.
ไดอารี่ความคิดถึง
สาย ๆ วันอาทิตย์บอสไม่รู้จะไปที่ไหนรู้สึกเบื่อ ๆ จึงคิดจะไปหาพี่สาวสองฝาแฝดดีกว่า ถ้าเกิดสองคนนั้นไม่อยู่สถานีต่อไปคือบ้านจ๋อม ถ้าจ๋อมไม่อยู่ค่อยกลับมาเล่นกับน้องบีมที่บ้านก็ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงรีบลุกไปทาแป้งแต่งตัวเสร็จสรรพ บอสสวมกางเกงวอร์มสีดำซึ่งเป็นกางเกงพละของโรงเรียน ไม่ได้มีงานอะไร ไม่ได้จะไปที่ไหน ไม่จำเป็นต้องแต่งสวยมาก ใส่ชุดธรรมดา ๆ ก็ได้ สบายตัวกว่าสวมกางเกงยีนส์ตั้งเยอะ
“พี่ปาวบอสไปบ้านลุงวิทย์ก่อนนะ ไม่ต้องตามกินข้าวเด้อ” บอสบอกพี่สาวเอาไว้ วันนี้ยายกับตาไม่อยู่บ้าน ทั้งสองไปบ้านเกิดของตาที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง วันนี้พี่ปาวพี่แป้งก็ไม่ได้ไปบ้านตนเองเพราะยายให้อยู่เฝ้าบ้าน ส่วนพี่บอมอยู่บ้านพี่บอลไปเล่นตามเคย น้องบีมเองไปเล่นบ้านเพื่อนแต่เช้าเช่นกัน
“ไปก็ไปโลด” พี่ปาวตอบกลับมา ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก วันหยุดแบบนี้ไม่ได้ไปไหน สิ่งที่พอทำให้คลายเหงาได้เห็นจะมีเพียงรายการทีวีนี่แหละ เปิดดูได้ทั้งวัน บอกพี่สาวจบก็เดินไปบ้านสองฝาแฝดทันที
มาถึงเห็นหน้าต่างบ้านเปิดอยู่ก็โล่งใจ อย่างน้อยก็มีคนอยู่บ้าน แต่ จะเป็นพี่เจหรือสองฝาแฝดหรือลุงป้าเท่านั้นแหละ
“เซไฮ ! ใครอยู่ในบ้านเนี่ย” บอสทักทายพร้อมเดินเข้ามาในบ้านอย่างคุ้นเคย โชคดีมากที่ทั้งสองคนอยู่บ้านพร้อมกับพี่เจด้วย เดี๋ยวเย็น ๆ พี่เจคงกลับมหาลัย อาทิตย์นี้กลับบ้านได้นะ บอสปรายตามองพี่ชายลูกพี่ลูกน้องพลางนึกตลกอยู่ในใจ
“มืงไปไหนมาหนิ” พิมพ์หันมาถาม ทั้งสามคนกำลังดูทีวีเหมือนกัน แพรวกับพี่เจหันมามองเธอเป็นสายตาเดียวกัน เธอแต่งตัวแปลกหรือถึงได้มองกันนัก
“ไม่ได้ไปไหน มาหามืงนี่แหละ วันนี้เงียบเนอะไปเล่นกับอี่จ๋อมมั้ย” บอสชวนขณะนี้ก็ได้เข้ามานั่งในบ้านด้วย นั่งดูทีวีข้าง ๆ แพรว เตรียมตัวจะนอนลงกับพื้น นั่งดูปวดหลังชะมัด
“อี่จ๋อมไม่อยู่ มันไปโรงเรียนแหมะ “ แพรวหันมาตอบ
“อ่อ แล้วพวกมืงสองตัวไม่ไปโรงเรียนกันเหรอ” ถามไปอย่างนั้นเอง ไม่ไปน่ะดีแล้วเธอจะได้มีเพื่อนเล่น
“บ่ ! คร้าน ฮา “ พิมพ์พูดกลั้วหัวเราะ ส่วนพี่เจนอนฟังพวกเธอคุยกันเงียบ ๆ ไม่มีปากมีเสียง
เวลาผ่านไปกี่นาทีไม่ทราบบอสนอนดูทีวีกับพวกพี่ ๆ ระหว่างนั้นรู้สึกว่าได้กลิ่นอะไรแปลก ๆ ลอยมาเตะจมูกตลอด เหมือนกลิ่นของน้ำยาปรับผ้าขาวเลย บางครั้งก็ให้กลิ่นเหมือนคลอรีนที่แช่ในน้ำ เธอรู้จักกลิ่นคลอรีนเพราะไปกรุงเทพทุกปี กลิ่นแบบนี้มักอยู่ตามน้ำประปาในกรุงเทพ บอสแอบสูดดมอยู่เงียบ ๆ ยิ่งดมมันยิ่งชัดว่าเป็นกลิ่นน้ำยาปรับผ้าขาวชัวร์ ไม่ก็ต้องเป็นกลิ่นของคลอรีน
“สู ! สูแช่ไฮเตอร์ติ คือได้กลิ่นวะ” ในที่สุดก็ทนต่อความสงสัยไม่ได้ ยิ่งมาอยู่ใกล้ตัวพิมพ์กลิ่นยิ่งแรง แอบนึกว่าพิมพ์ล้างผ้าไม่สะอาดหรืออย่างไรกัน เข้ามาใกล้ ๆ กลิ่นนี่แรงเชียว
พิมพ์หัวเราะอึกอักในลำคอ ปรายตามองแพรวแฝดผู้พี่ของตนก่อนจะตอบคำถามของเธอ “บ่แมนไฮเตอร์อี่ห่า มันเป็นกลิ่นคลอรีน” พิมพ์เฉลยให้เธอฟัง ทั้งสองคนฝาแฝดพากันหัวเราะให้กันที่เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย ที่โรงเรียนของตนเขาใช้กันเยอะแยะ
“คลอรีน ! คลอรีนที่อยู่ในน้ำปะปาเหมือนในกรุงเทพน่ะเหรอ” เธอถามด้วยความงุนงง เธอรู้จักคลอรีนว่ามันคือสารฆ่าเชื้อในน้ำประปา ตามเมืองใหญ่ ๆ เช่นกรุงเทพหรือในตัวจังหวัดเขาจะใช้กัน บางที่เปิดก๊อกน้ำออกมากลิ่นเตะจมูกกันเลย สิ่งที่งุนงงคืออย่าบอกว่าพิมพ์เอามาแช่น้ำอาบนะ
“ใช่ ! เอามาแช่น้ำอาบ ทำให้ขาวเด้มืง สั่นคนอยู่กรุงเทพเขาสิขาวติ” พิมพ์ตอบพร้อมสีหน้าบ่งบอกถึงความสุข คงคิดว่าแช่คลอรีนอาบทุกวันจะทำให้ขาวเหมือนคนกรุงเทพ ที่สำคัญมันทำให้เธออยากแช่ด้วยนี่สิ เป็นความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อน คือ เธอคิดว่าคลอรีนไม่มีขายตามร้านขายยาทั่วไป ที่ไหนได้ซื้อมาแช่อาบเองก็ได้ เสร็จเธอล่ะยิ่งอยากขาวอยู่ด้วย
“มันเป็นยังไงอ่ะผงคลอรีน” รู้จักว่ามันเป็นสารฆ่าเชื้อในน้ำเท่านั้น ไม่เคยได้เห็นหน้าตาตัวจริงของมันเลย บอสถามด้วยความสนใจ พิมพ์ก็แนะนำแบบไม่รำคาญ พร้อมพรีเซ้นท์นำเสนอจะได้สวย ๆ ไปด้วยกันสามคนพี่น้อง คงอยากให้เธอได้ใช้ด้วย รู้จักแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาแช่กันอย่างไร ทำอย่างไรบ้าง
“มันเป็นผงสีขาว ไปซื้อตามร้านขายยาก็ได้ ร้านขายยาในเมือง สามร้อยเองมืง ปุกเล็กปุกใหญ่ก็มีแล้วแต่มืงจะซื้อ” พิมพ์ตอบ
“แพรวมืงก็แช่อาบกับมันบ่” เริ่มสนใจคลอรีนเข้าให้แล้ว ก็เธออยากขาวนี่นา เธอก็เป็นผู้หญิงรักสวยรักงามเหมือนกัน
“อือ “ แพรวตอบเบา ๆ พร้อมพยักหน้าให้ หูฟังรายการทีวีทว่ามือและสายตากำลังดูโทรศัพท์อยู่
“พิมพ์พอเราซื้อมาแล้วมันแช่ยังไงอ่ะ” ถามด้วยความอยากรู้ สนใจจริง ๆ แล้วนะ
“เอ๋า… มันจะไปยากอะไรบอส มืงก็ละลายในน้ำแหม๋ อี่หนิถามหยังแปลก ๆ เด้อสู เวลามืงจะอาบน้ำมืงแช่ไว้ก่อนสักสามสิบนาที สิบนาทีก็ได้ แช่ในกะละมังอ่ะ มืงจะเอาลงอ่างไม่ได้นะเดี๋ยวยายมืงด่า มันขิว เดี๋ยวกะว่าแนวผีเบื่ออีกล่ะ ฮา” พูดไปพร้อมหัวเราะไป เรื่องสวย ๆ งาม ๆ ไว้ใจพิมพ์ได้เลย “กูแช่อาบทุกวันเลย”
“พ่อใหญ่วิทย์เข้าไปใช้ห้องน้ำนำก้น จ๊มซุมื้ออี่ห่า เราขิว” แพรวพูดกลั้วหัวเราะ แอบนินทาพ่อตัวเองซะเลย เธอเองก็หัวเราะด้วยจินตนาการถึงภาพลุงตัวเองเข้าไปใช้ห้องน้ำต่อจากสองคนนี้
“อ่อ “ เป็นอันเข้าใจ ภายในใจกำลังคิดว่าจะชวนสองคนนี้ให้พาไปซื้อดีไหม เงินรายเดือนที่แม่ให้ก็ยังเหลืออยู่ ยายก็ไม่อยู่บ้านด้วยทางสะดวก “อี่จ๋อมก็ใช้เหรอพิมพ์” บังเอิญนึกไปถึงจ๋อมอีกคน รายนั้นได้หาซื้อมาแช่เหมือนเพื่อนไหม ใช้คลอรีนอาบน้ำเหมือนเพื่อนหรือไม่
“มืงอยากใช้มั้ย แพรวน้องอยากใช้ พาน้องไปซื้อแน่อี่ห่า ฮา “ นั่นไงพิมพ์รู้ใจที่สุด พูดด้วยเสียงหัวเราะ พวกเธอสามคนพี่น้องพูดคุยกันแข่งกับเสียงทีวี พี่เจทนรำคาญไม่ได้เดินออกไปข้างนอก ไปเล่นที่ไหนก็ไม่รู้ พวกเธอไม่สนใจอยู่แล้ว
“ไปบ่สั่น ! พวกกูสิพาไปซื้อ” แพรวไม่ปฏิเสธ สงสัยคงรู้สึกเบื่อเหมือนกันแน่เลย หรือไม่ก็อยากให้เธอได้ใช้เหมือนกัน ถึงได้เสนออาสาพาไปง่าย ๆ แบบนี้ “แต่ไปตอนบ่ายนะ ให้พ่อหมดก่อน ตอนบ่ายทางสะดวกจะได้ไม่มีตำรวจอ่ะ”
“มันขวดละสามร้อยแน่นะมืง แพงกว่านี้กูไม่ซื้อเด้อ เงินกูจะหมดแหมะนี่พึ่งกลางเดือนเอง ขอเงินยาย ๆ บ่นกูตายเลย” บอสถามด้วยความระแวง หากไปแล้วไม่ซื้อก็เกรงใจสองคนนี้อีก ที่อุตส่าห์พามาแล้วดันไม่ซื้อ
“เออสามร้อยชัวร์ กระปุกใหญ่เด้หนิสามร้อย กระปุกเล็กร้อยกว่าบาทเอง กูก็จะซื้อเหมือนกันของกูจะหมดแล้ว” พิมพ์ตอบ พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พวกเธอสามคนพี่น้องนั่งเล่นในบ้าน ก่อนจะพากันเปลี่ยนสถานที่ออกมานั่งเล่นที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้าน มองดูรถวิ่งผ่านไปผ่านมาก็เพลินดี
“แฝดไปซื้อน้ำปั่นมากินปะเฮา ฮ้อนแหม” บอสเอ่ยชวน รู้สึกอยากหาอะไรมาดับร้อนเหลือเกิน อากาศไม่เท่าไหร่ ความจริงที่ชวนคือ อยากขับรถเลาะรอบหมู่บ้านต่างหาก
“ปะ ไปซื้อบ้านนาจารย์บ่จังมีวิปปิ้ง” พิมพ์ชวน เป็นร้านน้ำปั่นที่ดูดีไฮโซและอร่อยที่สุดในย่านนี้ นอกนั้นก็ปั่นธรรมดา ๆ ไม่ค่อยอร่อย
“ไปไกลแถะแฝด สิได้เข้าไปในเมืองอยู่แหม๋ เก็บน้ำมันไว้สา”
“แมนยุอี่พิมพ์ !” แพรวกับเธอพากันปฏิเสธพิมพ์ พิมพ์ก็ไม่ขัดว่าไงว่าตามกันอยู่แล้ว จากนั้นก็พากันขับรถมอเตอร์ไซค์ซ้อนสามไปซื้อน้ำปั่น ร้านน้ำปั่นในหมู่บ้านของตนเองนี่แหละ โดยการขับรถขึ้นไปยังคุ้มเหนือก่อน แล้วขับลงไปคุ้มใต้ก่อนจะวนมาคุ้มกลางบ้าน แถว ๆ หน้าวัด แถวคุ้มบ้านของเธอเอง
ร้านน้ำปั่นอยู่เยื้อง ๆ กับประตูโขงวัดคุ้มของบอสเอง พร้อมซื้อส้มตำมาทานมื้อเที่ยงกันด้วย ทานเล่นฆ่าเวลา บ่ายโมงพวกเธอจะเข้าไปในตัวเมืองกัน
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่รอคอยสักที เวลาบ่ายโมง “บอสมืงไปชุดนี้เหรอ” แพรวถาม เพราะเธอสวมกางเกงวอร์มเสื้อยืดแพรวจึงถาม เผื่ออยากไปเปลี่ยนชุดใหม่
“อือ ชุดนี้แหละ “ เธอตอบด้วยความมั่นใจ พิมพ์เองก็ไม่ได้เปลี่ยนชุดออกใส่ชุดเดิม รวมทั้งแพรวคนถามด้วย
พวกเธอสามคนพี่น้องสวมชุดกางเกงวอร์มพละของโรงเรียน เสื้อยืด สวมทับด้วยเสื้อแขนยาวอีกที สะพายกระเป๋าแฟชั่นลายดิสนีย์ที่ชื่นชอบ สะพายเบี่ยงข้างของใครของมัน
ทุกคนนั่งประจำตำแหน่ง แพรวเป็นคนขับ พิมพ์ซ้อนด้านหลัง เธอซ้อนด้านหน้า “บอสมืงเลือกเอาว่าจะเบี่ยงซ้ายหรือขวา หรือจะก้มลง หัวมืงมันบังกูแหมะ มองไม่เห็นถนน” แพรวให้เธอเลือก ตนเองเป็นคนขับมองวิสัยทัศน์ไม่ค่อยสะดวกนัก ทว่าก็ไม่ใช่ปัญหา
“กูก้มละกัน แดด !” เพราะเธอไม่ได้สวมหมวกกันน็อกเหมือนเพื่อน ส่วนทั้งสองคนสวมหมวกกันน็อกคนละใบเรียบร้อย เวลาบ่ายโมงแบบนี้แดดร้อนนัก บอสจึงเลือกที่จะก้มลงดึงหมวกของเสื้อแขนยาวมาสวมปิดหน้าเอาไว้
เมื่อทุกคนพร้อม แพรวพาพวกเธอค่อย ๆ ขับรถเข้าไปในตัวเมือง ไปอีกเส้นทางที่ใกล้กว่าผ่านบ้านนาจารย์ เส้นทางนี้มันยังสามารถไปถึงร้านขายยาง่ายและเร็วกว่า พวกเธอค่อย ๆ ขับไปตามไหล่ทาง ขับไปด้วยพูดคุยกันไปด้วย ไม่มีใครร้อนแดดกันเลย ห่วงเรื่องเดียวฝนอย่าตกก็พอ
ไม่นานพวกเธอพากันมาถึงร้านขายยาที่ว่า พิมพ์เป็นคนจัดแจงทุกอย่างให้เธอเอง ถามซื้อคลอรีนกับเภสัชให้กับเธอ ถามว่าจะเอากระปุกใหญ่หรือเล็ก เธอตัดสินใจซื้อกระปุกใหญ่ไปเลย เผื่อพี่ปาวพี่แป้งอยากใช้ด้วย จะได้ไม่หมดเร็ว
“เอาปุกใหญ่เลยพิมพ์ เผื่อพี่กูอยากใช้ด้วย”
“เอากระปุกใหญ่ 2 กระปุกค่ะ” พิมพ์สั่ง “เอาเงินมาบอส” พิมพ์ถามเอาเงินกับเธอ เธอยื่นให้อย่างไม่รีรอ นอกจากนั้นก็ยังจำสถานที่ร้านขายยาเอาไว้ด้วยว่า คราวหลังหากคลอรีนหมดถ้ามาซื้อเองให้มาซื้อที่ร้านนี้ ร้านที่อยู่ใกล้ตลาดสด
พอได้ของที่ต้องการเรียบร้อยยังไม่ขับออกไปจากหน้าร้านในทันที พวกเธอขึ้นนั่งบนเบาะรถนั่งประจำที่ของแต่ละคน ยังไม่ทันได้ออกรถตกลงกันก่อนว่าจะกลับบ้านเลยหรือจะไปที่ไหนต่อดี “พิมพ์บอสจะไปซื้ออะไรมั้ย” แพรวถามความคิดเห็นพวกเธอสองคน
“ไม่อ่ะ มาซื้อแค่คลอรีนพอเดี๋ยวเงินกูหมดก่อนสิ้นเดือน” บอสตอบ ไม่อยากจะไปห้างพลาซ่าเลยสักนิด เกรงว่าจะอดใจซื้ออะไรสักอย่างไม่ได้ นี่ก็พึ่งจะกลางเดือน เหลืออีกตั้งหลายวันกว่าจะสิ้นเดือน
“ไปเดินเล่นที่ห้างกันมั้ยละ” นั่นปะไรอุตส่าห์ไม่พูดแล้วเชียว แพรวยังจะมาเสนออีก
“ไม่ต้องไปหรอกแพรว กลับเลยดีกว่านะกูว่า” ตนเองตีเนียนปฏิเสธไป รอฟังพิมพ์ว่าจะไปที่ไหนต่อดี “ว่าไงพิมพ์มืงอยากไปไหนเปล่า” ถามพิมพ์ที่นั่งอยู่ด้านหลัง
“ไปภูข่าวไหม วัดไม้สักน่ะ ไปกันมั้ยล่ะ”จู่ ๆ พิมพ์ก็ชวน คราวนี้เธอเห็นด้วย ไม่เคยไปสักครั้งได้ยินเพียงชื่อมาโดยตลอด ทุกครั้ง ๆ ไปถึงแค่ภูกุ้มข้าวที่มีกระดูกไดโนเสาร์
“ไปมั้ยแพรว ไม่ไปกลับเลยก็ได้ กูได้หมด ถ้าไปกูช่วยค่าน้ำมันมืง” เพราะอยากไปจึงพูดชวนอีกคน “ไปภูกุ้มข้าวก็ได้ ไม่ต้องไปถึงวัดที่พิมพ์ว่าก็ได้ถ้ามันไกล” ไม่รู้ไกลแค่ไหนพูดเอาใจแพรวไว้ก่อน
“มืงอยากไปติ ไปกะไป เดี๋ยวออกค่าน้ำมันให้กูห้าสิบบาทกะพอ กุจะเติมเต็มถัง” แพรวไม่ปฏิเสธ ชวนไปไหนไปได้หมด
คิดถึง 2 บทที่ 60
.
ไดอารี่ความคิดถึง
สาย ๆ วันอาทิตย์บอสไม่รู้จะไปที่ไหนรู้สึกเบื่อ ๆ จึงคิดจะไปหาพี่สาวสองฝาแฝดดีกว่า ถ้าเกิดสองคนนั้นไม่อยู่สถานีต่อไปคือบ้านจ๋อม ถ้าจ๋อมไม่อยู่ค่อยกลับมาเล่นกับน้องบีมที่บ้านก็ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงรีบลุกไปทาแป้งแต่งตัวเสร็จสรรพ บอสสวมกางเกงวอร์มสีดำซึ่งเป็นกางเกงพละของโรงเรียน ไม่ได้มีงานอะไร ไม่ได้จะไปที่ไหน ไม่จำเป็นต้องแต่งสวยมาก ใส่ชุดธรรมดา ๆ ก็ได้ สบายตัวกว่าสวมกางเกงยีนส์ตั้งเยอะ
“พี่ปาวบอสไปบ้านลุงวิทย์ก่อนนะ ไม่ต้องตามกินข้าวเด้อ” บอสบอกพี่สาวเอาไว้ วันนี้ยายกับตาไม่อยู่บ้าน ทั้งสองไปบ้านเกิดของตาที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง วันนี้พี่ปาวพี่แป้งก็ไม่ได้ไปบ้านตนเองเพราะยายให้อยู่เฝ้าบ้าน ส่วนพี่บอมอยู่บ้านพี่บอลไปเล่นตามเคย น้องบีมเองไปเล่นบ้านเพื่อนแต่เช้าเช่นกัน
“ไปก็ไปโลด” พี่ปาวตอบกลับมา ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก วันหยุดแบบนี้ไม่ได้ไปไหน สิ่งที่พอทำให้คลายเหงาได้เห็นจะมีเพียงรายการทีวีนี่แหละ เปิดดูได้ทั้งวัน บอกพี่สาวจบก็เดินไปบ้านสองฝาแฝดทันที
มาถึงเห็นหน้าต่างบ้านเปิดอยู่ก็โล่งใจ อย่างน้อยก็มีคนอยู่บ้าน แต่ จะเป็นพี่เจหรือสองฝาแฝดหรือลุงป้าเท่านั้นแหละ
“เซไฮ ! ใครอยู่ในบ้านเนี่ย” บอสทักทายพร้อมเดินเข้ามาในบ้านอย่างคุ้นเคย โชคดีมากที่ทั้งสองคนอยู่บ้านพร้อมกับพี่เจด้วย เดี๋ยวเย็น ๆ พี่เจคงกลับมหาลัย อาทิตย์นี้กลับบ้านได้นะ บอสปรายตามองพี่ชายลูกพี่ลูกน้องพลางนึกตลกอยู่ในใจ
“มืงไปไหนมาหนิ” พิมพ์หันมาถาม ทั้งสามคนกำลังดูทีวีเหมือนกัน แพรวกับพี่เจหันมามองเธอเป็นสายตาเดียวกัน เธอแต่งตัวแปลกหรือถึงได้มองกันนัก
“ไม่ได้ไปไหน มาหามืงนี่แหละ วันนี้เงียบเนอะไปเล่นกับอี่จ๋อมมั้ย” บอสชวนขณะนี้ก็ได้เข้ามานั่งในบ้านด้วย นั่งดูทีวีข้าง ๆ แพรว เตรียมตัวจะนอนลงกับพื้น นั่งดูปวดหลังชะมัด
“อี่จ๋อมไม่อยู่ มันไปโรงเรียนแหมะ “ แพรวหันมาตอบ
“อ่อ แล้วพวกมืงสองตัวไม่ไปโรงเรียนกันเหรอ” ถามไปอย่างนั้นเอง ไม่ไปน่ะดีแล้วเธอจะได้มีเพื่อนเล่น
“บ่ ! คร้าน ฮา “ พิมพ์พูดกลั้วหัวเราะ ส่วนพี่เจนอนฟังพวกเธอคุยกันเงียบ ๆ ไม่มีปากมีเสียง
เวลาผ่านไปกี่นาทีไม่ทราบบอสนอนดูทีวีกับพวกพี่ ๆ ระหว่างนั้นรู้สึกว่าได้กลิ่นอะไรแปลก ๆ ลอยมาเตะจมูกตลอด เหมือนกลิ่นของน้ำยาปรับผ้าขาวเลย บางครั้งก็ให้กลิ่นเหมือนคลอรีนที่แช่ในน้ำ เธอรู้จักกลิ่นคลอรีนเพราะไปกรุงเทพทุกปี กลิ่นแบบนี้มักอยู่ตามน้ำประปาในกรุงเทพ บอสแอบสูดดมอยู่เงียบ ๆ ยิ่งดมมันยิ่งชัดว่าเป็นกลิ่นน้ำยาปรับผ้าขาวชัวร์ ไม่ก็ต้องเป็นกลิ่นของคลอรีน
“สู ! สูแช่ไฮเตอร์ติ คือได้กลิ่นวะ” ในที่สุดก็ทนต่อความสงสัยไม่ได้ ยิ่งมาอยู่ใกล้ตัวพิมพ์กลิ่นยิ่งแรง แอบนึกว่าพิมพ์ล้างผ้าไม่สะอาดหรืออย่างไรกัน เข้ามาใกล้ ๆ กลิ่นนี่แรงเชียว
พิมพ์หัวเราะอึกอักในลำคอ ปรายตามองแพรวแฝดผู้พี่ของตนก่อนจะตอบคำถามของเธอ “บ่แมนไฮเตอร์อี่ห่า มันเป็นกลิ่นคลอรีน” พิมพ์เฉลยให้เธอฟัง ทั้งสองคนฝาแฝดพากันหัวเราะให้กันที่เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย ที่โรงเรียนของตนเขาใช้กันเยอะแยะ
“คลอรีน ! คลอรีนที่อยู่ในน้ำปะปาเหมือนในกรุงเทพน่ะเหรอ” เธอถามด้วยความงุนงง เธอรู้จักคลอรีนว่ามันคือสารฆ่าเชื้อในน้ำประปา ตามเมืองใหญ่ ๆ เช่นกรุงเทพหรือในตัวจังหวัดเขาจะใช้กัน บางที่เปิดก๊อกน้ำออกมากลิ่นเตะจมูกกันเลย สิ่งที่งุนงงคืออย่าบอกว่าพิมพ์เอามาแช่น้ำอาบนะ
“ใช่ ! เอามาแช่น้ำอาบ ทำให้ขาวเด้มืง สั่นคนอยู่กรุงเทพเขาสิขาวติ” พิมพ์ตอบพร้อมสีหน้าบ่งบอกถึงความสุข คงคิดว่าแช่คลอรีนอาบทุกวันจะทำให้ขาวเหมือนคนกรุงเทพ ที่สำคัญมันทำให้เธออยากแช่ด้วยนี่สิ เป็นความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อน คือ เธอคิดว่าคลอรีนไม่มีขายตามร้านขายยาทั่วไป ที่ไหนได้ซื้อมาแช่อาบเองก็ได้ เสร็จเธอล่ะยิ่งอยากขาวอยู่ด้วย
“มันเป็นยังไงอ่ะผงคลอรีน” รู้จักว่ามันเป็นสารฆ่าเชื้อในน้ำเท่านั้น ไม่เคยได้เห็นหน้าตาตัวจริงของมันเลย บอสถามด้วยความสนใจ พิมพ์ก็แนะนำแบบไม่รำคาญ พร้อมพรีเซ้นท์นำเสนอจะได้สวย ๆ ไปด้วยกันสามคนพี่น้อง คงอยากให้เธอได้ใช้ด้วย รู้จักแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาแช่กันอย่างไร ทำอย่างไรบ้าง
“มันเป็นผงสีขาว ไปซื้อตามร้านขายยาก็ได้ ร้านขายยาในเมือง สามร้อยเองมืง ปุกเล็กปุกใหญ่ก็มีแล้วแต่มืงจะซื้อ” พิมพ์ตอบ
“แพรวมืงก็แช่อาบกับมันบ่” เริ่มสนใจคลอรีนเข้าให้แล้ว ก็เธออยากขาวนี่นา เธอก็เป็นผู้หญิงรักสวยรักงามเหมือนกัน
“อือ “ แพรวตอบเบา ๆ พร้อมพยักหน้าให้ หูฟังรายการทีวีทว่ามือและสายตากำลังดูโทรศัพท์อยู่
“พิมพ์พอเราซื้อมาแล้วมันแช่ยังไงอ่ะ” ถามด้วยความอยากรู้ สนใจจริง ๆ แล้วนะ
“เอ๋า… มันจะไปยากอะไรบอส มืงก็ละลายในน้ำแหม๋ อี่หนิถามหยังแปลก ๆ เด้อสู เวลามืงจะอาบน้ำมืงแช่ไว้ก่อนสักสามสิบนาที สิบนาทีก็ได้ แช่ในกะละมังอ่ะ มืงจะเอาลงอ่างไม่ได้นะเดี๋ยวยายมืงด่า มันขิว เดี๋ยวกะว่าแนวผีเบื่ออีกล่ะ ฮา” พูดไปพร้อมหัวเราะไป เรื่องสวย ๆ งาม ๆ ไว้ใจพิมพ์ได้เลย “กูแช่อาบทุกวันเลย”
“พ่อใหญ่วิทย์เข้าไปใช้ห้องน้ำนำก้น จ๊มซุมื้ออี่ห่า เราขิว” แพรวพูดกลั้วหัวเราะ แอบนินทาพ่อตัวเองซะเลย เธอเองก็หัวเราะด้วยจินตนาการถึงภาพลุงตัวเองเข้าไปใช้ห้องน้ำต่อจากสองคนนี้
“อ่อ “ เป็นอันเข้าใจ ภายในใจกำลังคิดว่าจะชวนสองคนนี้ให้พาไปซื้อดีไหม เงินรายเดือนที่แม่ให้ก็ยังเหลืออยู่ ยายก็ไม่อยู่บ้านด้วยทางสะดวก “อี่จ๋อมก็ใช้เหรอพิมพ์” บังเอิญนึกไปถึงจ๋อมอีกคน รายนั้นได้หาซื้อมาแช่เหมือนเพื่อนไหม ใช้คลอรีนอาบน้ำเหมือนเพื่อนหรือไม่
“มืงอยากใช้มั้ย แพรวน้องอยากใช้ พาน้องไปซื้อแน่อี่ห่า ฮา “ นั่นไงพิมพ์รู้ใจที่สุด พูดด้วยเสียงหัวเราะ พวกเธอสามคนพี่น้องพูดคุยกันแข่งกับเสียงทีวี พี่เจทนรำคาญไม่ได้เดินออกไปข้างนอก ไปเล่นที่ไหนก็ไม่รู้ พวกเธอไม่สนใจอยู่แล้ว
“ไปบ่สั่น ! พวกกูสิพาไปซื้อ” แพรวไม่ปฏิเสธ สงสัยคงรู้สึกเบื่อเหมือนกันแน่เลย หรือไม่ก็อยากให้เธอได้ใช้เหมือนกัน ถึงได้เสนออาสาพาไปง่าย ๆ แบบนี้ “แต่ไปตอนบ่ายนะ ให้พ่อหมดก่อน ตอนบ่ายทางสะดวกจะได้ไม่มีตำรวจอ่ะ”
“มันขวดละสามร้อยแน่นะมืง แพงกว่านี้กูไม่ซื้อเด้อ เงินกูจะหมดแหมะนี่พึ่งกลางเดือนเอง ขอเงินยาย ๆ บ่นกูตายเลย” บอสถามด้วยความระแวง หากไปแล้วไม่ซื้อก็เกรงใจสองคนนี้อีก ที่อุตส่าห์พามาแล้วดันไม่ซื้อ
“เออสามร้อยชัวร์ กระปุกใหญ่เด้หนิสามร้อย กระปุกเล็กร้อยกว่าบาทเอง กูก็จะซื้อเหมือนกันของกูจะหมดแล้ว” พิมพ์ตอบ พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พวกเธอสามคนพี่น้องนั่งเล่นในบ้าน ก่อนจะพากันเปลี่ยนสถานที่ออกมานั่งเล่นที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้าน มองดูรถวิ่งผ่านไปผ่านมาก็เพลินดี
“แฝดไปซื้อน้ำปั่นมากินปะเฮา ฮ้อนแหม” บอสเอ่ยชวน รู้สึกอยากหาอะไรมาดับร้อนเหลือเกิน อากาศไม่เท่าไหร่ ความจริงที่ชวนคือ อยากขับรถเลาะรอบหมู่บ้านต่างหาก
“ปะ ไปซื้อบ้านนาจารย์บ่จังมีวิปปิ้ง” พิมพ์ชวน เป็นร้านน้ำปั่นที่ดูดีไฮโซและอร่อยที่สุดในย่านนี้ นอกนั้นก็ปั่นธรรมดา ๆ ไม่ค่อยอร่อย
“ไปไกลแถะแฝด สิได้เข้าไปในเมืองอยู่แหม๋ เก็บน้ำมันไว้สา”
“แมนยุอี่พิมพ์ !” แพรวกับเธอพากันปฏิเสธพิมพ์ พิมพ์ก็ไม่ขัดว่าไงว่าตามกันอยู่แล้ว จากนั้นก็พากันขับรถมอเตอร์ไซค์ซ้อนสามไปซื้อน้ำปั่น ร้านน้ำปั่นในหมู่บ้านของตนเองนี่แหละ โดยการขับรถขึ้นไปยังคุ้มเหนือก่อน แล้วขับลงไปคุ้มใต้ก่อนจะวนมาคุ้มกลางบ้าน แถว ๆ หน้าวัด แถวคุ้มบ้านของเธอเอง
ร้านน้ำปั่นอยู่เยื้อง ๆ กับประตูโขงวัดคุ้มของบอสเอง พร้อมซื้อส้มตำมาทานมื้อเที่ยงกันด้วย ทานเล่นฆ่าเวลา บ่ายโมงพวกเธอจะเข้าไปในตัวเมืองกัน
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่รอคอยสักที เวลาบ่ายโมง “บอสมืงไปชุดนี้เหรอ” แพรวถาม เพราะเธอสวมกางเกงวอร์มเสื้อยืดแพรวจึงถาม เผื่ออยากไปเปลี่ยนชุดใหม่
“อือ ชุดนี้แหละ “ เธอตอบด้วยความมั่นใจ พิมพ์เองก็ไม่ได้เปลี่ยนชุดออกใส่ชุดเดิม รวมทั้งแพรวคนถามด้วย
พวกเธอสามคนพี่น้องสวมชุดกางเกงวอร์มพละของโรงเรียน เสื้อยืด สวมทับด้วยเสื้อแขนยาวอีกที สะพายกระเป๋าแฟชั่นลายดิสนีย์ที่ชื่นชอบ สะพายเบี่ยงข้างของใครของมัน
ทุกคนนั่งประจำตำแหน่ง แพรวเป็นคนขับ พิมพ์ซ้อนด้านหลัง เธอซ้อนด้านหน้า “บอสมืงเลือกเอาว่าจะเบี่ยงซ้ายหรือขวา หรือจะก้มลง หัวมืงมันบังกูแหมะ มองไม่เห็นถนน” แพรวให้เธอเลือก ตนเองเป็นคนขับมองวิสัยทัศน์ไม่ค่อยสะดวกนัก ทว่าก็ไม่ใช่ปัญหา
“กูก้มละกัน แดด !” เพราะเธอไม่ได้สวมหมวกกันน็อกเหมือนเพื่อน ส่วนทั้งสองคนสวมหมวกกันน็อกคนละใบเรียบร้อย เวลาบ่ายโมงแบบนี้แดดร้อนนัก บอสจึงเลือกที่จะก้มลงดึงหมวกของเสื้อแขนยาวมาสวมปิดหน้าเอาไว้
เมื่อทุกคนพร้อม แพรวพาพวกเธอค่อย ๆ ขับรถเข้าไปในตัวเมือง ไปอีกเส้นทางที่ใกล้กว่าผ่านบ้านนาจารย์ เส้นทางนี้มันยังสามารถไปถึงร้านขายยาง่ายและเร็วกว่า พวกเธอค่อย ๆ ขับไปตามไหล่ทาง ขับไปด้วยพูดคุยกันไปด้วย ไม่มีใครร้อนแดดกันเลย ห่วงเรื่องเดียวฝนอย่าตกก็พอ
ไม่นานพวกเธอพากันมาถึงร้านขายยาที่ว่า พิมพ์เป็นคนจัดแจงทุกอย่างให้เธอเอง ถามซื้อคลอรีนกับเภสัชให้กับเธอ ถามว่าจะเอากระปุกใหญ่หรือเล็ก เธอตัดสินใจซื้อกระปุกใหญ่ไปเลย เผื่อพี่ปาวพี่แป้งอยากใช้ด้วย จะได้ไม่หมดเร็ว
“เอาปุกใหญ่เลยพิมพ์ เผื่อพี่กูอยากใช้ด้วย”
“เอากระปุกใหญ่ 2 กระปุกค่ะ” พิมพ์สั่ง “เอาเงินมาบอส” พิมพ์ถามเอาเงินกับเธอ เธอยื่นให้อย่างไม่รีรอ นอกจากนั้นก็ยังจำสถานที่ร้านขายยาเอาไว้ด้วยว่า คราวหลังหากคลอรีนหมดถ้ามาซื้อเองให้มาซื้อที่ร้านนี้ ร้านที่อยู่ใกล้ตลาดสด
พอได้ของที่ต้องการเรียบร้อยยังไม่ขับออกไปจากหน้าร้านในทันที พวกเธอขึ้นนั่งบนเบาะรถนั่งประจำที่ของแต่ละคน ยังไม่ทันได้ออกรถตกลงกันก่อนว่าจะกลับบ้านเลยหรือจะไปที่ไหนต่อดี “พิมพ์บอสจะไปซื้ออะไรมั้ย” แพรวถามความคิดเห็นพวกเธอสองคน
“ไม่อ่ะ มาซื้อแค่คลอรีนพอเดี๋ยวเงินกูหมดก่อนสิ้นเดือน” บอสตอบ ไม่อยากจะไปห้างพลาซ่าเลยสักนิด เกรงว่าจะอดใจซื้ออะไรสักอย่างไม่ได้ นี่ก็พึ่งจะกลางเดือน เหลืออีกตั้งหลายวันกว่าจะสิ้นเดือน
“ไปเดินเล่นที่ห้างกันมั้ยละ” นั่นปะไรอุตส่าห์ไม่พูดแล้วเชียว แพรวยังจะมาเสนออีก
“ไม่ต้องไปหรอกแพรว กลับเลยดีกว่านะกูว่า” ตนเองตีเนียนปฏิเสธไป รอฟังพิมพ์ว่าจะไปที่ไหนต่อดี “ว่าไงพิมพ์มืงอยากไปไหนเปล่า” ถามพิมพ์ที่นั่งอยู่ด้านหลัง
“ไปภูข่าวไหม วัดไม้สักน่ะ ไปกันมั้ยล่ะ”จู่ ๆ พิมพ์ก็ชวน คราวนี้เธอเห็นด้วย ไม่เคยไปสักครั้งได้ยินเพียงชื่อมาโดยตลอด ทุกครั้ง ๆ ไปถึงแค่ภูกุ้มข้าวที่มีกระดูกไดโนเสาร์
“ไปมั้ยแพรว ไม่ไปกลับเลยก็ได้ กูได้หมด ถ้าไปกูช่วยค่าน้ำมันมืง” เพราะอยากไปจึงพูดชวนอีกคน “ไปภูกุ้มข้าวก็ได้ ไม่ต้องไปถึงวัดที่พิมพ์ว่าก็ได้ถ้ามันไกล” ไม่รู้ไกลแค่ไหนพูดเอาใจแพรวไว้ก่อน
“มืงอยากไปติ ไปกะไป เดี๋ยวออกค่าน้ำมันให้กูห้าสิบบาทกะพอ กุจะเติมเต็มถัง” แพรวไม่ปฏิเสธ ชวนไปไหนไปได้หมด