เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 3

เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 1 https://ppantip.com/topic/40664092 
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 2 https://ppantip.com/topic/40665034


ฉันดันตัวขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง แล้วชะโงกหน้าไปดูที่โซฟา ที่นายคนนั้นใช้เป็นเตียงนอนตลอดทั้งคืน ตอนนี้ที่โซฟาว่างเปล่ามีเพียงหมอนกับผ้าห่ม ที่พับอย่างเรียบร้อยวางไว้ที่ข้างหนึ่งของโซฟา  

ฉันมองสำรวจไปรอบๆ ห้องก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา สงสัยจะออกไปวิ่งออกกำลังกาย เหมือนที่เขาทำทุกๆ เช้า ฉันได้โอกาสจึงรีบลุกขึ้นจากเตียงเดินไปยังห้องน้ำทันที

ฉันที่นอนซมบนเตียง เพราะพิษไข้มาตั้งสองสามวัน พอได้อาบน้ำอาบท่า ล้างหน้าล้างตา และจัดการกับตัวเองอย่างนี้ทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที แต่พอฉันเปิดประตูห้องน้ำออก และรีบเดินออกจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ทันสังเกตว่าเขาเดินเข้ามาในห้องพักพอดี จึงทำให้เดินชนเขาเข้าอย่างจัง

"ขอโทษครับ"

คนตัวสูงรวบเอวฉันไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ฉันหงายท้องล้มลง ก่อนที่จะดึงลำตัวของฉันแนบชิดกับร่างกำยำของเขา กลิ่นเหงื่อจากตัวเขาโชยเข้าจมูก ทำให้ขนแขนของฉันลุกซู่ อย่างไม่รู้ตัว 

"เช้านี้เป็นอย่างไรบ้าง"

เขาถามเสียงใส มือแข็งแรงอีกข้างหนึ่ง ทาบทับมาที่หน้าผากฉันอย่างเคยชิน

"ตัวไม่ร้อนแล้วนี่"

"รู้สึกดีแล้วค่ะ"

ฉันตอบพร้อมกับพยายามที่จะดันตัวออกจากการเกาะกุมของเขาเบาๆ แต่เขากลับรวบดึงเอวของฉันเข้าไปใกล้ แนบแน่นยิ่งขึ้น

"เดี๋ยวก่อนครับ"

ใบหน้าคมก้มลงต่ำ ใกล้เข้ามาจนแทบชิด มีเพียงแค่ลมหายใจกั้นเท่านั้น ทำให้ฉันต้องหลับตาลงอย่างรวดเร็ว ใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ

"เศษผ้าขนหนูติดที่ขนตาคุณ"

ลมอุ่นๆ จากริมฝีปากสวย ที่ห่อเป็นรูปวงกลม มาสัมผัสที่ใบหน้าฉันเบาๆ ทำให้ใจฉันที่เต้นไม่เป็นจังหวะอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งเต้นแรงแทบทะลุอกออกมา

"ออกแล้วครับ" ฉันลืมตามองดวงตาสวยที่จ้องมองมาอยู่แล้ว

"คุณแต่งหน้าอย่างนี้ ดูสวยมากนะ แต่ผมชอบตอนที่คุณไม่ได้แต่งหน้ามากกว่า โดยเฉพาะตอนเพิ่งตื่น"

เขาไม่พูดเปล่าแต่ส่งสายตาระยิบระยับมาให้ด้วย จนฉันเกิดความรู้สึกแปลกๆ จนต้องฉันต้องดันตัวออกจากการเกาะกุมของเขาอย่างสุภาพ คราวนี้เขาคลายแขนออก และปล่อยฉันเป็นอิสระ อย่างไม่อิดออดอีกต่อไป 

"ฉันรู้สึกดีขึ้นมาแล้วค่ะ เลยคิดว่าจะลงไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร เผื่อจะได้เจอก้อยด้วย"

"ดีครับ ถ้าอย่างนั้นรอผมสักครู่นะครับ ผมจะรีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะครับ ตอนนี้ตัวผมนี้โชกไปด้วยเหงื่อ" เขาพูดแล้วก็ถอดเสื้อยืดสีขาว ที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อออกอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นหน้าอกขาวที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ 

... ไม่ได้เกรงใจกันเลย... ว่าฉันจะคิดอย่างไร ที่มีชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลา หุ่นเซี้ยะ... น่ากินอย่างเขา มายืนถอดเสื้อ เปลือยกายโชว์ท่อนบน ให้ดูกันตั้งแต่ไก่โห่!... 

——————

ตลอดทางยาวจากห้องพัก ตั้งแต่ที่เราทั้งสองเดินเคียงข้างกัน เพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องอาหาร คุณหมอจักรินทร์ ก็ทักทายคนงานที่รีสอร์ตตลอดทาง อย่างคุ้นเคยและเป็นกันเองกับทุกคน ฉันเองยังแปลกใจ ที่เขารู้จักและจำชื่อทุกคนได้ แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นก็คือสายตาที่ทุกๆ คนมองฉันนั้นมีรอยประหลาด บ้างก็ส่งยิ้มมาให้อย่างมีเลศนัย

"นี่คุณหมอ"

ฉันหยุดเดินเอาดื้อๆ เพราะทนไม่ได้กับสายตาคนพวกนั้นที่มองฉัน

"นี่คุณเลิกเรียกผมว่าคุณหมอได้ไหม" เขาหยุดเดิน แล้วหันมามองฉัน

"ปกติคนที่สนิทๆ กับผม จะเรียกชื่อผม ถ้าอย่างนั้นคุณจะเรียกผมว่า คุณจักร พี่จักร หรือ...ที่รัก..ก็ได้นะ" เขาหยอดเสียงหวานตอนท้ายประโยค

"เลิกพูดเล่นน่าคุณจักร"

เขาแกล้งทำหน้าสลดที่ฉันไม่ได้เรียกเขาว่า..ที่รัก..

"คุณเห็นไหมว่าใครๆ เขามองฉันแปลกๆ" ฉันถามเขากลับอย่างรวดเร็ว

"แปลกตรงไหน"

"ก็เวลาเขามองฉัน เขามองแปลกๆ ยิ้มแปลกๆ ฉันไม่เข้าใจ"

"คิดมากน่าคุณ ไปเหอะ ผมหิวแล้ว"

เขาถือวิสาสะ คว้ามือของฉันไว้แน่น ก่อนที่จะกึ่งลากกึ่งจูงจนไปถึงห้องอาหาร

"พี่หมอค่ะ"

คุณหยาดเพชร หญิงสาวสวยหวาน อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับฉันและแก้วสุดา เดินเข้ามาทัก หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายอย่างเป็นกันเอง

"สวัสดีค่ะคุณหมอก เป็นยังไงบ้างคะ เพชรคิดว่าถ้าวันนี้คุณหมอกไม่หาย เพชรจะเข้าไปเยี่ยมถึงห้องพัก"

"สบายดีขึ้นมากแล้วค่ะ"

ฉันตอบ ก่อนที่จะสังเกตเห็นน้องสะใภ้ของยัยก้อย ชำเลืองดูมือแข็งแรงที่ยังเกาะกุมมือฉันอยู่ แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างกดอารมณ์ไม่อยู่

"พี่ใหญ่ พี่เล็กและคุณก้อย นั่งกันอยู่ทางโน้นค่ะ ถ้าตักอาหารเสร็จก็มานั่งทานด้วยกันนะคะ"

เธอบุ้ยใบ้ไปยังโต๊ะอาหาร ที่ติดกับหน้าต่างบานใหญ่ ที่เปิดกว้างรับลมทะเล และมองเห็นวิวทิวทัศน์เลียบชายหาด

"เอ แต่ว่าถ้าพี่หมอกับคุณหมอก อยากจะทานกันสองคน ก็ได้นะคะ ไม่ต้องเกรงใจ"

เธอแกล้งขยิบตาเหมือนส่งสัญญาณอะไรให้เราทั้งสอง แล้วก็หัวเราะชอบใจ ก่อนที่จะเดินนั่งลงใกล้กับสามีของเธอ ฉันพยักหน้าทักทายเพื่อน ที่โบกมือให้อยู่ไกลๆ

"สายตาแบบคุณเพชรนั่นไงที่ฉันหมายถึงเมื่อครู่นี้"

ฉันกระซิบบอกเขาด้วยเสียงขุ่นเคืองใจ ก่อนที่พยายามจะปลดมือของฉันออกจากการเกาะกุมนั้น

"คุณคิดมากไปเองมั้ง"

มือแข็งแรงนั้นยังไม่ยอมปล่อยมือของฉันให้เป็นอิสระ แต่กลับกุมมือฉันแน่นยิ่งขึ้น

"ไอ้จักร"

ร่างท้วมสูงใหญ่ในชุดสีขาว ปรี่เข้ามาตบบ่านาวาโทนายแพทย์จักรินทร์ พร้อมกับเสียงหัวเราะที่แจ่มใส

"ไงวันนี้ออกจากห้องได้แล้วเหรอไอ้เสือ หายหัวไปหลายวันเชียวนะ" เขาพูดพร้อมหัวเราะเสียงดังอย่างไม่เกรงใจใคร

"สวัสดีครับคุณหมอก จำผมได้ไหมครับ เชฟกันต์ไงครับ"

"สวัสดีค่ะเชฟ จำได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ที่ทำอาหารอร่อยๆ ให้ในงานวันเกิดของหมอก" ฉันกล่าวทักทายเชฟใหญ่ประจำรีสอร์ตแห่งนี้

"ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจทำอย่างยิ่งครับ" เขาโค้งให้ฉันอย่างสุภาพ

"คุณหมอกครับ ผมขอตัวไอ้จักรสักครู่นะครับ"

...ไอ้จักรของเชฟกันต์.. ปล่อยมือฉันอย่างเสียดาย ก่อนที่จะปลิวตามเพื่อน ที่กึ่งลากกึ่งจูงเขาไปยืนคุยกันอีกมุมหนึ่ง ของห้องอาหาร แต่ที่จริงก็ไม่เห็นต้องแอบไปพูดกันเสียไกลก็ได้ เพราะเสียงพูด เสียงหัวเราะที่สดใสของเชฟก็ดังคับห้องอาหาร จนฉันได้ยินทุกประโยค

"ว่าไงไอ้เสือ สองสามวันนี้ไม่เห็นหน้าแกเลยนะ คุณก้อยบอกว่า แกไปอยู่พยาบาล เฝ้าไข้คุณหมอก ทั้งวันทั้งคืนเลยเหรอ" เชฟกันต์ ใช้ข้อศอกกระทุ้งสีข้างเพื่อนเบาๆ

"แกพูดอะไรน่าเกลียด คุณหมอกเป็นผู้หญิงเขาจะเสียหาย" จักรินทร์กล่าวปรามเพื่อนซี้

"ที่พูดนี่ก็ดีใจกับแกด้วยนะ ที่หาคนมาดามอกเอ็งได้เสียที"

"แกนี่ก็พูดไปเรื่อย"

"ไม่ได้พูดไปเรื่อย ฉันก็อยู่ในงานนะโว้ยจำได้ไหม ที่ย่างกุ้ง ย่างปูให้กินกันทั้งคืน" คนที่ชอบทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจหัวเราะชอบใจ พูดไปหัวเราะไป

"ถ้าจำไม่ได้จะเล่าทวนความจำ ตอนที่แกคุกเข่าขอคุณหมอกแต่งงาน กลางงานเลี้ยงเมื่อคืนก่อนนั้นไง ใครๆ เขาเห็นกันทั่ว"

คนพูดหัวเราะเสียงดังลั่นก่อนที่จะตบหัวไหล่เพื่อนอย่างมีความสุข

"แกนี่พูดเบาๆ กับเขาเป็นไหม"

คนที่เป็นหมอบอกเพื่อนสนิท ก่อนจะเดินกลับมาหาฉัน ที่ทำท่าสนใจกับอาหารเช้า บนโต๊บัฟเฟ่ต์ตรงหน้าเสียเหลือเกิน แล้วแกล้งตักอาหารนั้นนี้ใส่จาน ทำเป็นไม่สนใจว่าเขาทั้งสองคุยอะไรกัน

"คุณจะกินเท่านี้เองเหรอ"

ฉันก้มลงดู ของในจานสีขาวที่ฉันถืออยู่อย่างงงๆ ตามคนพูด ก็มองเห็นส้มฝ่านเป็นวงสองชิ้น กับมะเขือเทศสองลูก ที่ฉันแกล้งทำท่าตักๆ ใส่จานโดยที่ไม่ได้ใส่ใจว่าตัวเอง กำลังตักอะไร หรือทำอะไรอยู่ เพราะคอยแต่แอบชำเลือง มองชายสองคนนั้น และใจก็มุ่งไปอยู่กับการแอบฟังชายทั้งสองคุยกัน 

"นี่คนอื่นเขารู้เรื่องเราสองคนด้วยหรือนี่ มิน่าแต่ละคนมองฉันแปลกๆ"

ฉันไม่ตอบแต่ ฉันกระซิบถามเขาเมื่อเขาเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ

"อย่าไปสนใจคนอื่นน่า ผมว่าคุณน่าจะตักอาหารอีกนะ แค่นี้จะไปอิ่มอะไร"

ว่าแล้วเขาก็ชิงเอาจานของฉันไปอย่างเบามือ แล้วค่อยตักอาหารใส่จานใบนั้น พร้อมกับก็ตักอาหารใส่จานอีกใบ แล้วก็พาฉันไปที่โต๊ะอาหารที่มีคนอื่นๆ นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ว ฉันเอ่ยทักคุณใหญ่ คุณเล็ก ก่อนที่จะนั่งใกล้กับเพื่อนสนิทของฉัน โดยมีคุณจักรนั่งตรงข้ามใกล้กับคุณใหญ่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่