(น้ำส่าง หรือ บ่อน้ำ)
.
วันวานเรื่องนี้ จู่ ๆ มันนึกขึ้นมาได้ว่า ตอนเด็ก ๆ เคยไปทำอะไรแบบนี้ด้วย เชื่อว่าเด็กต่างจังหวัดหลาย ๆ คนก็ไม่เคยทำ
ฉันเป็นคนอีสาน หน้าแล้งก็จะค่อนข้างแล้งมาก แม้แต่น้ำจะดื่มกินยังไม่มี ฉันจำภาพเหตุการณ์นั้นได้ดี มันสนุก และ มีความสุขมากเลยล่ะ
ไม่ต้องพูดว่าควรอยู่กับปัจจุบัน อดีตของฉันมันเป็นสิ่งที่มีความสุข เพราะฉะนั้น ฉันก็ยังจะนึกถึงมัน
เรื่องมีอยู่ว่า….
เดือนมีนาคมย่างเข้าสู่เดือนเมษายน ท้องทุ่งนาแห้งแล้งแถมอากาศยังร้อนละอุ หญ้าที่เคยเขียวขจีตอนนี้แห้งตายไปหมด น้ำในหนองเหือดหายไปตาม ๆ กัน
ฝนทิ้งช่วงตกไปนานมาก ทำให้แต่ละบ้านขาดแคลนน้ำดื่มกิน ที่ยังพอมีน้ำให้ใช้เห็นจะมีเพียงบ่อที่ขุดเอาไว้ บ้านไหนขุดไว้ก็โชคดีไป บ้านไหนไม่ได้ทำก็จำต้องซื้อ
คนในหมู่บ้านของเธอยังนิยมรองน้ำฝนไว้ดื่ม ไม่นิยมดื่มน้ำประปา พอย่างเข้าสู่หน้าแล้ง น้ำที่รองไว้หมดก็ต้องซื้อน้ำกิน บางบ้านก็ไม่ยอมซื้อ นำถังน้ำไปตักในบ่อดินที่ขุดเอาไว้มาดื่ม
บางคนจะขุดบ่อดินเอาไว้ใช้ ขุดลงไปลึก ๆ จะเจอตาน้ำ ทำให้มีน้ำซึมออกมาให้ได้ใช้กันทั้งปี บางบ้านไม่ได้ทำเอาไว้ ก็ต้องตระเวนหาบ่อน้ำสาธารณะ หรือไม่มีจริง ๆ ก็จำต้องยอมซื้อน้ำกิน
ครอบครัวของบอสยังพอมีน้ำในโอ่งให้ดื่ม เพราะยายรองน้ำไว้ใช้ตั้งแต่ฤดูฝนของปีที่แล้ว รองไว้ตั้งสามโอ่ง ดังนั้นไม่ต้องกังวลเลย น้ำมีให้ดื่มถึงฤดูฝนปีนี้อีกรอบแน่ แต่ถึงจะหมดก็ไม่เป็นปัญหา ในหมู่บ้านมีคนขายน้ำดื่มอยู่แล้ว ซื้อกินก็ได้ยายไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว
ครอบครัวของเธอไม่มีปัญหา แต่ครอบครัวที่มีปัญหาเรื่องขาดแคลนน้ำดื่มคือ ครอบครัวของสองฝาแฝดนั่นเอง เพราะรองน้ำไว้กินเพียงแค่โอ่งเดียว ลุงวิทย์กับป้าแพงวางแผนเอาไว้ว่า จะนำถังไปตักที่บ่อน้ำ ไม่ซื้อให้เปลืองตังค์ อุปกรณ์ของตนเองก็มีพร้อม เวลาก็มีเหลือเฟือ ขนน้ำวันเดียวก็พอกินไปหลายเดือนสำหรับห้าคน
วันนี้บอสกับน้องบีมมาเล่นที่บ้านของสองฝาแฝดแต่เช้า ไม่รู้เลยว่าลุงกับป้าจะไปขนน้ำ โดยมีสองฝาแฝดกับพี่เจตามไปด้วย
ลุงวิทย์ขับรถควายเหล็กออกมาจากโรงจอดรถ บอสนั่งมองขณะไกวเปลไปด้วย เห็นพี่เจเตรียมถังน้ำเอาไว้หลายใบ อีกทั้งไม้ไผ่ยาว ๆ ด้วย บอสสงสัยว่าลุงกับพี่ชายจะไปไหนกัน ทำไมเอาถังพวกนี้ไปด้วยเยอะแยะ
จะถามใครสักคนก็ยังไม่มีใครเดินออกมาข้างนอก น้องบีมกับสองฝาแฝดยังคงดูทีวีในบ้าน ขณะนั้นป้าแพงเดินออกมาหน้าบ้านพอดี บอสจึงได้มีโอกาสถาม
“ป้าแพงลุงวิทย์กับอ้ายเจจะไปไสน่ะ คือเอากระตุงไปหลายแถะ” บอสถามไปตามความสงสัยของตน
“ไปตักน้ำส่างตั้ว น้ำป้าบ่มีกินแล้ว น้ำอี่ยายเหลือหลายบ่” ป้าแพงตอบ บอสพยักหน้าเบา ๆ ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง แต่ก็ยังสงสัยต่อว่าลุงกับป้าจะไปเอาน้ำที่ไหน บอสจำได้ว่านาของลุงกับป้าไม่ได้ขุดบ่อน้ำไว้เลย นาของย่าก็ไม่ได้ขุดไว้
“เอ๋าป้าแพงจะไปเอาอยู่ไสฮั่น ไปแก่น้ำไสป้าแพง” บอสถามอีก ขณะนั้นลุงวิทย์กับพี่เจก็ช่วยกันขนถังน้ำขึ้นสาลี่ ขณะคุยกับเธอป้าแพงก็แต่งตัวสวมเสื้อผ้าแขนยาว กางเกงขายาวไปด้วย “น้ำอี่ยายเหลือหลายอยู่ บ่เบิดง่ายอี่ยายว่า”
“มาดีแถะ ของป้าเบิดแล้ว บ่อยากซื้อกะต้องไปหาแก่เอา”
“ไปเอาไส? อี่แฝดไปนำบ่ฮั่นป้าแพง” บอสถาม แอบเศร้านิดหน่อยที่อีกไม่นานคงได้กลับบ้าน พิมพ์กับแพรวก็คงไม่มีใครอยู่บ้านสักคน คงตามลุงกับป้าไปหมด
“ไปเอาอยู่ส่างบ้านหนองกุงพุ่นแหล่ว ป้าเห็นส่างอยู่ทางเข้าเมืองน่ะ แฝดกะไปนำ จะของไปนำป้าบ่สั่นกับน้อง” บอสคลี่ยิ้มออกมาเมื่อป้าถามแบบนี้ ในใจกำลังจะขอไปด้วยอยู่แล้ว โชคดีที่ป้าชวนก่อน
“ไป บอสไปนำ” บอสตอบปนยิ้ม จากนั้นก็เลิกชวนป้าคุย นั่งไกวเปลคนเดียวรอเวลา พี่สาวสองคนและน้องสาวยังดูทีวีอยู่ในบ้านไม่สนใคร
“ปะ ๆ มาไปสวยแล้ว” เมื่อลุงวิทย์เตรียมทุกอย่างพร้อม หันหน้ารถควายเล็กไปทางถนนเสร็จ ก็เรียกพวกเธอให้ออกเดินทางได้แล้ว ทั้งฝาแฝดและน้องบีมเดินออกมาจากในบ้าน พอทั้งสามคนเดินมา บอสก็ลุกจากเปลเพื่อจะเดินตามไปด้วย
“สองหนิกะไปนำบ่ ยายสิบ่ถามหาบ่ล่ะ” ลุงวิทย์ถามด้วยความห่วงใย
“บ่ถามหรอก ไปบอกใหญ่นงค์ไปเทือยายมาถามหา” ป้าแพงคิดหาทางออกให้ จากนั้นเธอก็เดินข้ามถนนไปหาย่า ฝากย่าบอกกับยายว่าเธอกับน้องบีมไปขนน้ำกับลุงวิทย์ เผื่อยายมาตามตัว ครู่เดียวเธอก็เดินกลับมาหาทุกคน
เมื่อทุกคนขึ้นนั่งบนสาลี่พร้อม เพื่อไปตักน้ำที่ต่างหมู่บ้าน ลุงวิทย์เป็นคนขับ ที่สาลี่มีถังน้ำสิบกว่าใบวางเรียงกัน มีไม้ไผ่ยาว ๆ พอที่จะหย่อนตักน้ำได้ คุถังอีกใบเพื่อใช้ตักน้ำ
บ้านหนองกุงบอสรู้จักดี เพราะเป็นทางผ่านเข้าไปในตัวเมือง เป็นทางสัญจรของรถสองแถวที่ผ่านเข้าเมือง ป้าแพงบอกว่า ป่าละเมาะข้าง ๆ ถนนจะมีบ่อน้ำอยู่หนึ่งบ่อ เป็นบ่อสาธารณะที่ใคร ๆ มาตักก็ได้
ขณะที่นั่งรถควายเหล็กกันมา พวกเธอสี่คนพี่น้องก็คุยกันไปตลอดทาง เล่นต่อเพลง เล่นตบแปะกัน ขับผ่านบ้านหลังไหนก็มีคนร้องทักถามกันทั้งนั้น ส่วนพี่เจก็พูดคุยบ้าง ซึ่งก็ไม่รู้จะพูดคุยอะไรด้วย เพราะเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว ถ้าไม่รวมลุงวิทย์ผู้เป็นพ่ออีกคน
“แม่น้ำส่างมันแซ่บบ่ คือกิน มันจะบ่มีขี้ดินบ่” แพรวถามผู้เป็นแม่ด้วยความสงสัย บอสเองก็สงสัย กะจะถามนานแล้วแต่แพรวถามขึ้นก่อน บอสเคยกินน้ำบ่อดิน แต่ก็นั่นแหละ ก็ยังสงสัยเหมือนเดิม
“แซ่บกะด้อ สะอาดนำ คือน้ำฝนนี่แหล่ว” ป้าแพงตอบ บางจังหวะที่รถควายเหล็กตกหลุมก็พากันสั่นคอนไปทั้งตัว “เออะ! พ่อมืงคือตกหลุมแฮงแถะเจ ล่ะขับบ่หลีกหลุมจักเม็ด” เมื่อลุงวิทย์ขับรถควายเหล็กตกหลุมลึกพอสมควร ทำให้ป้าแพงเอ็ดแบบหัวเสีย ส่วนพวกเธอเจ็บแต่ก็พากันหัวเราะไปตลอดทาง
“หลบอยู่มันบ่หวิด” ลุงวิทย์หันมาตอบป้าแพงแว่บหนึ่ง แล้วหันกลับมามองถนนเหมือนเดิม
“เอ๋าแม่มันจะติดขี้ดินขึ้นมานำบ่” พิมพ์ถามอีกคน
“บ่ติด บ่ได้ขูดเอาขี้ดินขึ้นมานำมันคือสิติด” ป้าแพงก็ตอบแบบไม่เบื่อ ให้คำตอบกับพวกเธอได้ทุกคำถาม
“น้องบีมเคยกินน้ำส่างอยู่ป้าแพง อี่ยายเอาให้กิน” น้องบีมอวดป้าแพง เรียกรอยยิ้มให้ป้ากับพี่เจได้มาก ส่วนคนที่หมั่นไส้คือเธอเอง
“ฮือ… เคยกินอยู่ไสว่ะ อี่ยายมีตะตักน้ำโอ่งให้กินเด้อ” บอสแกล้งแย้งน้องสาว “อยู่นาบอสอี่ยายกะเอาโอ่งไปไว้นา ไว้ตงน้ำฝนกิน”
“ฮือ! กะแมนนั่นตั้ว อี่ยายตักให้น้องบีมกิน อี่ตากะตักให้กิน” น้องบีมก็ยังยืนยันและเถียงเธออยู่ ป้าแพงดูจะเอ็นดูน้องบีมกว่าใคร
“ป้าดน้องบีมกะเคยกินบ่ ป้านึกว่าบ่เคยกิน”
“เคย! เอื้อยบอสกับเอื้อยพิมพ์กับเอื้อยแพรวบ่เคย” น้องบีมได้ใจใหญ่ พูดอวดเป็นตุเป็นตะ “อ้ายเจเคยบ่”
“บู้ย!” บอสค่อนขอดน้องสาวไปตามทาง ไม่ได้คิดจะทะเลาะหาเรื่องน้องสาว แต่แค่อยากขัดเฉย ๆ
“เคย อ้ายเจกะเคยกิน” ทั้งพวกเธอ และ น้องบีมพูดคุยกันตลอดทาง ไม่นานลุงวิทย์ก็ขับรถควายเหล็กมาถึงที่หมาย
บอสมองไปยังข้างถนนเห็นบ่อน้ำขนาดกลางอยู่ริมถนน สีของน้ำออกใส ๆ ขุ่น ๆ ที่ปากบ่อมีการทำจะงอยให้เหยียบตักด้วย นั่นแปลว่าไม่ใช่บ่อน้ำร้างแน่นอน
ลุงวิทย์ถอยควายเหล็กเข้าไปใกล้ ๆ ให้มากที่สุด เพื่อลดอัตราการหิ้วน้ำ “เลิ๊กอยู่เด้หนิ เด็กน้อยอย่ามาใกล้เด้อ พ่อจะเฮ็ดกับแม่เอง” ลุงวิทย์กล่าว
“เด็ก ๆ อยู่เทิงสาลี่เด้อ ซอยกันเรียงตุงน้ำให้แม่ให้เป็นแถวระเบียบ แม่จะยกมาตั้งให้” ป้าแพงจัดแจง พวกเธอรับปาก จากนั้นลุงวิทย์กับป้าแพงก็เริ่มทำงาน
บริเวณที่พวกเธอมาตักน้ำสองข้างทางเป็นป่าละเมาะ นาน ๆ จะมีรถสัญจรไปมา ตรงนี้มีเพียงเสียงพูดเจื้อยแจ้วของพวกเธอห้าคน เจ้าของนาหรือเจ้าของที่ไม่รู้เป็นใคร จะว่าลุงวิทย์มาขโมยก็ไม่เชิง ก่อนหน้านั้นก็ยังมีคนมาตักน้ำจากบ่อนี้อยู่บ่อย ๆ
ลุงวิทย์ยืนอยู่ขอบบ่อเป็นคนตักน้ำขึ้นมา ปากบ่อมีไม้วางให้เหยียบ ลุงใช้ไม้ไผ่ยาว ๆ ห้อยกับคุถังแล้วหย่อนลงไปตักน้ำ จากนั้นก็ดึงขึ้นมาให้ป้าแพงเทใส่ถังอีกทีหนึ่ง พอป้าแพงเทน้ำใส่เต็มถังแล้ว ก็ยกขึ้นมาตั้งที่สาลี่ ให้พวกเธอจัดเรียงให้เป็นแถวเป็นแนวดี ๆ
บอสกับสองฝาแฝดช่วยกันลากถังน้ำที่ป้ายกขึ้นมาวางไปเรียง สลับกับพี่เจบ้าง น้องบีมนั่งฮัมเพลงเล่นคนเดียวไปตามประสา พวกเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะไม่คิดจะให้ช่วยทำอยู่แล้ว
ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะตักน้ำเต็มถังครบทุกใบ พอครบแล้วลุงวิทย์ก็พาขับควายเหล็กกลับบ้าน รอบเช้าพวกเธอไปขนน้ำได้เพียงสองรอบ รอบบ่ายอีกสองรอบก็พอ คงได้น้ำไว้กินเป็นเดือน ๆ
มาถึงบ้านประจวบเหมาะกับยายเดินมาตามไปกินข้าวเที่ยงพอดี บอสกับน้องบีมปฏิเสธ ขออยู่กินข้าวเที่ยงที่บ้านของลุงวิทย์ ระหว่างทางลุงวิทย์แอบสอยมะม่วงเปรี้ยวกลับมาด้วย ทั้งที่ที่บ้านก็มี ทว่าสอยมาจากที่อื่นให้ความอร่อยมากกว่า
ยังไม่ทันได้เอาน้ำเทลงโอ่ง ป้าแพงก็สั่งให้พักกินข้าวเที่ยงกันก่อน วันนี้มีตำมะม่วงและกับข้าวอื่น ๆ ที่ป้าแพงทำให้กิน วินาทีนี้บอสพิศวาสตำมะม่วงมากที่สุด บอสกินข้าวไปนิดเดียว นอกนั้นซดตำมะม่วงอย่างเดียว อากาศร้อน ๆ ตำมะม่วง ๆ นัว ๆ เข้ากันที่สุด
“ฮ่วยคือกินตะส้มแถะ คือบ่ใส่ข้าวแน ขี้แตกเด้อ” ลุงวิทย์ทัก
“หื่อ บอสอิ่มข้าวแล้ว บอสสิกินส้ม” บอสตอบผู้เป็นลุง ยืนยันจะกินตำมะม่วงต่อไป
“กินโลดบ่เป็นหยังหรอก ตอนบ่ายบ่ต้องพากันไปนำแม่เด้อ มันแดด! อยู่เฮือนหนิล่ะ พุ่นพากันไปเล่นเฮือนใหญ่นงค์พุ่น” ป้าแพงบอกกับพวกเธอ พวกเธอก็ตกลง ไม่ตามไปด้วยแม้อยากไปมากแค่ไหนก็ตาม
พอกินข้าวเที่ยงเสร็จป้ากับลุงนอนพักเอาแรงครู่เดียว ก็พากันไปเทน้ำใส่โอ่ง แล้วขับควายเหล็กไปขนน้ำต่อ ส่วนพวกเธออยู่บ้านกันเอง พอไม่ได้ตามไปด้วยพวกเธอจึงชวนกันไปเล่นที่บ้านของย่า
บ้านของย่าเป็นบ้านสองชั้นใต้ถุนโล่ง เทพื้นและปูกระเบื้องเรียบร้อย ผูกเปลเอาไว้สองอัน เป็นเปลตัวประจำของพวกเธอทุกคราวที่มาที่นี่ แบ่งกันนั่งตัวละสองคนทุกครั้งไป
พอน้องออมเห็นพวกเธอมาเล่นที่บ้านของย่า น้องออมก็มาเล่นด้วย โดยนำของเล่นมาแบ่งพวกเธอเล่น นั่นคือห่วงพลาสติกที่ใช้หมุนรอบเอวได้ เรียกว่า ‘ฮูล่าฮูป’
“ออมมันคืออีหยังน่ะ” พิมพ์ถามทันทีที่น้องออมเดินมาถึง
“ฮูล่าฮูปเอื้อยพิมพ์เคยเล่นบ่” น้องออมตอบ บอสมองด้วยความสนใจ เพราะไม่รู้จักและไม่เคยเล่นเลย ของเล่นเด็กที่เรียนในเมืองหรือ บอสแอบสนใจและสงสัย
“เล่นจังใดน่ะ” บอสถาม ขณะนี้พวกเธอลงจากเปลกู่เข้าหาตัวน้องออม อยากเล่นของเล่นนั้นด้วย ที่โรงเรียนยังไม่มีใครเล่นเลย และ บอสก็มีแผนในใจ คืนนี้แม่โทรหาจะขอแม่ซื้อเล่นคนละอันกับน้องบีม
“มันเล่นแบบหนิ เบิ่งออมจะเล่นให้เบิ่ง” พูดจบน้องออมก็เข้าไปอยู่ในห่วงพลาสติก จากนั้นก็หมุนห่วงรอบตัวโชว์พวกเธอ บอสเข้าใจวิธีการเล่นแล้ว
น้องออมหมุนห่วงให้พวกเธอดูเป็นตัวอย่าง สเต็บแรกหมุนที่เอว จากนั้นก็เลื่อนขึ้นมาหมุนที่คอให้ดูโดยที่ไม่ต้องหยุด จากนั้นก็เลื่อนลงมาที่เอวแล้วก็ที่ก้น ต่ำลงมาที่ขาอีก ทำโชว์ให้พวกเธอดูอย่างตื่นเต้น
“อ่ะเฮ็ดเบิ่ง ไผสิเฮ็ดก่อน” น้องออมหยุดเล่นแล้วชวนพวกเธอให้เล่นด้วยกัน
วันวาน 17
(น้ำส่าง หรือ บ่อน้ำ)
.
วันวานเรื่องนี้ จู่ ๆ มันนึกขึ้นมาได้ว่า ตอนเด็ก ๆ เคยไปทำอะไรแบบนี้ด้วย เชื่อว่าเด็กต่างจังหวัดหลาย ๆ คนก็ไม่เคยทำ
ฉันเป็นคนอีสาน หน้าแล้งก็จะค่อนข้างแล้งมาก แม้แต่น้ำจะดื่มกินยังไม่มี ฉันจำภาพเหตุการณ์นั้นได้ดี มันสนุก และ มีความสุขมากเลยล่ะ
ไม่ต้องพูดว่าควรอยู่กับปัจจุบัน อดีตของฉันมันเป็นสิ่งที่มีความสุข เพราะฉะนั้น ฉันก็ยังจะนึกถึงมัน
เรื่องมีอยู่ว่า….
เดือนมีนาคมย่างเข้าสู่เดือนเมษายน ท้องทุ่งนาแห้งแล้งแถมอากาศยังร้อนละอุ หญ้าที่เคยเขียวขจีตอนนี้แห้งตายไปหมด น้ำในหนองเหือดหายไปตาม ๆ กัน
ฝนทิ้งช่วงตกไปนานมาก ทำให้แต่ละบ้านขาดแคลนน้ำดื่มกิน ที่ยังพอมีน้ำให้ใช้เห็นจะมีเพียงบ่อที่ขุดเอาไว้ บ้านไหนขุดไว้ก็โชคดีไป บ้านไหนไม่ได้ทำก็จำต้องซื้อ
คนในหมู่บ้านของเธอยังนิยมรองน้ำฝนไว้ดื่ม ไม่นิยมดื่มน้ำประปา พอย่างเข้าสู่หน้าแล้ง น้ำที่รองไว้หมดก็ต้องซื้อน้ำกิน บางบ้านก็ไม่ยอมซื้อ นำถังน้ำไปตักในบ่อดินที่ขุดเอาไว้มาดื่ม
บางคนจะขุดบ่อดินเอาไว้ใช้ ขุดลงไปลึก ๆ จะเจอตาน้ำ ทำให้มีน้ำซึมออกมาให้ได้ใช้กันทั้งปี บางบ้านไม่ได้ทำเอาไว้ ก็ต้องตระเวนหาบ่อน้ำสาธารณะ หรือไม่มีจริง ๆ ก็จำต้องยอมซื้อน้ำกิน
ครอบครัวของบอสยังพอมีน้ำในโอ่งให้ดื่ม เพราะยายรองน้ำไว้ใช้ตั้งแต่ฤดูฝนของปีที่แล้ว รองไว้ตั้งสามโอ่ง ดังนั้นไม่ต้องกังวลเลย น้ำมีให้ดื่มถึงฤดูฝนปีนี้อีกรอบแน่ แต่ถึงจะหมดก็ไม่เป็นปัญหา ในหมู่บ้านมีคนขายน้ำดื่มอยู่แล้ว ซื้อกินก็ได้ยายไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว
ครอบครัวของเธอไม่มีปัญหา แต่ครอบครัวที่มีปัญหาเรื่องขาดแคลนน้ำดื่มคือ ครอบครัวของสองฝาแฝดนั่นเอง เพราะรองน้ำไว้กินเพียงแค่โอ่งเดียว ลุงวิทย์กับป้าแพงวางแผนเอาไว้ว่า จะนำถังไปตักที่บ่อน้ำ ไม่ซื้อให้เปลืองตังค์ อุปกรณ์ของตนเองก็มีพร้อม เวลาก็มีเหลือเฟือ ขนน้ำวันเดียวก็พอกินไปหลายเดือนสำหรับห้าคน
วันนี้บอสกับน้องบีมมาเล่นที่บ้านของสองฝาแฝดแต่เช้า ไม่รู้เลยว่าลุงกับป้าจะไปขนน้ำ โดยมีสองฝาแฝดกับพี่เจตามไปด้วย
ลุงวิทย์ขับรถควายเหล็กออกมาจากโรงจอดรถ บอสนั่งมองขณะไกวเปลไปด้วย เห็นพี่เจเตรียมถังน้ำเอาไว้หลายใบ อีกทั้งไม้ไผ่ยาว ๆ ด้วย บอสสงสัยว่าลุงกับพี่ชายจะไปไหนกัน ทำไมเอาถังพวกนี้ไปด้วยเยอะแยะ
จะถามใครสักคนก็ยังไม่มีใครเดินออกมาข้างนอก น้องบีมกับสองฝาแฝดยังคงดูทีวีในบ้าน ขณะนั้นป้าแพงเดินออกมาหน้าบ้านพอดี บอสจึงได้มีโอกาสถาม
“ป้าแพงลุงวิทย์กับอ้ายเจจะไปไสน่ะ คือเอากระตุงไปหลายแถะ” บอสถามไปตามความสงสัยของตน
“ไปตักน้ำส่างตั้ว น้ำป้าบ่มีกินแล้ว น้ำอี่ยายเหลือหลายบ่” ป้าแพงตอบ บอสพยักหน้าเบา ๆ ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง แต่ก็ยังสงสัยต่อว่าลุงกับป้าจะไปเอาน้ำที่ไหน บอสจำได้ว่านาของลุงกับป้าไม่ได้ขุดบ่อน้ำไว้เลย นาของย่าก็ไม่ได้ขุดไว้
“เอ๋าป้าแพงจะไปเอาอยู่ไสฮั่น ไปแก่น้ำไสป้าแพง” บอสถามอีก ขณะนั้นลุงวิทย์กับพี่เจก็ช่วยกันขนถังน้ำขึ้นสาลี่ ขณะคุยกับเธอป้าแพงก็แต่งตัวสวมเสื้อผ้าแขนยาว กางเกงขายาวไปด้วย “น้ำอี่ยายเหลือหลายอยู่ บ่เบิดง่ายอี่ยายว่า”
“มาดีแถะ ของป้าเบิดแล้ว บ่อยากซื้อกะต้องไปหาแก่เอา”
“ไปเอาไส? อี่แฝดไปนำบ่ฮั่นป้าแพง” บอสถาม แอบเศร้านิดหน่อยที่อีกไม่นานคงได้กลับบ้าน พิมพ์กับแพรวก็คงไม่มีใครอยู่บ้านสักคน คงตามลุงกับป้าไปหมด
“ไปเอาอยู่ส่างบ้านหนองกุงพุ่นแหล่ว ป้าเห็นส่างอยู่ทางเข้าเมืองน่ะ แฝดกะไปนำ จะของไปนำป้าบ่สั่นกับน้อง” บอสคลี่ยิ้มออกมาเมื่อป้าถามแบบนี้ ในใจกำลังจะขอไปด้วยอยู่แล้ว โชคดีที่ป้าชวนก่อน
“ไป บอสไปนำ” บอสตอบปนยิ้ม จากนั้นก็เลิกชวนป้าคุย นั่งไกวเปลคนเดียวรอเวลา พี่สาวสองคนและน้องสาวยังดูทีวีอยู่ในบ้านไม่สนใคร
“ปะ ๆ มาไปสวยแล้ว” เมื่อลุงวิทย์เตรียมทุกอย่างพร้อม หันหน้ารถควายเล็กไปทางถนนเสร็จ ก็เรียกพวกเธอให้ออกเดินทางได้แล้ว ทั้งฝาแฝดและน้องบีมเดินออกมาจากในบ้าน พอทั้งสามคนเดินมา บอสก็ลุกจากเปลเพื่อจะเดินตามไปด้วย
“สองหนิกะไปนำบ่ ยายสิบ่ถามหาบ่ล่ะ” ลุงวิทย์ถามด้วยความห่วงใย
“บ่ถามหรอก ไปบอกใหญ่นงค์ไปเทือยายมาถามหา” ป้าแพงคิดหาทางออกให้ จากนั้นเธอก็เดินข้ามถนนไปหาย่า ฝากย่าบอกกับยายว่าเธอกับน้องบีมไปขนน้ำกับลุงวิทย์ เผื่อยายมาตามตัว ครู่เดียวเธอก็เดินกลับมาหาทุกคน
เมื่อทุกคนขึ้นนั่งบนสาลี่พร้อม เพื่อไปตักน้ำที่ต่างหมู่บ้าน ลุงวิทย์เป็นคนขับ ที่สาลี่มีถังน้ำสิบกว่าใบวางเรียงกัน มีไม้ไผ่ยาว ๆ พอที่จะหย่อนตักน้ำได้ คุถังอีกใบเพื่อใช้ตักน้ำ
บ้านหนองกุงบอสรู้จักดี เพราะเป็นทางผ่านเข้าไปในตัวเมือง เป็นทางสัญจรของรถสองแถวที่ผ่านเข้าเมือง ป้าแพงบอกว่า ป่าละเมาะข้าง ๆ ถนนจะมีบ่อน้ำอยู่หนึ่งบ่อ เป็นบ่อสาธารณะที่ใคร ๆ มาตักก็ได้
ขณะที่นั่งรถควายเหล็กกันมา พวกเธอสี่คนพี่น้องก็คุยกันไปตลอดทาง เล่นต่อเพลง เล่นตบแปะกัน ขับผ่านบ้านหลังไหนก็มีคนร้องทักถามกันทั้งนั้น ส่วนพี่เจก็พูดคุยบ้าง ซึ่งก็ไม่รู้จะพูดคุยอะไรด้วย เพราะเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว ถ้าไม่รวมลุงวิทย์ผู้เป็นพ่ออีกคน
“แม่น้ำส่างมันแซ่บบ่ คือกิน มันจะบ่มีขี้ดินบ่” แพรวถามผู้เป็นแม่ด้วยความสงสัย บอสเองก็สงสัย กะจะถามนานแล้วแต่แพรวถามขึ้นก่อน บอสเคยกินน้ำบ่อดิน แต่ก็นั่นแหละ ก็ยังสงสัยเหมือนเดิม
“แซ่บกะด้อ สะอาดนำ คือน้ำฝนนี่แหล่ว” ป้าแพงตอบ บางจังหวะที่รถควายเหล็กตกหลุมก็พากันสั่นคอนไปทั้งตัว “เออะ! พ่อมืงคือตกหลุมแฮงแถะเจ ล่ะขับบ่หลีกหลุมจักเม็ด” เมื่อลุงวิทย์ขับรถควายเหล็กตกหลุมลึกพอสมควร ทำให้ป้าแพงเอ็ดแบบหัวเสีย ส่วนพวกเธอเจ็บแต่ก็พากันหัวเราะไปตลอดทาง
“หลบอยู่มันบ่หวิด” ลุงวิทย์หันมาตอบป้าแพงแว่บหนึ่ง แล้วหันกลับมามองถนนเหมือนเดิม
“เอ๋าแม่มันจะติดขี้ดินขึ้นมานำบ่” พิมพ์ถามอีกคน
“บ่ติด บ่ได้ขูดเอาขี้ดินขึ้นมานำมันคือสิติด” ป้าแพงก็ตอบแบบไม่เบื่อ ให้คำตอบกับพวกเธอได้ทุกคำถาม
“น้องบีมเคยกินน้ำส่างอยู่ป้าแพง อี่ยายเอาให้กิน” น้องบีมอวดป้าแพง เรียกรอยยิ้มให้ป้ากับพี่เจได้มาก ส่วนคนที่หมั่นไส้คือเธอเอง
“ฮือ… เคยกินอยู่ไสว่ะ อี่ยายมีตะตักน้ำโอ่งให้กินเด้อ” บอสแกล้งแย้งน้องสาว “อยู่นาบอสอี่ยายกะเอาโอ่งไปไว้นา ไว้ตงน้ำฝนกิน”
“ฮือ! กะแมนนั่นตั้ว อี่ยายตักให้น้องบีมกิน อี่ตากะตักให้กิน” น้องบีมก็ยังยืนยันและเถียงเธออยู่ ป้าแพงดูจะเอ็นดูน้องบีมกว่าใคร
“ป้าดน้องบีมกะเคยกินบ่ ป้านึกว่าบ่เคยกิน”
“เคย! เอื้อยบอสกับเอื้อยพิมพ์กับเอื้อยแพรวบ่เคย” น้องบีมได้ใจใหญ่ พูดอวดเป็นตุเป็นตะ “อ้ายเจเคยบ่”
“บู้ย!” บอสค่อนขอดน้องสาวไปตามทาง ไม่ได้คิดจะทะเลาะหาเรื่องน้องสาว แต่แค่อยากขัดเฉย ๆ
“เคย อ้ายเจกะเคยกิน” ทั้งพวกเธอ และ น้องบีมพูดคุยกันตลอดทาง ไม่นานลุงวิทย์ก็ขับรถควายเหล็กมาถึงที่หมาย
บอสมองไปยังข้างถนนเห็นบ่อน้ำขนาดกลางอยู่ริมถนน สีของน้ำออกใส ๆ ขุ่น ๆ ที่ปากบ่อมีการทำจะงอยให้เหยียบตักด้วย นั่นแปลว่าไม่ใช่บ่อน้ำร้างแน่นอน
ลุงวิทย์ถอยควายเหล็กเข้าไปใกล้ ๆ ให้มากที่สุด เพื่อลดอัตราการหิ้วน้ำ “เลิ๊กอยู่เด้หนิ เด็กน้อยอย่ามาใกล้เด้อ พ่อจะเฮ็ดกับแม่เอง” ลุงวิทย์กล่าว
“เด็ก ๆ อยู่เทิงสาลี่เด้อ ซอยกันเรียงตุงน้ำให้แม่ให้เป็นแถวระเบียบ แม่จะยกมาตั้งให้” ป้าแพงจัดแจง พวกเธอรับปาก จากนั้นลุงวิทย์กับป้าแพงก็เริ่มทำงาน
บริเวณที่พวกเธอมาตักน้ำสองข้างทางเป็นป่าละเมาะ นาน ๆ จะมีรถสัญจรไปมา ตรงนี้มีเพียงเสียงพูดเจื้อยแจ้วของพวกเธอห้าคน เจ้าของนาหรือเจ้าของที่ไม่รู้เป็นใคร จะว่าลุงวิทย์มาขโมยก็ไม่เชิง ก่อนหน้านั้นก็ยังมีคนมาตักน้ำจากบ่อนี้อยู่บ่อย ๆ
ลุงวิทย์ยืนอยู่ขอบบ่อเป็นคนตักน้ำขึ้นมา ปากบ่อมีไม้วางให้เหยียบ ลุงใช้ไม้ไผ่ยาว ๆ ห้อยกับคุถังแล้วหย่อนลงไปตักน้ำ จากนั้นก็ดึงขึ้นมาให้ป้าแพงเทใส่ถังอีกทีหนึ่ง พอป้าแพงเทน้ำใส่เต็มถังแล้ว ก็ยกขึ้นมาตั้งที่สาลี่ ให้พวกเธอจัดเรียงให้เป็นแถวเป็นแนวดี ๆ
บอสกับสองฝาแฝดช่วยกันลากถังน้ำที่ป้ายกขึ้นมาวางไปเรียง สลับกับพี่เจบ้าง น้องบีมนั่งฮัมเพลงเล่นคนเดียวไปตามประสา พวกเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะไม่คิดจะให้ช่วยทำอยู่แล้ว
ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะตักน้ำเต็มถังครบทุกใบ พอครบแล้วลุงวิทย์ก็พาขับควายเหล็กกลับบ้าน รอบเช้าพวกเธอไปขนน้ำได้เพียงสองรอบ รอบบ่ายอีกสองรอบก็พอ คงได้น้ำไว้กินเป็นเดือน ๆ
มาถึงบ้านประจวบเหมาะกับยายเดินมาตามไปกินข้าวเที่ยงพอดี บอสกับน้องบีมปฏิเสธ ขออยู่กินข้าวเที่ยงที่บ้านของลุงวิทย์ ระหว่างทางลุงวิทย์แอบสอยมะม่วงเปรี้ยวกลับมาด้วย ทั้งที่ที่บ้านก็มี ทว่าสอยมาจากที่อื่นให้ความอร่อยมากกว่า
ยังไม่ทันได้เอาน้ำเทลงโอ่ง ป้าแพงก็สั่งให้พักกินข้าวเที่ยงกันก่อน วันนี้มีตำมะม่วงและกับข้าวอื่น ๆ ที่ป้าแพงทำให้กิน วินาทีนี้บอสพิศวาสตำมะม่วงมากที่สุด บอสกินข้าวไปนิดเดียว นอกนั้นซดตำมะม่วงอย่างเดียว อากาศร้อน ๆ ตำมะม่วง ๆ นัว ๆ เข้ากันที่สุด
“ฮ่วยคือกินตะส้มแถะ คือบ่ใส่ข้าวแน ขี้แตกเด้อ” ลุงวิทย์ทัก
“หื่อ บอสอิ่มข้าวแล้ว บอสสิกินส้ม” บอสตอบผู้เป็นลุง ยืนยันจะกินตำมะม่วงต่อไป
“กินโลดบ่เป็นหยังหรอก ตอนบ่ายบ่ต้องพากันไปนำแม่เด้อ มันแดด! อยู่เฮือนหนิล่ะ พุ่นพากันไปเล่นเฮือนใหญ่นงค์พุ่น” ป้าแพงบอกกับพวกเธอ พวกเธอก็ตกลง ไม่ตามไปด้วยแม้อยากไปมากแค่ไหนก็ตาม
พอกินข้าวเที่ยงเสร็จป้ากับลุงนอนพักเอาแรงครู่เดียว ก็พากันไปเทน้ำใส่โอ่ง แล้วขับควายเหล็กไปขนน้ำต่อ ส่วนพวกเธออยู่บ้านกันเอง พอไม่ได้ตามไปด้วยพวกเธอจึงชวนกันไปเล่นที่บ้านของย่า
บ้านของย่าเป็นบ้านสองชั้นใต้ถุนโล่ง เทพื้นและปูกระเบื้องเรียบร้อย ผูกเปลเอาไว้สองอัน เป็นเปลตัวประจำของพวกเธอทุกคราวที่มาที่นี่ แบ่งกันนั่งตัวละสองคนทุกครั้งไป
พอน้องออมเห็นพวกเธอมาเล่นที่บ้านของย่า น้องออมก็มาเล่นด้วย โดยนำของเล่นมาแบ่งพวกเธอเล่น นั่นคือห่วงพลาสติกที่ใช้หมุนรอบเอวได้ เรียกว่า ‘ฮูล่าฮูป’
“ออมมันคืออีหยังน่ะ” พิมพ์ถามทันทีที่น้องออมเดินมาถึง
“ฮูล่าฮูปเอื้อยพิมพ์เคยเล่นบ่” น้องออมตอบ บอสมองด้วยความสนใจ เพราะไม่รู้จักและไม่เคยเล่นเลย ของเล่นเด็กที่เรียนในเมืองหรือ บอสแอบสนใจและสงสัย
“เล่นจังใดน่ะ” บอสถาม ขณะนี้พวกเธอลงจากเปลกู่เข้าหาตัวน้องออม อยากเล่นของเล่นนั้นด้วย ที่โรงเรียนยังไม่มีใครเล่นเลย และ บอสก็มีแผนในใจ คืนนี้แม่โทรหาจะขอแม่ซื้อเล่นคนละอันกับน้องบีม
“มันเล่นแบบหนิ เบิ่งออมจะเล่นให้เบิ่ง” พูดจบน้องออมก็เข้าไปอยู่ในห่วงพลาสติก จากนั้นก็หมุนห่วงรอบตัวโชว์พวกเธอ บอสเข้าใจวิธีการเล่นแล้ว
น้องออมหมุนห่วงให้พวกเธอดูเป็นตัวอย่าง สเต็บแรกหมุนที่เอว จากนั้นก็เลื่อนขึ้นมาหมุนที่คอให้ดูโดยที่ไม่ต้องหยุด จากนั้นก็เลื่อนลงมาที่เอวแล้วก็ที่ก้น ต่ำลงมาที่ขาอีก ทำโชว์ให้พวกเธอดูอย่างตื่นเต้น
“อ่ะเฮ็ดเบิ่ง ไผสิเฮ็ดก่อน” น้องออมหยุดเล่นแล้วชวนพวกเธอให้เล่นด้วยกัน