เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 1
https://ppantip.com/topic/40664092
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 2
https://ppantip.com/topic/40665034
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 3
https://ppantip.com/topic/40667049
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 4
https://ppantip.com/topic/40678456
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 5
https://ppantip.com/topic/40680266
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 6
https://ppantip.com/topic/40682283
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 7
https://ppantip.com/topic/40693498
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 8
https://ppantip.com/topic/40695663
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 9
https://ppantip.com/topic/40710032
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 10
https://ppantip.com/topic/40712032
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 11
https://ppantip.com/topic/40725377
ฉันค่อยหายใจคล่องขึ้นหน่อย เมื่อตอนที่เห็นบิดาและคุณสามี สองบุรุษกลับเข้ามาที่ห้องพักคนไข้ หลังจากหายไปดื่มกาแฟกัน อยู่นานสองนาน ด้วยท่าทางที่เป็นมิตรมากกว่าศัตรู จากนั้นไม่นานเราทั้งสี่ก็ปล่อยให้คุณแม่ และคุณพ่อมือใหม่อยู่กันตามลำพัง ด้วยการที่ผู้พันหมอ อาสาขับรถมาส่งพ่อแม่ของฉันที่บ้าน นอกจากที่ท่านผู้พันหมอจะมีความรู้เรื่องทหารเรือ และเรื่องโรคภัยไข้เจ็บแล้ว เขายังมีความรู้เรื่องต้นไม้ดอกไม้อีก
.... ผู้ชายอะไร เพอร์เฟคเว่อร์! ...
"แม่.. สองคนนั้น เขาจะคุยเรื่องต้นไม้ใบหญ้า ไปถึงไหนเนี่ย มาถึงบ้านแล้ว ก็เร่ไปดูสวนดอกไม้ทันที ตอนนี้เดินไปกันถึงไหนก็ไม่รู้ ทำไมไม่กลับกันสักที น้ำท่า ข้าวปลานี่ไม่ต้องกินกัน"
ฉันเดินไปเดินมา บ่นบ้าอยู่กับผู้เป็นแม่ ที่นั่งอยู่บนแคร่หน้าบ้าน ที่มือไม้ไม่ว่าง เพราะกำลังจัดของเครื่องใช้เด็ก ใส่ตะกร้า เพื่อที่จะเตรียมไว้ให้ฟ้าใส ที่จะออกจากโรงพยาบาล และกลับบ้านได้ในอีกไม่กี่วันนี้ ดวงตาของคุณนายบานชื่นมองดูฉันเดินไปมาจนเวียนหัว
"ก็กับพ่อ ลองได้คุยเรื่องต้นไม้ ดอกไม้ล่ะก็ แม่ว่าอีกนานกว่าจะกลับมากัน ถ้ามีนายปกรณ์ เกษตรอำเภอร่วมด้วย คงกลับกันมืดแน่ๆ แล้วนี่หมอก จะเดินไปเดินมา ยืนชะเง้อคอยาว คอยอยู่ตรงนี้ให้แม่เวียนหัวทำไม แม่ว่าเข้าไปคอยข้างในดีกว่า ตรงนี้ร้อนออก" คุณนายบานชื่นเจ้าของสวนดอกไม้ใหญ่ที่สุดในตำบล เอ่ยปากชวน
"ที่ออกมาคอยนี้ ก็เพราะหิวนะสิแม่ บ่ายแล้วนะ ไอ้น้ำเต้าหู้เมื่อเช้า ย่อยไปตั้งแต่ไม่ทันจะเที่ยง" ฉันตอบหน้าละห้อย ก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งบนแคร่ใกล้ๆ กับผู้เป็นมารดา
"แม่ก็หิวเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้น แม่ว่าอย่ารอเลย เห็นสายบัวว่า มันทำน้ำพริกหนุ่มของโปรดของเราไว้ ถ้ายังไง บอกให้ตั้งโต๊ะเลยดีกว่านะ"
"น้าบานจ๋า" เสียงใสที่แสนจะคุ้นเคยทักทายหวานมาแต่ไกล
“นี่พ่อคิด จะเรียกชื่อน้าดีๆ สักครั้งได้ไหมนี่ น้าบานชื่นจ้า ไม่ใช่น้าบานเฉยๆ” คนสูงวัยกว่าเอ่ยทักชายหนุ่มที่เดินตรงมาอย่างสดใส
“อ้าววันนี้น้องหมอกก็อยู่ด้วยหรือจ๊ะ" นายสมคิด ลูกชายเสี่ยสมหมาย ร้าน ส. การเกษตร เดินยิ้มร่าตรงเข้ามาหา ในมือถือข้าวของพะรุงพะรัง
"มายังไงล่ะพ่อคิด" แม่ของฉันเอ่ยปากทัก ชายผิวขาวผ่อง หน้าตี๋ ร่างสันทัด ที่เดินมาวางข้าวของที่หอบมาบนแคร่ใกล้ๆ กับ ..น้าบานของนายคิด... แล้วยกมือไหว้คงสูงอายุกว่า อย่างนอบน้อม
"พอดีผมทราบว่าน้องฟ้าไปคลอดที่โรงพยาบาลเมื่อเช้านี้ครับ ผมเลยแวะมาหา กะว่าจะเอาของใช้เด็กอ่อน มาฝากครับผม"
"ต๊าย... ไม่น่าลำบาก" คุณนายบานชื่น ออกอาการดีใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะอีตาสมคิดนี่แหละ ที่คุณนายบานชื่นหมายมั่นปั้นมือให้เป็นลูกเขยคนโต
"ดูสิหมอก พี่เขาช่างเป็นคนมีน้ำใจ"
"นี่เพราะเคยมีลูกแล้ว ถึงรู้ว่าเด็กอ่อนเขาใช้อะไรบ้างล่ะสิ" ฉันแขวะคุณพ่อหม้ายลูกหนึ่ง
"นั่นสินะ เขาเรียกว่าคนมีประสบการณ์ อย่างนี้คงต้องขอให้มาช่วยปกรณ์ เรื่องการเลี้ยงเด็กแล้วนะ" คุณยายคนใหม่ยังปลื้มหลานชายไม่หาย
"เขาได้ลูกชาย ชื่อน้องทิวเมฆ หน้าตาน่าเกลียดน่าชัง"
"ไม่มีปัญหาครับผม เพราะตั้งแต่แม่ของนายเคน ตายไปก็มีแต่ผมกับป๊านี่แหละครับ ที่คอยเลี้ยงเขามาตลอด" คนพูดถึงลูกชายวัยห้าขวบ ที่แก่นเหลือรับประทาน ก่อนที่จะหันมาทำหน้าเศร้าให้ฉัน
"ผมหวังแต่ว่าจะมีใครสักคนที่จะมาเป็นแม่ของนายเคนนะครับ จะได้ช่วยกันเลี้ยงนายเคน" คนพูดหันมามองและส่งสายตาให้ฉันตรงๆ
"อ้าวพ่อคิดไปยังไง มายังไงถึงมาถึงที่นี่ได้" เสียงทุ้มทักนายหน้าจืด ทำให้เขาหันไปทางต้นเสียง
"สวัสดีครับอาจารย์" คนพูดยกมือไหว้บิดาของฉันอย่างนอบน้อม
"เออไหว้พระเถอะพ่อคุณ" คนแก่กว่ารับมือไหว้ ก่อนที่จะถามต่อไปว่า
"มาหาหมอกเหรอ"
"ก็มาเยี่ยมทุกๆ คนแหละครับ พอดีเอาของใช้เด็กอ่อน มาฝากน้องฟ้ากับคุณเกษตรอำเภอครับ เพราะทราบข่าวว่าคลอดแล้วเมื่อเช้านี้"
นายหน้าจืดพูด พลางชำเลืองดูคนร่างสูงกำยำ ผิวสีคล้ำ ที่ยืนเคียงข้างฉัน ก่อนจะพูดต่อว่า
"ไม่คิดว่าจะได้เจอน้องหมอกวันนี้หรอกครับ เพราะเห็นไม่กลับบ้านมาหลายเดือนแล้ว"
"ที่ไม่ได้กลับมาก็อาจเป็นเพราะเหม็นหน้าใครบางคนไงล่ะ" ฉันงึมงำพึมพำอยู่คนเดียว ก่อนที่จะสบสายตาของคนที่ยืนใกล้ๆ ผู้เป็นบิดา ที่ส่งสายตาแปลกๆ มาให้ฉัน
"พ่อกับคุณจักร หิวแล้วล่ะ มีอะไรกินบ้าง" พ่อของฉันเอ่ยถามขึ้นมา
"สายบัวจัดโต๊ะคอยแล้ว ตอนแรกแม่กับหมอกจะไม่คอย ว่าจะไปกินกันก่อนแล้วนะ เพราะไม่รู้ว่าไปถึงไหนกัน"
"ก็คุยกันไปเดินกันไป คุณพ่อพาผมเลยไปเกือบถึงเนินเขาลูกโน้นแหละครับ" ลูกเขยคนใหม่เป็นฝ่ายตอบ
"เอ่อ อาจารย์ครับ ทำไมคุณคนนี้เรียก อาจารย์ว่าคุณพ่อ" นายสมคิดหน้าตี๋ ยื่นหน้ามาถาม
"เอ้า! ลืมแนะนำให้รู้จักแฟนหมอกเขา" พ่อของฉันเอ่ยตอบ
"สวัสดีครับ ผมนาวาโทนายแพทย์จักรินทร์ สามีคุณหมอกครับ" คุณสามีรีบตอบออกตัว โดยที่ไม่รอให้พ่อตาพูดจบ แถมยังวาดแขนมาโอบไหล่ฉันแน่น
"สวัสดีครับ ผมชื่อสมคิดครับ" นายหน้าจืด หน้าขาวเผือด แนะนำตัวเองอย่างตะกุกตะกัก
"พี่ไม่ทราบว่าน้องหมอกแต่งงานแล้ว ดีใจด้วยนะครับ"
"แม่ว่าไปกินข้าวกันเถอะ ตาคิดด้วยนะ อยู่คุยกันก่อน อย่าเพิ่งกลับ" คุณนายบานชื่นชวน
"ได้ครับผม เดี๋ยวผมจะขนของนี้เข้าบ้านให้นะครับ" นายสมคิดว่าแล้ว เขาก็หอบข้าวของเครื่องใช้สำหรับเด็กอ่อน เดินตามเจ้าของบ้านไป
"นี่คุณจะเลิกโอบฉันได้หรือยัง" ฉันเอ่ยก่อนที่จะ หันไปมองใบหน้าคม อย่างจริงจังก่อนที่เขาจะปล่อยฉันเป็นอิสระ
"ผมชักไม่แน่ใจเรื่องหมอดูที่คุณเล่าให้ผมฟังเสียแล้ว" หมอจักรกล่าวทีเล่นทีจริง
"คุณหมายความว่ายังไง"
"ก็ที่บอกว่าคุณจะขึ้นคานไง ที่ผมเห็นวันนี้ ก็มีนายสมคิดคนหนึ่งล่ะ ที่คงจะไม่ปล่อยให้คุณขึ้นคานแน่ๆ "
"พูดอะไรบ้าๆ "
"ผมว่าถ้าคุณจะขึ้นคานจริงๆ อาจจะเป็นเพราะคุณทำตัวแบบสวยเลือกได้มากกว่ามั้ง"
"ฉันไม่พูดกับคุณแล้ว ไปกินข้าวดีกว่า ฉันหิว"
_____________
เสียงจากวงเหล้าใต้ถุนบ้าน ที่เปิดโล่ง มีแคร่ไม้ไผ่ตัวใหญ่ ที่ตอนนี้นอกจากจะมี คุณครูเจ้าของบ้าน คุณหมอลูกเขย และนายห้างเจ้าของร้านการเกษตร ยังรวมไปถึงบรรพต หัวหน้าคนงาน สามีของสายบัว และคนงานอีกหลายคน นั่งรวมตัวดื่มเหล้าเคล้าเสียงเพลง ที่บรรพต เป็นต้นเสียง ทำให้เสียงดังขึ้นมาถึงเรือนบ้านชั้นบน
ฉันเดินออกมาที่ระเบียงเพื่อยืนมองฟ้าโปร่ง ไร้ดวงจันทร์ ในยามดึกของคืนนี้ ที่เปิดให้เห็นดวงดาวระยิบระยับพร่างพราวท้องฟ้า ลมเย็นๆ พัดโบกบรรเทาความร้อนอันอบอ้าว กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นจมูก ผสมกับกลิ่นเหล้า โชยเข้าจมูก ก่อนที่ฉันจะหันไปมองเจ้าของกลิ่นนั้น เขาได้รวบตัวฉันเข้าไว้แนบอกกว้าง ใบหน้าที่มีเคราสากๆ เคลียเคล้าที่แก้มของฉัน
"คืนนี้ฟ้าสวยนะครับ"
"คุณจักรปล่อยเถอะค่ะ อายเขาค่ะ" ฉันเอ่ยขึ้นเบาๆ
"ผัวจะกอดเมียอย่างนี้ จะอายใครที่ไหนครับ" เขาเอ่ยล้อเล่นกับฉันก่อนที่จะเอ่ยต่อไปว่า
"คุณใส่เสื้อผ้าอย่างนี้น่ารักดี" เขาหมุนตัวฉันให้หันหน้าไปหาเขา ดวงตาสวยกวาดมองเสื้อผ้าลูกไม้ และผ้าถุงที่ฉันใส่ประจำเมื่อมาพักที่บ้าน
"คุณทำให้ผมคิดถึงใครบางคนที่ชอบใส่ผ้าซิ่น นั่งร้อยพวงมาลัย"
"ใครคะ" ฉันถาม
"อ้าวคุณหมอ ผมตามหาซะทั่วเลย" นายสมคิดหน้าจืด ที่ตอนนี้หน้าแดงอย่างกับลูกตำลึงสุก เดินตุปัดตุเป๋เข้ามาใกล้
"ดึกแล้ว ผมว่าจะลากลับเสียที" เขาหันมายิ้มให้ฉัน
"พี่ยินดีด้วยนะน้องหมอก ที่ได้สามีเป็นคนดีมากอย่างคุณหมอ ถึงแม้พี่จะอกหัก แต่ก็ยินดีกับหมอกด้วยใจจริง"
"ขอบคุณค่ะ" ฉันตอบก่อนที่จะถามต่อไปว่า
"เมาอย่างนี้จะขับรถกลับบ้านไหวหรือ"
"พี่ยังไม่เมาเท่าไหร่หรอกครับ แค่นี้กลับบ้านได้สบายมาก" สมคิดหัวเราะเอิ๊กๆ ก่อนจะหันหลังกลับเดินจากไป
"อ้าวหมอกอยู่กับคุณจักรที่นี่เอง แม่ว่าจะให้สายบัวไปบอกว่าจัดห้องนอนให้แล้วนะ" แม่เดินมาบอกหลังจากที่สวนกับนายสมคิดที่บันได
"ดีเลยครับคุณแม่ ผมง่วงอยู่พอดี กะว่าจะให้คุณหมอกพาไปที่ห้องนอนพอดี"
"พูดน่าเกลียด" ฉันตีเข้าที่ต้นแขน
"เออ เรานี่ก็อายเป็นเหมือนกันนะ" คุณนายบานชื่นหัวเราะ ที่ได้พูดเล่นล้อลูกสาวตัวเอง
"แม่ก็จะไปตามพ่อเหมือนกัน ดึกแล้วเห็นที แม่ต้องสลายวงเหล้านี้สักที สายบัวมันนั่งตบยุงคอยบรรพตอยู่นานแล้วเหมือนกัน ปกติพ่อเขาไม่ค่อยดื่มเหล้าเท่าไหร่ แต่คืนนี้เห็นว่าดีใจ ได้ทั้งหลานชาย และลูกเขยในวันเดียวกัน" แม่ชวนคุย ก่อนที่จะไล่เราทั้งสองให้ไปเข้าห้องนอน
"อ้าวคุณจักร ไม่ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนหรือ" ฉันเอ่ยเมื่อเห็นคนตัวโตนอนราบไปกับที่นอน
"ขี้เกียจ" เขาตอบสั้นๆ เสียงอ้อแอ้
"คุณก็มานอนได้แล้ว" เขาตบที่นอนข้างๆ เป็นการเชิญชวน
"งั้นเปลี่ยนเสื้อก่อนดีกว่าไหม" ฉันเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบเล็กของเขา ที่วางอยู่มุมห้อง มาวางใกล้เขา
"ก็ได้ แต่คุณหยิบออกมาจากกระเป๋าให้ผมที"
เสียงอ้อแอ้ออดอ้อน ฉันทำท่าถอนหายใจก่อนที่จะหยิบเสื้อยืด และกางเกงนอนออกมาส่งให้เขา
"ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน" ฉันดึงแขนแข็งแรงนั้น หมายจะให้เขาลุกขึ้น แต่เขากลับดึงฉันลงไปนอนราบบนเตียง โดยที่ไม่ทันตั้งตัวเขาก็พลิกตัวนอนทับฉัน
"ว้ายคุณจักร" ฉันร้องเสียงหลง
"คุณจะทำอะไร"
"คุณกลัวผมเหรอ" เสียงทุ้มถามเรียบๆ ไร้รอยอ้อแอ้อย่างคนเมา ดวงตาคมจ้องมองสำรวจฉันอย่างค้นคว้า
"ก็.."
ฉันไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร รู้แต่ว่าหัวใจเต้นแรงแทบทะลุหน้าอกออกมา ลมหายใจติดขัดเหมือนจะเป็นลม
"ไม่ต้องกลัวผมหรอกนะคนดี"
เขาเลื่อนตัวลงนอนข้างฉัน แขนแข็งแรงรวบดึงตัวฉันเข้ากอดแน่น ฉันรับรู้ถึงแรงกดเบาๆ ที่กลางกระหม่อม เสียงสูดหายใจลึกๆ สองครั้งจากเขา ส่งความอบอุ่นจากร่างกายผ่านเข้าสู่หัวใจ
สักพักเขาก็ปล่อยฉันเป็นอิสระแล้วก็ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันเลื่อนตัวไปนอนในฝั่งของฉัน โดยที่ไม่ลืมคว้าหมอนข้างมากั้นกลางก่อนที่จะล้มตัวลงนอนห่มผ้าห่มถึงต้นคอ ปิดตาสนิทแกล้งทำเป็นหลับ เสียงเขาหัวเราะหึๆ ในคอ เมื่อมองเห็นลักษณะท่าทางการนอนของฉัน หลังจากที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ก่อนที่เขาจะล้มตัวนอนลงที่เตียง เขาพลิกตัวสองสามครั้งก่อนที่จะหลับไป แต่สำหรับฉัน คงจะอีกนานกว่าจะหลับได้
-------------------
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 8
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 2 https://ppantip.com/topic/40665034
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 3 https://ppantip.com/topic/40667049
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 4 https://ppantip.com/topic/40678456
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 5 https://ppantip.com/topic/40680266
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 6 https://ppantip.com/topic/40682283
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 7 https://ppantip.com/topic/40693498
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 8 https://ppantip.com/topic/40695663
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 9 https://ppantip.com/topic/40710032
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 10 https://ppantip.com/topic/40712032
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 11 https://ppantip.com/topic/40725377
ฉันค่อยหายใจคล่องขึ้นหน่อย เมื่อตอนที่เห็นบิดาและคุณสามี สองบุรุษกลับเข้ามาที่ห้องพักคนไข้ หลังจากหายไปดื่มกาแฟกัน อยู่นานสองนาน ด้วยท่าทางที่เป็นมิตรมากกว่าศัตรู จากนั้นไม่นานเราทั้งสี่ก็ปล่อยให้คุณแม่ และคุณพ่อมือใหม่อยู่กันตามลำพัง ด้วยการที่ผู้พันหมอ อาสาขับรถมาส่งพ่อแม่ของฉันที่บ้าน นอกจากที่ท่านผู้พันหมอจะมีความรู้เรื่องทหารเรือ และเรื่องโรคภัยไข้เจ็บแล้ว เขายังมีความรู้เรื่องต้นไม้ดอกไม้อีก
.... ผู้ชายอะไร เพอร์เฟคเว่อร์! ...
"แม่.. สองคนนั้น เขาจะคุยเรื่องต้นไม้ใบหญ้า ไปถึงไหนเนี่ย มาถึงบ้านแล้ว ก็เร่ไปดูสวนดอกไม้ทันที ตอนนี้เดินไปกันถึงไหนก็ไม่รู้ ทำไมไม่กลับกันสักที น้ำท่า ข้าวปลานี่ไม่ต้องกินกัน"
ฉันเดินไปเดินมา บ่นบ้าอยู่กับผู้เป็นแม่ ที่นั่งอยู่บนแคร่หน้าบ้าน ที่มือไม้ไม่ว่าง เพราะกำลังจัดของเครื่องใช้เด็ก ใส่ตะกร้า เพื่อที่จะเตรียมไว้ให้ฟ้าใส ที่จะออกจากโรงพยาบาล และกลับบ้านได้ในอีกไม่กี่วันนี้ ดวงตาของคุณนายบานชื่นมองดูฉันเดินไปมาจนเวียนหัว
"ก็กับพ่อ ลองได้คุยเรื่องต้นไม้ ดอกไม้ล่ะก็ แม่ว่าอีกนานกว่าจะกลับมากัน ถ้ามีนายปกรณ์ เกษตรอำเภอร่วมด้วย คงกลับกันมืดแน่ๆ แล้วนี่หมอก จะเดินไปเดินมา ยืนชะเง้อคอยาว คอยอยู่ตรงนี้ให้แม่เวียนหัวทำไม แม่ว่าเข้าไปคอยข้างในดีกว่า ตรงนี้ร้อนออก" คุณนายบานชื่นเจ้าของสวนดอกไม้ใหญ่ที่สุดในตำบล เอ่ยปากชวน
"ที่ออกมาคอยนี้ ก็เพราะหิวนะสิแม่ บ่ายแล้วนะ ไอ้น้ำเต้าหู้เมื่อเช้า ย่อยไปตั้งแต่ไม่ทันจะเที่ยง" ฉันตอบหน้าละห้อย ก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งบนแคร่ใกล้ๆ กับผู้เป็นมารดา
"แม่ก็หิวเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้น แม่ว่าอย่ารอเลย เห็นสายบัวว่า มันทำน้ำพริกหนุ่มของโปรดของเราไว้ ถ้ายังไง บอกให้ตั้งโต๊ะเลยดีกว่านะ"
"น้าบานจ๋า" เสียงใสที่แสนจะคุ้นเคยทักทายหวานมาแต่ไกล
“นี่พ่อคิด จะเรียกชื่อน้าดีๆ สักครั้งได้ไหมนี่ น้าบานชื่นจ้า ไม่ใช่น้าบานเฉยๆ” คนสูงวัยกว่าเอ่ยทักชายหนุ่มที่เดินตรงมาอย่างสดใส
“อ้าววันนี้น้องหมอกก็อยู่ด้วยหรือจ๊ะ" นายสมคิด ลูกชายเสี่ยสมหมาย ร้าน ส. การเกษตร เดินยิ้มร่าตรงเข้ามาหา ในมือถือข้าวของพะรุงพะรัง
"มายังไงล่ะพ่อคิด" แม่ของฉันเอ่ยปากทัก ชายผิวขาวผ่อง หน้าตี๋ ร่างสันทัด ที่เดินมาวางข้าวของที่หอบมาบนแคร่ใกล้ๆ กับ ..น้าบานของนายคิด... แล้วยกมือไหว้คงสูงอายุกว่า อย่างนอบน้อม
"พอดีผมทราบว่าน้องฟ้าไปคลอดที่โรงพยาบาลเมื่อเช้านี้ครับ ผมเลยแวะมาหา กะว่าจะเอาของใช้เด็กอ่อน มาฝากครับผม"
"ต๊าย... ไม่น่าลำบาก" คุณนายบานชื่น ออกอาการดีใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะอีตาสมคิดนี่แหละ ที่คุณนายบานชื่นหมายมั่นปั้นมือให้เป็นลูกเขยคนโต
"ดูสิหมอก พี่เขาช่างเป็นคนมีน้ำใจ"
"นี่เพราะเคยมีลูกแล้ว ถึงรู้ว่าเด็กอ่อนเขาใช้อะไรบ้างล่ะสิ" ฉันแขวะคุณพ่อหม้ายลูกหนึ่ง
"นั่นสินะ เขาเรียกว่าคนมีประสบการณ์ อย่างนี้คงต้องขอให้มาช่วยปกรณ์ เรื่องการเลี้ยงเด็กแล้วนะ" คุณยายคนใหม่ยังปลื้มหลานชายไม่หาย
"เขาได้ลูกชาย ชื่อน้องทิวเมฆ หน้าตาน่าเกลียดน่าชัง"
"ไม่มีปัญหาครับผม เพราะตั้งแต่แม่ของนายเคน ตายไปก็มีแต่ผมกับป๊านี่แหละครับ ที่คอยเลี้ยงเขามาตลอด" คนพูดถึงลูกชายวัยห้าขวบ ที่แก่นเหลือรับประทาน ก่อนที่จะหันมาทำหน้าเศร้าให้ฉัน
"ผมหวังแต่ว่าจะมีใครสักคนที่จะมาเป็นแม่ของนายเคนนะครับ จะได้ช่วยกันเลี้ยงนายเคน" คนพูดหันมามองและส่งสายตาให้ฉันตรงๆ
"อ้าวพ่อคิดไปยังไง มายังไงถึงมาถึงที่นี่ได้" เสียงทุ้มทักนายหน้าจืด ทำให้เขาหันไปทางต้นเสียง
"สวัสดีครับอาจารย์" คนพูดยกมือไหว้บิดาของฉันอย่างนอบน้อม
"เออไหว้พระเถอะพ่อคุณ" คนแก่กว่ารับมือไหว้ ก่อนที่จะถามต่อไปว่า
"มาหาหมอกเหรอ"
"ก็มาเยี่ยมทุกๆ คนแหละครับ พอดีเอาของใช้เด็กอ่อน มาฝากน้องฟ้ากับคุณเกษตรอำเภอครับ เพราะทราบข่าวว่าคลอดแล้วเมื่อเช้านี้"
นายหน้าจืดพูด พลางชำเลืองดูคนร่างสูงกำยำ ผิวสีคล้ำ ที่ยืนเคียงข้างฉัน ก่อนจะพูดต่อว่า
"ไม่คิดว่าจะได้เจอน้องหมอกวันนี้หรอกครับ เพราะเห็นไม่กลับบ้านมาหลายเดือนแล้ว"
"ที่ไม่ได้กลับมาก็อาจเป็นเพราะเหม็นหน้าใครบางคนไงล่ะ" ฉันงึมงำพึมพำอยู่คนเดียว ก่อนที่จะสบสายตาของคนที่ยืนใกล้ๆ ผู้เป็นบิดา ที่ส่งสายตาแปลกๆ มาให้ฉัน
"พ่อกับคุณจักร หิวแล้วล่ะ มีอะไรกินบ้าง" พ่อของฉันเอ่ยถามขึ้นมา
"สายบัวจัดโต๊ะคอยแล้ว ตอนแรกแม่กับหมอกจะไม่คอย ว่าจะไปกินกันก่อนแล้วนะ เพราะไม่รู้ว่าไปถึงไหนกัน"
"ก็คุยกันไปเดินกันไป คุณพ่อพาผมเลยไปเกือบถึงเนินเขาลูกโน้นแหละครับ" ลูกเขยคนใหม่เป็นฝ่ายตอบ
"เอ่อ อาจารย์ครับ ทำไมคุณคนนี้เรียก อาจารย์ว่าคุณพ่อ" นายสมคิดหน้าตี๋ ยื่นหน้ามาถาม
"เอ้า! ลืมแนะนำให้รู้จักแฟนหมอกเขา" พ่อของฉันเอ่ยตอบ
"สวัสดีครับ ผมนาวาโทนายแพทย์จักรินทร์ สามีคุณหมอกครับ" คุณสามีรีบตอบออกตัว โดยที่ไม่รอให้พ่อตาพูดจบ แถมยังวาดแขนมาโอบไหล่ฉันแน่น
"สวัสดีครับ ผมชื่อสมคิดครับ" นายหน้าจืด หน้าขาวเผือด แนะนำตัวเองอย่างตะกุกตะกัก
"พี่ไม่ทราบว่าน้องหมอกแต่งงานแล้ว ดีใจด้วยนะครับ"
"แม่ว่าไปกินข้าวกันเถอะ ตาคิดด้วยนะ อยู่คุยกันก่อน อย่าเพิ่งกลับ" คุณนายบานชื่นชวน
"ได้ครับผม เดี๋ยวผมจะขนของนี้เข้าบ้านให้นะครับ" นายสมคิดว่าแล้ว เขาก็หอบข้าวของเครื่องใช้สำหรับเด็กอ่อน เดินตามเจ้าของบ้านไป
"นี่คุณจะเลิกโอบฉันได้หรือยัง" ฉันเอ่ยก่อนที่จะ หันไปมองใบหน้าคม อย่างจริงจังก่อนที่เขาจะปล่อยฉันเป็นอิสระ
"ผมชักไม่แน่ใจเรื่องหมอดูที่คุณเล่าให้ผมฟังเสียแล้ว" หมอจักรกล่าวทีเล่นทีจริง
"คุณหมายความว่ายังไง"
"ก็ที่บอกว่าคุณจะขึ้นคานไง ที่ผมเห็นวันนี้ ก็มีนายสมคิดคนหนึ่งล่ะ ที่คงจะไม่ปล่อยให้คุณขึ้นคานแน่ๆ "
"พูดอะไรบ้าๆ "
"ผมว่าถ้าคุณจะขึ้นคานจริงๆ อาจจะเป็นเพราะคุณทำตัวแบบสวยเลือกได้มากกว่ามั้ง"
"ฉันไม่พูดกับคุณแล้ว ไปกินข้าวดีกว่า ฉันหิว"
_____________
เสียงจากวงเหล้าใต้ถุนบ้าน ที่เปิดโล่ง มีแคร่ไม้ไผ่ตัวใหญ่ ที่ตอนนี้นอกจากจะมี คุณครูเจ้าของบ้าน คุณหมอลูกเขย และนายห้างเจ้าของร้านการเกษตร ยังรวมไปถึงบรรพต หัวหน้าคนงาน สามีของสายบัว และคนงานอีกหลายคน นั่งรวมตัวดื่มเหล้าเคล้าเสียงเพลง ที่บรรพต เป็นต้นเสียง ทำให้เสียงดังขึ้นมาถึงเรือนบ้านชั้นบน
ฉันเดินออกมาที่ระเบียงเพื่อยืนมองฟ้าโปร่ง ไร้ดวงจันทร์ ในยามดึกของคืนนี้ ที่เปิดให้เห็นดวงดาวระยิบระยับพร่างพราวท้องฟ้า ลมเย็นๆ พัดโบกบรรเทาความร้อนอันอบอ้าว กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นจมูก ผสมกับกลิ่นเหล้า โชยเข้าจมูก ก่อนที่ฉันจะหันไปมองเจ้าของกลิ่นนั้น เขาได้รวบตัวฉันเข้าไว้แนบอกกว้าง ใบหน้าที่มีเคราสากๆ เคลียเคล้าที่แก้มของฉัน
"คืนนี้ฟ้าสวยนะครับ"
"คุณจักรปล่อยเถอะค่ะ อายเขาค่ะ" ฉันเอ่ยขึ้นเบาๆ
"ผัวจะกอดเมียอย่างนี้ จะอายใครที่ไหนครับ" เขาเอ่ยล้อเล่นกับฉันก่อนที่จะเอ่ยต่อไปว่า
"คุณใส่เสื้อผ้าอย่างนี้น่ารักดี" เขาหมุนตัวฉันให้หันหน้าไปหาเขา ดวงตาสวยกวาดมองเสื้อผ้าลูกไม้ และผ้าถุงที่ฉันใส่ประจำเมื่อมาพักที่บ้าน
"คุณทำให้ผมคิดถึงใครบางคนที่ชอบใส่ผ้าซิ่น นั่งร้อยพวงมาลัย"
"ใครคะ" ฉันถาม
"อ้าวคุณหมอ ผมตามหาซะทั่วเลย" นายสมคิดหน้าจืด ที่ตอนนี้หน้าแดงอย่างกับลูกตำลึงสุก เดินตุปัดตุเป๋เข้ามาใกล้
"ดึกแล้ว ผมว่าจะลากลับเสียที" เขาหันมายิ้มให้ฉัน
"พี่ยินดีด้วยนะน้องหมอก ที่ได้สามีเป็นคนดีมากอย่างคุณหมอ ถึงแม้พี่จะอกหัก แต่ก็ยินดีกับหมอกด้วยใจจริง"
"ขอบคุณค่ะ" ฉันตอบก่อนที่จะถามต่อไปว่า
"เมาอย่างนี้จะขับรถกลับบ้านไหวหรือ"
"พี่ยังไม่เมาเท่าไหร่หรอกครับ แค่นี้กลับบ้านได้สบายมาก" สมคิดหัวเราะเอิ๊กๆ ก่อนจะหันหลังกลับเดินจากไป
"อ้าวหมอกอยู่กับคุณจักรที่นี่เอง แม่ว่าจะให้สายบัวไปบอกว่าจัดห้องนอนให้แล้วนะ" แม่เดินมาบอกหลังจากที่สวนกับนายสมคิดที่บันได
"ดีเลยครับคุณแม่ ผมง่วงอยู่พอดี กะว่าจะให้คุณหมอกพาไปที่ห้องนอนพอดี"
"พูดน่าเกลียด" ฉันตีเข้าที่ต้นแขน
"เออ เรานี่ก็อายเป็นเหมือนกันนะ" คุณนายบานชื่นหัวเราะ ที่ได้พูดเล่นล้อลูกสาวตัวเอง
"แม่ก็จะไปตามพ่อเหมือนกัน ดึกแล้วเห็นที แม่ต้องสลายวงเหล้านี้สักที สายบัวมันนั่งตบยุงคอยบรรพตอยู่นานแล้วเหมือนกัน ปกติพ่อเขาไม่ค่อยดื่มเหล้าเท่าไหร่ แต่คืนนี้เห็นว่าดีใจ ได้ทั้งหลานชาย และลูกเขยในวันเดียวกัน" แม่ชวนคุย ก่อนที่จะไล่เราทั้งสองให้ไปเข้าห้องนอน
"อ้าวคุณจักร ไม่ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนหรือ" ฉันเอ่ยเมื่อเห็นคนตัวโตนอนราบไปกับที่นอน
"ขี้เกียจ" เขาตอบสั้นๆ เสียงอ้อแอ้
"คุณก็มานอนได้แล้ว" เขาตบที่นอนข้างๆ เป็นการเชิญชวน
"งั้นเปลี่ยนเสื้อก่อนดีกว่าไหม" ฉันเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบเล็กของเขา ที่วางอยู่มุมห้อง มาวางใกล้เขา
"ก็ได้ แต่คุณหยิบออกมาจากกระเป๋าให้ผมที"
เสียงอ้อแอ้ออดอ้อน ฉันทำท่าถอนหายใจก่อนที่จะหยิบเสื้อยืด และกางเกงนอนออกมาส่งให้เขา
"ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน" ฉันดึงแขนแข็งแรงนั้น หมายจะให้เขาลุกขึ้น แต่เขากลับดึงฉันลงไปนอนราบบนเตียง โดยที่ไม่ทันตั้งตัวเขาก็พลิกตัวนอนทับฉัน
"ว้ายคุณจักร" ฉันร้องเสียงหลง
"คุณจะทำอะไร"
"คุณกลัวผมเหรอ" เสียงทุ้มถามเรียบๆ ไร้รอยอ้อแอ้อย่างคนเมา ดวงตาคมจ้องมองสำรวจฉันอย่างค้นคว้า
"ก็.."
ฉันไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร รู้แต่ว่าหัวใจเต้นแรงแทบทะลุหน้าอกออกมา ลมหายใจติดขัดเหมือนจะเป็นลม
"ไม่ต้องกลัวผมหรอกนะคนดี"
เขาเลื่อนตัวลงนอนข้างฉัน แขนแข็งแรงรวบดึงตัวฉันเข้ากอดแน่น ฉันรับรู้ถึงแรงกดเบาๆ ที่กลางกระหม่อม เสียงสูดหายใจลึกๆ สองครั้งจากเขา ส่งความอบอุ่นจากร่างกายผ่านเข้าสู่หัวใจ
สักพักเขาก็ปล่อยฉันเป็นอิสระแล้วก็ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันเลื่อนตัวไปนอนในฝั่งของฉัน โดยที่ไม่ลืมคว้าหมอนข้างมากั้นกลางก่อนที่จะล้มตัวลงนอนห่มผ้าห่มถึงต้นคอ ปิดตาสนิทแกล้งทำเป็นหลับ เสียงเขาหัวเราะหึๆ ในคอ เมื่อมองเห็นลักษณะท่าทางการนอนของฉัน หลังจากที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ก่อนที่เขาจะล้มตัวนอนลงที่เตียง เขาพลิกตัวสองสามครั้งก่อนที่จะหลับไป แต่สำหรับฉัน คงจะอีกนานกว่าจะหลับได้
-------------------