[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
*เรื่องนี้มีภาษาอีสานตลอดทั้งเรื่องค่ะ*
ยายกับตาดำนาเสร็จแล้วพวกเธอจึงได้อยู่บ้านกันในวันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้ ส่วนตาพาวัวไปเลี้ยงเป็นกิจวัตรประจำวัน ยายอยู่บ้านดูแลพวกเธอ
ฤดูทำนายังไม่เสร็จสิ้น ช่วงนี้มักมีข่าวรถตู้จับเด็กแว่วมาให้ได้ยินอยู่เสมอ มันเป็นเพียงข่าวลือหรือเคยเกิดขึ้นจริงไม่มีใครรู้ เพียงแค่ได้ยินเขาลือมา ผู้ใหญ่ทุกคนต่างกำชับลูกหลานห้ามคุยกับคนแปลกหน้าเด็ดขาด ห้ามรับของด้วย หรือถ้าเจอคนแปลกหน้าให้รีบวิ่งไปหาผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ ทันที
ถึงแม้จะเป็นเพียงข่าวลือ ยังไม่มีใครโดนจับไป ทว่าคนในหมู่บ้านต่างก็ระแวงและกลัวไปตาม ๆ กัน ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงทำนา ผู้ปกครองไม่ค่อยอยู่บ้าน ยิ่งต้องกำชับหนักแน่น แม้ไม่อยากคลาดสายตา ก็ต้องจำยอมเพราะหน้าที่
พวกเธอหกคนพี่น้องก็โดนยายกำชับเอาไว้ ห้ามไปเล่นที่อื่นไกล ๆ เรื่องนี้บอสกลับรู้สึกเฉย ๆ คิดว่าเป็นเพียงคำขู่ของผู้ใหญ่เท่านั้น มีข่าวรถตู้จับเด็กแว่วมาให้ได้ยินทุกปี ก็ไม่เคยมีใครโดนจับไปสักคน บอสจึงไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็ไม่เคยดื้อรั้นกับยาย เล่นอยู่ที่บ้านบ้าง ไปบ้านย่าบ้าง บ้านสองฝาแฝด และแอบไปบ้านจ๋อมบ้างเท่านั้น วันนี้ก็เช่นกัน บอสรู้สึกเบื่อจึงคิดจะไปหาสองฝาแฝดตามเคย
“ยายบอสไปเล่นเฮือนลุงวิทย์ก่อนเด้อ” บอสเดินมายืนพิงเสากี่ขอยาย เพียงขอพอเป็นพิธีไปอย่างนั้น หากยายไม่อนุญาตบอสก็จะไป แอบวิ่งไปให้ไวยายก็ตามไม่ทัน กลับมาค่อยมาโดนดุ อยากน้อยก็ยังได้ขอล่ะ
วันนี้อากาศดี ท้องฟ้าอยู่สูงกว่าทุกวัน แสงแดดทอประกายตั้งแต่เช้า บ่งบอกว่าฝนไม่ตกแน่นอน แต่พอบ่ายมาก็ไม่แน่ ถึงกระนั้นก็ไม่กระทบต่อการไปเที่ยวเล่นของเธอ
“ไปกะไปถะแหมะ อย่าไปเล่นโรงเรียนเด้อหนิ รถตู้จับไปจอตาเด้” ยายกล่าว ไม่ค่อยสนใจเธอนักเพราะง่วนอยู่กับการทอผ้า เสร็จจากการทำนายายก็หารายได้เสริมโดยการทอผ้าซิ่นขาย และก็ไม่ลืมที่จะกำชับเรื่องนี้
“บอสบ่ไปหรอก ไปเล่นตะเฮือนลุงวิทย์กับเฮือนใหญ่นงค์” บอสตอบไปตามตรง ไม่คิดจะไปที่อื่นนอกจากที่ได้กล่าวมาอยู่แล้ว
“น้องบีมไปนำ” เสียงของน้องสาวพูดแทรก บอสหันไปมองตามเสียงนั้น น้องบีมนั่งไกวเปลอยู่ไม่ไกลจากกี่ของยายนัก บอสยักคิ้วให้น้องสาว อนุญาตให้ตามไปด้วยได้
“ปะบีม” บอสชวนน้องบีม ก่อนไปยังไม่ลืมอะไรบางอย่าง จะขาดมิได้เลยเชียว “ยายขอเงินแนห้าบาท”
“พุ่น! สิไปเล่นยังบ่ไปอยู่ จะแมนบ่ลืมน้อแนวขอเงินหนิ” ยายค่อนขอดพร้อมบ่นให้ “ไปหาเอาโลดในกะต่าหมาก” ยายบอกพิกัดที่ไว้เงินของยาย
บอสเดินไปที่แคร่มีตะกร้าไม้ไผ่ใบเล็กกะทัดรัดวางอยู่ ยายใช้เป็นตะกร้าเก็บหมากพลูไว้เคี้ยว และยังเป็นที่เก็บของต่าง ๆ ของยายรวมทั้งเงินด้วย บ่อยครั้งที่บอสกับพี่ ๆ แอบมาค้นหาเหรียญไปซื้อขนม เจอบ้างไม่เจอบ้างแล้วแต่ยายจะใส่เอาไว้
บอสควานหาจนทั่วก็ไม่มี เปิดกระป๋องนั้นกระป๋องนี้จนครบก็ไม่เจอ “ยาย! มันบ่มีจักบาทเลย เอามาแหมะบอสสิฟ้าวไปเล่น ห่วย…” บอสค่อนขอดยายกลับ
ยายหันมามองเธอยิ้มที่มุมปากนิดหน่อย “มันมาสิบ่มี ยายถิ่มเงินลงนั่นอยู่สิบบาทมื้อเช้าหนิ” ยายพูด เหมือนยายจะหัวเราะด้วยบอสรู้สึกแบบนั้น “เปิดเบิ่งแล้วบ่ในกระป๋องหมาก กระป๋องยาสีแข่วมูนั่น หาเบิ่งดี ๆ ก่อนแน ตาเซ่อหลาย” ยายยังยืนยันว่ามีเงินอยู่ในนั้น ทั้งที่บอสเทตะกร้าหาแล้วก็ไม่มี
“บอสเปิดเบิ่งเมิดแล้ว มันบ่มี ห่วย… อี่บีมมาหาซอยกูกันน่ะ มืงจะเอาบ่เงิน” เพราะความหงุดหงิดกำลังเข้าจู่โจมความรู้สึก บอสจึงหันไปพาลน้องสาวด้วย ออกอาการงอแงกับยายนิดหน่อย น้องบีมก็ทำตามอย่างว่าง่าย ลงจากเปลเดินมาควานหาเงินในตะกร้าหมากของยายช่วยเธอ แต่พวกเธอหาเท่าไหร่ก็ไม่มีสักเหรียญ แม้แต่เหรียญสลึงก็ไม่มี
“บ่มียาย” น้องบีมบอกกับยาย
“บ่มีจักบาทอี่ยาย เอามาแนบอสจะไปเล่นนำอี่แพรว” บอสหน้าบึ้ง แต่ก็ไม่กล้างอแงไปมากกว่านี้ กลัวไม่ได้เงินไปเที่ยวเล่น
“บ่มีกะมาเอา! จะแมนเปลืองเงิน วันหยุดกะเปลืองเงิน” ยายหยุดทอผ้ายอมควักเงินในกระเป๋าเสื้อให้พวกเธอสองพี่น้อง ส่วนพี่ ๆ ไม่ได้สนใจนัก ต่างก็กำลังดูโทรทัศน์กันอยู่ในบ้าน ยายควักเหรียญสิบบาทให้ บอสยิ้มพอใจมากก่อนจะเดินไปรับเงินจากยาย “แบ่งทอ ๆ กันเด้อหนิคนละห้าบาท สิไปพุ่นยังมาขอเงินยายอยู่ คือบ่ไปขอนำแม่ใหญ่สูพุ่นเราแฮงเงินหลายกว่ายาย” ยายบ่น ปัดความรับผิดชอบไปให้ย่าของพวกเธอ
“บ่ เราบ่มีเงิน อี่ยายจังมีเงิน” บอสเถียงข้าง ๆ คู ๆ ไปอย่างนั้น ดีใจที่ได้เงินกับยายมาแล้ว ยายหัวเราะอึกอักกับคำพูดของเธอ มิได้บ่นให้แต่อย่างไร “ปะบีม” จากนั้นบอสก็รีบชวนน้องสาวไปเล่น เพราะเสียเวลามากแล้ว พวกเธอสองพี่น้องเดินกอดคอกันไปคุ้มบ้านของย่า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคุ้มบ้านของพวกเธอนัก เป้าหมายคือบ้านของพิมพ์กับแพรว
ใช้เวลาเดินมาไม่ถึงสิบนาที บอสกับน้องบีมก็เดินมาถึงหน้าบ้านของสองฝาแฝดแล้ว แต่แลดูเหมือนไม่มีคนอยู่บ้าน ประตูหน้าต่างบ้านปิดเงียบคล้ายไม่มีคนอยู่ บอสแอบผิดหวังนิด ๆ ทว่าก็ไม่ได้เปลี่ยนใจกลับบ้านเลย แผนสองคือ ไปเล่นที่บ้านย่าก็ได้
เหมือนฟ้าจะเห็นใจพวกเธอ บอสกับน้องบีมได้ยินเสียงเรียกของแพรวกับพิมพ์ดังมาจากที่บ้านของย่า ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน บอสดีใจมากที่พี่ ๆ ทั้งสองคนอยู่บ้าน บอสกับน้องบีมจึงรีบเดินข้ามถนนไปหาทั้งคู่โดยพลัน
“ลุงวิทย์กับป้าแพงไปไสแฝด” ข้ามถนนมาถึงบ้านย่า บอสก็ยิงคำถามทันที เนื่องจากว่าเห็นทั้งคู่มาอยู่ที่นี่นั่นเอง ส่วนน้องบีมก็จับจองที่นั่ง นั่นคือเปลญวนประจำตำแหน่ง “ใหญ่นงค์เด้หั่น” บอสถามหาย่าอีกคนเนื่องจากไม่เห็น
“พ่อแม่กูเราไปนา ใหญ่นงค์ย่างไปเฮือนใหญ่น้อยวังหั่นล่ะ เดี๋ยวเรากะมา” พิมพ์ตอบ พวกเธอนอนดูทีวีที่บ้านของย่าเพราะไม่มีอะไรทำ และไม่รู้จะไปเล่นที่ไหนกัน ข้างบนบ้านก็ได้ยินเสียงทีวีอีกเครื่องดังแว่วลงมา เพราะพี่โจกับพี่กอล์ฟเปิดดูอยู่ข้างบน เธอก็ไม่คิดจะขึ้นบ้านไปหาพี่ ๆ ทั้งสอง
พวกเธอใช้เวลาอยู่ที่บ้านกับย่าจนถึงเที่ยง มื้อเที่ยงก็ทานข้าวกับย่าที่นี่ พอบ่ายโมงพวกเธอขอย่ากลับไปเล่นที่บ้านสองฝาแฝด ซึ่งย่าก็อนุญาตแต่โดยดีเพราะบ้านอยู่ติดกัน สามารถมองเห็นได้อยู่แล้ว เพียงอยู่อีกฝากของถนนก็เท่านั้น พวกเธอสี่คนพี่น้องเล่นขายของกันตาประสาที่หน้าบ้าน แต่แล้วใครคนหนึ่งก็คิดอะไรออก
“สูเฮาไปก่นกี่โป่มมาขั่วปะ ไฮมันแม่กุหลาบแหมะ เรากู้วันอาทิตย์ก่อนหนิ กูว่าเป็นตะมีขวยหลาย บ่ายสามกะมา” บอสชวนพี่ ๆ ทั้งสองคน เพราะสายตาเหลือบไปเห็นขวยของมันที่อยู่ข้างบ้าน และเพียงอยากไปเล่นแก้เบื่อเท่านั้น ไม่ได้คิดกลัวอันตรายใด ๆ สักนิด
“น้องบีมไปนำเด้อเอื้อยบอส” น้องบีมออกตัวก่อนเช่นเดิม กลัวไม่ได้ตามพวกเธอไป น้องบีมค่อนข้างติดพวกเธอมาก ไม่ค่อยไปเล่นกับเพื่อนรุ่นเดียวกันนัก “เอื้อยบอสน้องบีมไปนำเด้อ”
“เอ้อ!” บอสตอบน้องสาวปนรำคาญ “ไปบ่ ปั่นจักรยานไป ใหญ่นงค์บ่ฮ่ายหรอก เราบ่เห็น ลักไป! พ่อใหญ่กูกะเลี้ยงงัวอยู่นาบ่เป็นตะย่าน” บอสคะยั้นคะยอพี่สาวทั้งสองคน ไร่มันสำปะหลังของแม่กุหลาบเธอกล่าวถึงอยู่ใกล้ ๆ กับนาของเธอเอง อยู่ละแวกเดียวกัน
“ไปกะไป ขั่วกินนำกันน้อเฮา” แพรวเอาด้วย พวกเธอขุดเป็นแต่จะขุดได้กี่ตัวไม่รู้ ที่รู้ ๆ คือ พวกเธอจะพากันไปหาจี่โป่ม “ปั่นจักรยานไปน้อ บ่ย่างมันไกลเทือจะฮอด”
“เอาจักรยานพวกมืงเด้อ ถ้ากูเมือเอาของกู ยายกูกะถามว่าไปหยังอีก” บอสเสนอแนะ พิมพ์กับแพรวตกลงตามนั้น พวกเธอมองไปยังบ้านของย่า เห็นย่ากำลังยุ่งอยู่กับการทอเสื่อกก ไม่ได้สนใจหันมามองพวกเธอ พวกเธอจึงรีบถือโอกาสนี้แอบย่าไป โดยให้พิมพ์กับน้องบีมแอบถือเสียมและข้องรีบเดินนำหน้าไปก่อน ไปให้พ้นแนวรัศมีสายตาของย่า จากนั้นพวกเธอสองคนก็ปั่นจักรยานตามไป
เมื่อแอบย่าพ้นแล้ว จึงรีบพากันปั่นจักรยานไปยังนาของแม่กุหลาบ ซึ่งต้องผ่านนาของเธอ บอสกับสองฝาแฝดคิดคำตอบไว้แล้ว หากเจอกับตาระหว่างขับผ่านจะตอบคำถามว่าอย่างไร ระหว่างนั้นบอสก็แอบภาวนาขออย่าให้เจอกับตาเลยจะดีกว่า เพราะไม่อยากตอบคำถาม
คำขอของเธอเป็นจริง ระหว่างที่ปั่นจักรยานผ่านเถียงนาของเธอไปไม่เห็นตาเลย ตาพาวัวไปเลี้ยงแถวไหนไม่รู้ น่าจะพาไปเลี้ยงในป่าเพราะในนาตอนนี้มีข้าว นำวัวไปเลี้ยงไม่ได้ พวกเธอจึงรีบปั่นจักรยานให้พ้นนาของเธอไปให้เร็วที่สุด มุ่งหน้าไปยังไร่มันสำปะหลังของแม่กุหลาบ ซึ่งก็อยู่ติดถนน และอยู่เลยนาของเธอมาสองเจ้า
พวกเธอนำจักรยานไปจอดไว้ใต้เถียงนาของแม่กุหลาบ ท้องนาขณะนี้เงียบสงบ ได้ยินเสียงลมพัดกอไผ่ดังเป็นระยะ ๆ มองไปยังท้องนาเห็นผู้คนกำลังก้ม ๆ เงย ๆ ดำนากันอยู่ บางครอบครัวก็ยังดำนาไม่เสร็จเลย
ถึงจะเป็นถนนตัดผ่านไปยังอีกหมู่บ้าน แต่มันก็ไม่ใช่ถนนสายหลัก จึงทำให้รถราวิ่งผ่านน้อยมาก มีเพียงคนนาแถวนี้ที่ใช้ถนนเส้นนี้เท่านั้น ทำให้นาน ๆ รถถึงจะวิ่งผ่านมาที มาถึงพวกเธอก็พากันลงมือหาขุดจี่โป่มกันเลย
“เอ้าอี่น้องบอส น้องบีมพากันมาหาขุดจี่โป่มไปให้ยายบ่” ยายบู่คนนาใกล้นาแม่กุหลาบถามด้วยความไม่รู้ “ไผแนนั่นฝาแฝดลูกพ่อวิทย์กะมานำเขาบ่นาง” เพราะไม่ได้อยู่คุ้มเดียวกัน ยายบู่จึงไม่คุ้นชื่อนัก แต่ก็รู้จักครอบครัวของพิมพ์กับแพรว
“จ้า!” พวกเธอตอบไปตามน้ำ ไม่อยากบอกว่าแอบมากลัวโดนว่า ถึงจะแดดพวกเธอก็ไม่หวั่น ไม่มีใครสวมเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวสักคน และไม่มีใครสวมหมวกด้วย เพราะแอบมานั่นแหละจึงไม่ได้เตรียมอะไรทั้งสิ้น
“มาเก่งแถะ! เก่งกว่าบักบอย พากันหาก่นโลด บ่ทันเมิดหรอก มื้อวานหนิยายกะหากะพอได้อยู่” ยายบู่ตะโกนคุยกับพวกเธอ จากนั้นก็เงียบไป ปล่อยให้พวกเธอหาจี่โป่มไปตามประสา
แสงแดดที่ร้อนละอุผสมกับสายลมที่พัดให้ความเย็นฉ่ำ ถึงจะแดดพวกเธอก็ไม่ระคายผิว สนุกกันอย่างเดียว ยิ่งขุดได้ตัวจี่โป่มยิ่งตื่นเต้นดีใจ ตอนนี้ก้อนเมฆได้เคลื่อนที่เข้ามาบดบังดวงอาทิตย์เอาไว้ ทำให้ท้องนาบริเวณนี้ร่มไปชั่วขณะ
“เอื้อยพิมพ์เบิ่งเทวดาลำเอียง” น้องบีมพูดพร้อมชี้นิ้วไปยังท้องฟ้าให้พิมพ์ดู เธอกับแพรวก็หันมองตาม “หม่องเฮาอยู่ฮ่ม หม่องเพิ่นดำนาแดดเสย ฮ่า เทวดาเข้าข้างเฮา” น้องบีมกล่าวปนยิ้ม ตามเนื้อตัวเปื้อนไปด้วยดินแต่ก็ยังสนุกร่าเริง
ตรงที่พวกเธออยู่ตอนนี้กำลังร่ม เนื่องจากมีเมฆก้อนเล็ก ๆ เคลื่อนตัวมาบังพระอาทิตย์เอาไว้ ทว่ากลางทุ่งไกล ๆ นู้นกลับมีแสงแดดเจิดจ้า แต่พอน้องบีมพูดได้ไม่ทันขาดคำ ก้อนเมฆก็เคลื่อนตัวลอยไปจากพระอาทิตย์ตามแรงลม ทำให้กลับมาแดดเช่นเดิม
“น้องบีมบ่น่าท้วงเลย! เห็นบ่ซุมเฮาแดดเลย พุ่นทางเพิ่นฮ่มล่ะ” แพรวแซวน้องบีม ก่อนจะก้มหน้าก้มตาขุดจี่โป่มกันต่อ
น้องบีมทำหน้าที่หาขวยของจี่โป่มให้พวกเธอ พอหาเจอแล้วก็นำต้นมันสำปะหลังมาปักทำเป็นเครื่องหมายเอาไว้ พวกเธอขุดเจอบ้างไม่เจอบ้างก็ปล่อยไป ตอนนี้ในข้องน่าจะมีจี่โป่มประมาณสิบตัวได้
“น้องบีมอยากน้ำบ่ อยากน้ำบอกเด้อ” พิมพ์เอ่ยถามน้องสาวของเธอ นี่ก็ใช้เวลาอยู่ที่นี่นานแล้วน้องบีมน่าจะหิว เธอเองก็ไม่ต่างกัน น้องบีมพยักหน้าให้พิมพ์
“ไปกินน้ำปะขั้น บอสน้ำอยู่เถียงมืงมีบ่” พิมพ์หันมาถามเธอ
เด็กน้อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
*เรื่องนี้มีภาษาอีสานตลอดทั้งเรื่องค่ะ*
ยายกับตาดำนาเสร็จแล้วพวกเธอจึงได้อยู่บ้านกันในวันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้ ส่วนตาพาวัวไปเลี้ยงเป็นกิจวัตรประจำวัน ยายอยู่บ้านดูแลพวกเธอ
ฤดูทำนายังไม่เสร็จสิ้น ช่วงนี้มักมีข่าวรถตู้จับเด็กแว่วมาให้ได้ยินอยู่เสมอ มันเป็นเพียงข่าวลือหรือเคยเกิดขึ้นจริงไม่มีใครรู้ เพียงแค่ได้ยินเขาลือมา ผู้ใหญ่ทุกคนต่างกำชับลูกหลานห้ามคุยกับคนแปลกหน้าเด็ดขาด ห้ามรับของด้วย หรือถ้าเจอคนแปลกหน้าให้รีบวิ่งไปหาผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ ทันที
ถึงแม้จะเป็นเพียงข่าวลือ ยังไม่มีใครโดนจับไป ทว่าคนในหมู่บ้านต่างก็ระแวงและกลัวไปตาม ๆ กัน ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงทำนา ผู้ปกครองไม่ค่อยอยู่บ้าน ยิ่งต้องกำชับหนักแน่น แม้ไม่อยากคลาดสายตา ก็ต้องจำยอมเพราะหน้าที่
พวกเธอหกคนพี่น้องก็โดนยายกำชับเอาไว้ ห้ามไปเล่นที่อื่นไกล ๆ เรื่องนี้บอสกลับรู้สึกเฉย ๆ คิดว่าเป็นเพียงคำขู่ของผู้ใหญ่เท่านั้น มีข่าวรถตู้จับเด็กแว่วมาให้ได้ยินทุกปี ก็ไม่เคยมีใครโดนจับไปสักคน บอสจึงไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็ไม่เคยดื้อรั้นกับยาย เล่นอยู่ที่บ้านบ้าง ไปบ้านย่าบ้าง บ้านสองฝาแฝด และแอบไปบ้านจ๋อมบ้างเท่านั้น วันนี้ก็เช่นกัน บอสรู้สึกเบื่อจึงคิดจะไปหาสองฝาแฝดตามเคย
“ยายบอสไปเล่นเฮือนลุงวิทย์ก่อนเด้อ” บอสเดินมายืนพิงเสากี่ขอยาย เพียงขอพอเป็นพิธีไปอย่างนั้น หากยายไม่อนุญาตบอสก็จะไป แอบวิ่งไปให้ไวยายก็ตามไม่ทัน กลับมาค่อยมาโดนดุ อยากน้อยก็ยังได้ขอล่ะ
วันนี้อากาศดี ท้องฟ้าอยู่สูงกว่าทุกวัน แสงแดดทอประกายตั้งแต่เช้า บ่งบอกว่าฝนไม่ตกแน่นอน แต่พอบ่ายมาก็ไม่แน่ ถึงกระนั้นก็ไม่กระทบต่อการไปเที่ยวเล่นของเธอ
“ไปกะไปถะแหมะ อย่าไปเล่นโรงเรียนเด้อหนิ รถตู้จับไปจอตาเด้” ยายกล่าว ไม่ค่อยสนใจเธอนักเพราะง่วนอยู่กับการทอผ้า เสร็จจากการทำนายายก็หารายได้เสริมโดยการทอผ้าซิ่นขาย และก็ไม่ลืมที่จะกำชับเรื่องนี้
“บอสบ่ไปหรอก ไปเล่นตะเฮือนลุงวิทย์กับเฮือนใหญ่นงค์” บอสตอบไปตามตรง ไม่คิดจะไปที่อื่นนอกจากที่ได้กล่าวมาอยู่แล้ว
“น้องบีมไปนำ” เสียงของน้องสาวพูดแทรก บอสหันไปมองตามเสียงนั้น น้องบีมนั่งไกวเปลอยู่ไม่ไกลจากกี่ของยายนัก บอสยักคิ้วให้น้องสาว อนุญาตให้ตามไปด้วยได้
“ปะบีม” บอสชวนน้องบีม ก่อนไปยังไม่ลืมอะไรบางอย่าง จะขาดมิได้เลยเชียว “ยายขอเงินแนห้าบาท”
“พุ่น! สิไปเล่นยังบ่ไปอยู่ จะแมนบ่ลืมน้อแนวขอเงินหนิ” ยายค่อนขอดพร้อมบ่นให้ “ไปหาเอาโลดในกะต่าหมาก” ยายบอกพิกัดที่ไว้เงินของยาย
บอสเดินไปที่แคร่มีตะกร้าไม้ไผ่ใบเล็กกะทัดรัดวางอยู่ ยายใช้เป็นตะกร้าเก็บหมากพลูไว้เคี้ยว และยังเป็นที่เก็บของต่าง ๆ ของยายรวมทั้งเงินด้วย บ่อยครั้งที่บอสกับพี่ ๆ แอบมาค้นหาเหรียญไปซื้อขนม เจอบ้างไม่เจอบ้างแล้วแต่ยายจะใส่เอาไว้
บอสควานหาจนทั่วก็ไม่มี เปิดกระป๋องนั้นกระป๋องนี้จนครบก็ไม่เจอ “ยาย! มันบ่มีจักบาทเลย เอามาแหมะบอสสิฟ้าวไปเล่น ห่วย…” บอสค่อนขอดยายกลับ
ยายหันมามองเธอยิ้มที่มุมปากนิดหน่อย “มันมาสิบ่มี ยายถิ่มเงินลงนั่นอยู่สิบบาทมื้อเช้าหนิ” ยายพูด เหมือนยายจะหัวเราะด้วยบอสรู้สึกแบบนั้น “เปิดเบิ่งแล้วบ่ในกระป๋องหมาก กระป๋องยาสีแข่วมูนั่น หาเบิ่งดี ๆ ก่อนแน ตาเซ่อหลาย” ยายยังยืนยันว่ามีเงินอยู่ในนั้น ทั้งที่บอสเทตะกร้าหาแล้วก็ไม่มี
“บอสเปิดเบิ่งเมิดแล้ว มันบ่มี ห่วย… อี่บีมมาหาซอยกูกันน่ะ มืงจะเอาบ่เงิน” เพราะความหงุดหงิดกำลังเข้าจู่โจมความรู้สึก บอสจึงหันไปพาลน้องสาวด้วย ออกอาการงอแงกับยายนิดหน่อย น้องบีมก็ทำตามอย่างว่าง่าย ลงจากเปลเดินมาควานหาเงินในตะกร้าหมากของยายช่วยเธอ แต่พวกเธอหาเท่าไหร่ก็ไม่มีสักเหรียญ แม้แต่เหรียญสลึงก็ไม่มี
“บ่มียาย” น้องบีมบอกกับยาย
“บ่มีจักบาทอี่ยาย เอามาแนบอสจะไปเล่นนำอี่แพรว” บอสหน้าบึ้ง แต่ก็ไม่กล้างอแงไปมากกว่านี้ กลัวไม่ได้เงินไปเที่ยวเล่น
“บ่มีกะมาเอา! จะแมนเปลืองเงิน วันหยุดกะเปลืองเงิน” ยายหยุดทอผ้ายอมควักเงินในกระเป๋าเสื้อให้พวกเธอสองพี่น้อง ส่วนพี่ ๆ ไม่ได้สนใจนัก ต่างก็กำลังดูโทรทัศน์กันอยู่ในบ้าน ยายควักเหรียญสิบบาทให้ บอสยิ้มพอใจมากก่อนจะเดินไปรับเงินจากยาย “แบ่งทอ ๆ กันเด้อหนิคนละห้าบาท สิไปพุ่นยังมาขอเงินยายอยู่ คือบ่ไปขอนำแม่ใหญ่สูพุ่นเราแฮงเงินหลายกว่ายาย” ยายบ่น ปัดความรับผิดชอบไปให้ย่าของพวกเธอ
“บ่ เราบ่มีเงิน อี่ยายจังมีเงิน” บอสเถียงข้าง ๆ คู ๆ ไปอย่างนั้น ดีใจที่ได้เงินกับยายมาแล้ว ยายหัวเราะอึกอักกับคำพูดของเธอ มิได้บ่นให้แต่อย่างไร “ปะบีม” จากนั้นบอสก็รีบชวนน้องสาวไปเล่น เพราะเสียเวลามากแล้ว พวกเธอสองพี่น้องเดินกอดคอกันไปคุ้มบ้านของย่า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคุ้มบ้านของพวกเธอนัก เป้าหมายคือบ้านของพิมพ์กับแพรว
ใช้เวลาเดินมาไม่ถึงสิบนาที บอสกับน้องบีมก็เดินมาถึงหน้าบ้านของสองฝาแฝดแล้ว แต่แลดูเหมือนไม่มีคนอยู่บ้าน ประตูหน้าต่างบ้านปิดเงียบคล้ายไม่มีคนอยู่ บอสแอบผิดหวังนิด ๆ ทว่าก็ไม่ได้เปลี่ยนใจกลับบ้านเลย แผนสองคือ ไปเล่นที่บ้านย่าก็ได้
เหมือนฟ้าจะเห็นใจพวกเธอ บอสกับน้องบีมได้ยินเสียงเรียกของแพรวกับพิมพ์ดังมาจากที่บ้านของย่า ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน บอสดีใจมากที่พี่ ๆ ทั้งสองคนอยู่บ้าน บอสกับน้องบีมจึงรีบเดินข้ามถนนไปหาทั้งคู่โดยพลัน
“ลุงวิทย์กับป้าแพงไปไสแฝด” ข้ามถนนมาถึงบ้านย่า บอสก็ยิงคำถามทันที เนื่องจากว่าเห็นทั้งคู่มาอยู่ที่นี่นั่นเอง ส่วนน้องบีมก็จับจองที่นั่ง นั่นคือเปลญวนประจำตำแหน่ง “ใหญ่นงค์เด้หั่น” บอสถามหาย่าอีกคนเนื่องจากไม่เห็น
“พ่อแม่กูเราไปนา ใหญ่นงค์ย่างไปเฮือนใหญ่น้อยวังหั่นล่ะ เดี๋ยวเรากะมา” พิมพ์ตอบ พวกเธอนอนดูทีวีที่บ้านของย่าเพราะไม่มีอะไรทำ และไม่รู้จะไปเล่นที่ไหนกัน ข้างบนบ้านก็ได้ยินเสียงทีวีอีกเครื่องดังแว่วลงมา เพราะพี่โจกับพี่กอล์ฟเปิดดูอยู่ข้างบน เธอก็ไม่คิดจะขึ้นบ้านไปหาพี่ ๆ ทั้งสอง
พวกเธอใช้เวลาอยู่ที่บ้านกับย่าจนถึงเที่ยง มื้อเที่ยงก็ทานข้าวกับย่าที่นี่ พอบ่ายโมงพวกเธอขอย่ากลับไปเล่นที่บ้านสองฝาแฝด ซึ่งย่าก็อนุญาตแต่โดยดีเพราะบ้านอยู่ติดกัน สามารถมองเห็นได้อยู่แล้ว เพียงอยู่อีกฝากของถนนก็เท่านั้น พวกเธอสี่คนพี่น้องเล่นขายของกันตาประสาที่หน้าบ้าน แต่แล้วใครคนหนึ่งก็คิดอะไรออก
“สูเฮาไปก่นกี่โป่มมาขั่วปะ ไฮมันแม่กุหลาบแหมะ เรากู้วันอาทิตย์ก่อนหนิ กูว่าเป็นตะมีขวยหลาย บ่ายสามกะมา” บอสชวนพี่ ๆ ทั้งสองคน เพราะสายตาเหลือบไปเห็นขวยของมันที่อยู่ข้างบ้าน และเพียงอยากไปเล่นแก้เบื่อเท่านั้น ไม่ได้คิดกลัวอันตรายใด ๆ สักนิด
“น้องบีมไปนำเด้อเอื้อยบอส” น้องบีมออกตัวก่อนเช่นเดิม กลัวไม่ได้ตามพวกเธอไป น้องบีมค่อนข้างติดพวกเธอมาก ไม่ค่อยไปเล่นกับเพื่อนรุ่นเดียวกันนัก “เอื้อยบอสน้องบีมไปนำเด้อ”
“เอ้อ!” บอสตอบน้องสาวปนรำคาญ “ไปบ่ ปั่นจักรยานไป ใหญ่นงค์บ่ฮ่ายหรอก เราบ่เห็น ลักไป! พ่อใหญ่กูกะเลี้ยงงัวอยู่นาบ่เป็นตะย่าน” บอสคะยั้นคะยอพี่สาวทั้งสองคน ไร่มันสำปะหลังของแม่กุหลาบเธอกล่าวถึงอยู่ใกล้ ๆ กับนาของเธอเอง อยู่ละแวกเดียวกัน
“ไปกะไป ขั่วกินนำกันน้อเฮา” แพรวเอาด้วย พวกเธอขุดเป็นแต่จะขุดได้กี่ตัวไม่รู้ ที่รู้ ๆ คือ พวกเธอจะพากันไปหาจี่โป่ม “ปั่นจักรยานไปน้อ บ่ย่างมันไกลเทือจะฮอด”
“เอาจักรยานพวกมืงเด้อ ถ้ากูเมือเอาของกู ยายกูกะถามว่าไปหยังอีก” บอสเสนอแนะ พิมพ์กับแพรวตกลงตามนั้น พวกเธอมองไปยังบ้านของย่า เห็นย่ากำลังยุ่งอยู่กับการทอเสื่อกก ไม่ได้สนใจหันมามองพวกเธอ พวกเธอจึงรีบถือโอกาสนี้แอบย่าไป โดยให้พิมพ์กับน้องบีมแอบถือเสียมและข้องรีบเดินนำหน้าไปก่อน ไปให้พ้นแนวรัศมีสายตาของย่า จากนั้นพวกเธอสองคนก็ปั่นจักรยานตามไป
เมื่อแอบย่าพ้นแล้ว จึงรีบพากันปั่นจักรยานไปยังนาของแม่กุหลาบ ซึ่งต้องผ่านนาของเธอ บอสกับสองฝาแฝดคิดคำตอบไว้แล้ว หากเจอกับตาระหว่างขับผ่านจะตอบคำถามว่าอย่างไร ระหว่างนั้นบอสก็แอบภาวนาขออย่าให้เจอกับตาเลยจะดีกว่า เพราะไม่อยากตอบคำถาม
คำขอของเธอเป็นจริง ระหว่างที่ปั่นจักรยานผ่านเถียงนาของเธอไปไม่เห็นตาเลย ตาพาวัวไปเลี้ยงแถวไหนไม่รู้ น่าจะพาไปเลี้ยงในป่าเพราะในนาตอนนี้มีข้าว นำวัวไปเลี้ยงไม่ได้ พวกเธอจึงรีบปั่นจักรยานให้พ้นนาของเธอไปให้เร็วที่สุด มุ่งหน้าไปยังไร่มันสำปะหลังของแม่กุหลาบ ซึ่งก็อยู่ติดถนน และอยู่เลยนาของเธอมาสองเจ้า
พวกเธอนำจักรยานไปจอดไว้ใต้เถียงนาของแม่กุหลาบ ท้องนาขณะนี้เงียบสงบ ได้ยินเสียงลมพัดกอไผ่ดังเป็นระยะ ๆ มองไปยังท้องนาเห็นผู้คนกำลังก้ม ๆ เงย ๆ ดำนากันอยู่ บางครอบครัวก็ยังดำนาไม่เสร็จเลย
ถึงจะเป็นถนนตัดผ่านไปยังอีกหมู่บ้าน แต่มันก็ไม่ใช่ถนนสายหลัก จึงทำให้รถราวิ่งผ่านน้อยมาก มีเพียงคนนาแถวนี้ที่ใช้ถนนเส้นนี้เท่านั้น ทำให้นาน ๆ รถถึงจะวิ่งผ่านมาที มาถึงพวกเธอก็พากันลงมือหาขุดจี่โป่มกันเลย
“เอ้าอี่น้องบอส น้องบีมพากันมาหาขุดจี่โป่มไปให้ยายบ่” ยายบู่คนนาใกล้นาแม่กุหลาบถามด้วยความไม่รู้ “ไผแนนั่นฝาแฝดลูกพ่อวิทย์กะมานำเขาบ่นาง” เพราะไม่ได้อยู่คุ้มเดียวกัน ยายบู่จึงไม่คุ้นชื่อนัก แต่ก็รู้จักครอบครัวของพิมพ์กับแพรว
“จ้า!” พวกเธอตอบไปตามน้ำ ไม่อยากบอกว่าแอบมากลัวโดนว่า ถึงจะแดดพวกเธอก็ไม่หวั่น ไม่มีใครสวมเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวสักคน และไม่มีใครสวมหมวกด้วย เพราะแอบมานั่นแหละจึงไม่ได้เตรียมอะไรทั้งสิ้น
“มาเก่งแถะ! เก่งกว่าบักบอย พากันหาก่นโลด บ่ทันเมิดหรอก มื้อวานหนิยายกะหากะพอได้อยู่” ยายบู่ตะโกนคุยกับพวกเธอ จากนั้นก็เงียบไป ปล่อยให้พวกเธอหาจี่โป่มไปตามประสา
แสงแดดที่ร้อนละอุผสมกับสายลมที่พัดให้ความเย็นฉ่ำ ถึงจะแดดพวกเธอก็ไม่ระคายผิว สนุกกันอย่างเดียว ยิ่งขุดได้ตัวจี่โป่มยิ่งตื่นเต้นดีใจ ตอนนี้ก้อนเมฆได้เคลื่อนที่เข้ามาบดบังดวงอาทิตย์เอาไว้ ทำให้ท้องนาบริเวณนี้ร่มไปชั่วขณะ
“เอื้อยพิมพ์เบิ่งเทวดาลำเอียง” น้องบีมพูดพร้อมชี้นิ้วไปยังท้องฟ้าให้พิมพ์ดู เธอกับแพรวก็หันมองตาม “หม่องเฮาอยู่ฮ่ม หม่องเพิ่นดำนาแดดเสย ฮ่า เทวดาเข้าข้างเฮา” น้องบีมกล่าวปนยิ้ม ตามเนื้อตัวเปื้อนไปด้วยดินแต่ก็ยังสนุกร่าเริง
ตรงที่พวกเธออยู่ตอนนี้กำลังร่ม เนื่องจากมีเมฆก้อนเล็ก ๆ เคลื่อนตัวมาบังพระอาทิตย์เอาไว้ ทว่ากลางทุ่งไกล ๆ นู้นกลับมีแสงแดดเจิดจ้า แต่พอน้องบีมพูดได้ไม่ทันขาดคำ ก้อนเมฆก็เคลื่อนตัวลอยไปจากพระอาทิตย์ตามแรงลม ทำให้กลับมาแดดเช่นเดิม
“น้องบีมบ่น่าท้วงเลย! เห็นบ่ซุมเฮาแดดเลย พุ่นทางเพิ่นฮ่มล่ะ” แพรวแซวน้องบีม ก่อนจะก้มหน้าก้มตาขุดจี่โป่มกันต่อ
น้องบีมทำหน้าที่หาขวยของจี่โป่มให้พวกเธอ พอหาเจอแล้วก็นำต้นมันสำปะหลังมาปักทำเป็นเครื่องหมายเอาไว้ พวกเธอขุดเจอบ้างไม่เจอบ้างก็ปล่อยไป ตอนนี้ในข้องน่าจะมีจี่โป่มประมาณสิบตัวได้
“น้องบีมอยากน้ำบ่ อยากน้ำบอกเด้อ” พิมพ์เอ่ยถามน้องสาวของเธอ นี่ก็ใช้เวลาอยู่ที่นี่นานแล้วน้องบีมน่าจะหิว เธอเองก็ไม่ต่างกัน น้องบีมพยักหน้าให้พิมพ์
“ไปกินน้ำปะขั้น บอสน้ำอยู่เถียงมืงมีบ่” พิมพ์หันมาถามเธอ