.
ไดอารี่ความคิดถึง
ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูกาลของแตงโมง ยิ่งอากาศร้อน ๆ ได้แตงโมแช่เย็นสักหน่อยคงสดชื่นมาก แค่คิดก็มีความสุข ซื้อก็แพงอยู่แถมต้องมาลุ้นว่าจะสุกหรือเปล่าอีก
“เด็กน้อย สูคือบ่พากันไปเอาบักโมไนมากิน เพิ่นกำลังผ่าอยู่สวนนาใหญ่อ้มพุ้น” ป้าลียืนพูดคุยกับพวกเธอที่แคร่หน้าบ้าน สาย ๆ ของวันเสาร์พวกเธอยังไม่ได้ไปเล่นไหน อยู่กันครบทีมพี่น้อง 6 คน ยังไม่ถึงเวลาแยกย้าย นี่พึ่งจะเก้าโมงเช้าเอง
“นาใหญ่อ้มทางใดป้า” บอสตอบ สนใจกับคำบอกกล่าวของผู้เป็นป้า ติดที่ไม่รู้จักนาของตาอ้มนี่แหละ บ้านของแกอยู่คุ้มเหนือนู่น
“มาสิบ่ฮู้จัก กะอยู่ภาคนาใหญ่กีไปนั่นเด้ นามูน้าแพงน่ะ” ยายตอบแทนป้าลี คงอยากกินแตงโมด้วย คงอยากให้พวกเธอไป
ตากีที่พูดถึงเป็นน้องชายลูกพี่ลูกน้องกับตา บังเอิญตอนหนุ่ม ๆ ได้ภรรยาหมู่บ้านเดียวกันอีก ยายเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนหนุ่ม ๆ ตากีมาเที่ยวหาตาที่บ้านนี่แหละ ตาก็เลยแนะนำสาวเพ็งในสมัยก่อนให้รู้จัก ตอนนี้เป็นยายเพ็งไปแล้ว ถูกใจกัน จีบกัน แล้วจบด้วยการแต่งงานเป็นสามีภรรยากัน อยู่ด้วยกันจนทุกวันนี้
“อ่อ เลยนาน้าแพงไปกะแมนเลยแมนบ่ บอสสิไป บอสกะอยาก” เธอย้ำกับผู้เป็นยายกับป้า เธอพอรู้จักนายายเพ็งกับตากี เคยไปอยู่ไม่กี่ครั้ง ยายเคยพาไปช่วยเกี่ยวข้าวตอนเด็ก ๆ “ไปนำบ่บีม อ้ายบอลพี่แป้งไปมั้ย” หันมาถามความคิดเห็นพี่ ๆ ตนเองอยากไป ครั้นจะไปสองคนพี่น้องก็กะไรอยู่
“ไป ! ไกลบ่พี่บอส น้องบีมไปนำ” น้องบีมตอบ เสนอตัวเป็นคนแรก ไม่เคยปฏิเสธเลย ชวนไปไหนไปด้วยหมด บอสคลี่ยิ้มยักคิ้วให้น้องสาว อย่างน้อยก็ได้เพื่อนร่วมเดินทางแล้วหนึ่งคน เดี๋ยวจะไปชวนสองฝาแฝดกับจ๋อมด้วยถ้าพี่ ๆ ไม่ยอมไปกัน
“บ่ไกลบีม ! ยายว่าบ่ไกล” บอสโกหกน้องสาว ไม่รู้ว่าระยะทางที่จริงแล้วไกลหรือไม่ไกล จะว่าไปนาของตากีกับยายเพ็งก็ไกลพอสมควร ทว่าไม่ใช่ปัญหาเพื่อแตงโมฟรี หลอกเอาไว้ก่อนจะได้มีเพื่อน
ในแต่ละปีตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ รอเวลานี้เสมอ เวลาที่จะได้พากันไปเอาแตงโม เหมือนเป็นเทศกาล ๆ หนึ่ง ที่จะต้องได้ไปเก็บ ไม่สวนของใครคนใดคนหนึ่งในหมู่บ้าน บ้างครั้งก็ไปขอเก็บของคนต่างหมู่บ้านก็มี ขอแค่รู้แหล่งปลูกถ้าไม่ไกลมากพวกเธอจะพากันไป
“ไป ! ไปนำกันเมิดหนิ ไปเอามากินแน่” ยายจับมัดมือชกพวกเธอ พี่ ๆ กับน้องบีมก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“เอามาเผื่อป้านำเด้อ พากันเอากระติกไปใส่เอา” ป้าลียิ้มหน้าบานเลยที่พวกเธอยอมไปเอาแตงโมมาให้ทาน ก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านตนเองเพื่อทำงานบ้าน
‘โมไน’เป็นแตงโมที่ปลูกเอาเมล็ด เป็นพันธุ์ที่มีเมล็ดเยอะที่สุด เรียกแบบนั้นเฉย ๆ ที่จริงเป็นลูกแตงโมธรรมดา ๆ ที่เคยเห็นตามตลาดนั่นแหละ ในส่วนนี้จะขายเมล็ดอย่างเดียว ส่วนเนื้อเอาทิ้งไป พวกเธอและคนในหมู่บ้านทั้งคนต่างหมู่บ้านแถวละแวกใกล้เคียง ต่างนิยมพากันไปเอาเนื้อแตงโมมาทาน เจ้าของสวนก็ไม่ห้าม เพราะถึงไม่มีคนมาเอา เนื้อแตงโมก็ถูกร่อนทิ้งอยู่ดี
ตาอ้มปลูกแตงโมไว้หลายสวนที่นา บางสวนปลูกขายลูกและบางสวนขายเมล็ดก็มี สวนที่ขายเมล็ดก็จะทำการผ่าเอาเนื้อแตงโมทิ้งที่สวนเลย เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว เหมือนปลูกเอาเมล็ดขายส่งโรงงาน
ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน ไม่มีใครสนใจถามสักคน สนใจเพียงเนื้อแตงโมที่ได้ฟรีเท่านั้น จะเอามาเยอะแค่ไหนเจ้าของสวนก็ไม่ว่า หากมีปัญญาเอากลับมาได้ เพราะเนื้อแตงโมรวม ๆ กันในกระติกมันก็หนักใช่เล่น ภาชนะที่นำไปใส่ต้องเป็นกระติกน้ำแข็งเท่านั้น เพื่อความสะอาดนั่นแหละ
“อ้ายบอมไปบ่ พี่ปาวไปนำบ่หนิ” บอสถามพี่ใหญ่ของบ้านทั้งสองคน พี่บอลกับพี่แป้งตกลงไปด้วยอยู่แล้ว พี่ ๆ ทั้งสองคนพยักหน้าเป็นคำตอบ บอสเผยยิ้มที่มุมปากด้วยความพอใจ “เดี๋ยวบอสขอโทรชวนอี่จ๋อมกับไอ้แฝดก่อนนะเผื่อมันอยากไปด้วย แป๊บ ๆ “ พูดจบก็รีบขึ้นไปชั้นบนบ้านเพื่อโทรหาเพื่อนทั้งสามคน
ยายเตรียมกระติกน้ำใบใหญ่ให้พวกเธอสามใบ ใส่ด้วยกันและของน้องบีมใบเล็ก ๆ เดี๋ยวใส่เนื้อแตงโมเต็มกระติกมันจะหนัก ถือมาไม่ได้
“ว่าไงบอส สามนางนั่นไปมั้ย” พี่ปาวถาม เมื่อเธอเดินลงมาจากบนบ้าน บอสพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม เพราะเพื่อน ๆ ทั้งสามคนตกลงไปด้วยกันทุกคน มีกองทัพมาเพิ่มจะกลัวอะไร แม้จะแดดก็ไม่หวั่น
อุปกรณ์พร้อม เสื้อผ้าพร้อม หมวกพร้อม พวกเธอ 6 คนพี่น้องพากันเดินไปยังบ้านของพิมพ์กับแพรวก่อน เดินไปรับสองคนนั้นกับจ๋อม จ๋อมเองขับรถมอเตอร์ไซค์มาจอดเอาไว้ที่บ้านของทั้งสองคน แล้วพวกเธอจะเดินไปพร้อมกัน
น้องบีมดูร่าเริงกว่าใคร ๆ ระหว่างเดินไปตามคันนาพูดแจ้ไม่หยุด พูดกับจ๋อมไม่หยุดปาก กระโดดโลดเต้นไปตามทางแม้แดดจะเริ่มแรงก็ไม่ร้อน พวกเธอพกน้ำเปล่าไปด้วยเผื่อหิวระหว่างทาง
พี่บอมพาพวกเธอเดินไปตามคันนา มันไม่รกเท่าไหร่เจ้าของนาคอยถางอยู่ตลอด บางช่วงก็รกบางช่วงก็ไม่มีหญ้าขึ้น ตอนนี้บอสรู้สึกว่าตนเองคิดผิดที่ตกปากรับคำกับป้าว่าจะไปเอาแตงโม นาตาอ้มไกลมาก เดินมาตั้งนานแล้วยังไม่ถึงเลย แต่ว่าไหน ๆ ก็ได้มาแล้วถอยหลังกลับไม่ได้
กลางทุ่งนาท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุ มันไม่สามารถทำอะไรน้องบีมและพวกเธอได้ พวกเธอสวมหมวกมีปีก สวมเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวจึงไม่กลัวแดดมากนัก พี่ปาวนำเสื้อมาปิดหน้าปิดตาเอาไว้ด้วย กลัวหน้าดำไปโรงเรียน ในมือมีกระติกเปล่าถือเอาไว้ เพื่อนำไปใส่เนื้อแตงโม ระหว่างเดินคุยกันไปด้วยจะได้ลืมเวลาจะได้ถึงเร็ว ๆ คนที่สนุกเห็นจะเป็นน้องบีมนั่นแหละ เดินถอยหลังไม่ดูทางล้มหัวคะมำก็มี
“บีมอย่าวิ่ง ! เดี๋ยวเหนื่อยตัดกำลังเดินไม่ถึงไม่อุ้มนะบอกให้” พี่ปาวขู่น้องสาวของเธอ เจ้าตัวหากลัวไม่ ยังเล่นกึ่งเดินกึ่งกระโดดไปตามทางเช่นเดิม บอสปรายตามองน้องสาวด้วยความตลก ไม่ได้เอ็ดอะไร ปล่อยเล่นตามสบายเลย
แพรวกับพี่แป้งคุยกันไปตามทาง พี่ชายสองคนคุยกันเพลิน พิมพ์คุยโทรศัพท์กับแฟนไปตามทาง จ๋อมเล่นกับน้องบีม เธอเดินดุ่ม ๆ ฟังทุกคนคุยกันไปตามทางเช่นกัน ไม่ค่อยโม้อะไรกับพี่ ๆ คิดแต่ว่าเมื่อไหร่จะถึงนาตาอ้มเท่านั้น เวลานี้รู้สึกเมื่อยเหลือเกิน ผ่านที่นาใครบ้างก็ไม่ทราบ ระยะทางไกลมาก
พวกเธอทั้งเก้าคนเดินทางข้ามฝายตาสมบูรณ์มาเรียบร้อย มุ่งหน้าไปยังนาของตากีกับยายเพ็งก่อน พอไปถึงตรงนั้นก็คงเห็นสวนแตงโมเองนั่นแหละ ตอนนี้มองเห็นไร่แตงโมอยู่ร่ำไร มองเห็นรถหกล้อจอดอยู่ไกล ๆ เพราะบางสวนตาอ้มส่งขายเป็นลูก บางสวนส่งขายเป็นเมล็ด เห็นคนงานกำลังแบกเข่งแตงโมขึ้นหลังรถเรื่อย ๆ
“พี่จ๋อมนู่น พี่ปาวนู่นใช่มั้ยนาตาอ้ม กรี๊ด ! ฮา “ น้องบีมดีใจใหญ่ ชี้มือไปที่กลุ่มคนที่เห็นราง ๆ ไกล ๆ โน่น เรียกทุกคนให้ดูด้วยท่าทางตื่นเต้น บอสทึ่งในตัวน้องสาวมาก ทีแรกไม่อยากให้ตามมาด้วย กลัวน้องเหนื่อยแล้วงอแงกลับ กลัวไม่สู้ กลัวเดินไปไม่ถึง ที่ไหนได้ สดชื่นอยากกะคนดูดม้า อืม เธอไม่เคยหรอก เธอได้ยินผู้ใหญ่บางคนพูดมา
“ไหนน้องบีม ! คือตาดีแถะคือเห็น เมือยบ่อ้ายบอลเกี๊ยบ่” พี่บอลผู้ละมุนกับน้องบีมเสมอยกเว้นกับเธอ เดินไปชวนคอเกาะไหล่น้องบีมด้วยความเอ็นดู พร้อมถามด้วยความใส่ใจ บอกให้น้องบีมขี่หลังตนเอง คงเห็นว่าเดินมาไกลมากแล้ว คงกลัวน้องบีมเหนื่อย พวกเธอทุกคนก็มองเห็นกันนั่นแหละ
“พู้น ! อยู่บักไกล ๆ พุ่นอ้ายบอล” น้องบีมพูดพร้อมชี้ให้ทุกคนดูตามที่ตนเองชี้ พร้อมเดินไปตามทาง ไม่ยอมขี่หลังพี่บอลด้วย “หื่อ น้องบีมอยากย่างเอาเอง” น้องบีมปฏิเสธด้วยท่าทางจริงจัง พี่บอลก็ไม่เซ้าซี้ อยากเดินก็เดิน พวกเธอยิ้มให้น้องสาวคนเก่งที่ไม่เหนื่อยเลย
พวกเธอเดินมาด้วยความอดทนอดกลั้นมาก ๆ อีกไม่ถึงกิโลก็จะถึงนาตาอ้มแล้ว เดินผ่านนาตากีไปไม่มีคนมานาเลย บรรยากาศบนท้องทุ่งนาเงียบสงบ แดดก็ร้อนมาก ๆ มองไปไกล ๆ เห็นเป็นเปลวแดดกันเลยทีเดียว ผ่านนาตากีไปเป็นนาน้าแพงลูกสาวของตากี น้ามานากับพี่เอสลูกชาย พวกเธอจึงแวะทักทายหน่อย ผ่านหน้าขนาดนี้ไม่หยุดทักทายจะหาว่าหลานไม่รู้ความอีก ถือว่าพักไปในตัวก็แล้วกัน นาตาอ้มก็อยู่ถัดไปนี่เอง พักเอาแรงก่อนค่อยไปเก็บแตงโมก็ได้
“เฮ็ดหยังน้าแพง” มาถึงพี่ปาวเป็นคนทักทายก่อน พากันขึ้นมานั่งบนเถียงนากับน้าด้วย พักผ่อนให้หายปวดขาสักหน่อย
“พากันมาเอาบักโมไนบ่เด็กน้อย มาบ่พากันแดดว่ะ เพิ่นกำลังผ่ายุพุ่นน่ะ” น้าแพงถาม “พุ้นน้าวัดกะอยู่พุ้น บักเอสมันขี้คร้าน บอกไปรับจ้างขึ้นบักโมนำเพิ่นกะบ่ไป “ แอบเหน็บแนมลูกชาย ผู้เป็นลูกได้แต่ยิ้มแหย ๆ ให้คนเป็นแม่ พี่เอสสำอางจะตาย น้าวัดคือสามีของน้าแพงเอง
“ฮ้วย ! น้อย ๆ หนิกะมานำเขาบัดหนิ มาบ่ย้านไข้หว๋า มาพาน้องมาตากแดดแถะสู” น้าแพงเห็นน้องบีม พูดด้วยความเป็นห่วง
“มันอยากมาตั้วป้า เลยให้มันมานำ “ บอสเป็นคนตอบ ปรายตามองน้องสาวด้วยความห่วงใยเช่นกัน เดินมาจากบ้านตั้งหลายกิโลไม่ใช่ใกล้ ๆ
“น้องบีมอยากกินบักโมนั่นเด้น้าแพง น้องบีมกะมัก” น้องสาวของเธอตอบด้วยความไร้เดียงสา เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะบนความเหนื่อยของพวกเธอได้เป็นอย่างดี อีกทั้งน้าแพงด้วยที่เอื้อมมือไปลูบเหงื่อออกจากไรผมให้หลานสาว เอ็นดูกับคำพูดคำจาที่รู้ความยิ่งนัก
“บ่ต้องไปนำเขาหรอก มานี่ถ่าอยู่เถียงนำน้านี่มันแดดมันสิไข้ ให้เอื้อยเอามาให้” น้าแพงห้ามน้องบีมด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากให้ไปตากแดดกับพวกเธอ
“บ่ ! น้าแพงน้องบีมสิไป กระติกของบีมกะมี” น้องบีมไม่ยอมท่าเดียว จะไปกับพวกเธอให้ได้
“ไปกะไปสั้นขั้นบ่แดด บ่เมือย เอามาเผื่อน้านำเด้อสั้น” น้าแพงยอมแพ้ความดื้อรั้นของน้องบีม ใช้มือเช็ดเหงื่อไปตามไรผมให้น้องบีมไม่หยุด
“ปะเฮา ! เซาเมือยกันคักแล้วบ่ น้าพวกปาวไปก่อนเด้อ เดี๋ยวเอามาให้นำ” เมื่อพักกันให้หายเหนื่อยพอหอมปากหอมคอกันแล้ว พี่ปาวก็ชวนเดินทางกันต่อ นาตาอ้มอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง
พวกเธอลาน้าแพงไปเก็บแตงโม พี่เอสก็ตามไปด้วย ไปเก็บช่วยพวกเธอ ที่เถียงนาตนเองไม่มีกระติกใส่ ตั้งใจไปเก็บช่วยพวกเธอนี่แหละ “ไปบีมยางก่อนเลย ! พุ้นน้าวัดอยู่พุ่น “ พี่เอสบอกน้องบีมให้เดินมุ่งหน้าไปก่อน
เมื่อมาถึงนาของตาอ้มคนงานเก็บแตงโมและเจ้าของสวนพากันยืนมอง ยิ้มให้ด้วยความเป็นมิตร คนงานบางคนทยอยขนเข่งแตงโมขึ้นรถหกล้ออยู่อีกไร่ บางคนกำลังใช้เท้าขยำเนื้อแตงโมกับผ้าตาข่ายสีน้ำเงินที่เรียกว่า ‘เยอ’ เพื่อเอาเมล็ดเท่านั้น บอสเห็นแล้วก็รู้สึกอาย ๆ นิดหน่อย เมื่อได้มาแล้วต้องหน้าด้านไว้ก่อน เจ้าของสวนก็ไม่ได้หวงอะไร
“พากันมาเอาบักโมไนบ่นาง สุคือมาไกลแท้ !” ยายเขียดภรรยาตาอ้มถาม สวมหมวกมีปีก นำเสื้อมาห่อใบหน้ากันแดดอีกชั้นเหมือนพี่ปาว เห็นเพียงดวงตาก็จำได้ว่าเป็นยายเขียด สวมกางเกงขายาวเสื้อแขนยาวเพื่อป้องกันแดด สวมรองเท้าบูทอย่างดี
ยายเขียดทราบว่าพวกเธอเป็นคนบ้านเดียวกัน ลูกหลานใครด้วย “ฮ่วย ! น้อย ๆ นี่กะมานำเขาย่ะ ยายคือให้มา คือบ่ถ่าอยู่เฮือนนางมันแดด” ใครเห็นใคร ๆ ก็ทักน้องบีมด้วยความเอ็นดู
น้องบีมสวมหมวกผ้า สวมเสื้อแขนยาวของเธอเอง กางเกงวอร์มสีเขียวมีลายเส้นด้านข้าง สวมรองเท้าแตะ ไม่ต่างจากพวกเธอเท่าไหร่นัก ถือกระติกน้ำใบเล็กที่ยายหาให้พอเป็นพิธี เพราะน้องบีมอยากมาด้วย ก็ไม่ห้าม แถมหาอุปกรณ์ให้ด้วย
“ใหญ่เขียดพวกบอสขอบักโมแน่เด้อจ้า “ บอสเป็นคนเอ่ยขออนุญาต
คิดถึง 2 บทที่ 62
.
ไดอารี่ความคิดถึง
ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูกาลของแตงโมง ยิ่งอากาศร้อน ๆ ได้แตงโมแช่เย็นสักหน่อยคงสดชื่นมาก แค่คิดก็มีความสุข ซื้อก็แพงอยู่แถมต้องมาลุ้นว่าจะสุกหรือเปล่าอีก
“เด็กน้อย สูคือบ่พากันไปเอาบักโมไนมากิน เพิ่นกำลังผ่าอยู่สวนนาใหญ่อ้มพุ้น” ป้าลียืนพูดคุยกับพวกเธอที่แคร่หน้าบ้าน สาย ๆ ของวันเสาร์พวกเธอยังไม่ได้ไปเล่นไหน อยู่กันครบทีมพี่น้อง 6 คน ยังไม่ถึงเวลาแยกย้าย นี่พึ่งจะเก้าโมงเช้าเอง
“นาใหญ่อ้มทางใดป้า” บอสตอบ สนใจกับคำบอกกล่าวของผู้เป็นป้า ติดที่ไม่รู้จักนาของตาอ้มนี่แหละ บ้านของแกอยู่คุ้มเหนือนู่น
“มาสิบ่ฮู้จัก กะอยู่ภาคนาใหญ่กีไปนั่นเด้ นามูน้าแพงน่ะ” ยายตอบแทนป้าลี คงอยากกินแตงโมด้วย คงอยากให้พวกเธอไป
ตากีที่พูดถึงเป็นน้องชายลูกพี่ลูกน้องกับตา บังเอิญตอนหนุ่ม ๆ ได้ภรรยาหมู่บ้านเดียวกันอีก ยายเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนหนุ่ม ๆ ตากีมาเที่ยวหาตาที่บ้านนี่แหละ ตาก็เลยแนะนำสาวเพ็งในสมัยก่อนให้รู้จัก ตอนนี้เป็นยายเพ็งไปแล้ว ถูกใจกัน จีบกัน แล้วจบด้วยการแต่งงานเป็นสามีภรรยากัน อยู่ด้วยกันจนทุกวันนี้
“อ่อ เลยนาน้าแพงไปกะแมนเลยแมนบ่ บอสสิไป บอสกะอยาก” เธอย้ำกับผู้เป็นยายกับป้า เธอพอรู้จักนายายเพ็งกับตากี เคยไปอยู่ไม่กี่ครั้ง ยายเคยพาไปช่วยเกี่ยวข้าวตอนเด็ก ๆ “ไปนำบ่บีม อ้ายบอลพี่แป้งไปมั้ย” หันมาถามความคิดเห็นพี่ ๆ ตนเองอยากไป ครั้นจะไปสองคนพี่น้องก็กะไรอยู่
“ไป ! ไกลบ่พี่บอส น้องบีมไปนำ” น้องบีมตอบ เสนอตัวเป็นคนแรก ไม่เคยปฏิเสธเลย ชวนไปไหนไปด้วยหมด บอสคลี่ยิ้มยักคิ้วให้น้องสาว อย่างน้อยก็ได้เพื่อนร่วมเดินทางแล้วหนึ่งคน เดี๋ยวจะไปชวนสองฝาแฝดกับจ๋อมด้วยถ้าพี่ ๆ ไม่ยอมไปกัน
“บ่ไกลบีม ! ยายว่าบ่ไกล” บอสโกหกน้องสาว ไม่รู้ว่าระยะทางที่จริงแล้วไกลหรือไม่ไกล จะว่าไปนาของตากีกับยายเพ็งก็ไกลพอสมควร ทว่าไม่ใช่ปัญหาเพื่อแตงโมฟรี หลอกเอาไว้ก่อนจะได้มีเพื่อน
ในแต่ละปีตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ รอเวลานี้เสมอ เวลาที่จะได้พากันไปเอาแตงโม เหมือนเป็นเทศกาล ๆ หนึ่ง ที่จะต้องได้ไปเก็บ ไม่สวนของใครคนใดคนหนึ่งในหมู่บ้าน บ้างครั้งก็ไปขอเก็บของคนต่างหมู่บ้านก็มี ขอแค่รู้แหล่งปลูกถ้าไม่ไกลมากพวกเธอจะพากันไป
“ไป ! ไปนำกันเมิดหนิ ไปเอามากินแน่” ยายจับมัดมือชกพวกเธอ พี่ ๆ กับน้องบีมก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“เอามาเผื่อป้านำเด้อ พากันเอากระติกไปใส่เอา” ป้าลียิ้มหน้าบานเลยที่พวกเธอยอมไปเอาแตงโมมาให้ทาน ก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านตนเองเพื่อทำงานบ้าน
‘โมไน’เป็นแตงโมที่ปลูกเอาเมล็ด เป็นพันธุ์ที่มีเมล็ดเยอะที่สุด เรียกแบบนั้นเฉย ๆ ที่จริงเป็นลูกแตงโมธรรมดา ๆ ที่เคยเห็นตามตลาดนั่นแหละ ในส่วนนี้จะขายเมล็ดอย่างเดียว ส่วนเนื้อเอาทิ้งไป พวกเธอและคนในหมู่บ้านทั้งคนต่างหมู่บ้านแถวละแวกใกล้เคียง ต่างนิยมพากันไปเอาเนื้อแตงโมมาทาน เจ้าของสวนก็ไม่ห้าม เพราะถึงไม่มีคนมาเอา เนื้อแตงโมก็ถูกร่อนทิ้งอยู่ดี
ตาอ้มปลูกแตงโมไว้หลายสวนที่นา บางสวนปลูกขายลูกและบางสวนขายเมล็ดก็มี สวนที่ขายเมล็ดก็จะทำการผ่าเอาเนื้อแตงโมทิ้งที่สวนเลย เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว เหมือนปลูกเอาเมล็ดขายส่งโรงงาน
ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน ไม่มีใครสนใจถามสักคน สนใจเพียงเนื้อแตงโมที่ได้ฟรีเท่านั้น จะเอามาเยอะแค่ไหนเจ้าของสวนก็ไม่ว่า หากมีปัญญาเอากลับมาได้ เพราะเนื้อแตงโมรวม ๆ กันในกระติกมันก็หนักใช่เล่น ภาชนะที่นำไปใส่ต้องเป็นกระติกน้ำแข็งเท่านั้น เพื่อความสะอาดนั่นแหละ
“อ้ายบอมไปบ่ พี่ปาวไปนำบ่หนิ” บอสถามพี่ใหญ่ของบ้านทั้งสองคน พี่บอลกับพี่แป้งตกลงไปด้วยอยู่แล้ว พี่ ๆ ทั้งสองคนพยักหน้าเป็นคำตอบ บอสเผยยิ้มที่มุมปากด้วยความพอใจ “เดี๋ยวบอสขอโทรชวนอี่จ๋อมกับไอ้แฝดก่อนนะเผื่อมันอยากไปด้วย แป๊บ ๆ “ พูดจบก็รีบขึ้นไปชั้นบนบ้านเพื่อโทรหาเพื่อนทั้งสามคน
ยายเตรียมกระติกน้ำใบใหญ่ให้พวกเธอสามใบ ใส่ด้วยกันและของน้องบีมใบเล็ก ๆ เดี๋ยวใส่เนื้อแตงโมเต็มกระติกมันจะหนัก ถือมาไม่ได้
“ว่าไงบอส สามนางนั่นไปมั้ย” พี่ปาวถาม เมื่อเธอเดินลงมาจากบนบ้าน บอสพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม เพราะเพื่อน ๆ ทั้งสามคนตกลงไปด้วยกันทุกคน มีกองทัพมาเพิ่มจะกลัวอะไร แม้จะแดดก็ไม่หวั่น
อุปกรณ์พร้อม เสื้อผ้าพร้อม หมวกพร้อม พวกเธอ 6 คนพี่น้องพากันเดินไปยังบ้านของพิมพ์กับแพรวก่อน เดินไปรับสองคนนั้นกับจ๋อม จ๋อมเองขับรถมอเตอร์ไซค์มาจอดเอาไว้ที่บ้านของทั้งสองคน แล้วพวกเธอจะเดินไปพร้อมกัน
น้องบีมดูร่าเริงกว่าใคร ๆ ระหว่างเดินไปตามคันนาพูดแจ้ไม่หยุด พูดกับจ๋อมไม่หยุดปาก กระโดดโลดเต้นไปตามทางแม้แดดจะเริ่มแรงก็ไม่ร้อน พวกเธอพกน้ำเปล่าไปด้วยเผื่อหิวระหว่างทาง
พี่บอมพาพวกเธอเดินไปตามคันนา มันไม่รกเท่าไหร่เจ้าของนาคอยถางอยู่ตลอด บางช่วงก็รกบางช่วงก็ไม่มีหญ้าขึ้น ตอนนี้บอสรู้สึกว่าตนเองคิดผิดที่ตกปากรับคำกับป้าว่าจะไปเอาแตงโม นาตาอ้มไกลมาก เดินมาตั้งนานแล้วยังไม่ถึงเลย แต่ว่าไหน ๆ ก็ได้มาแล้วถอยหลังกลับไม่ได้
กลางทุ่งนาท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุ มันไม่สามารถทำอะไรน้องบีมและพวกเธอได้ พวกเธอสวมหมวกมีปีก สวมเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวจึงไม่กลัวแดดมากนัก พี่ปาวนำเสื้อมาปิดหน้าปิดตาเอาไว้ด้วย กลัวหน้าดำไปโรงเรียน ในมือมีกระติกเปล่าถือเอาไว้ เพื่อนำไปใส่เนื้อแตงโม ระหว่างเดินคุยกันไปด้วยจะได้ลืมเวลาจะได้ถึงเร็ว ๆ คนที่สนุกเห็นจะเป็นน้องบีมนั่นแหละ เดินถอยหลังไม่ดูทางล้มหัวคะมำก็มี
“บีมอย่าวิ่ง ! เดี๋ยวเหนื่อยตัดกำลังเดินไม่ถึงไม่อุ้มนะบอกให้” พี่ปาวขู่น้องสาวของเธอ เจ้าตัวหากลัวไม่ ยังเล่นกึ่งเดินกึ่งกระโดดไปตามทางเช่นเดิม บอสปรายตามองน้องสาวด้วยความตลก ไม่ได้เอ็ดอะไร ปล่อยเล่นตามสบายเลย
แพรวกับพี่แป้งคุยกันไปตามทาง พี่ชายสองคนคุยกันเพลิน พิมพ์คุยโทรศัพท์กับแฟนไปตามทาง จ๋อมเล่นกับน้องบีม เธอเดินดุ่ม ๆ ฟังทุกคนคุยกันไปตามทางเช่นกัน ไม่ค่อยโม้อะไรกับพี่ ๆ คิดแต่ว่าเมื่อไหร่จะถึงนาตาอ้มเท่านั้น เวลานี้รู้สึกเมื่อยเหลือเกิน ผ่านที่นาใครบ้างก็ไม่ทราบ ระยะทางไกลมาก
พวกเธอทั้งเก้าคนเดินทางข้ามฝายตาสมบูรณ์มาเรียบร้อย มุ่งหน้าไปยังนาของตากีกับยายเพ็งก่อน พอไปถึงตรงนั้นก็คงเห็นสวนแตงโมเองนั่นแหละ ตอนนี้มองเห็นไร่แตงโมอยู่ร่ำไร มองเห็นรถหกล้อจอดอยู่ไกล ๆ เพราะบางสวนตาอ้มส่งขายเป็นลูก บางสวนส่งขายเป็นเมล็ด เห็นคนงานกำลังแบกเข่งแตงโมขึ้นหลังรถเรื่อย ๆ
“พี่จ๋อมนู่น พี่ปาวนู่นใช่มั้ยนาตาอ้ม กรี๊ด ! ฮา “ น้องบีมดีใจใหญ่ ชี้มือไปที่กลุ่มคนที่เห็นราง ๆ ไกล ๆ โน่น เรียกทุกคนให้ดูด้วยท่าทางตื่นเต้น บอสทึ่งในตัวน้องสาวมาก ทีแรกไม่อยากให้ตามมาด้วย กลัวน้องเหนื่อยแล้วงอแงกลับ กลัวไม่สู้ กลัวเดินไปไม่ถึง ที่ไหนได้ สดชื่นอยากกะคนดูดม้า อืม เธอไม่เคยหรอก เธอได้ยินผู้ใหญ่บางคนพูดมา
“ไหนน้องบีม ! คือตาดีแถะคือเห็น เมือยบ่อ้ายบอลเกี๊ยบ่” พี่บอลผู้ละมุนกับน้องบีมเสมอยกเว้นกับเธอ เดินไปชวนคอเกาะไหล่น้องบีมด้วยความเอ็นดู พร้อมถามด้วยความใส่ใจ บอกให้น้องบีมขี่หลังตนเอง คงเห็นว่าเดินมาไกลมากแล้ว คงกลัวน้องบีมเหนื่อย พวกเธอทุกคนก็มองเห็นกันนั่นแหละ
“พู้น ! อยู่บักไกล ๆ พุ่นอ้ายบอล” น้องบีมพูดพร้อมชี้ให้ทุกคนดูตามที่ตนเองชี้ พร้อมเดินไปตามทาง ไม่ยอมขี่หลังพี่บอลด้วย “หื่อ น้องบีมอยากย่างเอาเอง” น้องบีมปฏิเสธด้วยท่าทางจริงจัง พี่บอลก็ไม่เซ้าซี้ อยากเดินก็เดิน พวกเธอยิ้มให้น้องสาวคนเก่งที่ไม่เหนื่อยเลย
พวกเธอเดินมาด้วยความอดทนอดกลั้นมาก ๆ อีกไม่ถึงกิโลก็จะถึงนาตาอ้มแล้ว เดินผ่านนาตากีไปไม่มีคนมานาเลย บรรยากาศบนท้องทุ่งนาเงียบสงบ แดดก็ร้อนมาก ๆ มองไปไกล ๆ เห็นเป็นเปลวแดดกันเลยทีเดียว ผ่านนาตากีไปเป็นนาน้าแพงลูกสาวของตากี น้ามานากับพี่เอสลูกชาย พวกเธอจึงแวะทักทายหน่อย ผ่านหน้าขนาดนี้ไม่หยุดทักทายจะหาว่าหลานไม่รู้ความอีก ถือว่าพักไปในตัวก็แล้วกัน นาตาอ้มก็อยู่ถัดไปนี่เอง พักเอาแรงก่อนค่อยไปเก็บแตงโมก็ได้
“เฮ็ดหยังน้าแพง” มาถึงพี่ปาวเป็นคนทักทายก่อน พากันขึ้นมานั่งบนเถียงนากับน้าด้วย พักผ่อนให้หายปวดขาสักหน่อย
“พากันมาเอาบักโมไนบ่เด็กน้อย มาบ่พากันแดดว่ะ เพิ่นกำลังผ่ายุพุ่นน่ะ” น้าแพงถาม “พุ้นน้าวัดกะอยู่พุ้น บักเอสมันขี้คร้าน บอกไปรับจ้างขึ้นบักโมนำเพิ่นกะบ่ไป “ แอบเหน็บแนมลูกชาย ผู้เป็นลูกได้แต่ยิ้มแหย ๆ ให้คนเป็นแม่ พี่เอสสำอางจะตาย น้าวัดคือสามีของน้าแพงเอง
“ฮ้วย ! น้อย ๆ หนิกะมานำเขาบัดหนิ มาบ่ย้านไข้หว๋า มาพาน้องมาตากแดดแถะสู” น้าแพงเห็นน้องบีม พูดด้วยความเป็นห่วง
“มันอยากมาตั้วป้า เลยให้มันมานำ “ บอสเป็นคนตอบ ปรายตามองน้องสาวด้วยความห่วงใยเช่นกัน เดินมาจากบ้านตั้งหลายกิโลไม่ใช่ใกล้ ๆ
“น้องบีมอยากกินบักโมนั่นเด้น้าแพง น้องบีมกะมัก” น้องสาวของเธอตอบด้วยความไร้เดียงสา เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะบนความเหนื่อยของพวกเธอได้เป็นอย่างดี อีกทั้งน้าแพงด้วยที่เอื้อมมือไปลูบเหงื่อออกจากไรผมให้หลานสาว เอ็นดูกับคำพูดคำจาที่รู้ความยิ่งนัก
“บ่ต้องไปนำเขาหรอก มานี่ถ่าอยู่เถียงนำน้านี่มันแดดมันสิไข้ ให้เอื้อยเอามาให้” น้าแพงห้ามน้องบีมด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากให้ไปตากแดดกับพวกเธอ
“บ่ ! น้าแพงน้องบีมสิไป กระติกของบีมกะมี” น้องบีมไม่ยอมท่าเดียว จะไปกับพวกเธอให้ได้
“ไปกะไปสั้นขั้นบ่แดด บ่เมือย เอามาเผื่อน้านำเด้อสั้น” น้าแพงยอมแพ้ความดื้อรั้นของน้องบีม ใช้มือเช็ดเหงื่อไปตามไรผมให้น้องบีมไม่หยุด
“ปะเฮา ! เซาเมือยกันคักแล้วบ่ น้าพวกปาวไปก่อนเด้อ เดี๋ยวเอามาให้นำ” เมื่อพักกันให้หายเหนื่อยพอหอมปากหอมคอกันแล้ว พี่ปาวก็ชวนเดินทางกันต่อ นาตาอ้มอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง
พวกเธอลาน้าแพงไปเก็บแตงโม พี่เอสก็ตามไปด้วย ไปเก็บช่วยพวกเธอ ที่เถียงนาตนเองไม่มีกระติกใส่ ตั้งใจไปเก็บช่วยพวกเธอนี่แหละ “ไปบีมยางก่อนเลย ! พุ้นน้าวัดอยู่พุ่น “ พี่เอสบอกน้องบีมให้เดินมุ่งหน้าไปก่อน
เมื่อมาถึงนาของตาอ้มคนงานเก็บแตงโมและเจ้าของสวนพากันยืนมอง ยิ้มให้ด้วยความเป็นมิตร คนงานบางคนทยอยขนเข่งแตงโมขึ้นรถหกล้ออยู่อีกไร่ บางคนกำลังใช้เท้าขยำเนื้อแตงโมกับผ้าตาข่ายสีน้ำเงินที่เรียกว่า ‘เยอ’ เพื่อเอาเมล็ดเท่านั้น บอสเห็นแล้วก็รู้สึกอาย ๆ นิดหน่อย เมื่อได้มาแล้วต้องหน้าด้านไว้ก่อน เจ้าของสวนก็ไม่ได้หวงอะไร
“พากันมาเอาบักโมไนบ่นาง สุคือมาไกลแท้ !” ยายเขียดภรรยาตาอ้มถาม สวมหมวกมีปีก นำเสื้อมาห่อใบหน้ากันแดดอีกชั้นเหมือนพี่ปาว เห็นเพียงดวงตาก็จำได้ว่าเป็นยายเขียด สวมกางเกงขายาวเสื้อแขนยาวเพื่อป้องกันแดด สวมรองเท้าบูทอย่างดี
ยายเขียดทราบว่าพวกเธอเป็นคนบ้านเดียวกัน ลูกหลานใครด้วย “ฮ่วย ! น้อย ๆ นี่กะมานำเขาย่ะ ยายคือให้มา คือบ่ถ่าอยู่เฮือนนางมันแดด” ใครเห็นใคร ๆ ก็ทักน้องบีมด้วยความเอ็นดู
น้องบีมสวมหมวกผ้า สวมเสื้อแขนยาวของเธอเอง กางเกงวอร์มสีเขียวมีลายเส้นด้านข้าง สวมรองเท้าแตะ ไม่ต่างจากพวกเธอเท่าไหร่นัก ถือกระติกน้ำใบเล็กที่ยายหาให้พอเป็นพิธี เพราะน้องบีมอยากมาด้วย ก็ไม่ห้าม แถมหาอุปกรณ์ให้ด้วย
“ใหญ่เขียดพวกบอสขอบักโมแน่เด้อจ้า “ บอสเป็นคนเอ่ยขออนุญาต