กลลวงกับดักร้าย ตอนที่ 1.1 สงครามประสาท

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 1 สงครามประสาท

______________________________________________________________



เหมือนกับว่าเวลาจะผ่านไปนานเหลือเกิน แดนดนัยเปิดไฟที่หัวเตียงก่อนจะหยิบนาฬิกาข้อมือซึ่งวางอยู่บนโต๊ะข้างๆ มาดูพบว่าเข็มสั้นชี้เลยเลขห้าไปแล้ว รีบหยิบมือถือมาดูราวกับรู้ชะตากรรมพบว่ามีสายเรียกเข้าเป็นสิบๆ สายซึ่งคนที่โทรมาไม่ใช่ใครอื่นเป็นมารดาของเขานั่นเอง

“แย่...แย่แน่ๆ” แดนดนัยบ่นกับตัวเองแทบจะกลิ้งลงจากเตียงแล้วเดินตัวเปลือย ก้มลงหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่กับพื้นขึ้นมาใส่อย่างรีบร้อนแต่เพราะเสียงกุกกักทำเอาสาวสวยที่นอนเปลือยบนเตียงตื่นขึ้นมาด้วย

“แดเนียลนั่นคุณจะรีบไปไหนคะ”

“กลับบ้าน” คนตอบเอียงหน้ามาบอกแค่นั้นหันมาจัดการตัวเองจนเสร็จก่อนออกจากห้องไม่ลืมมาหอมแก้มสาวไปหนึ่งฟอดแต่จังหวะโน้มหน้าลงมากลับถูกดึงตัวลงมานอนอยู่บนเตียงท่ามกลางเสียงออดอ้อนของสาวเจ้า

“แอนนี่ ไม่เอาน่า อย่าเล่นแบบนี้ ผมรีบจริงๆ”

“โธ่...แดเนียลคะ กว่าแอนนี่จะว่างแล้วนัดคุณมาได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ อยู่กับแอนนี่ต่ออีกสักหน่อยไม่ได้หรือคะ อีกนิดเดียวนะ เดี๋ยวตอนเย็นแอนนี่ก็ต้องบินไปทำงานต่อแล้ว”

“ผมก็อยากอยู่กับคุณต่อนะแต่ผมทำอย่างนั้นไม่ได้จริงๆ เพราะไม่งั้น คุณย่าเล่นงานผมตายแน่” แดนดนัยกล่าวทิ้งท้ายแล้วจูบหน้าผากหญิงสาวอย่างนุ่มนวลค่อยๆ แกะมือแอนนี่ออกจากคอพอหลุดไปได้ก็เดินดุ่มๆ ออกไป พ้นร่างชายหนุ่มแอนนี่หยิบหมอนขึ้นมากอดอกแล้วทำหน้าบึ้งขึ้นทันที



ด้านหน้ารั้วเหล็กสีทองขนาดใหญ่มีรถสปอร์ตจอดอยู่ ส่วนเจ้าของกำลังใช้กลยุทธ์ปีนข้ามเข้ามา เหตุที่ต้องยุ่งยากเพราะไม่อยากให้เสียงรถมาทำให้คนในบ้านตื่น เท้าที่เหยียบถึงพื้นหญ้าแล้วค่อยเดินย่องเบาเข้าบ้าน แอบผวาเมื่อเห็นไฟในห้องครัวสว่าง นั่นหมายความว่าไม่ใครก็ใครที่ตื่นนอนแล้วแต่อาจจะทำอะไรอยู่ในห้องครัวและอาจไม่ทันสังเกตเห็นก็ได้ คิดได้เช่นนั้นจึงพยายามเร่งฝีเท้าเพื่อเดินผ่านจากตรงนั้นเสียให้เร็วที่สุด หากคนที่อยู่ในห้องครัวคือคนที่เขาไม่อยากเจอละก็ ระเบิดลูกมหึมาคงโถมใส่ตัวอย่างแน่นอน แล้วก้าวแรกก็ผ่านไปด้วยดี ก้าวสองก้าวสามค่อยย่องผ่าน แต่ไม่ทันก้าวพ้นห้องโถงก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น

“แดน”

เสียงนั้นทำเอาแดนดนัยผวาถึงกับชาไปทั้งตัว ได้แต่ยืนก้มหน้านิ่งเหมือนรูปปั้นเทพบุตร เวลานี้อยากขอความเห็นใจจากพระเจ้า หากยังเมตตาต่อตนก็ขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี

“แดน เป็นอะไรหรือเปล่า แม่เรียกทำไมไม่ตอบ”

เหมือนพระเจ้าจะน้อมรับความเห็นใจ จากความตกใจกลายเป็นความโล่งใจจนแทบจะกระโดดต่อหน้าคนทัก ไม่ใช่ใครอื่นหากเป็นคุณสร่าง มารดาของเขานั่นเอง แดนดนัยผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ถือโอกาสกอดกระชับอ้อนร่างที่เริ่มอวบ

“แม่รู้มั้ย ผมตกใจแทบแย่เพราะนึกว่าเป็นคุณย่าซะอีก” คนพูดแสดงอาการโล่งอกออกมาอย่างชัดเจนก่อนจะร้องเสียงหลงหลังถูกหยิกเข้าที่ต้นแขน

“มันน่านักนะ รู้อยู่ว่าท่านไม่ปลื้มที่ทำตัวแบบนี้ นี่ถ้าคุณย่ารู้ว่าเมื่อคืนแดนไม่ได้กลับมานอนบ้านละก็ คงได้อบรมกันยกใหญ่แล้วพ่อของลูกก็จะโดนไปด้วย” คนว่าสั่นหน้าไปมาก่อนถูกลูกชายจอมเจ้าเล่ห์หอมแก้มไปฟอดหนึ่ง

“ขอโทษครับ สังสรรค์กับเพื่อนมากไปหน่อย กลับบ้านไม่ไหวจริงๆ เลยต้องนอนค้างที่คอนโดเพื่อน”

“เพื่อนจริงๆ หรือว่าคู่นอน” สร่างทำน้ำเสียงเข้ม สายตาจ้องจับผิดลูกชาย

“โธ่ เพื่อนซิครับคุณแม่ แล้วนี่ตื่นมาทำอะไรครับ อย่าบอกนะว่ารอผม”

สร่างส่ายหน้าแล้วเดินไปยังห้องครัวอีกครั้งเพราะยังเตรียมของใส่บาตรไม่เสร็จ ตอบลูกชายเมื่อเห็นเดินตามหลังเข้ามา

“แม่ตื่นมาใส่บาตรน่ะ แดนมาก็ดีแล้ว จะได้มาใส่บาตรกับแม่” สร่างถือโอกาสชวน เพราะพักหลังๆ มานี้แดนดนัยไม่ค่อยมีเวลามาทำบุญเลย

“เห็นทีจะไม่ไหวละครับ นี่ผมยังมึนหัวอยู่เลย และอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องเข้าประชุมใหญ่แล้ว”

“งั้นก็รีบขึ้นไปนอนเถอะ จะได้ตื่นมาประชุมไหว ประชุมครั้งนี้สำคัญมากถ้าแดนไม่มาคุณย่าจะต้องไม่พอใจแน่”

“ครับ รักแม่ที่สุดเลย” แดนดนัยก่อนไปยังไม่วายหยอดคำหวานให้มารดาอีก ไม่เพียงแค่นั้นยังหอมแก้มเป็นการขอบคุณก่อนจะหมุนตัวขึ้นห้อง สร่างมองคล้อยหลังแล้วยิ้มออกมาก่อนจะหันไปสนใจกับการเตรียมของใส่บาตรต่อ



ที่บริษัทผลิตรถยนต์สปอร์ตยี่ห้อหนึ่ง มีการประชุมใหญ่เกิดขึ้นแต่ประธานใหญ่อย่างคุณหญิงรวยมณีกลับไม่ได้ตั้งใจฟังพนักงานสรุปยอดขายประจำปีเลย เพราะสายตามัวแต่ชำเลืองมองคนที่นั่งเก้าอี้ตัวแรกทางปีกซ้ายของท่าน ส่วนปีกขวามีธนากับสร่างนั่งติดกันกำลังซุบซิบถึงลูกชาย

“คุณสร่าง ดูลูกชายตัวดีของคุณโน่น ทำเรื่องให้ปวดกบาลอีกแล้ว” ธนากระซิบข้างหูสร่างเมื่อมองเห็นแดนดนัยกำลังนั่งผงกหัวกึ่งหลับกึ่งตื่น มีนภาที่นั่งข้างๆ คอยปลุกอยู่เป็นช่วงๆ สร่างไม่ค่อยพอใจกับคำพูดของสามีนัก

“ก็ธนานั่นแหละค่ะที่ผิด ผิดที่ไม่ยอมไปตามลูกกลับมา ทั้งที่รู้ว่าวันนี้จะมีประชุมใหญ่” สร่างกระซิบตอบ สีหน้าดูเป็นห่วงอนาคตของลูกชายมาก

“แล้วคุณจะให้ผมไปตามที่ไหนล่ะ ผู้หญิงของเจ้าแดนมีตั้งไม่รู้กี่คน อีกอย่างผมพูดแล้วมันจะยอมเชื่อฟังผมเหรอ ขนาดคุณโทรหามันตั้งหลายสาย มันไม่เห็นจะรับเลย” ธนาหาข้อแก้ตัวแต่ต้องหุบปากเงียบเมื่อหันไปปะทะกับสายตาดุดันทรงพลังของท่านประธานใหญ่



เมื่อการประชุมเสร็จสิ้น แดนดนัยจึงถูกคุณหญิงรวยมณีเรียกตัวไปพบที่ห้องทำงานของท่านโดยมีธนา สร่าง และนภาน้องสาวของธนามาร่วมรับฟังด้วยแล้วการไต่สวนก็เริ่มขึ้น

“ทุกคนคงจะรู้ว่าเมื่อคืน เจ้าหลานชายของฉันไม่ได้กลับมานอนบ้าน” เสียงคุณหญิงรวยมณีเข้มจัด ท่านนั่งที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งมองทีละคนที่นั่งเรียงกันอยู่บนเก้าอี้รับแขก เหลือบเห็นธนากับสร่างหันมามองหน้ากันแล้วทำท่าจะช่วยกันอธิบาย

“หยุด ฉันไม่ต้องการฟังคำอธิบายของพวกเธอสองคน แต่คนที่ฉันอยากให้พูดคือ...โน่น พ่อหลานชายตัวแสบของฉัน” คุณหญิงรวยมณีส่งสายตามาทางหลานชาย เห็นแดนดนัยที่นั่งก้มหน้าอยู่

ธนาเห็นลูกชายกำลังหลับกลัวจะถูกต่อว่าเลยต้องตะคอกเพื่อปลุกลูกชาย

“เจ้าแดน แดนดนัย เฮ้ยไอ้แดนตื่น”

เสียงนั้นทำเอาคนที่กำลังสัปหงกสะดุ้งตื่นขึ้นมาก่อนจะทำหน้างง เห็นทุกคนกำลังจ้องมาที่เขากันเป็นตาเดียว เขาเอามือขึ้นบีบต้นคออย่างไม่รู้จะทำอะไรต่อ สุดท้ายก็จบลงด้วยการส่งยิ้มหวานไปให้ผู้เป็นย่า คุณหญิงรวยมณีเห็นแล้วถึงกับอ่อนใจ ทวนคำถามอีกรอบ

“ว่ายังไง เมื่อคืนหลานไปทำอะไรที่ไหนมา แทนที่จะกลับบ้านแล้วพักผ่อน แต่นี่อะไรมานั่งหลับในที่ประชุม มันใช้ได้ที่ไหน”

“ผม...” แดนดนัยเม้มปาก พอจะขยับพูดก็ถูกผู้เป็นย่าแทรกคำพูดขึ้นมาก่อน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่