.
มาย้อนวันวานกัน… ทุก ๆ คนไม่ว่าจะอยู่ภูมิภาคไหน ๆ ตอนเด็กคงหนีไม่พ้นเรื่องเล่นขายของ ไม่ว่าจะเล่นพ่อแม่ลูก พ่อค้าแม่ขาย หรือ อื่น ๆ ก็ว่ากันไป ตามจินตนาการตอนเด็กของเรา ฉันเองก็เหมือนกัน และฉันก็รู้ว่าคุณก็เคย
นึกย้อนกลับไปดูตัวเองในตอนนั้น ก็ตลกดีเหมือนกัน ฮา.. เห็นภาพเด็กน้อยคนหนึ่งกับเพื่อน ๆ กำลังเล่นขายของกันอยู่ (เล่นของเฮือนน้อย ภาษาอีสาน) ตลก… มองย้อนกลับไปมันก็มีความสุข อย่างน้อย ๆ ก็ได้หัวเราะคนเดียวล่ะ และ อาจจะได้พูดว่า ‘ทำไปได้ยังไงวะ’ ก็ได้
ไม่ได้ชวนให้จมอยู่กับอดีต แต่ว่าหากลองนึกถึงเล่น ๆ บางครั้งวันวานมันก็สร้างรอยยิ้มและความสุขให้เรา เมื่อนึกถึง…
เรื่องมีอยู่ว่า…
หลังจากพายุฤดูร้อนพัดทล่มหมู่บ้านของเธอ วันเวลาผ่านไป เหตุการณ์สงบ บ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย ก็ได้รับเงินเยียวยาไป ป้าของเธอก็ได้เงินซ่อมหลังคาบ้านใหม่
พายุสงบเดือนมีนาคมก็กลับมาแดดและร้อนเช่นเดิม ยายก็บ่นร้อนอบอ้าวเหมือนเดิม บ่นทุกวัน! วันนี้บอสชวนน้องบีมไปเล่นกับพิมพ์แพรว บอสบอกกับยายว่า จะกินข้าวเที่ยงที่บ้านของย่าเลย ไม่ต้องตามตัว ยายก็ไม่ห้าม เพียงกำชับว่าห้ามไปเล่นบ้านคนอื่น และ ห้ามไปนั่งเฝ้าคนอื่นทานข้าวก็พอ
สาย ๆ วันนี้บอสกับน้องบีมเดินจูงมือกันไปบ้านของสองฝาแฝด ช่วงปิดเทอมน้องบีมคือเพื่อนที่ดีที่สุด รายนั้นก็ไม่ยอมไปเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน ชวนไปไหนน้องบีมไปด้วยเสมอ
มาถึงเห็นทั้งสองคนกำลังเปิดดูทีวีในบ้าน พี่เจพี่ชายของสองฝาแฝดอยู่ด้วย ส่วนลุงกับป้าไปขายของตลาดเช้าตั้งแต่เช้ายังไม่ทันกลับมา
ลุงกับป้ากล้าปล่อยให้พี่ ๆ ทั้งสามคนอยู่บ้านกันเอง เนื่องจากมีย่าคอยดูแลแทนอยู่แล้ว ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น ถึงอยู่คนละบ้าน ทว่าบ้านก็อยู่ตรงข้ามกัน ลุงวิทย์กับป้าแพงฝากสองฝาแฝดกับพี่เจไว้กับย่าเสมอ
“เอื้อยแพรวเอื้อยพิมพ์เฮ็ดหยัง” น้องบีมเอ่ยถามสองฝาแฝด น้องบีมเดินเข้าไปหาทั้งสามคนในบ้าน ส่วนเธอมาถึงก็นั่งไกวเปลที่หน้าบ้าน ไม่เข้าไปหาทั้งสองคน เบื่อดูทีวีนั่งไกวเปลรับลมเย็น ๆ มองรถวิ่งผ่านไปผ่านมาสนุกกว่าตั้งเยอะ
“เบิ่งหนัง! มาแหมะเข้ามาเบิ่งนำอ้ายอี่หยอง มาคนเดียวบ่ เอื้อยบอสไปไส” บอสได้ยินเสียงของพี่เจตอบน้องบีม แล้วน้องบีมก็ถอดรองเท้าเดินเข้าไปหาทั้งสามคน เสียงทีวีดังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินถึงด้านนอก บอสไม่ได้ดูด้วยแค่ฟังเสียงทีวีก็เหมือนได้ดูไปกับพี่ ๆ
“บอสไกวอู่อยู่ข้างนอกอ้ายเจ” บอสร้องตอบพี่ชาย จากนั้นก็เงียบไป บอสไม่สนใจที่จะเข้าไปดูทีวีในบ้านกับพี่ ๆ สักนิด นั่งไกวเปลรับลมสบาย ๆ ที่หน้าบ้านคนเดียว ชอบใจนักเวลานี้ไม่มีใครมาแย่งนั่ง
บ้านของสองฝาแฝด ข้างบ้านลุงวิทย์จะต่อหลังคาทำเป็นโรงจอดรถ มีรถควายเหล็กจอดอยู่หนึ่งคัน สาย ๆ ลุงวิทย์กลับมาจากขายของก็จะนำรถยนต์มาจอดในนี้
ถัดไปเป็นยุ้งข้าวที่ไม่สูงนัก มีชานออกมาพอให้ยืนได้ บอสเพียงกวาดตามองรอบ ๆ บ้านเท่านั้น ไม่ได้นึกอยากเล่นอะไร เพียงนึกว่าวันนี้จะชวนสองฝาแฝดกับน้องบีมแอบไปเล่นกับจ๋อม ปิดเทอมแล้วไม่ได้เล่นด้วยกันเลย
“ไกวแฮงหลายล่ะ สายพานพาขาดแอวหักเด้อ” ย่าทัก บอสเห็นย่าเดินข้ามฝากมาแล้วล่ะ แต่ไม่นึกสนใจ บอสหัวเราะให้กับย่า ไกวเปลต่อไปอย่างอารมณ์ดี ความเร็วในการไกวเปลก็เท่าเดิม ไม่มีท่าทีว่าจะกลัวสายพานขาด ตามคำเตือนของย่าสักนิด ย่ากำลังก้ม ๆ เงย ๆ ทำอะไรสักอย่างกับรั้วไม้ไผ่ของลุงวิทย์
“ใหญ่นงค์เฮ็ดหยังน่ะ” บอสถามด้วยความอยากรู้ เห็นย่าลูบ ๆ คลำ ๆ ไม้ไผ่อยู่อย่างนั้น บางครั้งมือก็สาวหญ้าขึ้นมา ถอนหญ้าที่มันเกิดบริเวณเสารั้วด้วย
“เบิ่งมอดซือ ๆ หนิแหล่ว สูอย่าพากันมานั่งฮั้วเด้อหนิ มอดจอแล้ว มันสิพาหัก ซุมนั่นตื่นแล้วบ่” ย่าตอบ ที่แท้ย่าก็เดินมาสอดส่องดูพิมพ์กับแพรวกับพี่เจ “เจ! แพรว! พิมพ์! เฮ็ดหยังเดี๋ยวหนิมาบ่ไปหากินข้าวเช้า เทือพ่อแม่สูสิมานั่น พาน้องไปหากินข้าวแหมะ” ย่าตะโกนเข้าไปในบ้าน
“ใหญ่นงค์น้องบีมกินข้าวแล้ว” คนที่วิ่งออกมาตอบคือน้องสาวของเธอเอง น้องบีมยืนพิงประตูบ้านคุยกับย่า
“กินแล้วกะไปกินอีกกะได้ตั้วมาสิยาก แนวกินบักหลายนึง” ย่าคุยกับหลานสาวคนเล็ก น้องบีมยืนคุยกับย่าที่หน้าประตูบ้าน
“บ่! บ่อยาก คนกินแล้วน้อ” น้องบีมต่อปากต่อคำ “อ้ายเจไปกินข้าว เอื้อยพิมพ์เอื้อยแพรวใหญ่นงค์บอกไปกินข้าวแหมะ” น้องบีมหันหลังกลับไปเท้าสะเอวบอกพี่ ๆ ทั้งสามคนไปทานข้าว
“ปะบอสไปกินข้าว” พิมพ์ชวนเธอ สองฝาแฝดและพี่เจต่างลุกปิดทีวีปิดบ้านและชวนเธอไปที่บ้านของย่า เพื่อไปทานข้าวเช้าที่นั่น เธอกับน้องบีมตามไปด้วย แต่ว่าไม่ขอทานข้าวเช้าด้วยเนื่องจากทานมาแล้ว
พวกเธอสองคนพี่น้องนั่งไกวเปลดูพี่ ๆ และย่าทานข้าวเช้ากัน ลุงบินกับป้าต้อยไปที่สวนแต่เช้า น้องบีมวิ่งเข้าวิ่งออก เข้าไปทานข้าวกับพี่ ๆ และย่าด้วยบ้าง ย่าก็ไม่ว่าปล่อยให้เล่นได้ตามสบาย
“นั่งกินดี ๆ แนอย่าเที่ยวเข้าเที่ยวออกหลาย กินอิ่ม ๆ จังลุก”
“เอ๋า… น้องบีมอิ่มแล้ว น้องบีมชิมจิ้งหรีดซือ ๆ” ย่ากับน้องบีมคุยกันเจื้อยแจ้ว ไม่มีใครบ่นน้องบีมเลยสักคน บอสเพียงมองน้องสาวเงียบ ๆ อยู่บนเปล
พี่โจกับพี่กอล์ฟก็ทานข้าวเช้าด้วยกัน ทุก ๆ วันสองฝาแฝดและพี่เจจะมาทานข้าวที่นี่ เว้นเสียแต่ว่าวันที่ลุงวิทย์กับป้าแพงไม่ได้ไปตลาดเช้า ถ้าเป็นวันเปิดเทอม ย่าก็จะมาเรียกเช้ากว่าวันนี้ เพราะเป็นช่วงปิดเทอม ย่าจึงปล่อยให้สาย ๆ ได้
หลังทานข้าวเสร็จพี่เจขอตัวกลับบ้าน ส่วนพวกเธอเล่นที่บ้านย่ากันต่อ น้องบีมนั่งคุยกับย่าไม่หยุดปาก สาย ๆ ยายพรหาบตะกร้าขนมมาขายให้ถึงที่นี่ พูดคุยกับน้องบีมลูกค้าประจำอย่างตลก
“ยายพรไปหาอยู่เฮือนบ่เห็นไผ ยายว่ามาอยู่หนิว่าสั่น เกือบแมนหาน้องบีมบ่เห็นน้อหนิ” ยายพรพูดกับน้องบีม “เกือบแมนบ่ได้กินขนมยายพร” ยายพรปากหวานมากคำพูดคำจา เพื่อหลอกล่อน้องบีมให้ซื้อด้วย
“ใหญ่นงค์น้องบีมซื้อขนมเด้อ ห้าบาทกะพอเด้อใหญ่นงค์” น้องบีมเข้าไปอ้อนย่า เกาะแขนย่าทำสายตาละห้อย ถึงจะเป็นเด็กแต่ก็รู้ว่าใครงอแงจะร้องเอาขนมได้ ยายพรกับพวกเธอเม้มปากยิ้มกับมารยาของน้องบีม และ ย่าก็ควักเงินซื้อให้อย่างใจดี รวมทั้งพวกเธอด้วย พอลุงวิทย์กับป้าแพงกลับมาจากขายของ พวกเธอก็พากันกลับไปบ้านสองฝาแฝด
บอสกับน้องบีมก็ยังขลุกตัวอยู่ที่นี่ พอลุงวิทย์กับป้าแพงกลับมาจากขายของ พวกเธอก็กลับมาที่บ้านของพิมพ์กับแพรว พวกเธอพากันไปเล่นที่โรงจอดรถของลุงวิทย์
ลุงวิทย์ทำโรงจอดรถไว้ข้างบ้าน มีรถกระบะและรถควายเหล็กจอดอยู่ ถัดไปจากโรงจอดรถก็จะเป็นยุ้งข้าว ที่รถควายเหล็กจะมีสะลี่เอาไว้นั่งขับควายเหล็ก พวกเธอทั้งสี่คนยึดเป็นสนามเด็กเล่นในวันนี้ไปเลย
ระหว่างวันที่อยู่ที่บ้านสองฝาแฝด พวกเธอสี่คนพี่น้องเล่นขายของกัน สมมุติเรื่องราวขึ้นมา มีการแต่งตัวโดยใช้ผ้าเช็ดตัวเป็นเสื้อผ้า เธอกับน้องบีมกลับไปที่บ้าน แอบนำผ้าเช็ดตัวที่บ้านมาเล่นด้วย พิมพ์กับแพรวนำผ้าถุงของป้าแพงมาสวมใส่ เล่นขายของกันอย่างสนุกสำหรับพวกเธอ
สมมุติตัวละครขึ้นมาตามประสาว่าใครเป็นใคร เล่นกันอยู่บนสะลี่ทั้งวัน “ทุกคนอย่าลงไปแม่น้ำเด้อ ในแม่น้ำมันมีแข่” แพรวสมมุติพื้นดินเป็นแม่น้ำ ห้ามทุกคนลงจะสะลี่ไป ไม่อย่างนั้นจะโดนจระเข้กัดตายจริง ๆ
“น้องบีมให้อาหารแข้” น้องบีมพูดเป็นภาษากลาง ทำมือหว่านอากาศเหมือนกำลังหว่านอาหารลงแม่น้ำ “โห… แข่บักหลายเลย มีแต่ตัวใหญ่ ๆ” น้องบีมสมมุติมีจระเข้จริง ๆ พูดเป็นเรื่องเป็นราว
พวกเธอต่างสมมุติบทบาทขึ้นมา ต่างคนต่างเล่น ต่างคนต่างพูด ทว่ามันกลับเข้ากันได้อย่างลงตัว สำหรับการเล่นขายของในวันนี้
บอสทำเป็นกระโดดลงสะลี่ ทำเป็นตกน้ำ แล้วแกว่งแขนเหมือนกำลังว่ายน้ำหนีจระเข้อยู่ “กรี๊ด!!! ช่วยด้วย ๆ จระเข้มาแล้ว จระเข้มันจะกัดแล้ว ฮ่า!” บอสพูดเป็นภาษากลาง ทุกคนหัวเราะกันใหญ่ ลุ้นว่าบอสจะหนีจระเข้ทันหรือเปล่า
“อี่บอสฟ้าวว่ายน้ำขึ้นสะลี่มาเร็ว ๆ จระเข้มันมาแล้ว ว่ายมาบักหลายตัวเลย” แพรวตะโกนทั้งหัวเราะเรียกเธอ พวกเธอสนุกกันใหญ่ ทั้งหัวเราะทั้งกรี๊ดอย่างสมจริง เล่นกันอยู่บนสะลี่ควายเหล็กของลุงวิทย์ ที่บ้านของสองฝาแฝดวุ่นวายและเสียงดังไปด้วยเสียงของพวกเธอ
“กรี๊ด!!! เอื้อยบอสฟ้าวขึ้นสะลี่มา มันตามมาแล้วตัวบักใหญ่เลย” น้องบีมก็ช่วยลุ้น จากนั้นบอสก็ทำเป็นว่ายน้ำ รีบกระโดดขึ้นสะลี่หนีจระเข้อย่างรวดเร็ว
“จระเข้เยอะมากเลย มันเกือบกัดขาฉันแหนะ” บอสพูด จินตนาการเป็นตุเป็นตะไปเหมือนกัน
“ถ้าเราจะลงเราต้องขับควายเหล็กไปจอดหม่องอื่น เดี๋ยวกูขับควายเหล็กไปแป๊บ ลงหม่องหนิบ่ได้แข่หลาย” พิมพ์พูด พร้อมเดินไปตรงหัวควายเหล็ก แล้วสตาร์ทควายเหล็ก ทำเป็นหมุน ๆ แขนกลางอากาศ เหมือนสตาร์ตควายเหล็กจริง ๆ พิมพ์รู้ว่าต้องสตาร์ตเครื่องอย่างไร เพราะจำจากลุงวิทย์มา จึงรู้ว่าที่สตาร์ตควายเหล็กอยู่ตรงไหน
จากนั้นพิมพ์ก็เดินกลับมาขึ้นควายเหล็ก นั่งตรงตำแหน่งคนขับ พิมพ์เป็นคนขับควายเหล็กพาพวกเธอไปหลบจระเข้ที่อื่น มือจับแฮนด์ควายเหล็กทำเหมือนขับจริง ๆ พวกเธอเล่นจริงจังมาก
“ตึก ๆๆๆ” พิมพ์พูดทำเสียงควายเหล็กกำลังวิ่ง ทำเหมือนขับควายเหล็กไป พวกเธอก็นั่งบนสะลี่ นั่งบนราวของสะหลี่กันเลยอย่างไม่กลัวตก
“พิมพ์ระวังแข่มันตามเรามานะ” บอสพูด ทั้งจระเข้แบบภาษากลาง ทั้งแข่แบบภาษาอีสานกันเลย พวกเธอก็ไม่มีใครถือ เล่นเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“ฮอดแล้ว! ป่ะพวกเราลงได้ ตรงนี้ไม่มีแข่สักตัวเลย ลงได้!” พิมพ์หันหน้ามาบอกพวกเธอ
ระหว่างนั้นสิ่งที่ทำให้พวกเธอตื่นเต้นและดีใจ คือ การมาของจ๋อม จ๋อมปั่นจักรยานมาเล่นกับพวกเธอที่บ้าน
“สูอี่จ๋อมมา!” พิมพ์ตะโกนบอกพวกเธอด้วยท่าทางตื่นเต้น ทั้งที่ก็อยู่ด้วยกัน พวกเธอเองก็ดีใจ ตั้งแต่ปิดเทอมก็ไม่ค่อยได้ไปเล่นด้วยกันนัก
“สูเล่นอี่หยังกัน เล่นนำแน” จ๋อมร้องทักทาย ใช้เท้าเบรกจักรยาน โดยการแย่ปลายเท้าเข้าไปที่ล้อหน้าของจักรยาน ส่วนมือก็กำเบรกไปด้วย
“เล่นของเฮือนน้อย อี่จ๋อมมาเล่นหนีแข่นำพวกกูเร็ว ๆ มืงย่างดี ๆ เด้อ ตรงนี้มีแข่หลาย ฟ้าวมาขึ้นควายเหล็กเร็ว ๆ” แพรวชวนด้วยความดีใจเช่นกัน
จ๋อมจอดจักรยานไว้ที่หน้าบ้าน เดินมาหาพวกเธอที่โรงรถข้างบ้านอย่างคุ้นเคย จ๋อมเองก็เข้านอกออกในบ้านของสองฝาแฝดได้อย่างสนิทสนม พอจ๋อมมาสมทบ บรรยากาศแห่งการเล่นขายของก็สนุกเพิ่มมากขึ้น ครึกครื้นขึ้น คุยกันและหัวเราะกันเสียงดังมากขึ้น น้องบีมเองก็กลมกลืนไปกับพวกเธอโดยปริยาย
“เอื้อยจ๋อมน้องบีมงามบ่?! ฮ่า…” น้องบีมพูดอวดจ๋อมใหญ่ เพราะนำผ้าเช็ดตัวมามัดหัวทำเป็นผมยาว แพรวนำผ้าซิ่นของป้าแพงมาสวมเป็นชุดให้น้องบีม โดยนำชายผ้าซิ่นมามัดคอ ฉีกกาบกล้วยเป็นเส้นคล้ายเชือกมามัดเอวแทนเข็มขัดให้กับน้องบีม เป็นชุดเดรสมัดคออย่างสวยงามตามประสาพวกเธอ
“บีมน้อยคือแต่งตัวงามแถะวา ฮ่า..” จ๋อมหัวเราะน้องบีมไม่หยุด ส่วนเจ้าตัวพอใจใหญ่ที่โดนชมว่าสวย
“จ๋อมเฮามาเล่นบักร้องเพลงกัน เล่นบ่สู เล่นประกวดร้องเพลงกัน เซาเล่นบักหนีแข่กันน้อ” บอสชวน “เปลี่ยนแนวเล่นดีกว่า เซาเล่นบักหนีแข่แล้ว”
วันวาน 7
.
มาย้อนวันวานกัน… ทุก ๆ คนไม่ว่าจะอยู่ภูมิภาคไหน ๆ ตอนเด็กคงหนีไม่พ้นเรื่องเล่นขายของ ไม่ว่าจะเล่นพ่อแม่ลูก พ่อค้าแม่ขาย หรือ อื่น ๆ ก็ว่ากันไป ตามจินตนาการตอนเด็กของเรา ฉันเองก็เหมือนกัน และฉันก็รู้ว่าคุณก็เคย
นึกย้อนกลับไปดูตัวเองในตอนนั้น ก็ตลกดีเหมือนกัน ฮา.. เห็นภาพเด็กน้อยคนหนึ่งกับเพื่อน ๆ กำลังเล่นขายของกันอยู่ (เล่นของเฮือนน้อย ภาษาอีสาน) ตลก… มองย้อนกลับไปมันก็มีความสุข อย่างน้อย ๆ ก็ได้หัวเราะคนเดียวล่ะ และ อาจจะได้พูดว่า ‘ทำไปได้ยังไงวะ’ ก็ได้
ไม่ได้ชวนให้จมอยู่กับอดีต แต่ว่าหากลองนึกถึงเล่น ๆ บางครั้งวันวานมันก็สร้างรอยยิ้มและความสุขให้เรา เมื่อนึกถึง…
เรื่องมีอยู่ว่า…
หลังจากพายุฤดูร้อนพัดทล่มหมู่บ้านของเธอ วันเวลาผ่านไป เหตุการณ์สงบ บ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย ก็ได้รับเงินเยียวยาไป ป้าของเธอก็ได้เงินซ่อมหลังคาบ้านใหม่
พายุสงบเดือนมีนาคมก็กลับมาแดดและร้อนเช่นเดิม ยายก็บ่นร้อนอบอ้าวเหมือนเดิม บ่นทุกวัน! วันนี้บอสชวนน้องบีมไปเล่นกับพิมพ์แพรว บอสบอกกับยายว่า จะกินข้าวเที่ยงที่บ้านของย่าเลย ไม่ต้องตามตัว ยายก็ไม่ห้าม เพียงกำชับว่าห้ามไปเล่นบ้านคนอื่น และ ห้ามไปนั่งเฝ้าคนอื่นทานข้าวก็พอ
สาย ๆ วันนี้บอสกับน้องบีมเดินจูงมือกันไปบ้านของสองฝาแฝด ช่วงปิดเทอมน้องบีมคือเพื่อนที่ดีที่สุด รายนั้นก็ไม่ยอมไปเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน ชวนไปไหนน้องบีมไปด้วยเสมอ
มาถึงเห็นทั้งสองคนกำลังเปิดดูทีวีในบ้าน พี่เจพี่ชายของสองฝาแฝดอยู่ด้วย ส่วนลุงกับป้าไปขายของตลาดเช้าตั้งแต่เช้ายังไม่ทันกลับมา
ลุงกับป้ากล้าปล่อยให้พี่ ๆ ทั้งสามคนอยู่บ้านกันเอง เนื่องจากมีย่าคอยดูแลแทนอยู่แล้ว ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น ถึงอยู่คนละบ้าน ทว่าบ้านก็อยู่ตรงข้ามกัน ลุงวิทย์กับป้าแพงฝากสองฝาแฝดกับพี่เจไว้กับย่าเสมอ
“เอื้อยแพรวเอื้อยพิมพ์เฮ็ดหยัง” น้องบีมเอ่ยถามสองฝาแฝด น้องบีมเดินเข้าไปหาทั้งสามคนในบ้าน ส่วนเธอมาถึงก็นั่งไกวเปลที่หน้าบ้าน ไม่เข้าไปหาทั้งสองคน เบื่อดูทีวีนั่งไกวเปลรับลมเย็น ๆ มองรถวิ่งผ่านไปผ่านมาสนุกกว่าตั้งเยอะ
“เบิ่งหนัง! มาแหมะเข้ามาเบิ่งนำอ้ายอี่หยอง มาคนเดียวบ่ เอื้อยบอสไปไส” บอสได้ยินเสียงของพี่เจตอบน้องบีม แล้วน้องบีมก็ถอดรองเท้าเดินเข้าไปหาทั้งสามคน เสียงทีวีดังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินถึงด้านนอก บอสไม่ได้ดูด้วยแค่ฟังเสียงทีวีก็เหมือนได้ดูไปกับพี่ ๆ
“บอสไกวอู่อยู่ข้างนอกอ้ายเจ” บอสร้องตอบพี่ชาย จากนั้นก็เงียบไป บอสไม่สนใจที่จะเข้าไปดูทีวีในบ้านกับพี่ ๆ สักนิด นั่งไกวเปลรับลมสบาย ๆ ที่หน้าบ้านคนเดียว ชอบใจนักเวลานี้ไม่มีใครมาแย่งนั่ง
บ้านของสองฝาแฝด ข้างบ้านลุงวิทย์จะต่อหลังคาทำเป็นโรงจอดรถ มีรถควายเหล็กจอดอยู่หนึ่งคัน สาย ๆ ลุงวิทย์กลับมาจากขายของก็จะนำรถยนต์มาจอดในนี้
ถัดไปเป็นยุ้งข้าวที่ไม่สูงนัก มีชานออกมาพอให้ยืนได้ บอสเพียงกวาดตามองรอบ ๆ บ้านเท่านั้น ไม่ได้นึกอยากเล่นอะไร เพียงนึกว่าวันนี้จะชวนสองฝาแฝดกับน้องบีมแอบไปเล่นกับจ๋อม ปิดเทอมแล้วไม่ได้เล่นด้วยกันเลย
“ไกวแฮงหลายล่ะ สายพานพาขาดแอวหักเด้อ” ย่าทัก บอสเห็นย่าเดินข้ามฝากมาแล้วล่ะ แต่ไม่นึกสนใจ บอสหัวเราะให้กับย่า ไกวเปลต่อไปอย่างอารมณ์ดี ความเร็วในการไกวเปลก็เท่าเดิม ไม่มีท่าทีว่าจะกลัวสายพานขาด ตามคำเตือนของย่าสักนิด ย่ากำลังก้ม ๆ เงย ๆ ทำอะไรสักอย่างกับรั้วไม้ไผ่ของลุงวิทย์
“ใหญ่นงค์เฮ็ดหยังน่ะ” บอสถามด้วยความอยากรู้ เห็นย่าลูบ ๆ คลำ ๆ ไม้ไผ่อยู่อย่างนั้น บางครั้งมือก็สาวหญ้าขึ้นมา ถอนหญ้าที่มันเกิดบริเวณเสารั้วด้วย
“เบิ่งมอดซือ ๆ หนิแหล่ว สูอย่าพากันมานั่งฮั้วเด้อหนิ มอดจอแล้ว มันสิพาหัก ซุมนั่นตื่นแล้วบ่” ย่าตอบ ที่แท้ย่าก็เดินมาสอดส่องดูพิมพ์กับแพรวกับพี่เจ “เจ! แพรว! พิมพ์! เฮ็ดหยังเดี๋ยวหนิมาบ่ไปหากินข้าวเช้า เทือพ่อแม่สูสิมานั่น พาน้องไปหากินข้าวแหมะ” ย่าตะโกนเข้าไปในบ้าน
“ใหญ่นงค์น้องบีมกินข้าวแล้ว” คนที่วิ่งออกมาตอบคือน้องสาวของเธอเอง น้องบีมยืนพิงประตูบ้านคุยกับย่า
“กินแล้วกะไปกินอีกกะได้ตั้วมาสิยาก แนวกินบักหลายนึง” ย่าคุยกับหลานสาวคนเล็ก น้องบีมยืนคุยกับย่าที่หน้าประตูบ้าน
“บ่! บ่อยาก คนกินแล้วน้อ” น้องบีมต่อปากต่อคำ “อ้ายเจไปกินข้าว เอื้อยพิมพ์เอื้อยแพรวใหญ่นงค์บอกไปกินข้าวแหมะ” น้องบีมหันหลังกลับไปเท้าสะเอวบอกพี่ ๆ ทั้งสามคนไปทานข้าว
“ปะบอสไปกินข้าว” พิมพ์ชวนเธอ สองฝาแฝดและพี่เจต่างลุกปิดทีวีปิดบ้านและชวนเธอไปที่บ้านของย่า เพื่อไปทานข้าวเช้าที่นั่น เธอกับน้องบีมตามไปด้วย แต่ว่าไม่ขอทานข้าวเช้าด้วยเนื่องจากทานมาแล้ว
พวกเธอสองคนพี่น้องนั่งไกวเปลดูพี่ ๆ และย่าทานข้าวเช้ากัน ลุงบินกับป้าต้อยไปที่สวนแต่เช้า น้องบีมวิ่งเข้าวิ่งออก เข้าไปทานข้าวกับพี่ ๆ และย่าด้วยบ้าง ย่าก็ไม่ว่าปล่อยให้เล่นได้ตามสบาย
“นั่งกินดี ๆ แนอย่าเที่ยวเข้าเที่ยวออกหลาย กินอิ่ม ๆ จังลุก”
“เอ๋า… น้องบีมอิ่มแล้ว น้องบีมชิมจิ้งหรีดซือ ๆ” ย่ากับน้องบีมคุยกันเจื้อยแจ้ว ไม่มีใครบ่นน้องบีมเลยสักคน บอสเพียงมองน้องสาวเงียบ ๆ อยู่บนเปล
พี่โจกับพี่กอล์ฟก็ทานข้าวเช้าด้วยกัน ทุก ๆ วันสองฝาแฝดและพี่เจจะมาทานข้าวที่นี่ เว้นเสียแต่ว่าวันที่ลุงวิทย์กับป้าแพงไม่ได้ไปตลาดเช้า ถ้าเป็นวันเปิดเทอม ย่าก็จะมาเรียกเช้ากว่าวันนี้ เพราะเป็นช่วงปิดเทอม ย่าจึงปล่อยให้สาย ๆ ได้
หลังทานข้าวเสร็จพี่เจขอตัวกลับบ้าน ส่วนพวกเธอเล่นที่บ้านย่ากันต่อ น้องบีมนั่งคุยกับย่าไม่หยุดปาก สาย ๆ ยายพรหาบตะกร้าขนมมาขายให้ถึงที่นี่ พูดคุยกับน้องบีมลูกค้าประจำอย่างตลก
“ยายพรไปหาอยู่เฮือนบ่เห็นไผ ยายว่ามาอยู่หนิว่าสั่น เกือบแมนหาน้องบีมบ่เห็นน้อหนิ” ยายพรพูดกับน้องบีม “เกือบแมนบ่ได้กินขนมยายพร” ยายพรปากหวานมากคำพูดคำจา เพื่อหลอกล่อน้องบีมให้ซื้อด้วย
“ใหญ่นงค์น้องบีมซื้อขนมเด้อ ห้าบาทกะพอเด้อใหญ่นงค์” น้องบีมเข้าไปอ้อนย่า เกาะแขนย่าทำสายตาละห้อย ถึงจะเป็นเด็กแต่ก็รู้ว่าใครงอแงจะร้องเอาขนมได้ ยายพรกับพวกเธอเม้มปากยิ้มกับมารยาของน้องบีม และ ย่าก็ควักเงินซื้อให้อย่างใจดี รวมทั้งพวกเธอด้วย พอลุงวิทย์กับป้าแพงกลับมาจากขายของ พวกเธอก็พากันกลับไปบ้านสองฝาแฝด
บอสกับน้องบีมก็ยังขลุกตัวอยู่ที่นี่ พอลุงวิทย์กับป้าแพงกลับมาจากขายของ พวกเธอก็กลับมาที่บ้านของพิมพ์กับแพรว พวกเธอพากันไปเล่นที่โรงจอดรถของลุงวิทย์
ลุงวิทย์ทำโรงจอดรถไว้ข้างบ้าน มีรถกระบะและรถควายเหล็กจอดอยู่ ถัดไปจากโรงจอดรถก็จะเป็นยุ้งข้าว ที่รถควายเหล็กจะมีสะลี่เอาไว้นั่งขับควายเหล็ก พวกเธอทั้งสี่คนยึดเป็นสนามเด็กเล่นในวันนี้ไปเลย
ระหว่างวันที่อยู่ที่บ้านสองฝาแฝด พวกเธอสี่คนพี่น้องเล่นขายของกัน สมมุติเรื่องราวขึ้นมา มีการแต่งตัวโดยใช้ผ้าเช็ดตัวเป็นเสื้อผ้า เธอกับน้องบีมกลับไปที่บ้าน แอบนำผ้าเช็ดตัวที่บ้านมาเล่นด้วย พิมพ์กับแพรวนำผ้าถุงของป้าแพงมาสวมใส่ เล่นขายของกันอย่างสนุกสำหรับพวกเธอ
สมมุติตัวละครขึ้นมาตามประสาว่าใครเป็นใคร เล่นกันอยู่บนสะลี่ทั้งวัน “ทุกคนอย่าลงไปแม่น้ำเด้อ ในแม่น้ำมันมีแข่” แพรวสมมุติพื้นดินเป็นแม่น้ำ ห้ามทุกคนลงจะสะลี่ไป ไม่อย่างนั้นจะโดนจระเข้กัดตายจริง ๆ
“น้องบีมให้อาหารแข้” น้องบีมพูดเป็นภาษากลาง ทำมือหว่านอากาศเหมือนกำลังหว่านอาหารลงแม่น้ำ “โห… แข่บักหลายเลย มีแต่ตัวใหญ่ ๆ” น้องบีมสมมุติมีจระเข้จริง ๆ พูดเป็นเรื่องเป็นราว
พวกเธอต่างสมมุติบทบาทขึ้นมา ต่างคนต่างเล่น ต่างคนต่างพูด ทว่ามันกลับเข้ากันได้อย่างลงตัว สำหรับการเล่นขายของในวันนี้
บอสทำเป็นกระโดดลงสะลี่ ทำเป็นตกน้ำ แล้วแกว่งแขนเหมือนกำลังว่ายน้ำหนีจระเข้อยู่ “กรี๊ด!!! ช่วยด้วย ๆ จระเข้มาแล้ว จระเข้มันจะกัดแล้ว ฮ่า!” บอสพูดเป็นภาษากลาง ทุกคนหัวเราะกันใหญ่ ลุ้นว่าบอสจะหนีจระเข้ทันหรือเปล่า
“อี่บอสฟ้าวว่ายน้ำขึ้นสะลี่มาเร็ว ๆ จระเข้มันมาแล้ว ว่ายมาบักหลายตัวเลย” แพรวตะโกนทั้งหัวเราะเรียกเธอ พวกเธอสนุกกันใหญ่ ทั้งหัวเราะทั้งกรี๊ดอย่างสมจริง เล่นกันอยู่บนสะลี่ควายเหล็กของลุงวิทย์ ที่บ้านของสองฝาแฝดวุ่นวายและเสียงดังไปด้วยเสียงของพวกเธอ
“กรี๊ด!!! เอื้อยบอสฟ้าวขึ้นสะลี่มา มันตามมาแล้วตัวบักใหญ่เลย” น้องบีมก็ช่วยลุ้น จากนั้นบอสก็ทำเป็นว่ายน้ำ รีบกระโดดขึ้นสะลี่หนีจระเข้อย่างรวดเร็ว
“จระเข้เยอะมากเลย มันเกือบกัดขาฉันแหนะ” บอสพูด จินตนาการเป็นตุเป็นตะไปเหมือนกัน
“ถ้าเราจะลงเราต้องขับควายเหล็กไปจอดหม่องอื่น เดี๋ยวกูขับควายเหล็กไปแป๊บ ลงหม่องหนิบ่ได้แข่หลาย” พิมพ์พูด พร้อมเดินไปตรงหัวควายเหล็ก แล้วสตาร์ทควายเหล็ก ทำเป็นหมุน ๆ แขนกลางอากาศ เหมือนสตาร์ตควายเหล็กจริง ๆ พิมพ์รู้ว่าต้องสตาร์ตเครื่องอย่างไร เพราะจำจากลุงวิทย์มา จึงรู้ว่าที่สตาร์ตควายเหล็กอยู่ตรงไหน
จากนั้นพิมพ์ก็เดินกลับมาขึ้นควายเหล็ก นั่งตรงตำแหน่งคนขับ พิมพ์เป็นคนขับควายเหล็กพาพวกเธอไปหลบจระเข้ที่อื่น มือจับแฮนด์ควายเหล็กทำเหมือนขับจริง ๆ พวกเธอเล่นจริงจังมาก
“ตึก ๆๆๆ” พิมพ์พูดทำเสียงควายเหล็กกำลังวิ่ง ทำเหมือนขับควายเหล็กไป พวกเธอก็นั่งบนสะลี่ นั่งบนราวของสะหลี่กันเลยอย่างไม่กลัวตก
“พิมพ์ระวังแข่มันตามเรามานะ” บอสพูด ทั้งจระเข้แบบภาษากลาง ทั้งแข่แบบภาษาอีสานกันเลย พวกเธอก็ไม่มีใครถือ เล่นเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“ฮอดแล้ว! ป่ะพวกเราลงได้ ตรงนี้ไม่มีแข่สักตัวเลย ลงได้!” พิมพ์หันหน้ามาบอกพวกเธอ
ระหว่างนั้นสิ่งที่ทำให้พวกเธอตื่นเต้นและดีใจ คือ การมาของจ๋อม จ๋อมปั่นจักรยานมาเล่นกับพวกเธอที่บ้าน
“สูอี่จ๋อมมา!” พิมพ์ตะโกนบอกพวกเธอด้วยท่าทางตื่นเต้น ทั้งที่ก็อยู่ด้วยกัน พวกเธอเองก็ดีใจ ตั้งแต่ปิดเทอมก็ไม่ค่อยได้ไปเล่นด้วยกันนัก
“สูเล่นอี่หยังกัน เล่นนำแน” จ๋อมร้องทักทาย ใช้เท้าเบรกจักรยาน โดยการแย่ปลายเท้าเข้าไปที่ล้อหน้าของจักรยาน ส่วนมือก็กำเบรกไปด้วย
“เล่นของเฮือนน้อย อี่จ๋อมมาเล่นหนีแข่นำพวกกูเร็ว ๆ มืงย่างดี ๆ เด้อ ตรงนี้มีแข่หลาย ฟ้าวมาขึ้นควายเหล็กเร็ว ๆ” แพรวชวนด้วยความดีใจเช่นกัน
จ๋อมจอดจักรยานไว้ที่หน้าบ้าน เดินมาหาพวกเธอที่โรงรถข้างบ้านอย่างคุ้นเคย จ๋อมเองก็เข้านอกออกในบ้านของสองฝาแฝดได้อย่างสนิทสนม พอจ๋อมมาสมทบ บรรยากาศแห่งการเล่นขายของก็สนุกเพิ่มมากขึ้น ครึกครื้นขึ้น คุยกันและหัวเราะกันเสียงดังมากขึ้น น้องบีมเองก็กลมกลืนไปกับพวกเธอโดยปริยาย
“เอื้อยจ๋อมน้องบีมงามบ่?! ฮ่า…” น้องบีมพูดอวดจ๋อมใหญ่ เพราะนำผ้าเช็ดตัวมามัดหัวทำเป็นผมยาว แพรวนำผ้าซิ่นของป้าแพงมาสวมเป็นชุดให้น้องบีม โดยนำชายผ้าซิ่นมามัดคอ ฉีกกาบกล้วยเป็นเส้นคล้ายเชือกมามัดเอวแทนเข็มขัดให้กับน้องบีม เป็นชุดเดรสมัดคออย่างสวยงามตามประสาพวกเธอ
“บีมน้อยคือแต่งตัวงามแถะวา ฮ่า..” จ๋อมหัวเราะน้องบีมไม่หยุด ส่วนเจ้าตัวพอใจใหญ่ที่โดนชมว่าสวย
“จ๋อมเฮามาเล่นบักร้องเพลงกัน เล่นบ่สู เล่นประกวดร้องเพลงกัน เซาเล่นบักหนีแข่กันน้อ” บอสชวน “เปลี่ยนแนวเล่นดีกว่า เซาเล่นบักหนีแข่แล้ว”