.
เช้าวันนี้อากาศปลอดโปร่ง ท้องฟ้าแจ่มใส ที่โรงเรียนมัธยมครึกครื้นเป็นพิเศษ เพราะมีน้อง ๆ ชั้น ป.6 จาก 13 หมู่บ้านมาสมัครเรียน สถานการณ์วุ่นวายนิดหน่อย เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจของทุกคนที่มาสมัครเรียนในวันนี้
โรงเรียนของแสงระวีตั้งอยู่ในพื้นที่สาธารณะ ติดกับป่าช้าซึ่งยังใช้งานอยู่ มีเนื้อที่กว่าสามสิบไร่ มีตึกอาคารเรียนที่ทันสมัยเหมือนโรงเรียนในเมืองทุกประการ มีโรงยิม หอประชุม มีทุกอย่างที่โรงเรียนในเมืองมี แตกต่างกันแค่จำนวนนักเรียนและทัศนียภาพ
ใครที่มาเรียนที่นี่ได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าด้านหลังหรือด้านข้างของโรงเรียนเป็นทุ่งนาหมด รอบ ๆ โรงเรียนมีไร่อ้อยและไร่มันสำปะหลังของชาวบ้านเยอะแยะ ขนาดนั้นก็ยังมีนักเรียนชอบโดดเรียนบ่อย ๆ ไม่มีที่ให้เที่ยวสักนิด
แสงระวีไม่ค่อยตื่นเต้นดีใจเท่าไหร่นัก แตกต่างกับเพื่อน ๆ ที่มาด้วยกัน ทุกคนต่างพากันตื่นตาตื่นใจที่จะได้เข้าเรียนในชั้น ม.1 แสงระวียังมีความเศร้าอยู่ในใจ เมื่อนึกถึงเจลกับเจนพี่สาวฝาแฝดที่ได้เข้าไปเรียนในเมือง พอนึกไปถึงสองคนนี้น้ำตามันก็พาลจะไหลอยากไปเรียนในเมืองด้วย
ตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่เคยต้องแยกจากกันแบบนี้เลย เสียใจที่ตนเองไม่ได้เกิดมาร่ำรวยอย่างพี่สาว ไม่ได้เข้าไปเรียนในเมือง อยากไปแทบขาดใจเหลือเกิน มันเหงา มันคิดถึงที่บอกความรู้สึกไม่ถูก ในกลุ่มเพื่อนเห็นจะเป็นเธอคนเดียวที่ไม่ตื่นเต้นเลย เจลกับเจนก็มีศักดิ์เป็นพี่สาวของเธอ
ทางโรงเรียนได้จัดเตรียมสถานที่ไว้สำหรับรับสมัครนักเรียน โดยใช้โรงอาหารเป็นสถานที่รับสมัครนั้น มีคุณครูและรุ่นพี่ ม.ปลายคอยประสานงานให้ความช่วยเหลือ
นักเรียนที่มาสมัครเรียนบางคนเข้าไปพูดคุยกับรุ่นพี่พวกนั้นอย่างสนิทสนม แสงระวีสังเกตและคิดเอาเองว่าคนพวกนั้นคงรู้จักกัน หรือไม่ก็อยู่หมู่บ้านเดียวกันแน่นอน หรือไม่ก็เป็นญาติ ๆ กัน ไม่แปลกที่จะเป็นแบบนั้น
“วีกรอกใบสมัครทางนี้” พี่พราวตะโกนพร้อมกวักมือเรียกเธอและเพื่อน ๆ ให้เดินไปรับใบสมัครกับตน พี่พราวเองเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันที่มาเรียนที่นี่ พวกเธอไม่รอช้าเดินไปตามเสียงเรียกทันที
เดินตรงไปยังโรงอาหาร เข้าคิวรับใบสมัคร มีนักเรียนมากมายทั้งชายและหญิง คุยกันเสียงดังจ้าละหวั่น พากันนั่งจับกลุ่มกรอกใบสมัครเรียนกลุ่มใครกลุ่มมัน
กรอกข้อมูลเสร็จแสงระวีนำใบสมัครไปส่งคุณครู พร้อมรับปฏิทินของทางโรงเรียน แสงระวีอ่านดูคร่าว ๆ ว่าต้องเข้าสอบคัดเลือกห้องวันไหน แค่สมัครก็ได้เข้าเป็นนักเรียนโรงเรียนนี้แล้ว เพียงแค่สอบคัดเลือกห้องให้พอเป็นพิธี ใครมาสมัครในวันนี้ได้เข้าเป็นนักเรียนที่นี่กันทุกคน
ชั้น ม.ต้นของโรงเรียนจะมีทั้งหมด 5 ห้อง ห้องที่เก่งสุดคือห้องที่ 5 นับถอยหลังลงไป ห้องบ๊วยสุดคือห้อง 1 ทีนี้ก็มาลุ้นกันในตอนประกาศผลสอบ ว่าใครจะได้อยู่ห้องคิงหรือห้องบ๊วย
พูดถึงจะว่าไม่ตื่นเต้นก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ถึงจะเป็นแค่โรงเรียนประจำตำบล การลุ้นห้องเรียนทำเอาเธอลุ้นมากเหมือนกัน กลัวตนเองได้อยู่ห้องบ๊วย ถ้าเป็นอย่างนั้นคงอายญาติ ๆ และเพื่อนที่สุด ผลการเรียนในช่วงประถมน้อยหน้าใครเสียที่ไหน
แสงระวียืนรอเพื่อนที่ยังกรอกใบสมัครไม่เสร็จ เหลืออยู่สองคนกำลังนั่งเขียนที่โต๊ะทานข้าวของโรงอาหาร เขียนอะไรชักช้าเหลือเกิน ปรายตามองเพื่อนพร้อมนึกในใจอย่างหงุดหงิด
ใบหน้าของเธอยังไม่คลายเศร้า หากมีใครสังเกตคงรับรู้ว่าเธอต้องมีอะไรภายในใจแน่นอนมันช่างคิดถึงเจลกับเจนเหลือเกิน ตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง คงจะวุ่นวายน่าดูคนทั้งจังหวัดเข้ามาเรียนที่นั่น ขนาดโรงเรียนขนาดกลางอย่างโรงเรียนนี้ยังวุ่นวาย พอคิดน้ำตามันจะไหลทุกที อดเศร้าไม่ได้ มันคิดถึงเพื่อนทั้งสองคน ระหว่างนั่งรอเพื่อนเหม่อลอยคิดถึงสองฝาแฝดไปด้วย
“เสร็จแล้วปะกลับกันเถอะ” ทันทีที่เพื่อนคนสุดท้ายเขียนใบสมัครเสร็จก็ชวนกลับ พวกเธอพากันเดินกลับไปที่บ้าน ขามาก็เดินกันมาในตอนเช้า เพราะโรงเรียนมันอยู่ในเขตหมู่บ้านนี่เอง ห่างประมาณหนึ่งกิโลเมตรไม่ไกลนัก หมู่บ้านอื่น ๆ ที่มาเรียนที่นี่ต้องใช้รถรับส่ง หรือ ไม่ก็รถมอเตอร์ไซค์ส่วนตัว
กลับมาถึงบ้านไม่มีใครอยู่บ้านสักคน น้องวาไปโรงเรียนยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนเลย ทางโรงเรียนปิดให้แค่ชั้น ป.6 ให้มาสมัครเรียนเท่านั้น ส่วนน้องวายพ่อกับแม่ฝากเลี้ยงไว้ที่บ้านยาย เธอจึงตัดสินใจเดินไปเล่นที่บ้านยายดีกว่า จะไปหาสองคนนั้นก็น่าจะยังไม่กลับจากในเมือง เจลกับเจนคงยังไม่กลับมาจากสมัครเรียนแน่นอน
“ยายวัสดีจ้ะ” มาถึงแสงระวีเดินเข้ามาภายในบ้าน กล่าวทักทายยกมือไหว้ ยายกำลังไกวเปลกล่อมน้องวายนอน ยายนุ่งผ้าซิ่นเปลือยท่อนบนเพราะอากาศร้อน
แสงระวีสังเกตเห็นลำตัวของยายเป็นรอยเสื้อคอกระเช้าที่เคยใส่ เพราะตากแดดพอถอดเสื้อจึงทำให้เห็นรอย นึกตลกกับรอยเสื้อชัดเจนมากบนลำตัวของยาย หัวเราะอึกอักให้ยายเบา ๆ ข้างบนเพดานมีพัดลมเปิดอยู่อากาศก็ยังร้อนอยู่ดี
“ยายมีไรกินมั้ยหิวข้าว” พอมาถึงถามหาข้าวทานก่อนเลย รู้สึกหิวนิดหน่อยประกอบกับเสียงท้องร้องด้วย เหมือนมันทวงถามว่าเมื่อไหร่จะกินข้าวสักทีหิวแล้ว ดูนาฬิกาติดที่ผนังบ้านยายบอกเวลาใกล้เที่ยง มิน่าเธอถึงได้รู้สึกหิว
“น้ำพริกปลาป่นในตู้น่ะ หรือไม่ก็ไปซื้อเอา” ยายตอบเสียงเบา เกรงว่าหลานชายจะตื่น พูดไปพลางไกวเปลหลานไปด้วย “ไปสมัครเรียนเป็นยังไงบ้าง ได้อยู่ห้องไหน ห้องไหนนะที่เขาว่าเรียนเก่งน่ะ” ดูยายจะตื่นเต้นกับเธอมาก ไม่ใช่แค่เธอหลานคนอื่น ๆ ยายก็ตื่นเต้นไปด้วยเสมอ
“วันนี้ไปสมัครเฉยๆ ยังไม่ได้สอบ ห้อง 5 เก่งสุดยาย”
“ห้อง 5 จะเก่งได้ไงต้องห้อง 1 สิถึงจะเก่ง” ยายเถียงเพราะคิดว่าห้อง 1 อยู่ลำดับต้น ๆ ส่วนห้อง 5 เลขไกลจะเก่งได้อย่างไร
“ห้อง 5 ยาย เขาเปลี่ยนเป็นห้อง 5 เก่งสุด” แสงระวีย่นจมูกไม่อยากเถียงกับยายนัก พูดไปคนแก่ก็ไม่เข้าใจ สองยายหลานเถียงกันเบา ๆ ในบ้าน แสงระวีนั่งทานข้าวอยู่ในครัวเถียงกับยายไปพร้อม
“พวกคู่แฝดล่ะไปสมัครเรียนด้วยมั้ย” ยายถามถึงเจลกับเจน เห็นว่าเล่นด้วยกันจึงถามเฉย ๆ
“ไม่… พวกมันเรียนในเมืองยาย” แสงระวีพูดไปพร้อมนั่งทานข้าวในครัว นั่งลงกับพื้นปูเสื่อทาน บ้านยายไม่มีโต๊ะทานข้าว จะว่าไปบ้านเธอก็ไม่มีโต๊ะทานข้าวเหมือนกัน เป็นวิถีชีวิตแบบบ้าน ๆ ส่วนบ้านของเจลกับเจนใช้โต๊ะทานข้าวเหมือนคนเมือง มีครบทุกอย่าง เครื่องซักผ้า เตาแก๊ส ทีวีจอแบนหลายนิ้ว ซึ่งบ้านเธอไม่มี ทีวีแค่เป็นจอสี ใช้เตาถ่าน ซักมือ แตกต่างกันมากเหลือเกิน
“อี่วี ! ยายวีมายัง” เมื่อสองฝาแฝดกลับมาจากสมัครเรียน ก็พากันมาหาแสงระวีเลย ร้องเรียกถามยายมาแต่ไกลคิดว่าอยู่ที่นี่ชัวร์ ไปหาที่บ้านแล้วไม่มีคนอยู่สักคน จึงพากันเลยมาที่นี่
“มันกินข้าวอยู่ในครัวนู้น” ยายตอบเพื่อนหลานสาว ถึงไม่ใช่หลานของตัวเองก็เหมือนหลานเห็นตั้งแต่เด็ก ๆ
พอได้คำตอบจากยาย สองคนไม่รอช้าถอดรองเท้าเดินเข้ามาหาแสงระวีในครัว “มืงเป็นไงสมัครเรียน คนเยอะมั้ยวะ” เจลถามแสงระวีที่ยังนั่งทานข้าวอยู่ พร้อมถลาเข้ามานั่งลงข้าง ๆ
“มืงสองคนพึ่งมาถึงเหรอ” แสงระวีไม่ตอบแต่ตั้งคำถามแทน คู่แฝดนั่งลงข้าง ๆ เธอ พร้อมถือถุงขนมมากมายมาด้วย ตั้งใจจะเอามาฝากน้องวายน้องชายของตนเอง
“อือพึ่งมาถึงเปลี่ยนชุดแล้วก็มาหามืงเลยหนิ” เจนเป็นคนตอบ “เสียดายน้องวายนอนเอาขนมมาให้” เจนมองไปที่ยายซึ่งกำลังไกวเปลน้องวายอยู่ไม่หยุด
“เอ่อเอาไว้นี่แหละ เดี๋ยววายใหญ่กินเอง ฮา ” แสงระวีหัวเราะกับคำพูดตัวเอง แซวเล่นเฉย ๆ ไม่คิดเอาของฝากน้องมาทานหมดหรอก อีกอย่างไม่ชอบทานขนมด้วย
“อีห่ากูซื้อมาให้น้องวาย” เจลพูดปนหัวเราะ “มืงคนมาสมัครเรียนเยอะมากวันนี้ อำเภออื่นก็เข้ามาด้วย พวกกูได้เพื่อนใหม่แล้วสองคน “ เจลเล่าด้วยความตื่นเต้นได้เพื่อนใหม่ทั้งที่ยังไม่ทันได้เข้าเรียน เพื่อนคนนั้นมาถามเรื่องสมัครเรียน เลยได้คุยกันสนิทกันในเวลาอันสั้น พร้อมแลกเบอร์มือถือกันไว้ ทว่าเบอร์ที่แลกกันเป็นเบอร์ของพ่อกับแม่ทั้งสองฝ่าย เพราะยังไม่มีมือถือเป็นของตนเองเลย
“โรงเรียนกูคนก็มาสมัครเยอะอยู่ แต่ว่าตอนเข้าเรียนจริงจะมีกี่คนก็ไม่รู้ อาจมาสมัครเผื่อเลือกเฉย ๆ ” แสงระวีตอบแบบเฉื่อย ๆ ไม่ตื่นเต้นเหมือนคู่แฝดสักนิด
“เอ่อน่าอี่วี ม.ปลาย ค่อยไปต่อกับพวกกูก็ได้ ว่าแต่มืงอิ่มยังหนิ” เจนพูดปลอบใจ ตนเองก็เสียดายไม่น้อยที่แสงระวีไม่ได้ไปเรียนที่เดียวกันกับตน
“เอ่ออิ่มแล้วเนี่ย” แสงระวีลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นดื่มน้ำ จากนั้นเก็บกับข้าวเข้าตู้ให้ยายไว้เหมือนเดิม วันนี้พวกเธอไม่ได้จะไปเล่นที่ไหน พากันกลับไปเล่นที่บ้านของแสงระวีเอง ทั้งสามคนนั่งคุยกันถึงเรื่องราวในวันนี้ นั่งเล่าสู่กันฟังที่เปลหน้าบ้าน
บ้านของแสงระวีเป็นบ้านสองชั้นยังทำไม่เสร็จดี มีแค่ชั้นบนเป็นไม้ ข้างล่างก่อห้องน้ำกับห้องครัวขึ้นสองห้อง ตัวบ้านเป็นใต้ถุนโล่ง มีเปลที่พ่อผูกไว้สองอัน ตรงกลางมีแคร่ไม้ไผ่หนึ่งอันเอาไว้ใช้นั่งทานข้าว เจนนั่งเปลคนเดียว ส่วนตนเองนั่งเปลด้วยกันกับเจลสองคน
“วันเกิดพวกมืงป้าก้อยกับลุงจันทร์พาไปเที่ยวมั้ย” แสงระวีถามขึ้นเหมือนนึกอะไรได้ สิ้นเดือนนี้จะเป็นวันเกิดของคู่แฝด เจลกับเจนจัดงานวันเกิดทุกปี ตรงข้ามกันแสงระวีที่ไม่เคยได้จัดเลย ปีนี้แหละแสงระวีจะขอพ่อกับแม่จัดสักครั้ง
“ไปสิขอแม่แล้วแม่จะพาไปสวนสัตว์ที่ขอนแก่น” เจนตอบแบบเป็นเรื่องธรรมดา ทุกปีแม่ต้องพาไปเที่ยว เพราะเป็นวันพิเศษนี่แหละ นอกจากไปเที่ยวยังได้ของขวัญวันเกิดด้วย
“ของขวัญปีนี้พ่อให้พวกกูเลือกว่าของขวัญจะเอาอะไร ระหว่างมอเตอร์ไซค์กับมือถือ” เจลพูดขึ้น เหมือนเป็นเรื่องเล่ามากกว่าจะเป็นการอวดรวย พวกเธอสามพี่น้องถูกเลี้ยงมาด้วยกัน โตมาด้วยกันเกินกว่าจะอวดรวยใส่กัน “มืงว่าควรเอาอะดีอ่ะ”
“แล้วมืงเอาอะไรอ่ะ ถ้าเป็นกูนะ คนหนึ่งเอามือถือ คนหนึ่งเอามอเตอร์ไซค์ก็ใช้ด้วยกัน” แสงระวีออกความคิดเห็น น่าอิจฉาชะมัด อยากเกิดมารวยแบบพี่สาวที่สุด แต่ถ้าช่วยเลือกเป็นมอเตอร์ไซค์ตนเองก็จะได้อานิสงส์ไปด้วยแน่นอน
“กูก็ว่าอย่างนั้นแหละ” แววตาของเจนฉายแววเจ้าเล่ห์ คิดตามคำพูดของแสงระวีก็ถูกเหมือนกัน มันก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ใจจริงพวกเธออยากได้มือถือคนละเครื่องมากกว่า ทว่ารถมอเตอร์ไซค์ก็อยากได้นี่สิ ตัดสินใจอยากเหลือเกิน
พวกเธอทั้งสามคนนั่งคุยกันอย่างเพลิดเพลิน ไม่นานมีพวกเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกันมาสมทบด้วย พอกลุ่มใหญ่ขึ้นก็คุยกันเสียงดัง เสียงดังข้ามไปยังข้างบ้านกันเลย เป็นภาพที่คุ้นหูคุ้นตาของคนข้าง ๆ บ้านมาก
บางครั้งก็มีซุบซิบกันนินทา ไม่ว่าจะนินทาอะไรครอบครัวของพวกเธอก็ไม่สนใจ บ้านของแสงระวีเหมาะแก่การรวมตัวของเพื่อน ๆ ที่สุด จะไปบ้านเพื่อนคนนั้นคนนี้ก็บอกพ่อแม่บ่น ไม่อยากให้ไป จึงมีเพียงบ้านของเธอกับบ้านของคู่แฝดที่เหมาะแก่การรวมตัวของเพื่อน ๆ ที่สุด พูดคุยหยอกเล่นกันเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว ณ เวลานี้สนุกมาก ๆ
แสงระวี…บทที่ 2 (รีไรท์)
.
เช้าวันนี้อากาศปลอดโปร่ง ท้องฟ้าแจ่มใส ที่โรงเรียนมัธยมครึกครื้นเป็นพิเศษ เพราะมีน้อง ๆ ชั้น ป.6 จาก 13 หมู่บ้านมาสมัครเรียน สถานการณ์วุ่นวายนิดหน่อย เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจของทุกคนที่มาสมัครเรียนในวันนี้
โรงเรียนของแสงระวีตั้งอยู่ในพื้นที่สาธารณะ ติดกับป่าช้าซึ่งยังใช้งานอยู่ มีเนื้อที่กว่าสามสิบไร่ มีตึกอาคารเรียนที่ทันสมัยเหมือนโรงเรียนในเมืองทุกประการ มีโรงยิม หอประชุม มีทุกอย่างที่โรงเรียนในเมืองมี แตกต่างกันแค่จำนวนนักเรียนและทัศนียภาพ
ใครที่มาเรียนที่นี่ได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าด้านหลังหรือด้านข้างของโรงเรียนเป็นทุ่งนาหมด รอบ ๆ โรงเรียนมีไร่อ้อยและไร่มันสำปะหลังของชาวบ้านเยอะแยะ ขนาดนั้นก็ยังมีนักเรียนชอบโดดเรียนบ่อย ๆ ไม่มีที่ให้เที่ยวสักนิด
แสงระวีไม่ค่อยตื่นเต้นดีใจเท่าไหร่นัก แตกต่างกับเพื่อน ๆ ที่มาด้วยกัน ทุกคนต่างพากันตื่นตาตื่นใจที่จะได้เข้าเรียนในชั้น ม.1 แสงระวียังมีความเศร้าอยู่ในใจ เมื่อนึกถึงเจลกับเจนพี่สาวฝาแฝดที่ได้เข้าไปเรียนในเมือง พอนึกไปถึงสองคนนี้น้ำตามันก็พาลจะไหลอยากไปเรียนในเมืองด้วย
ตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่เคยต้องแยกจากกันแบบนี้เลย เสียใจที่ตนเองไม่ได้เกิดมาร่ำรวยอย่างพี่สาว ไม่ได้เข้าไปเรียนในเมือง อยากไปแทบขาดใจเหลือเกิน มันเหงา มันคิดถึงที่บอกความรู้สึกไม่ถูก ในกลุ่มเพื่อนเห็นจะเป็นเธอคนเดียวที่ไม่ตื่นเต้นเลย เจลกับเจนก็มีศักดิ์เป็นพี่สาวของเธอ
ทางโรงเรียนได้จัดเตรียมสถานที่ไว้สำหรับรับสมัครนักเรียน โดยใช้โรงอาหารเป็นสถานที่รับสมัครนั้น มีคุณครูและรุ่นพี่ ม.ปลายคอยประสานงานให้ความช่วยเหลือ
นักเรียนที่มาสมัครเรียนบางคนเข้าไปพูดคุยกับรุ่นพี่พวกนั้นอย่างสนิทสนม แสงระวีสังเกตและคิดเอาเองว่าคนพวกนั้นคงรู้จักกัน หรือไม่ก็อยู่หมู่บ้านเดียวกันแน่นอน หรือไม่ก็เป็นญาติ ๆ กัน ไม่แปลกที่จะเป็นแบบนั้น
“วีกรอกใบสมัครทางนี้” พี่พราวตะโกนพร้อมกวักมือเรียกเธอและเพื่อน ๆ ให้เดินไปรับใบสมัครกับตน พี่พราวเองเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันที่มาเรียนที่นี่ พวกเธอไม่รอช้าเดินไปตามเสียงเรียกทันที
เดินตรงไปยังโรงอาหาร เข้าคิวรับใบสมัคร มีนักเรียนมากมายทั้งชายและหญิง คุยกันเสียงดังจ้าละหวั่น พากันนั่งจับกลุ่มกรอกใบสมัครเรียนกลุ่มใครกลุ่มมัน
กรอกข้อมูลเสร็จแสงระวีนำใบสมัครไปส่งคุณครู พร้อมรับปฏิทินของทางโรงเรียน แสงระวีอ่านดูคร่าว ๆ ว่าต้องเข้าสอบคัดเลือกห้องวันไหน แค่สมัครก็ได้เข้าเป็นนักเรียนโรงเรียนนี้แล้ว เพียงแค่สอบคัดเลือกห้องให้พอเป็นพิธี ใครมาสมัครในวันนี้ได้เข้าเป็นนักเรียนที่นี่กันทุกคน
ชั้น ม.ต้นของโรงเรียนจะมีทั้งหมด 5 ห้อง ห้องที่เก่งสุดคือห้องที่ 5 นับถอยหลังลงไป ห้องบ๊วยสุดคือห้อง 1 ทีนี้ก็มาลุ้นกันในตอนประกาศผลสอบ ว่าใครจะได้อยู่ห้องคิงหรือห้องบ๊วย
พูดถึงจะว่าไม่ตื่นเต้นก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ถึงจะเป็นแค่โรงเรียนประจำตำบล การลุ้นห้องเรียนทำเอาเธอลุ้นมากเหมือนกัน กลัวตนเองได้อยู่ห้องบ๊วย ถ้าเป็นอย่างนั้นคงอายญาติ ๆ และเพื่อนที่สุด ผลการเรียนในช่วงประถมน้อยหน้าใครเสียที่ไหน
แสงระวียืนรอเพื่อนที่ยังกรอกใบสมัครไม่เสร็จ เหลืออยู่สองคนกำลังนั่งเขียนที่โต๊ะทานข้าวของโรงอาหาร เขียนอะไรชักช้าเหลือเกิน ปรายตามองเพื่อนพร้อมนึกในใจอย่างหงุดหงิด
ใบหน้าของเธอยังไม่คลายเศร้า หากมีใครสังเกตคงรับรู้ว่าเธอต้องมีอะไรภายในใจแน่นอนมันช่างคิดถึงเจลกับเจนเหลือเกิน ตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง คงจะวุ่นวายน่าดูคนทั้งจังหวัดเข้ามาเรียนที่นั่น ขนาดโรงเรียนขนาดกลางอย่างโรงเรียนนี้ยังวุ่นวาย พอคิดน้ำตามันจะไหลทุกที อดเศร้าไม่ได้ มันคิดถึงเพื่อนทั้งสองคน ระหว่างนั่งรอเพื่อนเหม่อลอยคิดถึงสองฝาแฝดไปด้วย
“เสร็จแล้วปะกลับกันเถอะ” ทันทีที่เพื่อนคนสุดท้ายเขียนใบสมัครเสร็จก็ชวนกลับ พวกเธอพากันเดินกลับไปที่บ้าน ขามาก็เดินกันมาในตอนเช้า เพราะโรงเรียนมันอยู่ในเขตหมู่บ้านนี่เอง ห่างประมาณหนึ่งกิโลเมตรไม่ไกลนัก หมู่บ้านอื่น ๆ ที่มาเรียนที่นี่ต้องใช้รถรับส่ง หรือ ไม่ก็รถมอเตอร์ไซค์ส่วนตัว
กลับมาถึงบ้านไม่มีใครอยู่บ้านสักคน น้องวาไปโรงเรียนยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนเลย ทางโรงเรียนปิดให้แค่ชั้น ป.6 ให้มาสมัครเรียนเท่านั้น ส่วนน้องวายพ่อกับแม่ฝากเลี้ยงไว้ที่บ้านยาย เธอจึงตัดสินใจเดินไปเล่นที่บ้านยายดีกว่า จะไปหาสองคนนั้นก็น่าจะยังไม่กลับจากในเมือง เจลกับเจนคงยังไม่กลับมาจากสมัครเรียนแน่นอน
“ยายวัสดีจ้ะ” มาถึงแสงระวีเดินเข้ามาภายในบ้าน กล่าวทักทายยกมือไหว้ ยายกำลังไกวเปลกล่อมน้องวายนอน ยายนุ่งผ้าซิ่นเปลือยท่อนบนเพราะอากาศร้อน
แสงระวีสังเกตเห็นลำตัวของยายเป็นรอยเสื้อคอกระเช้าที่เคยใส่ เพราะตากแดดพอถอดเสื้อจึงทำให้เห็นรอย นึกตลกกับรอยเสื้อชัดเจนมากบนลำตัวของยาย หัวเราะอึกอักให้ยายเบา ๆ ข้างบนเพดานมีพัดลมเปิดอยู่อากาศก็ยังร้อนอยู่ดี
“ยายมีไรกินมั้ยหิวข้าว” พอมาถึงถามหาข้าวทานก่อนเลย รู้สึกหิวนิดหน่อยประกอบกับเสียงท้องร้องด้วย เหมือนมันทวงถามว่าเมื่อไหร่จะกินข้าวสักทีหิวแล้ว ดูนาฬิกาติดที่ผนังบ้านยายบอกเวลาใกล้เที่ยง มิน่าเธอถึงได้รู้สึกหิว
“น้ำพริกปลาป่นในตู้น่ะ หรือไม่ก็ไปซื้อเอา” ยายตอบเสียงเบา เกรงว่าหลานชายจะตื่น พูดไปพลางไกวเปลหลานไปด้วย “ไปสมัครเรียนเป็นยังไงบ้าง ได้อยู่ห้องไหน ห้องไหนนะที่เขาว่าเรียนเก่งน่ะ” ดูยายจะตื่นเต้นกับเธอมาก ไม่ใช่แค่เธอหลานคนอื่น ๆ ยายก็ตื่นเต้นไปด้วยเสมอ
“วันนี้ไปสมัครเฉยๆ ยังไม่ได้สอบ ห้อง 5 เก่งสุดยาย”
“ห้อง 5 จะเก่งได้ไงต้องห้อง 1 สิถึงจะเก่ง” ยายเถียงเพราะคิดว่าห้อง 1 อยู่ลำดับต้น ๆ ส่วนห้อง 5 เลขไกลจะเก่งได้อย่างไร
“ห้อง 5 ยาย เขาเปลี่ยนเป็นห้อง 5 เก่งสุด” แสงระวีย่นจมูกไม่อยากเถียงกับยายนัก พูดไปคนแก่ก็ไม่เข้าใจ สองยายหลานเถียงกันเบา ๆ ในบ้าน แสงระวีนั่งทานข้าวอยู่ในครัวเถียงกับยายไปพร้อม
“พวกคู่แฝดล่ะไปสมัครเรียนด้วยมั้ย” ยายถามถึงเจลกับเจน เห็นว่าเล่นด้วยกันจึงถามเฉย ๆ
“ไม่… พวกมันเรียนในเมืองยาย” แสงระวีพูดไปพร้อมนั่งทานข้าวในครัว นั่งลงกับพื้นปูเสื่อทาน บ้านยายไม่มีโต๊ะทานข้าว จะว่าไปบ้านเธอก็ไม่มีโต๊ะทานข้าวเหมือนกัน เป็นวิถีชีวิตแบบบ้าน ๆ ส่วนบ้านของเจลกับเจนใช้โต๊ะทานข้าวเหมือนคนเมือง มีครบทุกอย่าง เครื่องซักผ้า เตาแก๊ส ทีวีจอแบนหลายนิ้ว ซึ่งบ้านเธอไม่มี ทีวีแค่เป็นจอสี ใช้เตาถ่าน ซักมือ แตกต่างกันมากเหลือเกิน
“อี่วี ! ยายวีมายัง” เมื่อสองฝาแฝดกลับมาจากสมัครเรียน ก็พากันมาหาแสงระวีเลย ร้องเรียกถามยายมาแต่ไกลคิดว่าอยู่ที่นี่ชัวร์ ไปหาที่บ้านแล้วไม่มีคนอยู่สักคน จึงพากันเลยมาที่นี่
“มันกินข้าวอยู่ในครัวนู้น” ยายตอบเพื่อนหลานสาว ถึงไม่ใช่หลานของตัวเองก็เหมือนหลานเห็นตั้งแต่เด็ก ๆ
พอได้คำตอบจากยาย สองคนไม่รอช้าถอดรองเท้าเดินเข้ามาหาแสงระวีในครัว “มืงเป็นไงสมัครเรียน คนเยอะมั้ยวะ” เจลถามแสงระวีที่ยังนั่งทานข้าวอยู่ พร้อมถลาเข้ามานั่งลงข้าง ๆ
“มืงสองคนพึ่งมาถึงเหรอ” แสงระวีไม่ตอบแต่ตั้งคำถามแทน คู่แฝดนั่งลงข้าง ๆ เธอ พร้อมถือถุงขนมมากมายมาด้วย ตั้งใจจะเอามาฝากน้องวายน้องชายของตนเอง
“อือพึ่งมาถึงเปลี่ยนชุดแล้วก็มาหามืงเลยหนิ” เจนเป็นคนตอบ “เสียดายน้องวายนอนเอาขนมมาให้” เจนมองไปที่ยายซึ่งกำลังไกวเปลน้องวายอยู่ไม่หยุด
“เอ่อเอาไว้นี่แหละ เดี๋ยววายใหญ่กินเอง ฮา ” แสงระวีหัวเราะกับคำพูดตัวเอง แซวเล่นเฉย ๆ ไม่คิดเอาของฝากน้องมาทานหมดหรอก อีกอย่างไม่ชอบทานขนมด้วย
“อีห่ากูซื้อมาให้น้องวาย” เจลพูดปนหัวเราะ “มืงคนมาสมัครเรียนเยอะมากวันนี้ อำเภออื่นก็เข้ามาด้วย พวกกูได้เพื่อนใหม่แล้วสองคน “ เจลเล่าด้วยความตื่นเต้นได้เพื่อนใหม่ทั้งที่ยังไม่ทันได้เข้าเรียน เพื่อนคนนั้นมาถามเรื่องสมัครเรียน เลยได้คุยกันสนิทกันในเวลาอันสั้น พร้อมแลกเบอร์มือถือกันไว้ ทว่าเบอร์ที่แลกกันเป็นเบอร์ของพ่อกับแม่ทั้งสองฝ่าย เพราะยังไม่มีมือถือเป็นของตนเองเลย
“โรงเรียนกูคนก็มาสมัครเยอะอยู่ แต่ว่าตอนเข้าเรียนจริงจะมีกี่คนก็ไม่รู้ อาจมาสมัครเผื่อเลือกเฉย ๆ ” แสงระวีตอบแบบเฉื่อย ๆ ไม่ตื่นเต้นเหมือนคู่แฝดสักนิด
“เอ่อน่าอี่วี ม.ปลาย ค่อยไปต่อกับพวกกูก็ได้ ว่าแต่มืงอิ่มยังหนิ” เจนพูดปลอบใจ ตนเองก็เสียดายไม่น้อยที่แสงระวีไม่ได้ไปเรียนที่เดียวกันกับตน
“เอ่ออิ่มแล้วเนี่ย” แสงระวีลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นดื่มน้ำ จากนั้นเก็บกับข้าวเข้าตู้ให้ยายไว้เหมือนเดิม วันนี้พวกเธอไม่ได้จะไปเล่นที่ไหน พากันกลับไปเล่นที่บ้านของแสงระวีเอง ทั้งสามคนนั่งคุยกันถึงเรื่องราวในวันนี้ นั่งเล่าสู่กันฟังที่เปลหน้าบ้าน
บ้านของแสงระวีเป็นบ้านสองชั้นยังทำไม่เสร็จดี มีแค่ชั้นบนเป็นไม้ ข้างล่างก่อห้องน้ำกับห้องครัวขึ้นสองห้อง ตัวบ้านเป็นใต้ถุนโล่ง มีเปลที่พ่อผูกไว้สองอัน ตรงกลางมีแคร่ไม้ไผ่หนึ่งอันเอาไว้ใช้นั่งทานข้าว เจนนั่งเปลคนเดียว ส่วนตนเองนั่งเปลด้วยกันกับเจลสองคน
“วันเกิดพวกมืงป้าก้อยกับลุงจันทร์พาไปเที่ยวมั้ย” แสงระวีถามขึ้นเหมือนนึกอะไรได้ สิ้นเดือนนี้จะเป็นวันเกิดของคู่แฝด เจลกับเจนจัดงานวันเกิดทุกปี ตรงข้ามกันแสงระวีที่ไม่เคยได้จัดเลย ปีนี้แหละแสงระวีจะขอพ่อกับแม่จัดสักครั้ง
“ไปสิขอแม่แล้วแม่จะพาไปสวนสัตว์ที่ขอนแก่น” เจนตอบแบบเป็นเรื่องธรรมดา ทุกปีแม่ต้องพาไปเที่ยว เพราะเป็นวันพิเศษนี่แหละ นอกจากไปเที่ยวยังได้ของขวัญวันเกิดด้วย
“ของขวัญปีนี้พ่อให้พวกกูเลือกว่าของขวัญจะเอาอะไร ระหว่างมอเตอร์ไซค์กับมือถือ” เจลพูดขึ้น เหมือนเป็นเรื่องเล่ามากกว่าจะเป็นการอวดรวย พวกเธอสามพี่น้องถูกเลี้ยงมาด้วยกัน โตมาด้วยกันเกินกว่าจะอวดรวยใส่กัน “มืงว่าควรเอาอะดีอ่ะ”
“แล้วมืงเอาอะไรอ่ะ ถ้าเป็นกูนะ คนหนึ่งเอามือถือ คนหนึ่งเอามอเตอร์ไซค์ก็ใช้ด้วยกัน” แสงระวีออกความคิดเห็น น่าอิจฉาชะมัด อยากเกิดมารวยแบบพี่สาวที่สุด แต่ถ้าช่วยเลือกเป็นมอเตอร์ไซค์ตนเองก็จะได้อานิสงส์ไปด้วยแน่นอน
“กูก็ว่าอย่างนั้นแหละ” แววตาของเจนฉายแววเจ้าเล่ห์ คิดตามคำพูดของแสงระวีก็ถูกเหมือนกัน มันก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ใจจริงพวกเธออยากได้มือถือคนละเครื่องมากกว่า ทว่ารถมอเตอร์ไซค์ก็อยากได้นี่สิ ตัดสินใจอยากเหลือเกิน
พวกเธอทั้งสามคนนั่งคุยกันอย่างเพลิดเพลิน ไม่นานมีพวกเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกันมาสมทบด้วย พอกลุ่มใหญ่ขึ้นก็คุยกันเสียงดัง เสียงดังข้ามไปยังข้างบ้านกันเลย เป็นภาพที่คุ้นหูคุ้นตาของคนข้าง ๆ บ้านมาก
บางครั้งก็มีซุบซิบกันนินทา ไม่ว่าจะนินทาอะไรครอบครัวของพวกเธอก็ไม่สนใจ บ้านของแสงระวีเหมาะแก่การรวมตัวของเพื่อน ๆ ที่สุด จะไปบ้านเพื่อนคนนั้นคนนี้ก็บอกพ่อแม่บ่น ไม่อยากให้ไป จึงมีเพียงบ้านของเธอกับบ้านของคู่แฝดที่เหมาะแก่การรวมตัวของเพื่อน ๆ ที่สุด พูดคุยหยอกเล่นกันเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว ณ เวลานี้สนุกมาก ๆ