กลลวงกับดักร้าย ตอนที่ 1.3 สงครามประสาท

ตอนที่ 1 สงครามประสาท

______________________________________________________________

“สวัสดีค่ะ คุณเพ็ญศรี คุณอรุณ เชิญนั่งเลยค่ะ เอ๊ะ แล้วนี่...” คุณหญิงรวยมณีทำหน้างงเมื่อมองหาอีกร่างไม่เจอ  ขมวดคิ้วมองหน้าอรุณกับเพ็ญศรีที่กำลังนั่งลงพร้อมกัน

“หนูมุกล่ะคะ” ถามแบบงงๆ เพราะไม่เห็นร่างของว่าที่หลานสะใภ้ก่อนสายตาจะมาหยุดนิ่งที่ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งท่านไม่คิดว่าจะใช่ว่าที่หลานสะใภ้ที่ท่านทาบทาม แต่แม่หนูคนนั้นกำลังยืนอยู่ข้างหลังอรุณกับเพ็ญศรี

“เออ หรือนั่นจะเป็น...หนูมุก...” คุณหญิงรวยมณีเหมือนจะพูดติดอ่างไปชั่วขณะ สายตายังคงมองนิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา

ความเงียบทำให้แดนดนัยต้องเงยหน้ามองคุณย่าของเขาเห็นนิ่งอึ้งไป สีหน้าราวกับตกใจกับอะไรสักอย่าง จึงไม่รอช้าหันหน้าไปตามท่าน ทันใดนั้น หัวใจของแดนดนัยเหมือนจะหยุดหายใจเสียให้ได้ มันเป็นอะไรที่พูดไม่ออก ได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกใจอย่างสะพรึงกลัว

‘นั่นซินะ ก็มันน่ากลัวจริงๆ’

แดนดนัยกลืนน้ำลายลงคออย่างแสนยากเมื่อดวงตาสีฟ้ายังมองหญิงสาวที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลังอรุณกับเพ็ญศรี ในใจตอนนี้บอกว่ารู้สึกตกใจสุดๆ

‘นี่หรือว่าที่คู่หมั้นของฉัน’

มีเสียงหนึ่งดังก้องอยู่ในใจ มีเสียงสะท้อนกลับมา ‘ไม่ ยังไงก็ไม่ ไม่มีทาง ไม่มีทางที่ฉันจะหมั้นกับเธอ’ชายหนุ่มถึงกับสั่นไปทั้งตัวด้วยความสยดสยอง ขนกายลุกซู่เมื่อมองผู้หญิงตรงหน้าที่เปรียบเสมือนผีเสื้อสมุทรก็ไม่ปาน หน้ากลมตัวอ้วนสิวเขลอะแถมตัวดำอีกต่างหากมิน่าถึงต้องให้พ่อแม่หาผู้ชายให้ แดนดนัยย่นจมูก ไม่ชอบใจสุดๆ ก่อนจะสะดุ้งอีกทีเมื่อผู้หญิงคนนั้นส่งยิ้มมาให้ เขารีบหลบสายตาทันที

หญิงร่างอ้วนยิ้มค้างก่อนจะทำหน้าผิดหวังเล็กน้อยแล้วโบกมือไปหาโต๊ะข้างๆ ก่อนจะเดินจากไป

แดนดนัยหลับตามิดเมื่อในความคิดของเขายังเห็นภาพผู้หญิงอ้วนดำคนนั้นอยู่ตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้งด้วยความรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ เพื่อให้แน่ใจว่าที่เขาเห็นคือคนจริงๆ ไม่ใช่นางยักษ์หรือนางผีเสื้อสมุทร ไม่นานก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อไม่พบเธอผู้นั้นแล้วใบหน้าคมจึงคลายความกังวลลงเล็กน้อย

“ตกลงว่า หนูมุกไม่ได้มาด้วยหรือคะ” คุณหญิงรวยมณีถามออกไปด้วยความอยากรู้ เพราะผู้หญิงที่ท่านเห็นและเข้าใจว่าเป็นลูกสาวอรุณกับเพ็ญศรี แท้จริงแล้วเป็นคนอื่นซึ่งท่านเห็นเธอเดินไปนั่งที่โต๊ะอื่นแล้ว แถมดูยังไงก็ไม่มีส่วนคล้ายอรุณกับเพ็ญศรีเลยสักนิด

“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะคุณหญิง คือว่าหนูกั้งเพื่อนสนิทของลูกมุกเพิ่งโทรมาบอกนะคะว่าอาจารย์หมอที่โรงพยาบาลเลื่อนประชุมมาเป็นวันนี้ ลูกมุกก็เลยมาด้วยไม่ได้จริงๆ” เพ็ญศรีเป็นคนบอก

คุณหญิงรวยมณีพยักหน้าหงึกๆ อย่างเข้าใจ ออกอาการโล่งอกด้วยซ้ำ เพราะถ้าลูกมุกที่ท่านจองตัวคือหญิงอ้วนคนนั้น ให้มั่นใจได้เลยว่าท่านจะถูกแดนดนัยถอนหงอกกลางโต๊ะอาหารนี้แน่ไม่ต้องรอให้ถึงกำหนดวันหมั้นหรอก

“งั้นก็ไม่เป็นไร วันนี้ไม่ได้เจอ วันหลังก็ต้องได้เจอ ว่าแต่หนูมุกเรียนจบแล้วใช่มั้ย” คุณหญิงรวยมณีถามได้รับคำตอบจากเพ็ญศรีว่าเรียนจบแล้ว

“ดีจริงๆ ต่อไปหนูมุกจะได้มาดูแลพ่อแม่ยามแก่เฒ่า นี่ถ้าฉันได้หนูมุกมาเป็นหลานสะใภ้ก็คงจะดีอยู่มาก” ปากว่าแต่สายตาหรี่มาทางหลานชาย พอหันมาทางอรุณกับเพ็ญศรีก็เห็นพยักหน้าแล้วมองจ้องมาที่แดนดนัยอดไม่ได้ที่จะแนะนำตัวหลานชายให้รู้จัก

“นี่แดนดนัย หลานชายของฉันเองค่ะ คนที่บอกว่าอยากเจอตัวหนูมุก” คุณหญิงรวยมณีถือโอกาสแนะนำหลานชายให้รู้จัก ฝ่ายแดนดนัยเมื่อถูกเอ่ยชื่อก็ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างนอบน้อม ทั้งที่ในใจคิดอยากค้านคำพูดของผู้เป็นย่าเหลือเกิน

เป็นคนที่บอกว่าอยากเจอตัวงั้นหรือ....ใครกันแน่ที่อยากเจอ

นี่ถ้าไม่ใช่คำสั่งบังคับของผู้เป็นย่าและเขาจะไม่ต้องถูกอายัดบัตรเครดิตหากไม่มาดูตัวครั้งนี้ละก็ จ้างให้แดนดนัยก็ไม่มีทางมานัดดูตัวบ้าบอนี้หรอก

“แหม หน้าตาหล่อเหลาเอาการเลยนะคะ สมกับเป็นหลานชายคุณหญิงจริงๆ ค่ะ แต่ว่าน้าทั้งสองต้องขอโทษคุณแดนด้วยจริงๆ ที่ลูกสาวของเราไม่สามารถมาตามนัดได้ ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ” เพ็ญศรีบอกนึกถูกชะตากันตั้งแต่แรกพบ

แดนดนัยยิ้มกว้างกลับดีใจด้วยซ้ำ เพราะหากหนูมุกที่ว่า หน้าตาเหมือนยัยอ้วนดำเมื่อตะกี้นี้ เขาคงอยากฆ่าตัวตายหนีงานหมั้นไปให้พ้นๆ

“เรียกผมว่าแดนเฉยๆ ก็ได้ครับคุณน้า เรียกคุณแล้วผมรู้สึกแปลกๆ”

“ไม่ถือตัวแบบนี้ น่าจะเข้ากับลูกมุกของเราได้ง่าย” อรุณเป็นคนบอกแล้วยิ้มทุกคนยิ้มตาม มีแต่แดนดนัยเท่านั้นที่ยิ้มไม่ออกได้แต่นั่งทำหน้าบุญไม่รับ

“แล้วตอนนี้แดนทำธุรกิจอะไรอยู่จ๊ะ” เพ็ญศรีถามแต่ไม่ได้รับคำตอบ ฝ่ายคุณหญิงรวยมณีเมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงตอบกลับมาจึงเอียงหน้ามองหลานชายเห็นกำลังจ้องดูนาฬิกาข้อมือ ท่าทางใจลอย

“แดน” คุณหญิงรวยมณีสะกิด แดนดนัยสะดุ้งหันมามองผู้เป็นย่าตาแป๋ว

“เออ...ครับ ว่าไงนะครับคุณย่า”

“เสียมารยาทจริงๆ หลานชายฉัน คุณเพ็ญศรีถามนะว่าตอนนี้แดนทำธุรกิจอะไรอยู่” ชักไม่ค่อยปลื้มกิริยาหลานชายเข้าแล้ว เห็นอ้าปากค้างเหมือนงงๆ จนต้องกระตุ้นด้วยสายตาดุๆ

“ครับ ตอนนี้ผมก็อยู่ช่วยงานที่บริษัทคุณย่าครับ” คนตอบท่าทีดูมึนๆ

“ดีจังเลยนะครับ ได้คนรุ่นใหม่ไฟแรงมาบริหารธุรกิจของครอบครัว แบบนี้คุณหญิงก็คงจะสบายตัวขึ้น ไม่ต้องแบกรับภาระอยู่คนเดียว” อรุณว่าท่าทีดูชื่นชมหลานชายคุณหญิงรวยมณีมากแต่แดนดนัยไม่ได้สนใจ เขาเอาแต่ก้มดูนาฬิกาอยู่ซ้ำๆ จนถูกถาม

“แดนมีธุระหรือเปล่าจ๊ะ น้าเห็นแดนดูนาฬิกาตั้งหลายรอบแล้ว”

“เออ...ความจริงก็มีครับ พอดีมีธุระด่วนต้องไปทำต่อ ถ้าวันนี้น้องมุกมาไม่ได้แล้ว ผมก็ขอตัวกลับก่อน ส่วนคุณย่า” เขาหันมามองหน้าคุณย่าของเขา “ถ้าคุณย่าอยากอยู่คุยกับคุณน้าทั้งสองต่อก็ตามสบายเลยนะครับ เดี๋ยวผมโทรเรียกให้นายสิงห์เอารถมารับคุณย่าเอง” แดนดนัยได้ทีเอ่ยออกไป

“ไม่ต้องยุ่งยากหรอกจ้ะ เดี๋ยวน้าจะดูแลคุณย่าของแดนเองนะ แดนรีบไปทำธุระเถอะจ้ะ ท่าทางจะเป็นธุระสำคัญเชียว” เพ็ญศรีรีบออกตัว

ฝ่ายแดนดนัยได้ทีถึงกับฉีกยิ้มผิดกับคุณหญิงรวยมณีที่เหมือนจะเดาทางหลานชายถูก

“เดี๋ยวตาแดน ไอ้ธุระที่ว่านี่ คงไม่ใช่ธุระกับแม่พวกสาวๆ พวกนั้นหรอกนะ” คุณหญิงรวยมณีถามเพราะอยากจับผิดก่อนจะปรายตามาที่เพ็ญศรีกับอรุณแล้วยิ้มเจื่อนๆ ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งเข้าตัวเพราะจะยิ่งทำให้หลานชายของท่านดูไม่ดีในสายตาคนอื่น จำต้องปล่อยเลยตามเลย

“ธุระน่ะ  รีบเคลียร์ให้เสร็จซะ แล้วอย่ากลับบ้านดึกนักเพราะเรายังมีเรื่องต้องคุยกัน”คุณย่ารีบปรามก่อนพ่อตัวดีจะหนีหายไป

แดนดนัยยิ้มมุมปากแล้วลุกขึ้นยืน ไม่ลืมยกมือไหว้ลาเพ็ญศรีกับอรุณ

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ สวัสดีครับคุณน้าทั้งสอง ไปนะครับคุณย่าแล้วเจอกันที่บ้านครับ” แดนดนัยเอ่ยก้มหน้าลงมาหอมแก้มผู้เป็นย่าฟอดหนึ่งแล้วเดินจากไป ฝ่ายคุณหญิงรวยมณีก็มองตาละห้อยก่อนหันมาไม่ลืมปรับสีหน้ายิ้มแย้มให้เพ็ญศรีกับอรุณ

“หลานชายคุณหญิงนี่หน้าตาดีจริงๆ เลยนะครับ แถมยังมีสัมมาคารวะอีก ผมรู้สึกว่าครอบครัวเราทั้งสองเหมือนจะได้ดองกันจริงๆ” อรุณบอก เพ็ญศรีพยักหน้าเห็นด้วยส่วนคุณหญิงรวยมณีได้แต่ยิ้มสู้ กลัวจริงๆ ว่าหลานชายตัวดีจะสร้างเรื่องขึ้นมาเสียก่อน



แดนดนัยออกมาจากร้านอาหารด้วยใบหน้าสดชื่นเมื่อนึกถึงว่าตัวเองไม่ต้องมาเจอหน้าว่าที่คู่หมั้น แถมเขาไม่ต้องเป็นฝ่ายปฏิเสธเธอเอง มุมปากหนาแสยะยิ้มช้าๆ นัยน์ตาดูมีประกายวาววับ ความจริงเขาไม่มีธุระที่ไหนเลยแต่แค่อึดอัดที่ต้องปั้นหน้ายิ้มคุยถึงเรื่องการหมั้นที่ดูจะไร้สาระมาก

เท้าที่ก้าวเดินอย่างช้าๆ มือหนึ่งก็ล้วงมือถือออกจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะใช้นิ้วเรียวเลื่อนดูบางอย่างในมือถือโดยไม่สนใจกับสิ่งรอบตัวที่กำลังเคลื่อนไหว กระทั่งรับรู้ได้ถึงแรงมหึมาที่พุ่งชนเต็มเหนี่ยว แดนดนัยสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างพุ่งเข้าหาตัวเขาอย่างแรง แรงมากจนทำให้เขาล้มลงไปนอนกับพื้นข้างหน้าร้านอย่างไม่ทันตั้งตัว

“โอ๊ย /ว้าย” สองเสียงประสานกัน แดนดนัยเหมือนตัวลอยลิ่วอยู่ในอากาศไม่นานก็ตกลงมานอนหงายอยู่บนพื้นถนน ไม่เพียงเท่านั้นเขายังต้องรับน้ำหนักร่างของใครอีกคนที่ลงมาทับตัวอีก เท่ากับว่าต้องเจ็บถึงสองเท่า อารามตกใจเขารีบจับไหล่ของอีกฝ่ายแล้วดันออกห่างกายทันที แต่แค่นั้นแหละเหมือนต้องมนต์สะกดเมื่อได้เห็นโฉมหน้าของคนที่มาสร้างความวุ่นวายและทำให้เขาเจ็บตัว

นี่มันนางฟ้าชัดๆ...

เสียงนั้นดังก้องอยู่ในใจของคาสโนว่าหนุ่มแบบไม่ได้ตั้งใจ ความโกรธแกมโมโหและอยากต่อว่าเมื่อครู่หายไปในพริบตา เผลอใช้สายตาพินิจพิจารณารูปพรรณของเธออย่างลืมตัว





______________________________________________________________

จบไปแล้ว 1 ตอน ชอบกันมั้ย อยากอ่านกันอีกมั้ย .......พระนางเจอกันแล้วแต่จะเป็นยังไงต่อไปนั้น มาอ่านกันอีกน่ะ ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่