามา แก๊งของพวกเธอนั่นแหละ และ เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยของปุ้มก็เข้ามาเมนต์ด้วย

                    “อย่าให้ต้องเหลา เพียบ ! ฮา ” แพรวเข้ามาตอบคอมเมนต์ด้วย คราวนี้กลายเป็นพื้นที่ความฮาของพวกเธอทั้งแก๊งเลย รวมทั้งเพื่อนร่วมห้องของเธอด้วย ที่เข้ามาร่วมคอมเมนต์ในโพสต์ของปุ้ม

                     เพื่อน ๆ ต่างเค้นวันเก่า ๆ ที่ได้ซ่าร่วมกันกับปุ้มพีระพรรณ มาล้อมาแซวและคอมเมนต์ฮา ๆ กัน เรื่องราวของเธอกับปุ้มก็มี นึกไปถึงวันที่ไปเที่ยวเล่นกับแพรว จำได้ว่าพาแพรวไปโรงเรียน ตอนนั้นเธอก็ยังเรียนอยู่โรงเรียนตำบล ทว่าเที่ยวไปโรงเรียนของพี่สาวอย่างกับโรงเรียนของตนเองมาก

                    “ของกูเด้อ กูจำวีรกรรมกับปุ้มได้คัก กูจำบ่ลืมคักซะ กูสิเว้าจนลูกปุ้มบวชพุ่นล่ะ สู ! กูว่าเฮาแชทเว้าในกลุ่มกันบ่ หน้าโพสต์ปุ้มมันขึ้นแจ้งเตือนคนอื่นแหมะ คะเจ้าสิรำคาญเฮาแหมะ” ก่อนที่บอสจะคอมเมนต์ต่อจึงเอ่ยชวนเพื่อน ๆ ย้ายไปคุยกันที่แชทกลุ่ม เกรงใจเพื่อนคนอื่น ๆ ของปุ้ม

                    “บ่ ๆ พิมพ์หน้าวอลล์หนิล่ะมันจังมวน เว้ามาสุนิสากุถ่าฟัง” แก๊บสามีของปุ้มที่เปลี่ยนจากเพื่อนมาเป็นแฟนและเป็นสามีในที่สุด คอมเมนต์ตอบเธอ มีเพื่อนร่วมห้องมากดถูกใจคอมเมนต์ให้ด้วย ทว่าก็ไม่ได้เมนต์อะไรตอบกลับมา

                   “พุ่นน่า กูถ้าฟัง 55555 “ พิมพ์ตอบคอมเมนต์ของแก๊บไป พร้อมเลขห้าหลายตัวแทนการหัวเราะ เธออ่านไปหัวเราะไปคนเดียวอยู่ที่ทำงาน “มืงคือบ่ถามเมียเอาสั่น บ่ต้องถ่า” พิมพ์คอมเมนต์ต่อ

                    “สุ ! สุนิสาจำได้มั้ย เค้าเข้าข้างสุนิตลอดนะตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา บอสจะขายเค้าไม่ได้นะ กูหนินั่งก้นบ่ติดแล้วนะ ฮา “ เจ้าตัวคอมเมนต์ต่อท้ายมา เธอเองก็หัวเราะเกือบกรามค้าง จะกลัวอะไรนักหนาแค่จะรำลึกความหลังด้วยกันเท่านั้นเอง

                  “เหลามาสุนิ ชฎารอฟังอยู่” จ๋อมชฎาพรเข้ามาต่อคอมเมนต์ พวกเธอเมนต์คุยกันจ้าละหวั่นอย่างสนุก ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าได้ไปนั่งคุยกันจริง ๆ จะฮาแค่ไหน แค่คอมเมนต์คุยกันผ่านโซเชียลยังสนุกและมีความสุขขนาดนี้

                  “พชร อยากฟังมั้ยน๊า 5555 “ แก๊บหันมาเล่นงานเธอไปอีก ไม่เคยเปลี่ยนเลยนิสัย คราวนี้ทุกคนกดหัวเราะให้คอมเมนต์ของแก๊บเป็นการใหญ่ รวมทั้งเพื่อนร่วมห้องของเธอด้วย ที่เข้ามร่วมกดหัวเราะให้แก๊บ ไม่เมนต์คุยอะไรเพียงแค่ส่งสติ๊กเกอร์มาร่วมวงสนทนาด้วยเท่านั้น

                     “โอ้ย ! อย่าพากูเปลี่ยนเรื่องหลาย กูเซาเว้าดิ๊เอาแหมะ 5555” เธอรีบพิมพ์ตอบกลับไปอย่างเร็ว

                      “พุ่นน่า กูเซาเว้าเด้ว่าซั่น 55555 “

                    “เว้ากันไปโลดเด้อ เฮ็ดงานจักคราวก่อน” เพื่อนร่วมห้องของเธอขอตัว เพื่อน ๆ แต่ละคนรุมเข้ามากดหัวเราะกันใหญ่ นอกจากจะเป็นเพื่อน ๆ ในแก๊งของเธอแล้ว ยังมีเพื่อนร่วมห้องเรียนสมัยมัธยมปลายเข้ามากดหัวเราะให้อีก

                      “เหลามาสุนิสา ไปเฮ็ดวีรกรรมหยังมากับแม่พีระพรรณ” ที่เรียกปุ้มว่าแม่เพราะตอนนี้ปุ้มเป็นคุณแม่ลูกสองไปแล้วกับแก๊บ แพรวเป็นคนตอบคอมเมนต์

                     บอสจัดการพิมพ์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านเป็นฉาก ๆ ทีละน้อย ๆ แล้วกดส่งให้เพื่อน ๆ ได้อ่านอย่างเข้าใจและตลกที่สุด “ตอนอยู่ ม.2 กูจำได้ พาอี่แพรวไปหาสูอยู่โรงเรียน ไปปานโรงเรียนกูพุ่นล่ะ ไปดูโพดโพ 55555 “ พิมพ์เลขห้าแทนการหัวเราะ “กูจำได้เลยกูอยากกินส้มตำร้านอยู่ บขส. กูเลยชวนปุ้มไป “

                     “เดี๋ยว ๆ มืงเป็นหยังคืออยากกินร้านตำอยู่ บขส. มันแซบติ ร้านอยู่หลังโรงเรียนกะมีใกล้ ๆ บ่กินแหมะ” พิมพ์คอมเมนต์ตอบเธอ มีบางเรื่องที่เพื่อน ๆ ในแก๊งไม่รู้ แม้กระทั่งเพื่อนร่วมห้องของเธอ แต่ สำหรับพวกเธอสามคนพี่น้องถ้าไม่เป็นเรื่องส่วนตัวจริง ๆ จะเล่าให้กันฟังทุกอย่าง

                      “ร้านครูอยู่โรงเรียนกูแหมะ ! กูกะอยากไปอุดหนุน” ครูที่เธอหมายถึงเป็นครูฝึกสอนสมัยที่เธอเรียนอยู่ ม.ต้น หน้าตาดีพอสมควร

                    “เหรอ ! “ แพรวอีกคนที่คอมเมนต์มาล้อ “เว้าต่อ ๆ มืงกับปุ้มไปเฮ็ดหยังกันบาดหนิ” แพรวเมนต์มาอีก บอสนึกถึงเรื่องนั้นแล้วก็หัวเราะคนเดียวอีก มันไม่มีอะไรที่ตลก แต่พอนึกถึงแล้วมันกลับตลก ตอนนั้นมันไม่ตลกเลย มันอันตรายมากกว่า พอเวลาผ่านไปมันกลับกลายเป็นเรื่องตลกที่ไม่เคยลืม

                     วันเสาร์แพรวชวนเธอให้พามาโรงเรียน ด้วยความที่อยากเที่ยวในเมืองอยู่แล้วเธอจึงไม่ปฏิเสธ ยายก็ไม่ได้ว่าอะไร พวกเธอสามคนพี่น้องซ้อนมอเตอร์ไซค์สามคนเหมือนเดิม มาทางลัดหลบตำรวจเหมือนเดิม และ มาถึงโรงเรียนโดยสวัสดิภาพเช่นทุกครั้ง

                        ตอนนี้บอสกับเพื่อน ๆ ของสองฝาแฝดรู้จักและคุ้นเคยกันพอสมควร ระยะเวลาหนึ่งปีตั้งแต่ เรียน ม.1 เจอกันก็บ่อยครั้ง ทำให้สนิทกันโดยปริยาย ทั้งที่ไม่ได้เรียนโรงเรียนเดียวกันเลย เวลาแพรวหรือพิมพ์มีธุระมักชวนตนเองมาด้วยบ่อย ๆ จึงทำให้ความสัมพันธ์ไปกันได้เร็วกับเพื่อน ๆ ของทั้งสองคน

                      “บอส ! จะของพาเขาไปเซเว่นแน่” ปุ้มสะกิดเธอขอให้พาออกไปร้านสะดวกซื้อข้างนอกโรงเรียน

                      “ไปกะไป ปะ “ เธอตอบตกลงทันที รู้สึกเบื่อ ๆ อยากไปเลาะด้วย และ มีแผนในใจด้วย เพื่อนผู้ชายของแพรวปรายตามองเธอ ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไร

                    “ยืมรถแพรวไปเด้อ หรือ สิยางไปบ่สั่น” ปุ้มเสนอทางเลือก

                   “ป๊าด ! ตั้งบักไกล แพรวยืมรถแน่ “ บอสขอยืมรถมอเตอร์ไซค์ขอบแพรว เจ้าตัวก็ไม่ได้หวงอะไร ให้ยืมง่าย ๆ

                    “ฟ้าวไปฟ้าวมาเด้อ มีใบขับขี่อยู่ติ ถืกจับเด้อจ้า” เพื่อนชายของแพรวพูดกลั้วยิ้ม เหมือนจะเป็นห่วงทว่ากลับรู้สึกว่าโดนแช่งอย่างไรไม่รู้ เธอไม่ได้ตอบกลับแค่ยักคิ้วสองข้างให้เท่านั้น เพราะเพื่อนชายของแพรวมองหน้าพวกเธอสองคนอยู่

                     เมื่อซื้อของและขนมที่ร้านสะดวกซื้อเรียบร้อยแล้ว พวกเธอกำลังจะกลับ แต่ ภายในใจของเธอมันไม่อยากกลับ มาถึงขนาดนี้แล้วมันต้องไปให้ได้

                   “ปุ้ม จะของพาเขาไป บขส. แนเขาอยากไป ตำรวจบ่มีหรอก เขาขับกะได้” สุดท้ายแล้วก็ลองเอ่ยปากชวน

                   ปุ้มทำท่าทางสงสัย คงสงสัยว่าเธออยากไปที่ บขส.ทำไม อยู่ห่างกับโรงเรียนมาก อีกทั้งเสี่ยงต่อตำรวจอีก ตอนนี้ก็ยังไม่เลิกด่านหากมีการตั้งด่าน อันตรายและเสี่ยงต่อการเสียเงินมาก ๆ “จะของสิไปเฮ็ดหยังบอส “ ปุ้มถาม

                 เธอยิ้มไม่รู้จะอธิบายแบบไหนให้เข้าใจ ถ้าเป็นพี่สาวฝาแฝดทั้งสองคนคงเข้าใจกัน ไม่ต้องอธิบายมาก “เขาอยากกินส้มตำแหมะ จะของพาเขาไปซื้อส้มตำได้บ่”

                    “เอ้อแมน ! นี่มันกะใกล้สิเที่ยงแล้วนี่หว่า เดี๋ยวถามแก๊บก่อนว่ามูสิกินหยังบ่ เฮาออกเงินให้เขาก่อนค่อยไปเก็บเงินนำเขาเอาน้อ บอสมีเงินอยู่แมนบ่” ปุ้มเห็นด้วย เธอโล่งอกนึกว่าจะโดนปฏิเสธ

                    “มีอยู่เฮ๊ย “ ปุ้มโทรหาแก๊บ ได้ความว่าเพื่อน ๆ สั่งข้าวมากมาย ส่วนพวกเธอสองคนก็รับหน้าที่ไปซื้อ

                   “ตะวาบอส ! ร้านหลังโรงเรียนกะมีเด้ ใกล้พร้อม แซบนำ” เหมือนปุ้มจะไม่อยากไป บขส.

                   “บ่ ! ปุ้มเขาอยากไปแหมะ จะของพาเขาไปแน่ ร้านส้มตำครูโรงเรียนเขาแหมะ เขาอยากไป ร้านของครูฝึกสอน หล่อจังซี้เลย “ สุดท้ายก็ยอมบอกเหตุผล พร้อมยิ้มเขิน ๆ เมื่อนึกถึงครูฝึกสอนที่โรงเรียน “เขาขับกะได้ ! ถ้ามีตำรวจเฮาค่อยกลับมาซื้อร้านหลังโรงเรียนเอา”

                    ปุ้มหัวเราะชอบใจ “ว่าละตั้ว ซำพออยากไปคักอยากไปแน ถ้าว่าหล่อกะไปโลด ฮา “ ปุ้มไม่ขัด คงอยากเห็นหน้าเหมือนกัน

                     “หล่อจังซี่เลย มักกันทั้งโรงเรียน เขากะมัก ฮา “ ยอมบอกปุ้มไปตรง ๆ เลย เพราะครูหน้าตาดีใคร ๆ ก็ชอบกันหมด “เดี๋ยว ๆ จะของ เฮาขับผ่านร้านครูไปซะก่อนเด้อ ถ้าครูอยู่ร้านกะบ่ต้องจอด ถ้าครูบ่อยู่กะจอดได้” เธอทำข้อตกลงกันไว้ก่อน เพราะเขินหากเจอครูที่ร้าน

                      “หล่อคักบ่จะของ ฮา ปะสั่นเขากะอยากเห็น “ พวกเธอหัวเราะให้กัน “เอ๋าบอสครูสอน ม.ใดเพิ่นสิจำหน้าจะของได้อยู่ติ”

                       “เพิ่นสอน ม.1 ล่ะ ตะเขากะย่านเพิ่นจำเขาได้น้อ” พร้อมกลั้วหัวเราะ ในสมองตอนนี้หน้าครูหนุ่มคนนั้นลอยมาแล้ว คิดว่าครูจะจำเธอได้หรือเปล่า ไม่เคยได้เรียนด้วยกัน เพราะครูสอน ม.1  ไม่ค่อยได้เจอ อยู่คนละอาคาร แต่ใจมันกลัวว่าครูจะจำหน้าได้มาก ๆ ว่าเป็นนักเรียนโรงเรียนที่ตนเองสอนอยู่

                     “เอาตามนั่นกะได้ ขับอ่อยก่อนรอบนึง ถ้าเพิ่นบ่อยู่ค่อยจอด” ปุ้มตกลงตามนั้น เธอเป็นคนขับ ยอมเป็นคนขับให้ปุ้มซ้อนเพราะอยากไปมาก

                    พวกเธอสองคนขับรถมุ่งหน้าไปยัง บขส. ด้วยความที่ไม่ค่อยได้มาแถวนี้เท่าไหร่จึงไม่ค่อยระวังด่านนัก ปุ้มเองก็ไม่ได้สนใจเพราะไม่ได้เป็นคนขับ ทว่าบอสก็รอบคอบพอ มองหาตำรวจตั้งแต่อยู่ไกล ๆ สุดท้ายก็เจอจัง ๆ “ให้มันได้แบบนี้สิ !” บอสอุทานออกมา พร้อมจอดรถข้างถนน โชคดีที่มองเห็นก่อน ไม่อย่างนั้นคงได้เสียเงินแหง ๆ

                    “ตำรวจปุ้ม ! จบเลย ๆ ชีวิตเขา อดได้ไปพ่อครูเลย “ พวกเธอจอดรถไว้ริมถนน มีรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ผ่านไปเจอทั้งโดนกวักมือให้จอดและบางคันก็ผ่านไปได้ “เขาบ่กล้าไปแหมะ แต่เขากะอยากไป” บอสยังนึกเสียดาย ครั้นจะบอกให้เพื่อนเปลี่ยนเส้นทางก็จะเสียเวลานานไปอีก เพื่อน ๆ ก็รอที่โรงเรียนอีก

                     ปุ้มนิ่งคิดก่อนจะพูดขึ้น “มาหนิ มาเขาขับเอง”

                    “ปุ้มสิเฮ็ดหยัง ! อันตรายเด้เฮ๊ย ถืกจับมาบ่คุ้ม”  บอสคิดว่าปุ้มจะเสี่ยงขับผ่านด่านไป ไม่โดนเรียกก็ดี แต่ถ้าโดนขึ้นมาไม่ต่ำกว่าสามร้อยแน่นอน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่