เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 5

เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 1 https://ppantip.com/topic/40664092 
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 2 https://ppantip.com/topic/40665034
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 3 https://ppantip.com/topic/40667049 
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 4 https://ppantip.com/topic/40678456
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 5 https://ppantip.com/topic/40680266
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 6 https://ppantip.com/topic/40682283
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 7 https://ppantip.com/topic/40693498
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 8 https://ppantip.com/topic/40695663
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 9 https://ppantip.com/topic/40710032
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 10 https://ppantip.com/topic/40712032
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 11 https://ppantip.com/topic/40725377

ตอนที่ 5 

ฉันก้าวเท้าเดินตามชายหาดไปเรื่อยๆ เพราะความรู้สึกขุ่นมัวในใจ จนฉันต้องพร่ำบ่นบ้าอะไรก็ไม่รู้ เหมือนกับควบคุมตัวเองไม่ได้ อย่างกับเป็นคนบ้า ฉันเดินไปเรื่อยๆ บนหาดทรายนุ่มเท้า จนกระทั่งความขุ่นเคืองในใจค่อยๆ ผ่อนคลายลง ถึงได้รู้สึกถึงข้อมือแข็งแรงที่ฉันจับกุมอยู่ในมือ ที่เจ้าของข้อมือนั้น เดินตามฉันมาเรื่อยๆ แต่ไม่ปริปากพูดอะไรเลย จนกระทั่งฉันหยุดเดิน แล้วจึงค่อยๆ ปล่อยข้อมือนั้นออก

"ขอโทษด้วยนะคะ ที่ฉุดกระชากลากถูคุณมาอย่างนี้" 

ฉันเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนที่จะทรุดตัวนั่งลงที่ชายหาด มือลูบไล้ทรายละเอียดอย่างเบามือ และหันไปมองร่างสูงที่ทรุดตัวลงนั่นข้างฉัน

"หมอกขอโทษด้วยนะคะ ที่..."

"คุณไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ อีกอย่างเราก็นั่งอยู่ที่บาร์นั่น นานเกินไปเหมือนกัน ได้ออกมาสูดอากาศดีๆ เย็นๆ อย่างนี้สักหน่อย คุณคงจะสบายใจขึ้น"

ใบหน้าคมเข้มมีแสงนวลของดวงจันทร์ลูบไล้ใบหน้า ทำให้ฉันเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด เมื่อจ้องมองดวงหน้านั้นอย่างไม่ละสายตา

"ก้อยน่าจะโกรธมาก ที่หมอกทำอย่างนั้นกับเธอแบบนี้" ฉันคิดถึงอาการของฉันที่ทำกับเพื่อน

"คุณกับคุณก้อยเป็นเพื่อนกันมานาน แค่นี้เขาคงไม่ถือสาคุณหรอก"

"ใช่ค่ะเราเป็นเพื่อนกันมานาน และทุกทีหมอกก็จะนำแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้เพื่อนเสมอ"

ฉันเงยหน้ามองดวงจันทร์กลมโตที่ส่องแสงนวลสว่างทั่วชายหาด

"ปกติหมอกก็ไม่ได้ร้ายกาจอะไร แต่ก็ไม่ได้ทำตัวดีให้พ่อแม่ชื่นใจ อย่างน้องสาวของฉัน"

อะไรบางอย่างในตัวผู้ชายคนนี้ ทำให้ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับเขามาก ถึงได้พูดถึงเรื่องที่ฉันไม่เคยบอกใครมาก่อน กับเขาได้

"หมอกมีน้องสาวหนึ่งคน ชื่อฟ้าใส เราห่างกันสี่ปี เธอน่ารัก และก็ใสซื่อเหมือนกับชื่อจริงๆ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ดีไปหมด เรียนก็เก่ง มารยาทก็ดี มีแต่คนรัก" 

ฉันถอนหายใจ ก่อนจะพูดต่อไปว่า

"ไม่เหมือนหมอก ที่มันมืดสลัว อึมครึม เหมือนชื่อม่านหมอก จริงๆ พ่อแม่คงจะรู้ว่า มันจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิดแล้วมั้ง ถึงได้ตั้งชื่อนี้ให้กับหมอก"

"ไม่หรอกน่า ผมว่าท่านไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอก.. แต่ผมว่าชื่อม่านหมอกเก๋ดีออก น่ารักดี แล้วก็ไม่มีใครเหมือน"

"คุณไม่ต้องมาแกล้งชมฉันหรอก"

"ผมไม่ได้แกล้ง ผมพูดจริงๆ " เขาพูดน้ำเสียงจริงจัง

"คุณว่าหมอกงมงายไหม ที่เชื่อเรื่องที่หมอดูทำนาย"

"ผมว่าคนเรานั้น ถ้าคิดจะทำอะไร ก็ย่อมมีเหตุผลด้วยกันทั้งนั้น ถ้าคุณจะคิดทำอะไรแล้ว ก็อย่าไปถือสาความคิดของคนอื่นเลยครับ"

"ตั้งแต่เกิดมา แม้ว่าจะไม่เคยเสียคน แต่ก็ไม่เคยทำอะไรให้พ่อแม่ชื่นใจ พอได้มีโอกาสได้งานดี หมอกก็เปลี่ยนตัวเองมาตั้งใจทำงาน เพื่อให้พ่อแม่ชื่นใจบ้าง จนไม่มีเวลาให้กับตัวเอง" ฉันหยุดแล้วก็ถอนหายใจยาว

"ตั้งแต่ฟ้าใสแต่งงานไปกับแฟนเขาเมื่อสองปีก่อน พ่อกับแม่ ก็ดูเหมือนอยากจะให้หมอก ที่เป็นลูกสาวคนโต แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ยิ่งตอนนี้เห็นแม่กำลังเห่อน้องที่ท้องแก่ใกล้คลอด และจะเป็นหลานยายคนแรกแล้ว ก็ยิ่งคิดว่าถ้าได้มีโอกาสแต่งงานกับคนดีๆ สักคน และมีหลานให้แม่สักคน สองคน ทั้งพ่อกับแม่ ก็คงเห็นหมอกดี เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง พอยิ่งนึกถึงคำทำนายของหมอดูแล้ว มันก็ยิ่งแสลงใจ ถ้าเกิดเป็นความจริงขึ้นมา ชาตินี้หมอกคงไม่ได้ ทำอะไรให้พ่อแม่ชื่นใจ"

เขาเอื้อมมือมาจับมือฉัน บีบเบาๆ เหมือนกับให้กำลังใจ แสงจันทร์นวลสะท้อนกับแหวนในมือเขา ส่องประกายวิบวับเข้าตา

"คุณสวมแหวนที่นิ้วก้อยด้วย"

ฉันเอ่ยขึ้นก่อนที่จะ พยายามมองแหวนในมือของเขา

"ส่วนใหญ่คนเขาไม่สวมแหวนที่นิ้วก้อยกันนี่ค่ะ"

"พอดีเป็นแหวนของแม่ผมนะครับ ท่านให้ผมไว้ตอนที่ส่งผมไปเรียนที่เมืองนอกในวันแรก ผมใส่ติดตัวเสมอ ไม่เคยถอด แต่เปลี่ยนนิ้วมาเรื่อยจนมาจบที่นิ้วก้อย"

เขาถอดแหวนส่งให้ฉันดู แหวนลายฉลุ สลักลายสวยงามแบบที่ต้องเป็นช่างทองฝีมือดีเท่านั้นที่จะทำได้สวยงามขนาดนี้ ประดับด้วยเพชรเม็ดเดียวกลางตัวเรือน

"ผมคิดว่าจะใช้แหวนนี้ขอใครบางคนแต่งงาน"

เขาหันมามองใบหน้าแหยๆ คล้ายเด็กน้อยทำผิดของฉัน เมื่อฉันยกมือซ้าย ที่มีแหวนของเขา สวมอยู่ที่นิ้วนาง ให้เขาดูอย่างช้าๆ และที่สำคัญมันแน่นมาก ดึงอย่างไรก็ดึงไม่ออก

"หมอกขอโทษด้วยนะคะ ที่สวมแหวนของคุณ" ฉันขอโทษขอโพยเขาเป็นการใหญ่

"เดี๋ยวหมอกจะรีบถอดให้ออก" ฉันตั้งท่าจะวิ่งลงทะเล หวังที่จะใช้น้ำทะเลช่วยให้ถอดแหวนง่ายขึ้น

"อย่าครับ น้ำทะเลตอนนี้เย็นมาก เดี๋ยวคุณจะไม่สบาย" เขารั้งตัวฉันไว้

"ว้า... แล้วทำยังไงดีล่ะ" ฉันเริ่มร้อนใจ

แต่ในขณะที่ฉันคิดอะไรไม่ออกนั้น เขาก็รวบมือฉันขึ้น จรดริมฝีปากเรียวบาง ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาราดรดไปที่ฝ่ามือฉันก่อนที่เขาบรรจงสอดนิ้วนาง ที่มีแหวนสวมอยู่ใส่ปากของเขาอย่างช้าๆ

ฉันรู้สึกถึงลิ้นอุ่นๆ ตวัดพันรอบๆ นิ้วนางข้างซ้ายของฉันอยู่สักครู่ ฉันรู้สึกเหมือนกับมีประจุไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายของฉัน ที่มันส่งกระแสไฟฟ้า จากปลายนิ้วของฉัน ส่งผ่านแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ดวงหน้าคมเข้มอยู่ใกล้แค่ลมหายใจกั้น ดั่งต้องมนต์สะกด จากดวงตาสวย ที่ทอดสายมาให้ฉัน ทำให้ฉันตะลึงงัน จนเกือบลืมหายใจ

"ท่าจะติดแน่นจริงๆ "

เสียงทุ้มเรียกสติของฉันกลับคืนมา ทำให้ฉันกะพริบตาช้าๆ ก่อนจะรู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อพบว่า เขาปล่อยมือของฉันให้เป็นอิสระนานแล้ว

"ฉันขอโทษด้วยจริงๆ ฉันไม่น่าเล่นพิเรนทร์เลย แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะต้องถอดให้ออกค่ะ เพราะคุณจะได้เอาแหวนนี้ไปให้เธอคนนั้น" หลังจากที่ฉันพูดจบแค่แวบเดียว ฉันก็เห็นแววตาเศร้า ในดวงตาสวยของผู้ชายตรงหน้า

"ไม่จำเป็นแล้วครับ เพราะเธอคนนั้นได้จากผมไปแล้ว" เขามองตรงไปยังทะเลที่ไกลแสนไกล ชั่วอึดใจเขาหันมาฉีกยิ้มกว้างให้ฉัน

"ผมว่าถ้าติดแน่นอย่างนี้ต้องลองใช้สบู่ อาจจะช่วยได้ แต่คุณไม่ต้องรีบร้อนนะครับ ถอดออกเมื่อไหร่ค่อยเอามาคืนผม" เขาจับข้อมือฉันแน่น แล้วพูดต่อไปว่า

"เรากลับไปที่งานเลี้ยงเถอะครับ เราออกมานานแล้ว"

ฉันเดินตามร่างสูงเงียบๆ กลับมาที่สระว่ายน้ำริมชายหาดอีกครั้ง ก็เห็นหยาดเพชร เดินแกมวิ่งเข้ามาจับมือฉัน

"คุณหมอกหายไปไหนมา ก้อยและคนอื่นๆ เขาพากันหาตัวคุณกันทั่ว ที่แท้ไปกับพี่หมอนี่เอง"

สีหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอ เปลี่ยนเป็นฉงนสงสัย เมื่อมือของเธอที่จับกุมมือของฉันไว้ สัมผัสกับแหวนในมือฉัน

"นี่มันแหวนพี่หมอนี่ค่ะ แล้วทำไมคุณหมอกสวมแหวนพี่หมอคะ" คนพูดดึงมือของฉันขึ้นมาดู ทำให้หัวแหวนที่เป็นเพชรน้ำงาม บนมือของฉัน ต้องแสงไฟ ทำให้ส่งแสงวิบวับ เล่นแสงไฟที่สาดส่องมา 

"หมอกหายไปไหนมา ฉันตามหาแกซะทั่วงาน"

ก่อนที่ฉันจะตอบอะไร แก้วสุดาก็วิ่งเข้ามาสมทบ สองสาวมองแหวนในนิ้วนางข้างซ้ายของฉัน ที่ตอนนี้ส่องแสงเล่นไฟวิบวับสวยงาม

"หมอก แกทำไมใส่แหวนของพี่หมอ"

เสียงเข้มของแก้วสุดา ถามอย่างฉงนสงสัย ทำให้หัวใจฉันสั่นเหมือนเด็กน้อยที่ถูกจับผิด ความโกรธคุกรุ่นขึ้นมา โดยไม่รู้ตัว

"ทำไมฉันจะใส่แหวนของพี่หมอแกไม่ได้หรือไง" ฉันเอ่ยถาม เริ่มมีน้ำโห

"แกคิดว่าฉันไม่ดี พอสำหรับพี่หมอของแกหรือไง"

"อะไรกันหมอก แกเป็นบ้าอะไร ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรแกเลย"

แก้วสุดาเอ่ยกลับ และปลอบประโลม แต่ก็สายไปแล้วสำหรับฉัน ที่ไม่รู้เกิดบ้าอะไร หรือพิษสุราในกระแสเลือดเริ่มจะแผลงฤทธิ์

"แกพูดอย่างกับว่าฉันมันไม่มีอะไรดี หรือคู่ควรกับพี่หมอแกนั่นแหละ แกดูนะ.. ฉันจะขอพี่หมอของแกแต่งงานให้ดู แล้วดูสิว่าเขาจะตอบตกลงไหม"

"ต๊าย.. ยัยหมอก แกท่าจะเมาเลอะใหญ่แล้ว" แก้วสุดาปราม

"แกเบาๆ หน่อยได้ไหม คนเขามองมาทางนี้กันหมดแล้ว"

แก้วสุดาเอ่ยพร้อมกับมะรุมมะตุ้ม พยายามช่วยกันกับหยาดเพชร หยุดยื้อฉันไว้ 

"หมอก แกอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ" แก้วสุดาห้ามไม่ให้ฉันทรุดตัวนั่งคุกเข่าต่อหน้าพี่หมอของมัน 

แต่ในความชุลมุนนั้น ร่างสูงที่ยืนเงียบอยู่นาน กลับทรุดตัวคุกเข่าลงตรงหน้าฉันแทน ทำให้เราสามคนชะงักงันด้วยความตกใจ คุณหมอคว้ามือของฉันไปกุมอย่างมั่นคง แล้วเอ่ยเรียบๆ แต่ดังชัดเจนไปทั่วงาน

"คุณม่านหมอกครับ ถ้าคุณไม่รังเกียจนายทหารเรือคนนี้ คุณจะแต่งงานกับผมได้ไหมครับ ผมขอสัญญาด้วยเกียรติของราชนาวีไทย ว่าผมจะพยายามสุดความสามารถที่จะทำให้คุณมีความสุขตลอดไป”

------------
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่