วันวาน 3

กระทู้สนทนา

.

            ตอนเด็ก ๆ คุณคิดว่าตัวเองซนระดับไหน เลเวลไหน และ เหตุการณ์อะไรที่คุณซนจนเกือบจะได้เรื่อง แล้วเคยโดนดุบ้างไหม ฮา แค่นึกย้อนกลับไปก็ตลกตัวเอง ซนชะมัด ดื้อชะมัด

              บอกก่อนว่าไม่ได้ชวนให้จมปลักอยู่กับอดีต เพราะมันไม่ใช่อดีตที่ไม่ดี ทว่ามันเป็นอดีตที่มีความสุข จริงอยู่คนเราควรอยู่กับปัจจุบัน มองอดีตให้เป็นบทเรียน มองอนาคตให้เป็นเป้าหมาย แต่! บางครั้งการหันกลับไปมองอดีตมันก็สุขได้เหมือนกัน

                เพราะฉะนั้นไม่ผิดหรอกหากเราจะหันกลับไปย้อนมองตนเอง เห็นเด็กตัวผอม ๆ วิ่งกระโดดเล่นกับเพื่อน ๆ พร้อมเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่ก็ได้ ว่าไหม?!

                 และเรื่องมันมีอยู่ว่า…

                วันเสาร์บอสชวนน้องสาวไปเล่นที่บ้านของย่า รู้สึกเบื่อยายจึงชวนน้องบีมไปหาย่าดีกว่า และ น้องบีมก็ไม่ปฏิเสธ ขอแค่ชวนไปไหนไปกัน ไม่ค่อยไปเล่นกับเพื่อนรุ่นเดียวกันนัก ทั้งที่ภายในคุ้มก็มีเพื่อนรุ่นเดียวกันถึงสองคน

               สาย ๆ ของวันนี้ ปลายฤดูหนาวอากาศในตอนเช้าและตอนกลางคืนยังเย็นอยู่ เดือนนี้อีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่เทศกาลที่รอคอย คือ ‘งานกาชาดประจำปี’ แค่นึกก็สนุก มีทั้งเครื่องเล่นละลานตา ขนม ของเล่น เสื้อผ้า และอีกเยอะแยะมากมาย

                “ยายบอสไปเล่นเฮือนใหญ่นงค์ก่อนเด้อ” บอสเอ่ยขออนุญาตยาย บอสกับน้องสาวเดินมาหยุดยืนข้าง ๆ หลักกี่ของยาย ซึ่งยายกำลังทอผ้าอยู่

                 “ไปกะไปถะแหมะ” ยายไม่ปฏิเสธ “เอายาสีแข่วไปให้เรานำ นั่นถุงหูหิ้วเหน็บอยู่ในตะกร้าหมากน่ะ” ยายมิวายวานใช้ไปในตัวด้วย ย่าไม่ได้ปลูกยาเส้น ยายเองก็แบ่งให้เรื่อย ๆ ได้สีฟันเวลาเคี้ยวหมากทั้งปี ไม่เพียงย่ายายยังแบ่งให้ยายอ้วน ยายสวยและเพื่อนยายคนอื่น ๆ ด้วย

                 “ได้! ยาสีแข่วอี่ยายอยู่ไส” บอสย้อนถาม เดินไปหยิบถุงหูหิ้วในตะกร้าหมากของยาย หันซ้ายหันขวา จ้องมองยายตาไม่กะพริบ เพราะบอสมีแผนทำอะไรบางอย่างในใจ ไม่ใช่การขโมยแต่มันคืออะไรแล้วแต่จะเรียก

                   ไม่เพียงเธอที่ทำแบบนี้ พี่ ๆ ก็ทำแบบนี้กันประจำ อย่าให้ได้เข้าใกล้ตะกร้าหมากของยาย จำต้องควานหาเงินกันหมด ยกเว้นที่อื่น ๆ ที่ยายเก็บเงินเอาไว้ พวกเธอไม่เคยทำ! ตะกร้าหมากของยายคือธนาคารของพวกเธอ บางครั้งยายก็ใส่เหรียญเอาไว้

                 ยายกำลังทอผ้าอยู่ไม่ได้สนใจเธอสักนิด นั่งหันหลังให้ สายตาของเธอจับจ้องใช้วิชามือเบาค่อย ๆ เปิดกระปุกใส่หมากพลูของยายทีละกระปุก เผื่อจะมีเงินในนั้น แต่แล้วต้องผิดหวังเพราะยายไม่ได้ใส่เงินเอาไว้สักเหรียญ ทว่าสวรรค์ยังพอเมตตา ฟ้ายังพอเป็นใจ เมื่อเธอควานเจอเหรียญบาทสองเหรียญในตะกร้า มันอยู่ในตะกร้าไม่ได้อยู่ในกระปุก นอนแอ้งแม้งอยู่ก้นตะกร้าสองบาท

                บอสดีใจมาก! หยิบเหรียญบาทสองเหรียญชูให้น้องสาวดู อย่างน้อยก็ได้กินขนมซองละบาทล่ะ คนละซองกับน้องสาว

               “แมนหยังว่ะ! ค้นหาเงินยายบ่อ” ยายหันมาดู พูดปนยิ้ม และ มันช่างเป็นยิ้มที่สัมผัสได้ถึงความเยาะเย้ยของยายมาก ๆ “อยากได้เงินมาดกหงอกให้ยายเร็ว ยายจ้างคนละสองบาท”

              บอสกับน้องบีมหัวเราะกลบเกลื่อนที่โดนยายจับได้ “พ่อเงินสองบาท คนละบาทกับน้องบีม” บอสตอบ “บ่อ! บอสไปเล่นนำใหญ่นงค์”

              “ไปกะไปสั่น เอายาสีแข่วไปให้เรานำ” ยาสีฟันที่ยายพูดถึงก็คือยาเส้น ยายปลูกเองซอยเองทำเอง ตามักนำมาดูดบุหรี่ ตาชอบเพราะดูดแล้วมันเมากว่าบุหรี่ตลาด ลุงวิทย์อีกคนที่มักมาขอซื้อยาเส้นของยายไปดูดบุหรี่

                บอสเดินไปกรอกยาเส้นใส่ถุงหูหิ้วใบเล็ก ๆ ไปฝากย่า ย่าเองก็เคี้ยวหมากเหมือนกัน พอกรอกเสร็จก็พากันถือเดินไปยังบ้านย่ากับน้องสาว วันนี้กะจะอยู่ที่บ้านนั้นจนเย็นเลยค่อยกลับ

               พวกเธอสองพี่น้องกอดคอกันเดินผ่านบ้านพิมพ์กับแพรว มิวายแวะชวนสองฝาแฝดไปบ้านย่าด้วย ทั้งสองคนก็ตกลงตามไปด้วยกัน จะได้มีเพื่อนเล่นไม่เหงา

               “ใหญ่นงค์เฮ็ดหยัง!” มาถึงบ้านย่าแพรวเอ่ยถาม เห็นย่ากำลังนั่งตำหมากเคี้ยวอยู่บนแคร่พอดี

                 น้องบีมมาถึงวิ่งแจ้นไปจองเปลก่อนใคร บอสมองแบบเขม่น วิ่งจองไปเถอะ เพราะถึงอย่างไรก็แย่งนั่งด้วยเหมือนเดิม นึกพร้อมมองไปที่น้องสาวขณะกำลังขึ้นนั่งบนเปล

                  บ้านของย่าเป็นบ้านสองชั้นใต้ถุนโล่ง ปูกระเบื้องอย่างดี ก่ออิฐขึ้นมาเพียงระดับเข่า ข้างล่างมีห้องนอนสองห้อง ห้องน้ำ และ ห้องครัว ส่วนข้างบนเป็นห้องนอนของพี่ชายสองคนลูก ๆ ของป้าต้อย ใต้ถุนบ้านย่าแขวนเปลเอาไว้สองอัน พอดีกับพวกเธอสี่คน

                “บ่ได้เฮ็ดหยังแล้ว นั่งเขี้ยวหมากเล่น” ย่าตอบ “พากันไปไส” ย่าถาม

              “มาหาใหญ่นงค์แหล่ว” พิมพ์ตอบ พิมพ์กับเธอนั่งบนแคร่กับย่า ส่วนแพรวกับน้องบีมนั่งบนเปล ไกวไปไกวมาอย่างสบายใจ

              “ใหญ่อ่ะยาสูบ ยายฝากมาให้ นี่เด้อบอสเอาไว้ในตะกร้าหมาก” บอสพูดพลางทิ้งถุงยาเส้นลงในตะกร้าให้ย่า

                 พอพวกเธอมาที่บ้าน พี่กอล์ฟที่ดูทีวีอยู่ข้างบนก็ลงมาเล่นด้วย คราวนี้เพิ่มความสนุกไปอีก ส่วนพี่โจไปเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกันแต่เช้า

                “ทุกคน ไปเก็บบักทันมากินปะเฮา” พี่กอล์ฟชวน พวกเธอทั้งสี่คนหันหน้ามามองกัน แววตาของแต่ละคนบ่งบอกว่าเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ทว่าจะไปเก็บที่ไหน แถวสระนายายเรืองเหรอ น่าจะไม่มีเพราะมีคนไปเก็บทุกวันหลังเลิกเรียน

              “สระยายเรืองบ่อ” แพรวถาม

               “บ่อ! ไปเก็บอยู่นา” พี่กอล์ฟตอบ

               “พากันไปถะแหมะ บักทันหล่นป้านขี้ดินอยู่ เอามาให้ยายกินนำ” ย่ากล่าว นาพี่กอล์ฟก็คือนาของย่า นาของสองฝาแฝดก็อยู่ติด ๆ กัน ซึ่งอยู่คนละฝากหมู่บ้านกับนาของเธอ

               นาของย่ามีต้นพุทราป่าเกิดเองตามธรรมชาติอยู่สามต้น และ ทุก ๆ ปีออกผลให้ได้กินทั้งสามต้นเลย เก็บไม่ทันหล่นเต็มพื้นดินไปหมด

               “ย่างไปบ่อ ไผอยู่นา ลุงบินกับป้าต้อยอยู่นาบ่ออ้ายกอล์ฟ” บอสถามพี่ชาย

              “แมน! ลุงกับป้ามืงกะอยู่นา ปั่นจักรยานไป” พี่กอล์ฟตอบ เพราะนาของย่าอยู่ไกลหมู่บ้านพอสมควร ไปทางคุ้มใต้ ต้องผ่านหน้าบ้านพี่ปาวกับพี่แป้งด้วย ออกนอกหมู่ 1 ไปยังอีกหมู่บ้าน อยู่ติด ๆ กับเขตชายแดนอีกหมู่บ้านกันเลย

             “อ้ายกอล์ฟน้องบีมไปเก็บบักทันนำเด้อ” น้องบีมพูดแทรก ใช้เท้ายันพื้นไกวเปลไม่ยอมหยุด สนุกอยู่คนเดียว

             “ไปกะไป!” พี่กอล์ฟตอบ “ไปตอนหนิล่ะปะ”

              “เดี๋ยวบอสเมือไปเอาจักรยานก่อน บีมถ่าเอื้อยอยู่หนิ เดี๋ยวเอื้อยกลับไปเอาจักรยานแป๊บ” น้องบีมยักคิ้วให้ บอสรีบวิ่งกลับไปที่บ้านไปเอาจักรยานของตนเอง ไม่นานก็รีบปั่นกลับมาที่บ้านย่า พวกเธอห้าคนพี่น้องปั่นจักรยานไปเก็บพุทรา น้องบีมซ้อนไปกับพี่กอล์ฟ พิมพ์นั่งซ้อนกับแพรว และ บอสปั่นไปคนเดียว

                พวกเธอปั่นจักรยานมาทางคุ้มใต้ ผ่านบ้านพี่ปาวกับพี่แป้ง ปิดบ้านไว้สนิทเพราะพี่ ๆ อยู่กันที่บ้านใหญ่ นาน ๆ จะพากันมาที่นี่ที เนื่องจากยายไม่ให้มาเพราะมีแต่เด็ก ๆ ด้วยกันเอง

               ไม่นานก็ปั่นมาถึงนา เห็นลุงกับป้ากำลังช่วยกันทำสวน ลุงบินกับป้าต้อยทำนาทำสวนเป็นอาชีพ หลังเสร็จจากฤดูทำนาก็ปลูกผักและผลไม้ส่งขายที่ตลาดในตัวเมือง

                “ลุงเบน” ปั่นจักรยานมาถึงยังไม่ทันลงรถน้องบีมก็ตะโกนร้องเรียกลุงบินทันที ทั้งลุงและป้าต่างหันมามองพร้อมกัน ทั้งสองกำลังเตรียมดินปลูกผักกาดดอกกันอยู่ นาของป้ามีผักผลไม้มากมาย เป็นไร่นาสวนผสม เหลือที่ไว้ปลูกข้าวแค่พอกิน

                “ครับโพ้ม!” ลุงบินขานรับอย่างรู้งาน “พากันมาหยัง มาเอาบักทันบ่อ” ไม่ต้องถามลุงบินก็พอจะทราบ พวกเธอประสานเสียงกันตอบลุงบิน จอดจักรยานไว้ที่ลานดิน ก่อนจะพากันเดินไปยังต้นพุทราป่าที่ดอนปลายนา

                ที่ปลายนาของย่าจะมีดอนเล็ก ๆ ซึ่งปลูกข้าวไม่ได้ มีต้นพุทราป้าเกิดสามต้น ด้วยความที่อยู่ไกลจึงไม่ค่อยมีคนมาเก็บ ส่วนมากจะเป็นคนมาเลี้ยงวัวเลี้ยงควายแถวนี้มากกว่าที่เก็บไปกิน จึงทำให้ลูกพุทราดกเต็มต้น หล่นเกลื่อนพื้นดินไปหมด ต่างกับที่สระนายายเรือง อยู่ติดกับหมู่บ้านจึงทำให้ลูกเกิดไม่ทัน ผู้คนมาเก็บไปกินอยู่เนือง ๆ ไม่ขาดระยะ

                “ต๊อยเอา! อ้ายสิเอาไม้ฟาดพากันเก็บใส่ถุงเด้อ” พี่กอล์ฟกล่าวพลางเดินไปหยิบไม้ไผ่ที่มีลำยาวพอสอยพุทราได้ ไม่ไผ่เป็นไม้สอยประจำของคนที่เลี้ยงวัวควายนำมาไว้ที่นี่ ลุงบินกับป้าต้อยไม่หวงแค่ดูแลวัวควายให้ดีเท่านั้น อย่าให้มากัดกินพืชสวนก็พอ

                “จ้า!” พวกเธอตอบ

               “น้องบีมเก็บนวยดี ๆ เด้อ ห้ามเก็บนวยเน่า” บอสกำชับน้องสาว น้องบีมพยักหน้าตกลง

                  พี่กอล์ฟใช้ไม้ฟาดไปที่กิ่งพุทราแรง ๆ ทำให้ผลของพุทราร่วงลงมาที่พื้นอย่างกับลูกเห็บ ร่วงโดนหัวของพวกเธอไปหมด น้องบีมกรี๊ดกร๊าดใหญ่สนุกไปในตัว ทั้งกรี๊ดทั้งก้มเก็บทั้งหัวเราะ ทำให้บรรยากาศที่ดอนปลายนาไม่เงียบ

                   เก็บไปด้วยกินไปด้วยอร่อยที่สุด “เบิ่งหนอนเด้อ!” แพรวกำชับน้องบีม

                   “กินโลด! มันส์ดีมีโปรตีนหลายน้อบีม ฮ่า!” พิมพ์แซวน้องบีม ตนเองก็กัดกินผลพุทราด้วย ทำหน้าเหยเกไปอีกเพราะรสชาติมันเปรี้ยว ต้องกินกับพริกเกลือถึงจะอร่อย

                  เมื่อเก็บพุทราได้มากพอแล้วพวกเธอจึงเดินกลับมาที่เถียงนาหาลุงกับป้า ยังไม่อยากกลับบ้านในตอนนี้ เพราะเห็นกองฟางของลุงกับป้ามันก็อยากเล่นสนุกกัน เล่นกองฟางสนุกเป็นไหน ๆ

                 “คือพากันเอาหน่อยแถะ คือบ่เก็บเอาหลาย ๆ” ป้าต้อยเงยหน้าถาม

                “หลายแล้ว พี้!” น้องบีมตอบพร้อมชูถุงให้ป้าต้อยดูด้วย “ป้าต้อยน้องบีมเล่นเฟืองเด้อ จังเมือ”

               “เบิ่งเฟืองทังดังอีกแนล่ะ” ป้าต้อยเตือน

                “บ่ทัง!” น้องบีมตอบหนักแน่น

                “บ่ทังกะไปเล่นโลดสั่น ขั้นบ่พากันอยากเมือ  ระวังตกส่างฮ้างแนล่ะ” ป้าต้อยเตือนอีกเรื่อง จากนั้นก็เลิกสนใจ ก้มหน้าก้มตาทำสวน

                  กองฟางที่นาของย่าตอนนี้มันเป็นกองเล็ก ๆ เพราะลุงบินนำฟางไปทำแปลงผัก ซึ่งต้นอ่อนของผักมันจำเป็นต้องใช้ฟางคลุมแดดเอาไว้ กองฟางจึงไม่สูงมาก ทว่ายังคงความนุ่มและสนุกเอาไว้ได้เช่นเดิม

                   ข้าง ๆ กองฟางจะมีบ่อน้ำร้างที่ไม่ใช้แล้วของลุงกับป้า ลุงนำดินมาถมให้มันตื้นขึ้นมา ถึงมันจะตื้นเขินแล้วก็จริง ทว่าถ้าพวกเธอตกลงไปก็ยังสูงท่วมหัวอยู่ดี มีเศษฟางทับถมอยู่ในนั้นด้วย พวกเธอก็ได้ไม่ระแวงระวังอะไร อีกอย่างถึงตกลงไปก็ปีนขึ้นมาได้อยู่ดี จึงไม่นึกระวัง

                  พวกเธอห้าคนพี่น้องนั่งกินพุทรากันบนกองฟาง โดยนำปลาร้าบองที่ลุงกับป้าห่อมานาด้วยมาจิ้มกับพุทรา มันมีรสเปรี้ยวมาก จะกินแต่พุทราอย่างเดียวไม่ได้ พอกินกันจนหนำใจแล้วก็ต่อด้วยการเล่นฟาง

                พวกเธอกระโดดขย่มฟางเล่นอย่างสนุก ท้องนาเสียงดังไปด้วยเสียงหัวเราะของพวกเธอ ลุงกับป้าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก บ่ายสองบ่ายสามโมงพวกเธอถึงจะปั่นจักรยานกลับบ้าน นาทีนี้ขอเล่นสวนสนุกกันก่อน นั่นคือเล่นกองฟาง!

                 พวกเธอเล่นวิ่งไล่จับกันอย่างเพลิดเพลิน ฟางมันนุ่มและลื่นบ้างก็วิ่งล้ม บ้างก็ไถลลงไปยังพื้นดิน มิวายปีนป่ายกันขึ้นมาอีก ไม่มีเหนื่อยไม่มีหมดแรงกันเลย แดดก็ไม่กลัว เศษฟางกระจัดกระจายไปรอบ ๆ บริเวณกองฟาง เสียงหัวเราะ เสียงกรี๊ดของพวกเธอ ทำให้ท้องนาละแวกนี้ไม่เงียบเหงา ลุงบินกับป้าต้อยก็ไม่เหงาไปด้วย

                  แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อพวกเธอมัวเล่นกันเพลิน ไม่สนใจอันตราย ลืมไปว่าข้าง ๆ กองฟางมีบ่อน้ำร้างอยู่ พวกเธอวิ่งไล่จับกันอยู่ดี ๆ พิมพ์ถอยหลังไม่ระวัง ถลาตกลงไปในบ่อน้ำ ด้วยความตกใจปนขำ พวกเธอหัวเราะและท้วงพิมพ์เสียงดัง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่