เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 9

ตอนที่ 9

ฉันมองภาพวาดเหมือนจริงบานใหญ่ ที่แขวนอยู่บนฝาผนัง ของชายในชุดทหารเรือสีขาวเต็มยศ ใบหน้าคมเข้ม ผิวสีคล้ำ เคร่งขรึม ริมฝีปากเรียบยาวปิดสนิท ดวงตาที่ทอดมองมาอย่างอบอุ่น ข้างๆ เป็นสตรีร่างแบบบางในชุดไทยประยุกต์สีทอง ที่ขับผิวขาวผ่องให้สวยงามจับตา ใบหน้าของสตรีนางนั้นสวยสมส่วน ได้รูป เรียวปากที่ตกแต่งด้วยสีชมพู ยิ้มแย้มอย่างมีเสน่ห์ ดวงตาเล็กเรียวยาว ทอดมองมาอย่างอบอุ่นเช่นกัน

"ภาพวาดครั้งสุดท้ายของคุณพ่อกับคุณแม่ของผมเอง ก่อนที่ท่านทั้งสองจะประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตได้ไม่กี่วัน" เสียงทุ้มกล่าวดังขึ้นอยู่ด้านหลัง ทำให้ฉันหันไปมองเขา

"คุณแม่ของคุณ ท่านงามมากนะคะ"

"ใครๆ ก็ว่าอย่างนั้น" เขาเงยหน้ามองรูปวาดนั้นอย่างชื่นชม

"คุณเหมือนคุณแม่ของคุณมากเลยค่ะ" ฉันมองใบหน้าสวยของชายตรงหน้า

"ใครๆ เขาก็ว่าอย่างนั้น ว่าผมไม่เหมือนคุณพ่อของผมสักนิด โดยเฉพาะผิวขาว ผมได้ทางแม่มามากกว่า"

"มิน่าคุณถึงได้ชอบตากแดดเสียจริง" เขาหัวเราะดังลั่น

"คุณนี่ช่างสังเกตนะ"

"อ้าวก็ตั้งแต่เจอกันฉันเห็นคุณเคยอยู่ในที่ร่มซะที่ไหน อยากดำ.. เอ๊ย ..ผิวคล้ำเหมือนคุณพ่อของคุณหรือคะ"

ฉันดีใจที่เขากลับมาหัวเราะและยิ้มแย้มได้อีกครั้ง เพราะฉันไม่ค่อยชอบไอ้หน้าเสือยิ้มยาก นั่นเสียจริง เพราะเหมือนกับว่าเขาเป็นคนแปลกหน้า ที่ฉันไม่รู้จักอย่างไรอย่างนั้น

"แต่ที่จริงคุณมีอย่างหนึ่งที่เหมือนคุณพ่อของคุณ นอกจากการเป็นทหารเรือ" เขาหันมามองฉันเหมือนจะเร่งให้ฉันพูดต่อให้จบ

"ตาคุณไงคะ คุณได้มาจากคุณพ่อของคุณค่ะ ดวงตาสวย ที่ท่านมองทอดสายตาที่อบอุ่นให้คุณเสมอไงคะ"

แม้ดวงหน้าของเขาจะเรียบเฉย แต่ดวงตาสวยที่มองมามีความระยิบระยับอยู่ในดวงตา เขาหันไปมองผู้ชายในภาพวาดอีกครั้งอย่างลึกซึ้ง แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ อย่างผ่อนคลาย

"ขอโทษด้วยที่ไม่ได้พาไปกินของอร่อยๆ อย่างที่บอกไว้" เขาเปลี่ยนเรื่องคุย

"อะไรคะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณ คุยไว้อย่างนั้นหรือคะ" ฉันยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา ก่อนที่จะฉีกยิ้มกว้างให้เขา  

"ปั้นสิบของคุณชุ่มนี่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาค่ะ"

"นั่นสินะ นอกจากปั้นสิบแล้ว คุณชุ่มทำอาหารได้อร่อยทุกอย่าง ผมดีใจที่คุณชอบ"

"ฉันอยู่ง่าย กินง่ายค่ะ อย่ากังวลไปเลยค่ะ"

"คุณหนูคะ ชุ่มให้นวล จัดห้องนอนของคุณหนูกับเตรียมเสื้อผ้า กับของใช้ให้คุณหมอกเรียบร้อยแล้วค่ะ ชุ่มว่าคุณหนูกับคุณหมอก ไปอาบน้ำ อาบท่าก่อนดีกว่าไหมคะ จะได้ลงมาทานอาหารเย็นกัน" คุณชุ่มกล่าว

"ผมบอกให้คุณชุ่มจัดห้องนอนกับเครื่องใช้ให้คุณ ที่ห้องนอนของผม เพราะผมคงต้องอยู่ดูอาการน้องอ่อนสักคืน เลยคิดว่าเราน่าจะค้างที่นี่ คุณคงไม่ว่าอะไร" เขาหันมาถาม

"ได้ค่ะ แล้วคุณอ่อนเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ"

"คงต้องดูอาการกันไปก่อนสักคืน"

"เธอเป็นอะไรหรือคะ" ฉันถามคุณหมอเจ้าของคนไข้ แต่ก่อนที่เขาจะตอบอะไร 

"ชุ่ม ไปบอกให้นวลจัดห้องรับรอง ให้คุณม่านหมอกนะ และเตรียมเสื้อผ้าให้เธอด้วย เพราะเห็นว่าคงไม่ได้เตรียมอะไรมา"

คุณหญิงจารุวรรณเดินเข้ามาสั่งการคุณแม่บ้าน โดยที่ไม่ได้หันมามองฉันสักนิด 

"เอ่อ คุณหนูบอกให้นวล จัดเครื่องใช้ของคุณม่านหมอกที่ห้องนอนคุณหนูค่ะ" คุณชุ่มกระอึกกระอักตอบ

"นั่นสิครับคุณย่า คุณหมอกเธอเป็นภรรยาของผม จะให้ไปนอนที่ห้องรับรองได้ยังไง"

"ถึงเราจะเป็นอะไรกันก็ตาม แต่ก็ยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงาน แต่งการ อย่างถูกต้องตามประเพณี ดังนั้นย่าก็ยังไม่ยอมรับเมียของเรา มาเป็นหลานสะใภ้"

"คุณย่า" เสียงทุ้มตวัดอย่างขัดเคือง

"ช่างเถอะค่ะคุณจักร ตามใจคุณย่าเถอะค่ะ ฉันนอนที่ห้องรับรองก็ได้" ฉันบอกเขาเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องใหญ่โต

"ถ้าพูดผิด พูดใหม่ได้นะ เพราะบอกแล้วว่า ฉันไม่ยอมรับเธอในฐานะหลานสะใภ้ ดังนั้นเธอต้องเรียกฉันว่าคุณหญิงถึงจะถูก" คุณหญิง! กล่าวจบก็เดินสะบัดตัวจากไป

"ผมต้องขอโทษแทนคุณย่าด้วยนะครับ" เขาบอกอย่างเห็นใจ

"ช่างเถอะค่ะ อีกอย่างเรื่องของเรามันก็เร็วเกินไป ท่านคงยังรับไม่ได้ คงต้องให้เวลาท่านอีกสักหน่อยค่ะ"

ฉันบอกก่อนที่จะหันไปหาคุณแม่บ้าน ที่อย่างน้อยก็เป็นคนหนึ่ง ที่ต้อนรับขับสู้ฉันด้วยไมตรีจิต ตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบบ้านหลังนี้

"คุณชุ่มช่วยพาหมอกไปที่ห้องรับรองหน่อยได้ไหมคะ"

"เชิญทางนี้ค่ะ"

คุณชุ่มเดินนำหน้าฉันไปยังห้องรับรอง เปิดประตูแล้วรอให้ฉันเดินนำเข้าไป

"เดี๋ยวอิฉันจะให้นวลย้ายของใช้ของคุณมาที่ห้องนี้นะคะ"

"ขอบคุณค่ะคุณชุ่ม ที่กรุณาเป็นธุระให้" ฉันยกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่า

"เรื่องแค่นี้ค่ะ ไม่ต้องขอบคุณอิฉันหรอกค่ะ อิฉันเลี้ยงคุณหนูมากับมือ แม้ไม่ใช่ลูก แต่อิฉันก็รักคุณหนูเหมือนลูก คุณหมอกเป็นภรรยาของคุณหนู จะให้อิฉันทำมากกว่านี้ก็ยังได้"

"คงไม่รบกวนหรอกค่ะ แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ หมอกเกรงใจคุณชุ่มค่ะ"

"ไม่ต้องเกรงใจอิฉันหรอกค่ะ คุณหนูรักใคร ชุ่มก็รักคนนั้นด้วยค่ะ" คนพูดแค่นั้นแล้วก็ขอตัวจากไป

... รักเหรอ ...

ฉันรำพึงกับตัวเอง คุณชุ่มท่าจะเข้าใจผิดแล้วมั้ง เพราะเท่าที่เห็น คุณหนูของคุณชุ่มน่าจะรักคุณอ่อน ญาติของเขามากกว่า ก็เห็นน้องอ่อนคะ น้องอ่อนขา หวานขนาดนั้น แล้วยิ่งตอนที่คุณอ่อนทำท่าชักตาตั้ง เขาก็ทำท่าเป็นห่วงเป็นใยมากมายซะขนาดนั้น

"ไม่ได้การฉันต้องโทรหายัยก้อย ถามเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง"

ฉันเผลอโพล่งออกไปเสียงดัง จนนวล สาวใช้ที่เอาเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้มาวางไว้ที่เตียงถึงกลับชะงัก

"คุณหมอกว่าอะไรคะ"

"เปล่าจ๊ะ ฉันจะบอกว่าขอบใจนะนวล เออนี่นวล ที่นี่เขาทานอาหารเย็นกันกี่โมง"

"หนึ่งทุ่มค่ะ"

"ตายแล้ว อีกแค่สามสิบนาทีเอง ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ"

ฉันรีบวิ่งเข้าห้องน้ำแล้วก็ตกใจ เมื่อเห็นสภาพของตัวเอง ที่ผมเผ้าที่ผูกไว้ด้านหลังเรียบๆ หน้าตาก็มันแว้บ เท่านั้นไม่พอ เสื้อยืดสีตุ่นๆ กับกางเกงยีนเก่าๆ สภาพอย่างนี้ ใครเขาจะรับฉันเป็นหลานสะใภ้ ฉันตวัดใจคิดไปถึงภาพคุณอ่อน ในเสื้อผ้าลูกไม้ และผ้าซิ่นลายไทย ที่นั่งร้อยพวงมาลัย

"จะใช่คุณอ่อนหรือเปล่า ที่คุณจักรพูดถึงเมื่อคืนนี้" ความคิดนั้นมันทำให้ฉันหงุดหงิดขึ้นมาทันที

--------------

สำหรับฉันบรรยากาศที่โต๊ะอาหารเป็นไปอย่างอึดอัด ถึงแม้ว่าอาหารต่างๆ ที่คุณชุ่มทำสุดฝีมือเพื่อเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของหลานชาย เจ้าของบ้าน แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศ ในห้องอาหารดีขึ้นเสียเท่าไหร่

ฉันแอบลอบสังเกต "คุณหญิง" เจ้าของบ้านที่นั่งหลังตรงคอตั้ง อยู่ที่หัวโต๊ะ รับประทานอาหารช้าๆ อย่างประณีต สวยสง่าราวกับนางพญา ที่ถูกฝึกหัดมาอย่างดี ส่วนคุณหลานชาย ที่นั่งตรงกันข้าม ก็มีลักษณะที่ไม่แตกต่างจากผู้เป็นย่าสักเท่าไหร่ เสียอย่างเดียวที่คุณอ่อนไม่ได้มาร่วมโต๊ะด้วยเนื่องจากว่ายังนอนหลับหมดสติ ไม่ฟื้นเสียที่

ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องปกติของที่นี่ เพราะไม่เห็นมีใครเดือดร้อน ที่จะไปตามเธอลงมาทานอาหาร ไม่เช่นนั้นฉันก็คงได้เห็น คุณอ่อนนั่งหลังตรงคอตั้ง อย่างสองคนนี้แน่นอน

แล้วก็อีกอย่างที่ ไม่มีใครสนใจที่จะบอกเล่าให้ฉันฟังว่า คุณอ่อนเป็นโรคอะไร หรือทำไมถึงยังนอนหลับหมดสติ เพราะสองคน ย่า หลาน ก็แทบจะไม่มีใครปริปากพูดคุยอะไร หรือถ้าจะมีบทสนทนาบนโต๊ะอาหาร ก็น่าจะเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ เสียมากกว่า เหมือนกับว่า ย่ากับหลานจะถามคำตอบคำกันเสียมากกว่า เหมือนกับหลีกเลี่ยงการปะทะคารมอะไรบางอย่าง

ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่ออาหารเย็นมื้อนั้นได้มาถึงจุดสิ้นสุด ซึ่งคุณหญิงจารุวรรณเอ่ยกล่าว ขอตัวออกไปจากห้องอาหาร โดยที่ไม่ทันจะรับของหวาน และอีกครั้ง ที่คุณหญิงเดินจากไป ไม่ได้หันมามองฉันอีกตามเคย เธอทำราวกับว่าฉันเป็นอากาศธาตุอย่างนั้น

"ขอบคุณนะคะคุณชุ่ม อาหารอร่อยมากเลยค่ะ"

ฉันหันไปบอกคุณแม่บ้าน ที่คอยปรนนิบัติ เสิร์ฟอาหารเองกับมือจากต้นจนจบ

"แต่บรรยากาศไม่ค่อยดีใช่ไหมคะ" คุณชุ่มพูดเสียงเบาที่พอได้ยินกันแค่สามคน

"แค่น่าสนใจไปอีกแบบค่ะ" ฉันตอบ

"ผมว่ามันแย่มากเลย ผมต้องขอโทษด้วยนะ" 

คนที่วางท่าทางเหมือนคุณชายอยู่เมื่อครู่ คว้ามือฉันไปจับกุม ก่อนที่จะผ่อนลมหายใจยาว หลังที่ตั้งตรงเมื่อครู่ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด 

"ถ้าคุณอ่อนไม่สบาย เราคงได้ไปกินข้าวที่อื่น"

"พูดอย่างนี้ คุณชุ่มก็เสียใจแย่สิคะ" ฉันขัด

"นั่นสิคะคุณหนู ชุ่มเสียใจจริงๆ " คนที่บอกเสียใจ กลับทำหน้าระรื่น เพราะความดีใจที่คุณหนูของบ้าน กลับบ้านมาให้แม่นมอย่างเธอได้รับใช้เสียบ้าง

"ขอโทษครับคุณชุ่ม ผมก็แค่อยากให้คุณหมอกเขาได้รับการต้อนรับจากบ้านเราให้ดีกว่านี้ นี่ครับ"

"อย่าคิดมากเลยค่ะ ที่จริงอาหารที่นี่ก็อร่อยมาก" ฉันปลอบใจเขาอีกครั้ง

"คุณดูท่าทางเหนื่อยๆ เครียดๆ นะคะ ฉันว่าคุณเข้านอนแต่หัวค่ำดีไหมคะ เก็บกำลังเอาไว้ เผื่อคุณอ่อนฟื้นขึ้นมากลางดึก คุณอาจจะต้องดูแลเธอนะคะ"

"นั่นสิคะคุณหนู ชุ่มว่าเข้านอนแต่หัวค่ำก็ดีนะคะ"

"คุณก็พักผ่อนนะ พรุ่งนี้เช้าถ้าคุณอ่อนดีขึ้นแล้ว เราจะได้ออกเดินทางกันแต่เช้า" เขาหันมาบอกเมื่อเดินนำฉันมาถึงห้องรับรอง

"ถ้าคุณต้องการอะไรเรียกผมได้นะ"

เขาเอื้อมมือทำท่าจะคว้าตัวฉันไปกอด แต่ชะงักเสียก่อนเมื่อมีเสียงกระแอมกระไอมาจากข้างหลัง

"คุณหญิงให้นวลมานอนเป็นเพื่อนคุณหมอกค่ะ"

คนพูดทำหน้าตากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะกลัวคุณหญิงจะว่า อีกทั้งกลัวคุณจักรจะดุอีกด้วย

"อะไรนะนวล นี่คุณย่าสั่งนวลแบบนี้เลยหรือ นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะคุณย่า"

คนพูดหัวฟัดหัวเหวี่ยง เพราะรู้ว่าการที่นวล มานอนเป็นเพื่อนฉัน ไม่ใช่เพราะฉันต้องการเพื่อนร่วมห้อง แต่เป็นเพราะเหตุผลอย่างอื่นมากกว่า

"เอาเถอะค่ะคุณจักร มีนวลมานอนเป็นเพื่อนก็ดีค่ะ ส่วนคุณไปนอนเถอะค่ะ" ฉันบอกเขาเรียบๆ

"ถ้าคุณต้องการอะไรบอกให้นวลไปเรียกผมได้นะ หรือคุณจะไปหาผมเองก็ได้ ห้องนอนของผมอยู่ตรงนั้น" เขาพยักหน้าไปที่ห้องนอนที่ไกลออกอีกฟากหนึ่งของทางเดิน

"ดึกดื่นแค่ไหนก็ได้นะครับ" เขากระซิบบอกให้ได้ยินแค่สองคน

"ฉันคงไม่ต้องการอะไรหรอกค่ะ คุณไปนอนได้แล้ว"

ฉันดันร่างสูงให้หันหลังกลับ แต่เขากลับได้จังหวะก้มลงหอมแก้มฉันฟอดใหญ่

"หลับฝันดีนะครับ"

เขายิ้มกว้างอย่างเด็กซนที่ได้ของเล่นที่ชอบใจ และกลายมาเป็น.. ไอ้หมอบ้า.. คนเก่าอย่างที่ฉันคุ้นเคย  ก่อนที่จะเดินจากไป

___________

แสงสว่างสาดแสงลอดผ่านหน้าต่าง พร้อมกับเสียงนกร้องเบาๆ ปลุกฉันตื่นจากความหลับใหล ฉันพลิกตัว ลืมตาดูเพดานที่ไม่คุ้นตา กะพริบตาถี่ๆ เพื่อเรียกสติกลับคืนมาจึงนึกได้ว่าฉันนอนอยู่ที่ไหน ฉันลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ ห้องจึงรู้ว่านวลตื่นแล้วและ เก็บที่นอนออกไปจากห้องแล้ว

"ขออย่าให้ตื่นสายกว่าคนอื่นเลย เดี๋ยวยัยคุณหญิงย่าจะค่อนแคะเราได้.. เจ้าประคู้น! ขอให้ลูกช้างผ่านพ้น รังสีอำมหิต ของคุณหญิงย่าด้วยเถิด..เจ้าข้าเอ้ย!.."

ฉันยกมือไหว้ท่วมหัว ก่อนที่จะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ จัดการกับตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเดินไปชะเง้อมองอยู่ที่หน้าห้องนอนของคนที่ได้ชื่อว่าสามี

"คุณหนูกับคุณอ่อนตื่นแล้วค่ะ ชุ่มเห็นคุณหนูอยู่ที่สวนค่ะ" เสียงบอกคุณชุ่มจากด้านหลังทำให้ฉัน สะดุ้งตัวลอย

"เหรอคะ บ้านนี้เขาตื่นกันแต่เช้าแบบนี้หรือคะ" ฉันถามแก้เขิน

"ปกติคุณหนูจะตื่นก่อนรุ่งสางค่ะ ออกไปวิ่งออกกำลังกายทุกวัน ส่วนคุณท่านกับคุณอ่อน ตื่นมาใส่บาตรทุกเช้าค่ะ"

"หมอกนี้แย่นะ ตื่นสายอยู่คนเดียว"

"ไม่สายนะคะคุณหมอก หกโมงนี่ถือว่าเช้าสำหรับคนปกติแล้วนะคะ แต่เป็นเพราะว่าคนที่นี่เขาไม่ปกติค่ะ เขาตื่นเช้ากว่าคนปกติต่างหากค่ะ"

"คุณชุ่มนี่น่ารักจังนะคะ ที่หาข้ออ้างให้หมอกด้วย.. อ้อ...  หมอกขอตัวไปดูคุณจักรก่อนดีกว่าค่ะ ว่าไปวิ่งถึงไหนมาบ้าง"

-------------------
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่