คืนฝนตกหนักในหมู่บ้านริมแม่น้ำ ฟ้าผ่าส่องเห็นชายชราผมขาวโพลน ก้าวขึ้นจากแพไม้เก่า
ผิวซีดขาวเรืองแสง ร่างกายแข็งแรงเกินวัย ชาวบ้านมองเขาด้วยความสงสัย บางคนกระซิบว่า
เขาไม่ใช่คนจากที่นี่ แต่ก็ชวนเขามาพักด้วยความเป็นมิตร คืนแรก อากาศเย็นยะเยือกผิดปกติ
ไม่กี่วันต่อมา หญิงสาวสามคนตายเงียบ ๆ ไม่มีรอยแผล ไม่มีสาเหตุ...
ก่อนตาย พวกเธอเล่าว่าได้ยินลมหายใจแผ่ว ๆ ในความมืด และฝันเห็นเขายืนมองจากปลายเตียง
ตาแดงก่ำ ชาวบ้านเรียกเขาว่า ‘ตาพวง’ และเชื่อว่าเขาคือผีปอบ
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเล่าครับ แต่เป็นเรื่องของผีปอบตนแรก ที่ถูกจารึกไว้จริงในประวัติศาสตร์ไทย
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ก่อนตีสามจะพาเพื่อน ๆ ไปพบกับ รากเหง้าแห่งความลี้ลับของผีปอบ
ที่ไม่มีใครหยิบยกมาพูดกันมากนัก ตัวผมเอง คิดว่าปอบเป็นผีที่แตกต่างจากผีชนิดอื่นอย่างชัดเจน
มีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ กระสืออาจลอยหัวกับไส้ มาหลอกตอนคืนเดือนมืด
ผีตายโหงอาจโผล่ข้างทาง แต่ปอบต่างออกไปครับ มันไม่ใช่ผีที่คุณเห็นแล้ว ชี้ได้ว่านี่คือผี
มันซ่อนอยู่ในร่างคน อยู่ในเพื่อนบ้านที่คุณทักทายทุกวัน
หรือแม้แต่คนในครอบครัว... ปอบไม่ใช่แค่ผีที่มาหลอก แต่คือคำสาปที่ฝังอยู่ในร่างมนุษย์
มันฉลาด มันร้ายกาจ และมันอยู่ใกล้กว่าที่คุณคิด ถ้าคุณได้ยินลมหายใจแผ่ว ๆ ใกล้หู
แต่ไม่มีใครในห้อง หรือตื่นมาเจอกลิ่นเน่าจาง ๆ โดยไม่มีที่มา อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นั่นละครับ ชาวบ้านเขาเชื่อกันว่า
ปอบกำลังอยู่ใกล้ ๆ
แล้วปอบมันมาจากไหนกันแน่? ในตำนานผีไทย โดยอาจารย์เทวัญ วรรณรักษ์
เล่าไว้แบบนี้ครับ มันเริ่มจากคนที่ฝึกไสยศาสตร์
หรือมนต์ดำเกินขอบเขต ชาวบ้านสมัยอยุธยาเชื่อว่า ผู้ที่อยากได้พลังเหนือธรรมชาติ
อย่างวิชาคงกระพัน หรือการเรียกวิญญาณ
มักถูกพลังร้ายนั้นครอบงำ... พวกเขาตายไปพร้อมความโลภ
และวิญญาณไม่ยอมจากไปไหน... ติดอยู่ในร่างนั้น จนคนเหล่านั้นกลายเป็นปอบ
ที่ต้องหาร่างใหม่ให้สิงต่อไปเรื่อย ๆ
สิ่งที่น่าสนใจคือเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ในตำนานไทยเท่านั้น
จดหมายเหตุของลาลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศส ที่มาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ บันทึกไว้ว่า
ชาวสยามมีพิธีกรรมลึกลับ ที่เรียกวิญญาณจากที่มืด... ถ้าควบคุมไม่ได้
พลังนั้นจะกลายเป็นภัย... นี่แหละครับ
จุดเริ่มต้นของปอบที่มีมามากกว่า 300 ปี ถือว่าเป็นหนึ่งในผีที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยเลยก็ว่าได้
แล้วเวลาก็ผ่านไป จนมาถึงความเชื่อของผีปอบในภาคอีสาน
ความเชื่อนี้ ฝังจนหยั่งรากลึก จนอยู่ในวิถีชาวบ้านของคนบางพื้นที่ในสมัยก่อนครับ
ชาวบ้านแถวนครพนมเล่ามานานว่า
หมอผีบางคน เคยทำพิธีต้องห้ามเพื่อเพิ่มพลัง...
พวกเขาเรียกวิญญาณร้ายมาเสริมตัวเอง แต่ถ้าพลาด ร่างกายจะถูกยึด...
มีเรื่องเล่าจากหมู่บ้านหนึ่ง หมอผีคนนึง ตายไปหลังทำพิธีไม่กี่วัน
แต่ไม่นาน ชาวบ้านเริ่มเห็นเขากลับมาเดินตอนกลางคืน... ตาแดงก่ำ ตัวซีดขาว...
คืนนั้น กลิ่นเน่าลอยมาจากบ้านเขา และคนในครอบครัวเริ่มป่วยหนัก...
ไม่กี่วัน ทุกคนตายเงียบๆ เหลือแค่ร่างที่ไร้ชีวิต...
ชาวบ้านบอกว่า ปอบดูดพลังชีวิตไปจนหมด ไม่เหลือแม้แต่วิญญาณครับ
ความเชื่อนี้มีหลายพื้นที่มาก ภาคเหนือก็เช่นกัน ในคัมภีร์ใบลานเก่าที่พบในวัดล้านนา
บันทึกถึงคนที่ฝึกวิชาคงกระพัน แต่ตายกระทันหันก่อนปลดปล่อยพลัง...
วิญญาณของพวกเขาติดอยู่ในร่าง จนกลายเป็นปอบ...
มีเรื่องเล่าหนึ่งจากเชียงใหม่ หมู่บ้านหนึ่งพบเด็กชายเปลี่ยนไปหลังพ่อตาย...
กลางวัน เขายังช่วยงานในบ้าน...
แต่คืนหนึ่ง ชาวบ้านเห็นเขาลุกจากที่นอน เดินไปนั่งนิ่งหน้าบ้าน...
ตาแดงก่ำ มองไปในความมืด... แม่ของเขาคิดว่าเด็กฝันร้าย เลยไม่สนใจ...
แต่คืนต่อมา มีคนเห็นแสงเขียวลอยจากตัวเขา... เสียงหายใจแผ่วๆ ดังในความเงียบ... เขาไม่ตอบเมื่อถูกเรียก...
ไม่กี่สัปดาห์ แม่ของเขาตายอย่างไม่มีสาเหตุ ก่อนตายแม่ของเด็กคุยกับคนรู้จักว่า ช่วงนี้นางฝันร้ายทุกคืน
ชาวบ้านเชื่อว่า ปอบจากพ่อย้ายมาสิงลูก และกำลังหาคนต่อไป
และเรื่องที่หยิบยกมาเล่าให้ฟังตอนต้นเรื่อง
เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในจังหวัดอุตรดิตถ์ สมัยรัชกาลที่ 5 ในหนังสือ วชิรญาณวิเศษ
ได้บันทึกเรื่องตาพวงไว้ชัดเจนครับ
ชายชราที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใคร มาจากไหน... เขาเข้ามาในหมู่บ้าน แล้วคนเริ่มตาย...
ชาวบ้านเล่าว่า ก่อนตาย เหยื่อได้ยินลมหายใจในความเงียบ...
บางคนฝันถึงเขายืนจ้องจากปลายเตียง ตาแดง ไม่พูดอะไร...
ความตายลามไปทั่วหมู่บ้าน จนชาวบ้านเริ่มหวาดกลัว
แต่เพราะเป็นหนังสือที่ชนชั้นสูง ถึงจะได้อ่านเท่านั้นครับ
เรื่องของปอบตาพวง จึงไม่มีใครรู้มากนัก คนในสมัยก่อนนี่เจออะไรหลอน ๆ กันเยอะครับ
อย่างเรื่องเล่านี้ก็เช่นกัน เป็นเรื่องเล่าที่เห็นปอบกับตาทีเดียว
เรื่องนี้เล่าจากบ้านน้ำเกี๋ยน อำเภอภูหลวง จังหวัดเลย ในช่วง พ.ศ. 2510
มีชาวบ้านเล่าถึงหญิงสาวคนหนึ่ง ชื่อ "นางคำ" นางคำเนี้ย ป่วยหนักแล้วเสียชีวิตอย่างกะทันหันครับ
หลังจากนั้น ชาวบ้านเริ่มเห็นเงาคน เดินไปมาใกล้บ้านของเธอตอนดึก พร้อมกลิ่นเน่าจาง ๆ
คืนหนึ่ง ชายหนุ่มที่กลับจากทุ่งนา เห็นนางคำยืนอยู่ใต้ต้นมะขามริมทาง
เธอหันมามองด้วยตาแดงฉานและยิ้มแปลก ๆ เขาตกใจจนวิ่งกลับบ้าน
หลังจากนั้น เขาเริ่มได้ยินเสียงกระซิบข้างหูทุกคืน จนต้องย้ายออกจากหมู่บ้าน
ชาวบ้านเชื่อว่านางคำถูกปอบสิงก่อนตาย และวิญญาณของเธอกลายเป็นปอบที่ออกหากินในหมู่บ้านครับ
นี่แหละครับปอบ มันไม่ใช่แค่ผีที่มาหลอกแล้วหายไป แต่มันคือคำสาปที่ฝังอยู่ในร่างมนุษย์
มันฉลาด มันซ่อนตัว และมันไม่หยุดที่คนเดียว...
ชาวบ้านกลัวมันมากกว่าผีทุกตัว เพราะคุณไม่มีทางรู้ว่าใครคือปอบ จนกว่ามันจะลงมือ...
ถ้าคืนหนึ่ง คุณได้ยินลมหายใจแผ่วๆ ใกล้หู แต่ไม่มีใครในห้อง...
หรือเห็นคนในบ้านยืนนิ่งในความมืด ตาแดงก่ำ... คุณจะทำยังไงครับ?
ผีปอบ ความลับในร่างคน - Documentary
ผิวซีดขาวเรืองแสง ร่างกายแข็งแรงเกินวัย ชาวบ้านมองเขาด้วยความสงสัย บางคนกระซิบว่า
เขาไม่ใช่คนจากที่นี่ แต่ก็ชวนเขามาพักด้วยความเป็นมิตร คืนแรก อากาศเย็นยะเยือกผิดปกติ
ไม่กี่วันต่อมา หญิงสาวสามคนตายเงียบ ๆ ไม่มีรอยแผล ไม่มีสาเหตุ...
ก่อนตาย พวกเธอเล่าว่าได้ยินลมหายใจแผ่ว ๆ ในความมืด และฝันเห็นเขายืนมองจากปลายเตียง
ตาแดงก่ำ ชาวบ้านเรียกเขาว่า ‘ตาพวง’ และเชื่อว่าเขาคือผีปอบ
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเล่าครับ แต่เป็นเรื่องของผีปอบตนแรก ที่ถูกจารึกไว้จริงในประวัติศาสตร์ไทย
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ก่อนตีสามจะพาเพื่อน ๆ ไปพบกับ รากเหง้าแห่งความลี้ลับของผีปอบ
ที่ไม่มีใครหยิบยกมาพูดกันมากนัก ตัวผมเอง คิดว่าปอบเป็นผีที่แตกต่างจากผีชนิดอื่นอย่างชัดเจน
มีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ กระสืออาจลอยหัวกับไส้ มาหลอกตอนคืนเดือนมืด
ผีตายโหงอาจโผล่ข้างทาง แต่ปอบต่างออกไปครับ มันไม่ใช่ผีที่คุณเห็นแล้ว ชี้ได้ว่านี่คือผี
มันซ่อนอยู่ในร่างคน อยู่ในเพื่อนบ้านที่คุณทักทายทุกวัน
หรือแม้แต่คนในครอบครัว... ปอบไม่ใช่แค่ผีที่มาหลอก แต่คือคำสาปที่ฝังอยู่ในร่างมนุษย์
มันฉลาด มันร้ายกาจ และมันอยู่ใกล้กว่าที่คุณคิด ถ้าคุณได้ยินลมหายใจแผ่ว ๆ ใกล้หู
แต่ไม่มีใครในห้อง หรือตื่นมาเจอกลิ่นเน่าจาง ๆ โดยไม่มีที่มา อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นั่นละครับ ชาวบ้านเขาเชื่อกันว่า
ปอบกำลังอยู่ใกล้ ๆ
แล้วปอบมันมาจากไหนกันแน่? ในตำนานผีไทย โดยอาจารย์เทวัญ วรรณรักษ์
เล่าไว้แบบนี้ครับ มันเริ่มจากคนที่ฝึกไสยศาสตร์
หรือมนต์ดำเกินขอบเขต ชาวบ้านสมัยอยุธยาเชื่อว่า ผู้ที่อยากได้พลังเหนือธรรมชาติ
อย่างวิชาคงกระพัน หรือการเรียกวิญญาณ
มักถูกพลังร้ายนั้นครอบงำ... พวกเขาตายไปพร้อมความโลภ
และวิญญาณไม่ยอมจากไปไหน... ติดอยู่ในร่างนั้น จนคนเหล่านั้นกลายเป็นปอบ
ที่ต้องหาร่างใหม่ให้สิงต่อไปเรื่อย ๆ
สิ่งที่น่าสนใจคือเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ในตำนานไทยเท่านั้น
จดหมายเหตุของลาลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศส ที่มาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ บันทึกไว้ว่า
ชาวสยามมีพิธีกรรมลึกลับ ที่เรียกวิญญาณจากที่มืด... ถ้าควบคุมไม่ได้
พลังนั้นจะกลายเป็นภัย... นี่แหละครับ
จุดเริ่มต้นของปอบที่มีมามากกว่า 300 ปี ถือว่าเป็นหนึ่งในผีที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยเลยก็ว่าได้
แล้วเวลาก็ผ่านไป จนมาถึงความเชื่อของผีปอบในภาคอีสาน
ความเชื่อนี้ ฝังจนหยั่งรากลึก จนอยู่ในวิถีชาวบ้านของคนบางพื้นที่ในสมัยก่อนครับ
ชาวบ้านแถวนครพนมเล่ามานานว่า
หมอผีบางคน เคยทำพิธีต้องห้ามเพื่อเพิ่มพลัง...
พวกเขาเรียกวิญญาณร้ายมาเสริมตัวเอง แต่ถ้าพลาด ร่างกายจะถูกยึด...
มีเรื่องเล่าจากหมู่บ้านหนึ่ง หมอผีคนนึง ตายไปหลังทำพิธีไม่กี่วัน
แต่ไม่นาน ชาวบ้านเริ่มเห็นเขากลับมาเดินตอนกลางคืน... ตาแดงก่ำ ตัวซีดขาว...
คืนนั้น กลิ่นเน่าลอยมาจากบ้านเขา และคนในครอบครัวเริ่มป่วยหนัก...
ไม่กี่วัน ทุกคนตายเงียบๆ เหลือแค่ร่างที่ไร้ชีวิต...
ชาวบ้านบอกว่า ปอบดูดพลังชีวิตไปจนหมด ไม่เหลือแม้แต่วิญญาณครับ
ความเชื่อนี้มีหลายพื้นที่มาก ภาคเหนือก็เช่นกัน ในคัมภีร์ใบลานเก่าที่พบในวัดล้านนา
บันทึกถึงคนที่ฝึกวิชาคงกระพัน แต่ตายกระทันหันก่อนปลดปล่อยพลัง...
วิญญาณของพวกเขาติดอยู่ในร่าง จนกลายเป็นปอบ...
มีเรื่องเล่าหนึ่งจากเชียงใหม่ หมู่บ้านหนึ่งพบเด็กชายเปลี่ยนไปหลังพ่อตาย...
กลางวัน เขายังช่วยงานในบ้าน...
แต่คืนหนึ่ง ชาวบ้านเห็นเขาลุกจากที่นอน เดินไปนั่งนิ่งหน้าบ้าน...
ตาแดงก่ำ มองไปในความมืด... แม่ของเขาคิดว่าเด็กฝันร้าย เลยไม่สนใจ...
แต่คืนต่อมา มีคนเห็นแสงเขียวลอยจากตัวเขา... เสียงหายใจแผ่วๆ ดังในความเงียบ... เขาไม่ตอบเมื่อถูกเรียก...
ไม่กี่สัปดาห์ แม่ของเขาตายอย่างไม่มีสาเหตุ ก่อนตายแม่ของเด็กคุยกับคนรู้จักว่า ช่วงนี้นางฝันร้ายทุกคืน
ชาวบ้านเชื่อว่า ปอบจากพ่อย้ายมาสิงลูก และกำลังหาคนต่อไป
และเรื่องที่หยิบยกมาเล่าให้ฟังตอนต้นเรื่อง
เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในจังหวัดอุตรดิตถ์ สมัยรัชกาลที่ 5 ในหนังสือ วชิรญาณวิเศษ
ได้บันทึกเรื่องตาพวงไว้ชัดเจนครับ
ชายชราที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใคร มาจากไหน... เขาเข้ามาในหมู่บ้าน แล้วคนเริ่มตาย...
ชาวบ้านเล่าว่า ก่อนตาย เหยื่อได้ยินลมหายใจในความเงียบ...
บางคนฝันถึงเขายืนจ้องจากปลายเตียง ตาแดง ไม่พูดอะไร...
ความตายลามไปทั่วหมู่บ้าน จนชาวบ้านเริ่มหวาดกลัว
แต่เพราะเป็นหนังสือที่ชนชั้นสูง ถึงจะได้อ่านเท่านั้นครับ
เรื่องของปอบตาพวง จึงไม่มีใครรู้มากนัก คนในสมัยก่อนนี่เจออะไรหลอน ๆ กันเยอะครับ
อย่างเรื่องเล่านี้ก็เช่นกัน เป็นเรื่องเล่าที่เห็นปอบกับตาทีเดียว
เรื่องนี้เล่าจากบ้านน้ำเกี๋ยน อำเภอภูหลวง จังหวัดเลย ในช่วง พ.ศ. 2510
มีชาวบ้านเล่าถึงหญิงสาวคนหนึ่ง ชื่อ "นางคำ" นางคำเนี้ย ป่วยหนักแล้วเสียชีวิตอย่างกะทันหันครับ
หลังจากนั้น ชาวบ้านเริ่มเห็นเงาคน เดินไปมาใกล้บ้านของเธอตอนดึก พร้อมกลิ่นเน่าจาง ๆ
คืนหนึ่ง ชายหนุ่มที่กลับจากทุ่งนา เห็นนางคำยืนอยู่ใต้ต้นมะขามริมทาง
เธอหันมามองด้วยตาแดงฉานและยิ้มแปลก ๆ เขาตกใจจนวิ่งกลับบ้าน
หลังจากนั้น เขาเริ่มได้ยินเสียงกระซิบข้างหูทุกคืน จนต้องย้ายออกจากหมู่บ้าน
ชาวบ้านเชื่อว่านางคำถูกปอบสิงก่อนตาย และวิญญาณของเธอกลายเป็นปอบที่ออกหากินในหมู่บ้านครับ
นี่แหละครับปอบ มันไม่ใช่แค่ผีที่มาหลอกแล้วหายไป แต่มันคือคำสาปที่ฝังอยู่ในร่างมนุษย์
มันฉลาด มันซ่อนตัว และมันไม่หยุดที่คนเดียว...
ชาวบ้านกลัวมันมากกว่าผีทุกตัว เพราะคุณไม่มีทางรู้ว่าใครคือปอบ จนกว่ามันจะลงมือ...
ถ้าคืนหนึ่ง คุณได้ยินลมหายใจแผ่วๆ ใกล้หู แต่ไม่มีใครในห้อง...
หรือเห็นคนในบ้านยืนนิ่งในความมืด ตาแดงก่ำ... คุณจะทำยังไงครับ?