นิทาน ตำนานผีปอบยายมุ้ย

ตำนานผีปอบยายมุ้ย #ผีปอบ  #ตำนานผีไทย #เรื่องเล่าสยองขวัญ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ตอนที่ 1: ความลับของยายมุ้ย
หมู่บ้านหนองมะไฟเงียบสงบมาตลอดหลายปี ทุกคนรู้จักกันดี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 
แต่ความสงบสุขนั้นเริ่มถูกสั่นคลอนเมื่อสัตว์เลี้ยงในหมู่บ้านเริ่มตายอย่างลึกลับ ไก่ หมู และวัวถูกฆ่าตายทิ้งไว้เพียงซาก 
ร่องรอยการฉีกขาดของร่างกายเผยให้เห็นว่ามีบางสิ่งที่น่ากลัวกำลังเกิดขึ้น เครื่องในของสัตว์ถูกควักออกไปอย่างประณีต 
แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นฝีมือของอะไร ชาวบ้านต่างพากันหวาดกลัวและสงสัยว่าอาจมีบางสิ่งที่เหนือธรรมชาติกำลังซุ่มอยู่ในหมู่บ้าน

ลุงจัน ชายชราผู้มีประสบการณ์ในชีวิตมากมาย ได้ยินข่าวจากเพื่อนบ้านเกี่ยวกับการตายของสัตว์ 
เขาเป็นคนรอบคอบและไม่เชื่อเรื่องราวลึกลับง่ายๆ แต่ในครั้งนี้ความแปลกประหลาดเกินกว่าจะอธิบายได้ด้วยคำอธิบายธรรมดา 
ลุงจันเริ่มสังเกตพฤติกรรมของผู้คนรอบข้าง แต่มีเพียงคนเดียวที่ดูลึกลับเกินกว่าที่เขาจะละเลย — ยายมุ้ย หญิงชราที่อาศัยอยู่ที่กระท่อมปลายหมู่บ้าน

ยายมุ้ยเป็นคนเงียบขรึม ไม่สุงสิงกับใคร และมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวในกระท่อมเก่าๆ ที่แสนห่างไกลจากคนอื่น 
ยายมุ้ยมักจะหายตัวไปในช่วงเวลากลางคืน และไม่มีใครเคยเห็นเธอตอนพระอาทิตย์ตก 
ชาวบ้านเริ่มพูดกันลับหลังถึงอดีตของเธอ บ้างว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีวิชาอาคม บ้างว่าเธอเคยติดต่อกับวิญญาณร้าย

คืนหนึ่ง ลุงจันนอนไม่หลับ เขาตัดสินใจลุกขึ้นมาสอดส่องดูความเคลื่อนไหวของหมู่บ้าน 
จู่ๆ เขาเห็นเงามืดของยายมุ้ยเดินผ่านหน้ากระท่อมของเขา เงานั้นดูผิดธรรมชาติ 
ทำให้เขารู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ลุงจันตัดสินใจตามยายมุ้ยไปอย่างเงียบๆ 
เขาพยายามไม่ให้ตัวเองถูกจับได้ แต่ทุกย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและความกลัว

เมื่อเดินมาถึงกระท่อมของยายมุ้ย ลุงจันหยุดยืนอยู่หลังพุ่มไม้ เขาเห็นแสงไฟริบหรี่ออกจากหน้าต่างกระท่อมเก่าๆ 
เสียงเหมือนคนกำลังพึมพำสวดมนต์หรือทำพิธีอะไรบางอย่างดังออกมาเบาๆ 
ทำให้ลุงจันรู้สึกเย็นวาบในอก เขาตัดสินใจไม่เข้าไปใกล้มากกว่านี้และรีบกลับบ้าน

“บางทีนี่อาจเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินกว่าที่ฉันจะเข้าใจ” ลุงจันพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะปิดประตูบ้านแน่น 
และภาวนาขออย่าให้สิ่งที่เขาคิดนั้นเป็นความจริง

วันรุ่งขึ้น ข่าวการตายของวัวตัวใหญ่ตัวหนึ่งแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้าน เครื่องในของมันหายไปทั้งหมด 
เหลือเพียงซากที่ถูกควักออกมาอย่างโหดเหี้ยม ชาวบ้านต่างตื่นตระหนกและเริ่มชี้นิ้วไปที่ยายมุ้ย 
หญิงชราที่อยู่โดดเดี่ยวในกระท่อมที่ดูเหมือนจะซ่อนความลับบางอย่างที่น่ากลัว…

ตอนที่ 2: สัตว์ที่ถูกสังเวย
ความตึงเครียดในหมู่บ้านหนองมะไฟยังคงทวีขึ้นทุกวัน สัตว์เลี้ยงหลายตัวถูกฆ่าตายอย่างลึกลับ 
ไก่หลายตัวหายไปจากเล้า เหลือเพียงซากที่ถูกควักเครื่องในจนหมด วัวตัวใหญ่ที่เคยให้ชาวบ้านนมและเนื้อถูกพบเป็นซากที่ไร้ชีวิต 
ชาวบ้านต่างพากันตื่นตระหนกและไม่สามารถอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ลุงจัน ผู้ที่เริ่มสงสัยเรื่องราวจากคืนก่อนหน้า สังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของยายมุ้ย 
ยายมุ้ยมักจะหายตัวไปในยามค่ำคืน เธอเดินผ่านหน้าบ้านเขาอย่างเงียบๆ 
ทุกคืน ในสายตาของลุงจัน มันไม่ใช่การเดินของคนปกติ มันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่มืดมนและน่ากลัวซ่อนอยู่ในตัวหญิงชราคนนั้น

ข่าวลือเริ่มแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้าน ชาวบ้านซุบซิบกันว่าอาจจะมีผีปอบในหมู่บ้าน 
และเป้าหมายที่ทุกคนพูดถึงก็คือ ยายมุ้ย บางคนกล่าวว่าเธอเคยเป็นหมอผีในอดีต 
บางคนเล่าว่าเธอเคยทำพิธีบางอย่างที่ต้องแลกด้วยชีวิตสัตว์ ชาวบ้านเริ่มหวาดกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้ยายมุ้ย
 เธอจึงถูกทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยวในกระท่อมปลายหมู่บ้าน

ป้าสมใจ ภรรยาของลุงจัน เป็นคนที่กลัวผีอย่างรุนแรง เธอมักจะเตือนลุงจันให้ระวังและห้ามเข้าใกล้ยายมุ้ย 
แต่ลุงจันผู้ไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีกลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่เขายังไม่เข้าใจ 
“ผีปอบมันก็แค่เรื่องเล่า ไม่ต้องไปกลัวอะไรหรอก” ลุงจันพูดปลอบภรรยา แต่ลึกๆ ในใจเขาเริ่มสงสัยมากขึ้นทุกวัน

คืนหนึ่ง ขณะที่ลุงจันนั่งอยู่หน้าบ้าน เสียงหมาเห่าดังขึ้นจากเล้าหลังบ้าน เขารีบวิ่งไปดูก็พบว่า 
สุนัขตัวโปรดของเขาถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม เครื่องในของมันถูกควักออกไปจนหมด 
เหมือนกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ที่ตายมาก่อน ลุงจันรู้สึกหนาววาบไปทั่วร่างกาย ความกลัวเข้าครอบงำเขาอย่างไม่รู้ตัว
"ต้องเป็นฝีมือของผีปอบแน่ๆ!" ป้าสมใจร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก

ในคืนนั้นเอง ลุงจันตัดสินใจว่าเขาจะต้องรู้ความจริง เขาไม่อาจทนให้สิ่งลึกลับนี้ทำร้ายสัตว์เลี้ยงและทำให้หมู่บ้านต้องหวาดกลัวอีกต่อไป 
ลุงจันจึงตัดสินใจแอบเข้าไปตรวจสอบที่กระท่อมของยายมุ้ยในคืนนั้น

เมื่อเขาเดินเข้าใกล้กระท่อมที่มืดสนิท เสียงฝีเท้าของเขาเงียบหายไปในความมืด 
ลุงจันรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้นขณะที่เขาค่อยๆ เข้าไปใกล้หน้าต่างของกระท่อม 
แสงไฟริบหรี่จากในกระท่อมทำให้ลุงจันเห็นร่องรอยบางอย่างบนพื้นดิน 
เขาคุกเข่าลงแล้วพบว่ามันคือรอยเลือด รอยเลือดสดๆ ที่ยังไม่แห้งดี

ลุงจันรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ รอยเลือดนี้นำไปสู่ประตูของกระท่อม 
เขาตัดสินใจเอื้อมมือไปเปิดประตูด้วยความลังเล แต่ทันทีที่มือของเขาแตะบานประตู 
เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นมาจากด้านในกระท่อม เขารีบถอยหลังด้วยความตื่นตกใจ หัวใจของเขาเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ

“ยายมุ้ย... หรือว่า... เป็นจริงอย่างที่เขาว่ากัน?” ลุงจันพึมพำกับตัวเอง ขณะที่แสงจากในกระท่อมค่อยๆ จางหายไป...

ตอนที่ 3: การเข้าสิงครั้งแรก
หลังจากคืนที่ลุงจันพบรอยเลือดที่กระท่อมของยายมุ้ย ความสงสัยและความหวาดกลัวในใจของเขายิ่งทวีคูณ 
เขากลับบ้านด้วยความหวาดระแวง แต่ไม่กล้าบอกใครว่าเขาเห็นอะไร เขาเลือกที่จะเงียบและหวังว่ามันจะจบลงเอง

แต่ไม่กี่วันต่อมา เรื่องราวที่ลุงจันกลัวที่สุดก็เกิดขึ้น ลูกชายของเขา
 นายแสง ที่เป็นหนุ่มแข็งแรงมาตลอดเริ่มมีอาการป่วยอย่างฉับพลัน 
แรกเริ่ม นายแสงแค่บ่นว่ารู้สึกอ่อนเพลียและเวียนศีรษะ แต่ในเวลาไม่นาน 
อาการของเขาก็เริ่มทรุดลงอย่างรวดเร็ว นายแสงมีอาการเจ็บท้องรุนแรง และเริ่มมีไข้สูงขึ้นเรื่อยๆ 
ไม่มีใครในหมู่บ้านสามารถอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

หมออุ่น แพทย์ประจำหมู่บ้านถูกเรียกตัวมาดูอาการของนายแสง แต่ถึงแม้หมออุ่นจะตรวจสอบอาการอย่างละเอียด 
เขาก็ไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่ามันคือโรคอะไร 
"ไม่เคยเห็นอาการแบบนี้มาก่อน... ไม่ใช่โรคปกติแน่ๆ" หมออุ่นพูดกับลุงจันและป้าสมใจที่ยืนมองลูกชายอย่างสิ้นหวัง

คืนหนึ่ง ขณะที่นายแสงนอนครางเบาๆ ด้วยความเจ็บปวดอยู่ในห้อง 
ยายมุ้ยที่ชาวบ้านต่างสงสัยก็เงียบสงัดในกระท่อมของเธอ แต่ในความมืดมิดนั้น มีสิ่งที่ไม่มีใครรู้ 

ยายมุ้ยเริ่มเข้าสิงร่างของนายแสง ความหิวโหยของเธอไม่อาจระงับได้อีกต่อไป
ในยามดึก คืนนั้น นายแสงเริ่มมีอาการแปลกๆ เขากระสับกระส่ายและมีท่าทางเหมือนกับคนที่ไม่เป็นตัวเอง 
ดวงตาของเขามีประกายแดงวาบวาวในความมืด เขาลุกขึ้นมาจากเตียงในสภาพเหมือนคนบ้า ปากของเขาคำรามเบาๆ อย่างน่ากลัว

ลุงจันและป้าสมใจที่อยู่ในห้องข้างๆ ได้ยินเสียงนายแสงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด 
พวกเขารีบวิ่งเข้ามาดูและพบว่าลูกชายของพวกเขากำลังนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น 
หัวใจของพวกเขาแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นว่าท้องของนายแสงบวมโตอย่างผิดปกติ 
ป้าสมใจร้องไห้ด้วยความตกใจ ขณะที่ลุงจันทำอะไรไม่ถูก

"ลูกเรา... ลูกเราเป็นอะไรไป!" ป้าสมใจร้องไห้สะอื้น
หมออุ่นถูกเรียกมาอีกครั้ง เขามองนายแสงด้วยความสับสน 
"อาการนี้... ผมไม่เคยเห็นมาก่อน..." หมออุ่นพูดพลางส่ายหัว เขาพยายามใช้ทุกวิธีการรักษาเท่าที่รู้ 
แต่ไม่มีสิ่งใดสามารถช่วยนายแสงได้

คืนต่อมา อาการของนายแสงยิ่งทรุดหนักลง เขาเริ่มมีอาการซึมและไม่ตอบสนองต่อสิ่งรอบตัว 
ปากของเขาเริ่มมีเลือดซึมออกมาเบาๆ ราวกับว่าเครื่องในของเขากำลังถูกกัดกินจากภายใน

ในคืนนั้น นายแสงเสียชีวิตอย่างลึกลับ ร่างกายของเขาผอมแห้งเหมือนกับถูกดูดเอาเลือดและเครื่องในออกไปจนหมด 
ลุงจันและป้าสมใจตกอยู่ในความเศร้าโศกอย่างหนัก แต่สิ่งที่หนักยิ่งกว่าคือความหวาดกลัวที่แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน

ทุกคนเริ่มพูดกันว่า ผีปอบยายมุ้ยกลับมาแล้ว และคราวนี้ เธอก็เริ่มเข้าสิงและกินคนในหมู่บ้าน!
เสียงลือสะพัดไปทั่วว่าใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป...

ตอนที่ 4: ผีปอบเริ่มอาละวาด
หลังจากการตายอันน่าสะพรึงกลัวของนายแสง เหตุการณ์เลวร้ายยิ่งทวีคูณ 
สัตว์เลี้ยงในหมู่บ้านยังคงถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม 
แต่คราวนี้ ผีปอบยายมุ้ยเริ่มหันไปหาเหยื่อที่เป็นมนุษย์ 
ชาวบ้านที่หลงเหลืออยู่ในหมู่บ้านหนองมะไฟต้องอยู่ในความหวาดกลัวตลอดเวลา ใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป ไม่มีใครรู้

คืนหนึ่ง ลุงมั่น ชายชราที่อาศัยอยู่คนเดียวในบ้านเก่า ๆ ริมป่า เริ่มมีอาการแปลกประหลาด 
หลังจากที่เขากลับมาจากทุ่งนา ลุงมั่นรู้สึกปวดท้องอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดนั้นทรมานจนเขาต้องนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น 
กระทั่งเสียงร้องของเขาดังจนเพื่อนบ้านได้ยิน 
ป้าสมใจ และชาวบ้านรีบวิ่งมาดู พวกเขาพบลุงมั่นนอนชักกระตุก ดวงตาเหลือกขึ้น 
และปากที่เคยเป็นสีธรรมชาติเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวซีด

"มันเกิดอะไรขึ้น! ใครก็ได้ช่วยที!" ป้าสมใจร้องลั่นด้วยความตกใจ
แต่ทุกอย่างสายเกินไป เมื่อชาวบ้านมาถึง ลุงมั่นได้หยุดหายใจไปแล้ว 
ร่างกายของเขาผอมลงอย่างน่ากลัว ราวกับเครื่องในของเขาถูกดูดออกไปจนหมด 
คำเล่าลือเรื่องผีปอบยายมุ้ยยิ่งกระจายไปทั่วหมู่บ้าน ผู้คนพากันหวาดกลัวไม่กล้าออกจากบ้านยามค่ำคืน

หลายคนในหมู่บ้านพยายามหลบหนีออกไป แต่เหมือนมีบางสิ่งที่มองไม่เห็นกักพวกเขาไว้ 
ผู้ที่พยายามหนีมักพบจุดจบในป่า หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จนทุกคนตระหนักว่าหนีไปก็ไม่มีทางรอด 
ชาวบ้านที่เหลือจึงตัดสินใจรวมตัวกันที่วัด โดยเชื่อว่าที่นั่นจะเป็นที่ปลอดภัยเพียงแห่งเดียว

เมื่อทุกคนมารวมตัวกันในศาลาของวัด หลวงพ่อคำปัน พระผู้เป็นที่เคารพของหมู่บ้าน 
รับรู้ถึงความหวาดกลัวในหมู่ชาวบ้าน หลวงพ่อสังเกตเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความวิตกและความสิ้นหวังของพวกเขา
 หลวงพ่อกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบแต่หนักแน่นว่า "ผีปอบยายมุ้ยอยู่เหนือธรรมชาติ ต้องมีวิธีปราบเธอ เราจะไม่หนีจากสิ่งนี้ไปได้ เราต้องร่วมมือกัน"

ชาวบ้านพากันพยักหน้าแม้ใจจะเต็มไปด้วยความกลัว หลวงพ่อเริ่มวางแผนพิธีขับไล่ผีปอบที่ไม่เคยทำมาก่อน 
เขาให้ทุกคนร่วมมือกันเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ 
และในขณะเดียวกัน หลวงพ่อก็รู้ว่าผีปอบยายมุ้ยจะไม่ยอมปล่อยชาวบ้านง่ายๆ
ท่านรู้ว่าการเผชิญหน้านี้จะเป็นการต่อสู้ที่อันตราย
ชาวบ้านพากันตั้งใจฟังคำสั่งของหลวงพ่อ พวกเขารู้ว่าครั้งนี้อาจเป็นโอกาสสุดท้าย
ที่จะหยุดยั้งการสังหารอย่างโหดเหี้ยมที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านของพวกเขา

ตอนที่ 5: การปราบผีปอบยายมุ้ย
หมู่บ้านหนองมะไฟเต็มไปด้วยความหวาดกลัวหลังการตายของลุงมั่น ชาวบ้านที่เหลือทั้งหมดรวมตัวกันที่วัด 
โดยมี ผู้ใหญ่เสก เป็นผู้นำในการวางแผนการเผชิญหน้ากับผีปอบยายมุ้ย 
แม้ชาวบ้านจะกลัวจนตัวสั่น แต่ทุกคนรู้ดีว่าการอยู่เฉย ๆ ไม่ใช่ทางออก 
พวกเขาจำเป็นต้องร่วมมือกันกับ หลวงพ่อคำปัน เพื่อจัดการกับผีปอบให้สิ้นซาก
 
ในยามค่ำคืนเมื่อดวงจันทร์ลอยสูง หลวงพ่อคำปันเริ่มทำพิธีสวดมนต์ขับไล่วิญญาณร้าย
เสียงสวดมนต์ที่ดังสะท้อนก้องไปทั่ววัดสร้างความรู้สึกขลังและยิ่งใหญ่
ผู้ใหญ่เสกนำชาวบ้านหลายคนที่ถือเครื่องรางและอาวุธโบราณเตรียมพร้อมรออยู่รอบๆ วัด
พวกเขารู้ดีว่าการต่อสู้กับผีปอบยายมุ้ยไม่ใช่เรื่องง่าย

ขณะที่พิธีกำลังดำเนินไป จู่ ๆ ลมพัดแรงอย่างผิดปกติ แสงไฟในวัดเริ่มสั่นไหว 
ยายมุ้ย ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าวัด ดวงตาของเธอเปล่งแสงแดงเรืองราวกับเปลวไฟ 
ร่างของเธอดูซีดขาวจนเหมือนกับวิญญาณที่ออกมาจากปรโลก ชาวบ้านหลายคนถอยกรูดไปข้างหลังด้วยความหวาดกลัว 
แต่ผู้ใหญ่เสกและหลวงพ่อยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง

"วันนี้แหละ จะเป็นวันสุดท้ายของเจ้า!" หลวงพ่อคำปันประกาศเสียงเข้มขณะหยิบผ้ายันต์ออกมาโบกในอากาศ
ยายมุ้ยหัวเราะเสียงแหลมสูง น่าขนลุก แต่ก่อนที่เธอจะได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่