.
คำเตือน : เราเตือนคุณแล้วนะ คุณไม่ฟังเอง!!! บทนี้มีภาษาถิ่นปนมาเยอะค่ะ เกิน 50% ของพล็อต ใครที่ไม่ชอบไม่ต้องเลื่อนลงไปอ่านให้เสียอารมณ์นะคะ
ไดอารี่ความคิดถึง
ในที่สุดก็มาถึงวันที่บอสรอคอยที่จะได้กลับบ้าน คิดถึงยายกับตา คิดถึงพิมพ์กับแพรวและจ๋อม คิดถึงพี่ ๆ คิดถึงบ้าน วันที่ 10 เมษายนพ่อกับแม่พาออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ ตีสี่ล้อหมุนทว่ารถก็ติดเหมือนเดิม
ออกเดินทางเวลาไหน ๆ รถก็ติดเหมือนเดิม มาถึงบ้านราว ๆ สี่โมงห้าโมงเย็นได้ เทศกาลแบบนี้พี่ ๆ ทั้งสี่คนกลับไปนอนบ้านใครบ้านมัน ช่วงเวลานี้ก็จะมีแค่พวกเธอสองพี่น้อง พ่อแม่ ยายและตา
12 เมษายน
“ยายทำน้ำหอมให้บอสหน่อย บอสจะเอาพระไปสรงน้ำที่วัด” ห้าโมงเย็นบอสกลับมาจากเล่นที่บ้านของพิมพ์กับแพรว ขอให้ยายทำน้ำหอมให้ วันนี้วันเอาพระลง หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสรงน้ำพระ บอสนัดกันกับเพื่อน ๆ ไว้แล้ว จะนำพระพุทธรูปไปสรงน้ำพระที่วัด เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนาน
ที่เรียกว่าวันเอาพระลง ก็เพราะว่า วันที่ 12 เมษายนของทุกปี ทุกบ้านจะต้องนำพระพุทธรูปลงมาจากหิ้งพระ เพื่อนำไปรวมกันที่วัด ทางวัดจะทำพิธีสรงน้ำให้ ชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากองค์พระ หรือถ้าเรียกแบบสามัญชนคนธรรมดา ก็คือการอาบน้ำนั่นเอง โดยทำน้ำหอมหรือน้ำอบขึ้นมา ใครมีพระหลายองค์นำไปแค่องค์เดียว แล้วค่อยนำน้ำหอมที่ทางวัดให้มาสรงองค์ที่บ้านต่อ
“ไปขุดขมิ้นมาไป หว่านหอมด้วย” ยายบอกเธอ บอสไม่รีรอนำเสียมไปขุดหว่านหอมและขมิ้นตามที่ยายบอก ยายปลูกไว้ข้างบ้าน “น้องไปไหน ไม่ไปเรียกน้องไปสรงน้ำพระที่วัดด้วยเหรอ” ยายถามต่อเมื่อไม่เห็นหลานคนเล็กมาทำน้ำหอม
“แม่ บีมไปไหน” บอสไม่ตอบยาย แต่ตะโกนถามแม่แทน “แม่เอาพระลงมาจากหิ้งให้บอสหน่อย บอสจะไปสรงน้ำน่ะ” ตะโกนใช้แม่ต่อ ส่วนตนเองนั่งขุดหว่านหอมกับขมิ้นให้ยาย ขุดเอาแค่แง่งสองแง่งก็พอ ใส่พอเป็นพิธี
“ยายทำน้ำหอมให้น้องบีมหน่อย น้องบีมจะไปสรงน้ำ” ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงน้องบีมตะโกนมาแต่ไกล ปั่นจักรยานเข้ามาในบ้านพร้อมตัวที่เปียกโชกด้วยน้ำ ไปเล่นน้ำกับเพื่อน ๆ ของตัวเองมา
“พี่ก็จะไป” บอสตอบน้องสาว ถือเสียมกับหว่านหอมเดินมาหน้าบ้าน ล้างน้ำเปล่าออกให้สะอาดแล้วนำมาให้ยาย ส่วนแม่นำพระพุทธรูปสององค์ลงมาให้พวกเธอ แม่นำพระใส่ขันเงินทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนจะไป
“ยายทำน้ำหอมใส่กระแป๋งนี้ให้น้องบีมด้วย”
“บีมมีกระแป๋งกี่อัน” บอสถาม พูดถึงเธอก็ยังไม่มีอะไรใส่น้ำหอมเลย ทีแรกกะว่าจะใส่ขันเงิน เห็นน้องบีมใส่กระแป๋งก็อยากเอาด้วย เพราะมันถือง่ายกว่า
“ใส่ด้วยกัน สรงด้วยกันนั่นแหละ ไปเอาน้ำมาใส่ ฝานหว่านหอมกับขมิ้นใส่ ฝานบาง ๆ นะโรยแป้งลงไปด้วยนิดหน่อยก็ได้ ไปเด็ดดอกคูณมาใส่ก็เป็นแล้วน้ำหอมน่ะ” ยายบอกขั้นตอนการทำน้ำหอม แล้วบอสก็ทำตามที่ยายบอก ก็ได้น้ำหอมไว้สำหรับสรงพระในเย็นนี้แล้ว รอแค่ผู้ใหญ่บ้านประกาศให้น้ำพระออกมารวมกันที่วัดก็เท่านั้นเอง
“ยายทำน้ำหอมให้บอมหน่อย” จู่ ๆ พี่บอมก็โผล่มาบ้านใหญ่ ถือพระพุทธรูปมาด้วยหนึ่งองค์ ใส่ขันเงินเหมือนของเธอ สงกรานต์ลุงกับป้ากลับมาจากกรุงเทพ พี่ ๆ กลับไปนอนบ้านของตัวเอง บ้านก็อยู่ห่างกันไม่ไกลกันนัก ยกเว้นก็แต่บ้านพี่ปาวพี่แป้งที่อยู่หมู่ 1 หรือคุ้มใต้ ไกลบ้านใหญ่พอสมควร
“นั่นเด้คำ แบ่งเอากะน้องนั่น” แม่บอกพี่บอมแบ่งเอากับเธอและน้องบีม
“หื่อ ! ทำเอาใหม่เลย ขมิ้นกับหว่านหอมก็เหลือ” บอสปฏิเสธ วัตถุดิบก็เหลือให้พี่ชายทำใหม่เลย จะมาขอแบ่งอะไร“บีมทำน้ำหอมให้พี่บอมหน่อย” บอสสั่งน้องสาวทำให้พี่ชาย
“น้องบีมทำให้”
“มีกระแป๋งน้อยอีกมั้ย” พี่บอมถาม เนื่องจากถือแค่ขันพระพุทธรูปมา ทว่าที่ใส่น้ำหอมไม่ได้ถือมาด้วย กะจะมาเอาที่บ้านเธอนี่แหละ “กระแป๋งเหมือนของน้องบีมอ่ะ”
“มี ๆ เดี๋ยวน้องบีมใส่น้ำมาให้” แล้วน้องสาวของเธอก็เดินหายเข้าไปในบ้าน หยิบกระแป๋งใบน้อยใส่น้ำมาพอประมาณ ฝานขมิ้นกับหว่านหอมใส่ โรยแป้งใส่ด้วยให้พี่ชาย แล้วก็นั่งเล่นคุยกันรอผู้ใหญ่บ้านประกาศให้ออกไปวัด
สองฝาแฝดออกมารวมตัวกันที่บ้านของเธอเพื่อรอเวลา ไม่นานก็ได้ยินเสียงตามสายประกาศให้ทุกคนนำพระมาสรงน้ำ ต้อนรับสงกรานต์ที่จะถึงในวันพรุ่งนี้
“นั่นเด้เพิ่นประกาศให้ออกไปแล้ว ดูพระของตัวเองดี ๆ เด้อ อย่าหลงเอาพระคนอื่นมานะ” ยายของเธอกำชับ พระที่เธอกับน้องบีมเตรียมไปสรงน้ำจะเป็นพระแก้วมรกต และองค์ ร.5
“จ้า” เธอตอบ แล้วทุกคนก็พากันเดินไปวัด ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของเธอแค่ไม่กี่หลัง บ้านของเธออยู่โซนคุ้มหน้าวัด หรือเรียกว่าประตูโขงวัดนั่นแหละ มาถึงพวกเธอขึ้นไปบนศาลาไม้ มีพระของแต่ละคนนำมาวางรวมกันไว้ก่อนแล้ว จำให้ดี ๆ ว่าของใครเป็นของใคร บอสกับน้องบีมและพี่ ๆ นำพระไปวางรวมกับคนอื่น ๆ รออีกสักหน่อยก็จะเป็นอันเริ่มพิธี
วันนี้ไม่มีอะไร แค่นำพระมาสรงน้ำนั่นแหละ พอสรงน้ำพระเสร็จ ก็จะเป็นการประเดิมสาดน้ำเล่นสงกรานต์ ใครที่มาสรงน้ำพระในวันนี้ต้องเป็นอันเปียกกันหมด เด็ก ๆ จะสนุกมาก โดยเฉพาะพวกเณรที่บวชภาคฤดูร้อน จะเล่นน้ำสนุกกว่าใคร ๆ มีการนำแคร่มาตั้งหน้าวัดเพื่อรอสาดน้ำด้วย หลวงตาก็ไม่ว่า
หลังจากนั้นก็สรงน้ำผู้ใหญ่ที่เราเคารพด้วย เมื่อสรงน้ำพระเสร็จ ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน บอสมีความคิดว่าชวนน้องบีมไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ดีกว่า ชวนสองฝาแฝดไปด้วย
บอสกับน้องบีมเอาพระพุทธรูปมาตั้งไว้หน้าบ้านให้แม่กับยายสรงต่อ พวกเธอหาคุถังใบใหญ่พอประมาณมาทำน้ำหอมอีก เพื่อจะนำไปรดน้ำดำหัวขอพรผู้ใหญ่อีกที “แม่ไปรดน้ำขอพรผู้เฒ่าก่อนเด้อ” บอสบอกแม่กับยาย
“ไปรดน้ำใหญ่เนาว์ด้วยนะ” ยายบอกเธอ เพราะตาเนาว์เป็นญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่คนเดียวของยาย ตาเนาว์เป็นคุณอาแท้ ๆ ของยาย
“ไปอยู่แล้ว” บอสตอบ พอทำน้ำหอมเสร็จ บอสกับน้องบีมก็ออกเดินสายรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่กันเลย ออกไปหาพิมพ์แพรวด้วย ก่อนไปพวกเธอก็ไม่ลืมรดน้ำขอพรกับยายกับตาและแม่ก่อน ส่วนพ่อไปบ้านย่าน้อยแต่เช้า เพราะพี่น้องของพ่อมาเยี่ยมบ้านเหมือนกัน จึงไปขลุกตัวอยู่ที่นั่น แม่ก็ไม่ว่าอะไร ปล่อยเป็นอิสระในวันสงกรานต์
อันดับแรกพวกเธอรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ในคุ้มของตัวเองก่อน ก็จะมียายสวยยายของนิน ยายแดง ยายใสอ้วน ยายเหี่ยน จากนั้นก็ไปคุ้มของย่าหรือคุ้มของพิมพ์กับแพรวนั่นแหละ
บอสกับน้องบีมช่วยกันหิ้วคุถังคนละข้างเดินมาชวนสองฝาแฝดให้ไปด้วยกัน ทั้งสองคนก็ไม่ขัดข้อง ตามไปด้วยกัน ทั้งสี่คนเดินไปขอรดน้ำดำหัวขอพรกับบ้านที่มีผู้สูงอายุที่คุ้นเคยกัน ซึ่งก็คือผู้สูงอายุภายในคุ้มนี่แหละ จะให้เดินรอบหมู่บ้านคงไม่ไหว
“ป้าต้อยย่าไปไหน” เมื่อพวกเธอมาถึงบ้านย่าแล้วไม่เห็นย่า เห็นแค่ป้าอยู่บ้านคนเดียวจึงถาม อุตส่าห์จะมาขอพรปีใหม่ย่าก็ไม่อยู่บ้าน ไปเล่นที่บ้านใครกัน
“อยู่บ้านย่าน้อย” ป้าต้อยตอบ ย่าน้อยชื่อน้อยแต่เป็นพี่สาวของย่า “พอดีเลยน่ะ พากันไปรดน้ำขอพรย่าน้อยด้วย ปู่ศักดิ์ก็อยู่ หลวงปู่สนก็อยู่” ป้าต้อยบอกให้พวกเธอไปบ้านนั้น ประจวบเหมาะกับพี่น้องของย่ามาพอดี
หลวงปู่สนเป็นน้องชายคนโตของย่า บวชเป็นพระเรื่อยมาตั้งแต่ภรรยาเสียจนปัจจุบัน ปู่ศักดิ์เป็นน้องชายคนเล็กของย่า เหลือกันอยู่สี่คนจากพี่น้องเกือบสิบคน
“ป้าต้อย ลูกย่าน้อยมามั้ย” บอสถามด้วยความลังเล เพราะลูก ๆ ของย่าน้อยรับราชการกันหมด เหมือนครอบครัวผู้ดีในความรู้สึกของเธอ ของหลาย ๆ คนในหมู่บ้านด้วย มันรู้สึกเกร็ง ๆ สนิทหน่อยก็คนที่ไม่ได้รับราชการ ซึ่งก็มีอยู่แค่คนเดียว คือคนที่อยู่บ้านกับย่าน้อยนั่นแหละ เป็นคนเลี้ยงดูปูเสื่อแม่ในตอนนี้ แต่ครอบครัวนั้นก็เหมือนครอบครัวผู้ดีอยู่ดี ไม่จำเป็นพวกเธอไม่ไปสุงสิง
ครอบครัวย่าน้อยผู้คนไม่ค่อยไปสุงสิงด้วยเท่าไหร่ เป็นครอบครัวของคนมีฐานะ นอกจากพี่น้องกันเอง ขนาดนั้นก็ยังไม่ค่อยไปพัวพัน มีย่าของเธอที่คอยไปมาหาสู่ ก็เพราะเป็นพี่น้องกันนั่นแหละ เหลือกันอยู่แค่นี้ อีกอย่างบ้านของย่าน้อยคือบ้านใหญ่ในสมัยก่อน คือบ้านที่มีพ่อแม่อยู่ ย่าน้อยเป็นคนดูแลพ่อแม่ในสมัยนั้น เวลารวมญาติพี่น้องที่เหลืออยู่ ญาติ ๆ ก็จะมาบ้านย่าน้อยกัน
ย่าน้อยก็ไม่ได้ถือตัวอะไร ทว่าผู้คนก็ไม่กล้าสุงสิงด้วย ภาพลักษณ์ของครอบครัวย่าน้อยคือตระกูลผู้ดีของหมู่บ้าน เหมือนว่าสมัยก่อนมีลูกบ้านนี้ที่ได้เรียนหนังสือกันอยู่ครอบครัวเดียว และอีกไม่กี่ครอบครัวในหมู่บ้านของเธอสมัยก่อน ๆ
“มา ! ครูปักษา ครูนิพนธ์ ครูกิ๋ม แพทย์หนุ่ยมาหมดแหละ ยกเว้นครูสมพงษ์มาไม่ได้ “ ป้าต้อยเล่นมุก ทำเอาพวกเธอสี่คนฮาลั่นบ้าน ที่บอกว่ายกเว้นครูสมพงษ์มาไม่ได้เพราะครูสมพงษ์เสียแล้วนั่นเอง
แพทย์หนุ่ยที่ป้าต้อยพูดถึงไม่ได้เป็นหมอรักษาคน แต่เป็นสัตวแพทย์ ก็เรียกแพทย์ไปอย่างนั้นแหละ บอสหันไปมองหน้าพี่สาวฝาแฝดเป็นเชิงคำถามว่าไปไหม แค่มองตาก็รู้ใจว่าทั้งสองคนก็ไม่อยากไปเช่นกัน
“โถ่ป้าต้อย !! ถ้าครูสมพงษ์มาหนิ หลอนเลยนะ ฮา” แพรวตอบทั้งพูดทั้งหัวเราะกัน “ป้าต้อยครูปักษา ครูนิพนธ์ ครูสมพงษ์เพิ่นมีชื่อเล่นกันมั้ย” นอกจากแพรวที่สงสัย เธอก็สงสัยด้วย เกิดมาจำความได้ก็ได้ยินคนเรียกชื่อลูกย่าน้อยแบบนี้กันแล้ว คนเป็นครูก็เรียกครูตามด้วยชื่อจริง สัตวแพทย์หนุ่ยก็แรกหมอหนุ่ยบ้าง แพทย์หนุ่ยบ้าง
“ก็ชื่อเรานั่นตั้ว ก็เรียกสมพงษ์ นิพนธ์มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว” ป้าต้อยชี้แจง ป้าต้อยซึ่งเกิดไล่เลี่ยกันกับครูนิพนธ์ เหมือนเธอกับพวกพี่ ๆ “ไปพากันไปโลดย่าอยู่นั่นล่ะ”
“งั้นบอสไม่ไปแล้ว รอย่าที่บ้านก็ได้ แฝด น้องบีม ไปบ้าตาเนาว์กันก่อนปะ” บอสเปลี่ยนแผนใหม่ ไม่กล้าไปหาย่าที่บ้านย่าน้อยแล้ว ลูก ๆ ของย่าน้อยมาบ้านทุกคนเลย ใครจะกล้าไปไม่ได้สนิทขนาดนั้น รู้สึกเกร็ง ๆ พิลึก
“ทีบ้านตาเนาว์ยังไป ไปหาย่าตัวเองไม่ไปน้อ บ้านตาเนาว์ตั้วยิ่งแขกเยอะ ลูกตาเนาว์มาครบทุกคนเหมือนกัน” ป้าต้อยบ่นที่พวกเธอปฏิเสธไปบ้านย่าน้อย “จะอายอะไร ญาติตัวเองทั้งนั้น”
“อยากอายตั้ว รอย่ากลับมาก็ได้ ไม่รีบ” บอสตอบ
“อายอะไรพ่อก็อยู่นั่น ย่าก็อยู่ ลุงวิทย์กับลุงบินก็อยู่นั้น “ ป้าต้อยโน้มน้าวพวกเธอไปรดน้ำดำหัวย่า ๆ ให้ได้ “ลุง ๆ แฮงอยากเห็นหน้าอยู่ เขาบ่เห็นจักเทือตั้งแต่ใหญ่มา” ป้าต้อยหมายถึงลูก ๆ ของย่าน้อยนั่นแหละ ความจริงก็รู้จักเคยเห็นหน้ากันมาบ้างตั้งแต่เป็นเด็ก นาน ๆ ลูก ๆ ของย่าน้อยจะมาที บวกกับพวกเธอไม่ค่อยไปสุงสิงด้วย จึงทำให้ไม่คุ้นเคย รู้สึกเหมือนไม่ใช่ญาติกันด้วยซ้ำ
“ย่าจะกลับง่ายมั้ยล่ะ หลานเรามาน้อ พี่อีฟพี่อ็อฟถามหาอยู่ ไม่ไปหาพี่ ” พี่อีฟกับพี่อ็อฟเป็นลูกของครูสมพงษ์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของพวกเธอนั่นแหละ แต่พวกเธอเรียกครู เพราะเขาเป็นครู คนทั้งหมู่บ้านเรียกครูกันหมด ตอนเด็ก ๆ เคยเล่นด้วยกัน และจำกันได้ดี
“มากันหมดเลยมั้ยป้าต้อย” พิมพ์ถาม พวกเธอนั่งบนแคร่ด้วยกันรอย่า ส่วนน้องบีมนั้นไกวเปลเล่นไม่สนใคร
“ครูกิ๋วมีลูกยังป้าต้อย” แพรวถามเพราะที่ผ่านมาทราบมาตลอดว่าครูกิ๋วยังไม่มีลูกเลย แต่แต่งงานไปนานแล้ว ญาติ ๆ เคยให้ขอเด็กมาเลี้ยงทำลูกอิจฉาแต่ครูกิ๋วก็ไม่ทำ ให้ลูกมาเอง ถ้าไม่มีก็คือไม่มี ไม่ได้ซีเรียสอยู่แล้ว ที่ถามเพราะหลายปีมานี้พวกเธอก็ไม่ได้เจอครูกิ๋วเลย
คิดถึง 2 บทที่ 48
.
คำเตือน : เราเตือนคุณแล้วนะ คุณไม่ฟังเอง!!! บทนี้มีภาษาถิ่นปนมาเยอะค่ะ เกิน 50% ของพล็อต ใครที่ไม่ชอบไม่ต้องเลื่อนลงไปอ่านให้เสียอารมณ์นะคะ
ไดอารี่ความคิดถึง
ในที่สุดก็มาถึงวันที่บอสรอคอยที่จะได้กลับบ้าน คิดถึงยายกับตา คิดถึงพิมพ์กับแพรวและจ๋อม คิดถึงพี่ ๆ คิดถึงบ้าน วันที่ 10 เมษายนพ่อกับแม่พาออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ ตีสี่ล้อหมุนทว่ารถก็ติดเหมือนเดิม
ออกเดินทางเวลาไหน ๆ รถก็ติดเหมือนเดิม มาถึงบ้านราว ๆ สี่โมงห้าโมงเย็นได้ เทศกาลแบบนี้พี่ ๆ ทั้งสี่คนกลับไปนอนบ้านใครบ้านมัน ช่วงเวลานี้ก็จะมีแค่พวกเธอสองพี่น้อง พ่อแม่ ยายและตา
12 เมษายน
“ยายทำน้ำหอมให้บอสหน่อย บอสจะเอาพระไปสรงน้ำที่วัด” ห้าโมงเย็นบอสกลับมาจากเล่นที่บ้านของพิมพ์กับแพรว ขอให้ยายทำน้ำหอมให้ วันนี้วันเอาพระลง หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสรงน้ำพระ บอสนัดกันกับเพื่อน ๆ ไว้แล้ว จะนำพระพุทธรูปไปสรงน้ำพระที่วัด เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนาน
ที่เรียกว่าวันเอาพระลง ก็เพราะว่า วันที่ 12 เมษายนของทุกปี ทุกบ้านจะต้องนำพระพุทธรูปลงมาจากหิ้งพระ เพื่อนำไปรวมกันที่วัด ทางวัดจะทำพิธีสรงน้ำให้ ชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากองค์พระ หรือถ้าเรียกแบบสามัญชนคนธรรมดา ก็คือการอาบน้ำนั่นเอง โดยทำน้ำหอมหรือน้ำอบขึ้นมา ใครมีพระหลายองค์นำไปแค่องค์เดียว แล้วค่อยนำน้ำหอมที่ทางวัดให้มาสรงองค์ที่บ้านต่อ
“ไปขุดขมิ้นมาไป หว่านหอมด้วย” ยายบอกเธอ บอสไม่รีรอนำเสียมไปขุดหว่านหอมและขมิ้นตามที่ยายบอก ยายปลูกไว้ข้างบ้าน “น้องไปไหน ไม่ไปเรียกน้องไปสรงน้ำพระที่วัดด้วยเหรอ” ยายถามต่อเมื่อไม่เห็นหลานคนเล็กมาทำน้ำหอม
“แม่ บีมไปไหน” บอสไม่ตอบยาย แต่ตะโกนถามแม่แทน “แม่เอาพระลงมาจากหิ้งให้บอสหน่อย บอสจะไปสรงน้ำน่ะ” ตะโกนใช้แม่ต่อ ส่วนตนเองนั่งขุดหว่านหอมกับขมิ้นให้ยาย ขุดเอาแค่แง่งสองแง่งก็พอ ใส่พอเป็นพิธี
“ยายทำน้ำหอมให้น้องบีมหน่อย น้องบีมจะไปสรงน้ำ” ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงน้องบีมตะโกนมาแต่ไกล ปั่นจักรยานเข้ามาในบ้านพร้อมตัวที่เปียกโชกด้วยน้ำ ไปเล่นน้ำกับเพื่อน ๆ ของตัวเองมา
“พี่ก็จะไป” บอสตอบน้องสาว ถือเสียมกับหว่านหอมเดินมาหน้าบ้าน ล้างน้ำเปล่าออกให้สะอาดแล้วนำมาให้ยาย ส่วนแม่นำพระพุทธรูปสององค์ลงมาให้พวกเธอ แม่นำพระใส่ขันเงินทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนจะไป
“ยายทำน้ำหอมใส่กระแป๋งนี้ให้น้องบีมด้วย”
“บีมมีกระแป๋งกี่อัน” บอสถาม พูดถึงเธอก็ยังไม่มีอะไรใส่น้ำหอมเลย ทีแรกกะว่าจะใส่ขันเงิน เห็นน้องบีมใส่กระแป๋งก็อยากเอาด้วย เพราะมันถือง่ายกว่า
“ใส่ด้วยกัน สรงด้วยกันนั่นแหละ ไปเอาน้ำมาใส่ ฝานหว่านหอมกับขมิ้นใส่ ฝานบาง ๆ นะโรยแป้งลงไปด้วยนิดหน่อยก็ได้ ไปเด็ดดอกคูณมาใส่ก็เป็นแล้วน้ำหอมน่ะ” ยายบอกขั้นตอนการทำน้ำหอม แล้วบอสก็ทำตามที่ยายบอก ก็ได้น้ำหอมไว้สำหรับสรงพระในเย็นนี้แล้ว รอแค่ผู้ใหญ่บ้านประกาศให้น้ำพระออกมารวมกันที่วัดก็เท่านั้นเอง
“ยายทำน้ำหอมให้บอมหน่อย” จู่ ๆ พี่บอมก็โผล่มาบ้านใหญ่ ถือพระพุทธรูปมาด้วยหนึ่งองค์ ใส่ขันเงินเหมือนของเธอ สงกรานต์ลุงกับป้ากลับมาจากกรุงเทพ พี่ ๆ กลับไปนอนบ้านของตัวเอง บ้านก็อยู่ห่างกันไม่ไกลกันนัก ยกเว้นก็แต่บ้านพี่ปาวพี่แป้งที่อยู่หมู่ 1 หรือคุ้มใต้ ไกลบ้านใหญ่พอสมควร
“นั่นเด้คำ แบ่งเอากะน้องนั่น” แม่บอกพี่บอมแบ่งเอากับเธอและน้องบีม
“หื่อ ! ทำเอาใหม่เลย ขมิ้นกับหว่านหอมก็เหลือ” บอสปฏิเสธ วัตถุดิบก็เหลือให้พี่ชายทำใหม่เลย จะมาขอแบ่งอะไร“บีมทำน้ำหอมให้พี่บอมหน่อย” บอสสั่งน้องสาวทำให้พี่ชาย
“น้องบีมทำให้”
“มีกระแป๋งน้อยอีกมั้ย” พี่บอมถาม เนื่องจากถือแค่ขันพระพุทธรูปมา ทว่าที่ใส่น้ำหอมไม่ได้ถือมาด้วย กะจะมาเอาที่บ้านเธอนี่แหละ “กระแป๋งเหมือนของน้องบีมอ่ะ”
“มี ๆ เดี๋ยวน้องบีมใส่น้ำมาให้” แล้วน้องสาวของเธอก็เดินหายเข้าไปในบ้าน หยิบกระแป๋งใบน้อยใส่น้ำมาพอประมาณ ฝานขมิ้นกับหว่านหอมใส่ โรยแป้งใส่ด้วยให้พี่ชาย แล้วก็นั่งเล่นคุยกันรอผู้ใหญ่บ้านประกาศให้ออกไปวัด
สองฝาแฝดออกมารวมตัวกันที่บ้านของเธอเพื่อรอเวลา ไม่นานก็ได้ยินเสียงตามสายประกาศให้ทุกคนนำพระมาสรงน้ำ ต้อนรับสงกรานต์ที่จะถึงในวันพรุ่งนี้
“นั่นเด้เพิ่นประกาศให้ออกไปแล้ว ดูพระของตัวเองดี ๆ เด้อ อย่าหลงเอาพระคนอื่นมานะ” ยายของเธอกำชับ พระที่เธอกับน้องบีมเตรียมไปสรงน้ำจะเป็นพระแก้วมรกต และองค์ ร.5
“จ้า” เธอตอบ แล้วทุกคนก็พากันเดินไปวัด ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของเธอแค่ไม่กี่หลัง บ้านของเธออยู่โซนคุ้มหน้าวัด หรือเรียกว่าประตูโขงวัดนั่นแหละ มาถึงพวกเธอขึ้นไปบนศาลาไม้ มีพระของแต่ละคนนำมาวางรวมกันไว้ก่อนแล้ว จำให้ดี ๆ ว่าของใครเป็นของใคร บอสกับน้องบีมและพี่ ๆ นำพระไปวางรวมกับคนอื่น ๆ รออีกสักหน่อยก็จะเป็นอันเริ่มพิธี
วันนี้ไม่มีอะไร แค่นำพระมาสรงน้ำนั่นแหละ พอสรงน้ำพระเสร็จ ก็จะเป็นการประเดิมสาดน้ำเล่นสงกรานต์ ใครที่มาสรงน้ำพระในวันนี้ต้องเป็นอันเปียกกันหมด เด็ก ๆ จะสนุกมาก โดยเฉพาะพวกเณรที่บวชภาคฤดูร้อน จะเล่นน้ำสนุกกว่าใคร ๆ มีการนำแคร่มาตั้งหน้าวัดเพื่อรอสาดน้ำด้วย หลวงตาก็ไม่ว่า
หลังจากนั้นก็สรงน้ำผู้ใหญ่ที่เราเคารพด้วย เมื่อสรงน้ำพระเสร็จ ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน บอสมีความคิดว่าชวนน้องบีมไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ดีกว่า ชวนสองฝาแฝดไปด้วย
บอสกับน้องบีมเอาพระพุทธรูปมาตั้งไว้หน้าบ้านให้แม่กับยายสรงต่อ พวกเธอหาคุถังใบใหญ่พอประมาณมาทำน้ำหอมอีก เพื่อจะนำไปรดน้ำดำหัวขอพรผู้ใหญ่อีกที “แม่ไปรดน้ำขอพรผู้เฒ่าก่อนเด้อ” บอสบอกแม่กับยาย
“ไปรดน้ำใหญ่เนาว์ด้วยนะ” ยายบอกเธอ เพราะตาเนาว์เป็นญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่คนเดียวของยาย ตาเนาว์เป็นคุณอาแท้ ๆ ของยาย
“ไปอยู่แล้ว” บอสตอบ พอทำน้ำหอมเสร็จ บอสกับน้องบีมก็ออกเดินสายรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่กันเลย ออกไปหาพิมพ์แพรวด้วย ก่อนไปพวกเธอก็ไม่ลืมรดน้ำขอพรกับยายกับตาและแม่ก่อน ส่วนพ่อไปบ้านย่าน้อยแต่เช้า เพราะพี่น้องของพ่อมาเยี่ยมบ้านเหมือนกัน จึงไปขลุกตัวอยู่ที่นั่น แม่ก็ไม่ว่าอะไร ปล่อยเป็นอิสระในวันสงกรานต์
อันดับแรกพวกเธอรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ในคุ้มของตัวเองก่อน ก็จะมียายสวยยายของนิน ยายแดง ยายใสอ้วน ยายเหี่ยน จากนั้นก็ไปคุ้มของย่าหรือคุ้มของพิมพ์กับแพรวนั่นแหละ
บอสกับน้องบีมช่วยกันหิ้วคุถังคนละข้างเดินมาชวนสองฝาแฝดให้ไปด้วยกัน ทั้งสองคนก็ไม่ขัดข้อง ตามไปด้วยกัน ทั้งสี่คนเดินไปขอรดน้ำดำหัวขอพรกับบ้านที่มีผู้สูงอายุที่คุ้นเคยกัน ซึ่งก็คือผู้สูงอายุภายในคุ้มนี่แหละ จะให้เดินรอบหมู่บ้านคงไม่ไหว
“ป้าต้อยย่าไปไหน” เมื่อพวกเธอมาถึงบ้านย่าแล้วไม่เห็นย่า เห็นแค่ป้าอยู่บ้านคนเดียวจึงถาม อุตส่าห์จะมาขอพรปีใหม่ย่าก็ไม่อยู่บ้าน ไปเล่นที่บ้านใครกัน
“อยู่บ้านย่าน้อย” ป้าต้อยตอบ ย่าน้อยชื่อน้อยแต่เป็นพี่สาวของย่า “พอดีเลยน่ะ พากันไปรดน้ำขอพรย่าน้อยด้วย ปู่ศักดิ์ก็อยู่ หลวงปู่สนก็อยู่” ป้าต้อยบอกให้พวกเธอไปบ้านนั้น ประจวบเหมาะกับพี่น้องของย่ามาพอดี
หลวงปู่สนเป็นน้องชายคนโตของย่า บวชเป็นพระเรื่อยมาตั้งแต่ภรรยาเสียจนปัจจุบัน ปู่ศักดิ์เป็นน้องชายคนเล็กของย่า เหลือกันอยู่สี่คนจากพี่น้องเกือบสิบคน
“ป้าต้อย ลูกย่าน้อยมามั้ย” บอสถามด้วยความลังเล เพราะลูก ๆ ของย่าน้อยรับราชการกันหมด เหมือนครอบครัวผู้ดีในความรู้สึกของเธอ ของหลาย ๆ คนในหมู่บ้านด้วย มันรู้สึกเกร็ง ๆ สนิทหน่อยก็คนที่ไม่ได้รับราชการ ซึ่งก็มีอยู่แค่คนเดียว คือคนที่อยู่บ้านกับย่าน้อยนั่นแหละ เป็นคนเลี้ยงดูปูเสื่อแม่ในตอนนี้ แต่ครอบครัวนั้นก็เหมือนครอบครัวผู้ดีอยู่ดี ไม่จำเป็นพวกเธอไม่ไปสุงสิง
ครอบครัวย่าน้อยผู้คนไม่ค่อยไปสุงสิงด้วยเท่าไหร่ เป็นครอบครัวของคนมีฐานะ นอกจากพี่น้องกันเอง ขนาดนั้นก็ยังไม่ค่อยไปพัวพัน มีย่าของเธอที่คอยไปมาหาสู่ ก็เพราะเป็นพี่น้องกันนั่นแหละ เหลือกันอยู่แค่นี้ อีกอย่างบ้านของย่าน้อยคือบ้านใหญ่ในสมัยก่อน คือบ้านที่มีพ่อแม่อยู่ ย่าน้อยเป็นคนดูแลพ่อแม่ในสมัยนั้น เวลารวมญาติพี่น้องที่เหลืออยู่ ญาติ ๆ ก็จะมาบ้านย่าน้อยกัน
ย่าน้อยก็ไม่ได้ถือตัวอะไร ทว่าผู้คนก็ไม่กล้าสุงสิงด้วย ภาพลักษณ์ของครอบครัวย่าน้อยคือตระกูลผู้ดีของหมู่บ้าน เหมือนว่าสมัยก่อนมีลูกบ้านนี้ที่ได้เรียนหนังสือกันอยู่ครอบครัวเดียว และอีกไม่กี่ครอบครัวในหมู่บ้านของเธอสมัยก่อน ๆ
“มา ! ครูปักษา ครูนิพนธ์ ครูกิ๋ม แพทย์หนุ่ยมาหมดแหละ ยกเว้นครูสมพงษ์มาไม่ได้ “ ป้าต้อยเล่นมุก ทำเอาพวกเธอสี่คนฮาลั่นบ้าน ที่บอกว่ายกเว้นครูสมพงษ์มาไม่ได้เพราะครูสมพงษ์เสียแล้วนั่นเอง
แพทย์หนุ่ยที่ป้าต้อยพูดถึงไม่ได้เป็นหมอรักษาคน แต่เป็นสัตวแพทย์ ก็เรียกแพทย์ไปอย่างนั้นแหละ บอสหันไปมองหน้าพี่สาวฝาแฝดเป็นเชิงคำถามว่าไปไหม แค่มองตาก็รู้ใจว่าทั้งสองคนก็ไม่อยากไปเช่นกัน
“โถ่ป้าต้อย !! ถ้าครูสมพงษ์มาหนิ หลอนเลยนะ ฮา” แพรวตอบทั้งพูดทั้งหัวเราะกัน “ป้าต้อยครูปักษา ครูนิพนธ์ ครูสมพงษ์เพิ่นมีชื่อเล่นกันมั้ย” นอกจากแพรวที่สงสัย เธอก็สงสัยด้วย เกิดมาจำความได้ก็ได้ยินคนเรียกชื่อลูกย่าน้อยแบบนี้กันแล้ว คนเป็นครูก็เรียกครูตามด้วยชื่อจริง สัตวแพทย์หนุ่ยก็แรกหมอหนุ่ยบ้าง แพทย์หนุ่ยบ้าง
“ก็ชื่อเรานั่นตั้ว ก็เรียกสมพงษ์ นิพนธ์มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว” ป้าต้อยชี้แจง ป้าต้อยซึ่งเกิดไล่เลี่ยกันกับครูนิพนธ์ เหมือนเธอกับพวกพี่ ๆ “ไปพากันไปโลดย่าอยู่นั่นล่ะ”
“งั้นบอสไม่ไปแล้ว รอย่าที่บ้านก็ได้ แฝด น้องบีม ไปบ้าตาเนาว์กันก่อนปะ” บอสเปลี่ยนแผนใหม่ ไม่กล้าไปหาย่าที่บ้านย่าน้อยแล้ว ลูก ๆ ของย่าน้อยมาบ้านทุกคนเลย ใครจะกล้าไปไม่ได้สนิทขนาดนั้น รู้สึกเกร็ง ๆ พิลึก
“ทีบ้านตาเนาว์ยังไป ไปหาย่าตัวเองไม่ไปน้อ บ้านตาเนาว์ตั้วยิ่งแขกเยอะ ลูกตาเนาว์มาครบทุกคนเหมือนกัน” ป้าต้อยบ่นที่พวกเธอปฏิเสธไปบ้านย่าน้อย “จะอายอะไร ญาติตัวเองทั้งนั้น”
“อยากอายตั้ว รอย่ากลับมาก็ได้ ไม่รีบ” บอสตอบ
“อายอะไรพ่อก็อยู่นั่น ย่าก็อยู่ ลุงวิทย์กับลุงบินก็อยู่นั้น “ ป้าต้อยโน้มน้าวพวกเธอไปรดน้ำดำหัวย่า ๆ ให้ได้ “ลุง ๆ แฮงอยากเห็นหน้าอยู่ เขาบ่เห็นจักเทือตั้งแต่ใหญ่มา” ป้าต้อยหมายถึงลูก ๆ ของย่าน้อยนั่นแหละ ความจริงก็รู้จักเคยเห็นหน้ากันมาบ้างตั้งแต่เป็นเด็ก นาน ๆ ลูก ๆ ของย่าน้อยจะมาที บวกกับพวกเธอไม่ค่อยไปสุงสิงด้วย จึงทำให้ไม่คุ้นเคย รู้สึกเหมือนไม่ใช่ญาติกันด้วยซ้ำ
“ย่าจะกลับง่ายมั้ยล่ะ หลานเรามาน้อ พี่อีฟพี่อ็อฟถามหาอยู่ ไม่ไปหาพี่ ” พี่อีฟกับพี่อ็อฟเป็นลูกของครูสมพงษ์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของพวกเธอนั่นแหละ แต่พวกเธอเรียกครู เพราะเขาเป็นครู คนทั้งหมู่บ้านเรียกครูกันหมด ตอนเด็ก ๆ เคยเล่นด้วยกัน และจำกันได้ดี
“มากันหมดเลยมั้ยป้าต้อย” พิมพ์ถาม พวกเธอนั่งบนแคร่ด้วยกันรอย่า ส่วนน้องบีมนั้นไกวเปลเล่นไม่สนใคร
“ครูกิ๋วมีลูกยังป้าต้อย” แพรวถามเพราะที่ผ่านมาทราบมาตลอดว่าครูกิ๋วยังไม่มีลูกเลย แต่แต่งงานไปนานแล้ว ญาติ ๆ เคยให้ขอเด็กมาเลี้ยงทำลูกอิจฉาแต่ครูกิ๋วก็ไม่ทำ ให้ลูกมาเอง ถ้าไม่มีก็คือไม่มี ไม่ได้ซีเรียสอยู่แล้ว ที่ถามเพราะหลายปีมานี้พวกเธอก็ไม่ได้เจอครูกิ๋วเลย