รถเก๋งสีเทาขนาดกลางเลี้ยวเข้ามาใต้ตึกโรงพยาบาลหลังจากยามเลื่อนเหล็กกั้นให้
ที่จอดว่างหลายช่อง เกศสุดาเลือกจอดใกล้บันได เพื่อขึ้นไปชั้นบนที่เป็นตึกOPD เมื่อดับเครื่องยนต์แล้วก็เปิดกระเป๋าหยิบหน้ากากอนามัยขึ้นมาคาดหน้า เอากระเป๋าสะพายไหล่ ลุกออกจากรถ กดรีโมทกุญแจล็อคแล้วใส่กระเป๋าเดินไปขึ้นบันไดช้าๆมาถึงชั้นบนผ่านหน้าประตูพบโต๊ะเจ้าหน้าที่จึงหยิบบัตรคนไข้และบัตรประชาชนให้ไป ทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ที่สำหรับวัดความดันคนไข้ เมื่อเจ้าหน้าที่คืนบัตรมา ก็ให้สอดแขนเข้าเครื่องวัด ความดันคนไข้ ร้อยสี่สิบห้า เลขอื่น เจ็ดสิบและหกสิบห้า และใช้เครื่องเลเซอร์มาส่องหน้าผากวัดไข้ ไม่มีไข้
พยาบาลเดินมานำให้ไปนั่งรอ จึงเห็นว่ามีคนยืนและนั่งอยู่สองคนน่าจะเป็นคนไข้ ส่วนชายที่ยืนคุยกับพยาบาลที่นั่งโต๊ะตรงข้ามห้องตรวจนั้นน่าจะเป็นหมอมากกว่าคนไข้ เพราะใส่เชิ้ตแขนยาวกับนุ่งกางเกงสแล็กสีดำ ส่วนชายที่นั่งใส่หน้ากากอนามัยก้มหน้าดูโทรศัพท์ใส่เสื้อเชิ้ตโปโลสีเทากับกางเกงสแล็กสีกากีช่วงขายาว ผมรองทรงที่ตัดเข้ารูปศีรษะ ทำให้ดูทรงผมดี แต่หน้ากากก็ปิดจนถึงตา
เกศสุดามองป้ายชื่อแพทย์หน้าห้อง ที่กระจกฝ้ากั้นห้อง ไม่สามารถมองทะลุผ่านได้
สักครู่ชายคนที่ยืนคุยก็ผละจากไปเข้าห้องตรวจ และพยาบาลก็บอกคนไข้ที่เก็บโทรศัพท์แล้วเดินเข้าห้องตรวจไป ในเวลาเดียวกันห้องตรวจคนไข้ข้างหน้าก็เปิดออกด้วยคนไข้หญิง และพยาบาลก็ผายมือให้เกศสุดาเข้าห้องตรวจเป็นคนต่อไป
" สวัสดีค่ะ " เกศสุดากล่าวทักก่อนนั่งบนเก้าอี้ข้างโต๊ะที่มีคอมพ์ตั้งอยู่ตรงหน้าหมอหญิง
" มีอาการอย่างไรบ้างคะ"
"ไอมากค่ะ มีเสมหะ ไม่มีไข้มาสองวันแล้วค่ะ แต่ครั่นเนื้อครั่นตัวบ้าง"
" ไปต่างประเทศหรือใกล้ชิดคนมาจากจีนไหมคะ" หมอถาม
" ไม่ค่ะ แต่ขึ้นรถไฟฟ้าคนเต็มจนยืนใกล้ๆกัน สังเกตก็ไม่น่าจะใช่พวกทัวร์จีนค่ะ" เธอนึกตามที่เห็นแล้วตอบ หมอให้อ้าปากส่องไฟดูคอ แลัวก็พิมพ์ข้อความสั่งยาลงไป จึงบอกว่า
" ให้ยาแก้ไอ ลดเสมหะ ลดน้ำมูก ทานตามกำหนด ไม่หายห้าวันมาใหม่ค่ะ"
เธอกล่าวขอบคุณ รับกระดาษมีชื่อตนเอง ลุกจากหมอมา นำมาส่งให้พยาบาล แล้วนั่งรอใกล้ๆนั้น ผู้ชายที่เข้าหาหมอก่อนนั่นก็ออกมายื่นเอกสารให้พยาบาลเช่นเดียวกัน เสียงเรียกชื่อจากพยาบาล
"คุณอัคร" ชายคนนั้นก็ลุกไปรับกระดาษจากพยาบาลที่ชี้ไปเคาน์เตอร์จ่ายเงิน และเสียงเรียก เกศสุดาก็ตามมา เธอจึงลุกไปรับเดินมารอที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินเดียวกัน
เธออดนึกไม่ได้ว่า เขาป่วยเป็นหวัด หรือคาดหน้ากากเพื่อป้องกัน ตอนเธอยืนมองมาทางพยาบาล ชายหนุ่มเหลือบมามองเธอที่ยืนใส่กางเกงสแล็กเข้ารูป เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนเย็นตา ผมซอยสั้น เขารีบหันหน้ากลับมาทันทีที่เธอหันมามองเคาน์เตอร์ ชายหนุ่มรีบรับใบเสร็จและทันได้ยินเจ้าหน้าที่เรียกคนต่อไป พร้อมพูดว่า
"คุณเกศสุดา เบิกจ่ายตรงนะคะ"
เบิกจ่ายตรงนี่อะไร ชายหนุ่มนึกตามที่ได้ยิน เมื่อเขามายืนที่หน้าเคาน์เตอร์จ่ายยา หูก็สนใจฟังไปเรื่อยๆจนเภสัชเอาถุงยามาวางให้และแจกแจงการใช้ยาสามซองนั้น เขารับซองยามา ขณะที่เธอก็เดินมายืนรอข้างๆเขา เมื่อเขาหันมามองเจอสายตาของเธอที่มองอยู่ก่อนแล้ว เขาจึงยิ้มผ่านสายตาเหนือหน้ากากให้เธอซึ่งดวงตาที่เธอมองอยู่แล้วนั้นมีประกายสดใสขี้นมานิดหนึ่ง เธอคงยิ้มสินะ เขานึกไปแล้ว และเดินจากมา เขาลงบันไดเดินถอดหน้ากากด้วยไม่จำเป็นต้องใส่เลย เพราะคนไข้มีแค่สองคนเท่าที่เห็น แล้วอาการเจ็บต่อมทอนซิลก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เพียงแต่วันนี้เขาลาพักร้อนด้วยธุระ แต่ก็แวะมาโรงพยาบาลใกล้บ้านก่อนด้วยความสะดวก
ชายหนุ่มกดรีโมทรถไฟรถวาบขึ้นมา เขาเปิดประตูรถตราดาว รุ่นC 350 เป็นรถตกรุ่นเกือบปีที่ลดราคาถูกจนเหมือนจะเลิกกิจการ หรือว่ารถราคาร่วมสี่ล้านนี้ขายไม่ออกเพราะเศรษฐกิจซบเซาจริงหรือ คนที่มีเงินอยู่แล้วก็คงมีรถราคาแพงและใช้ทนทาน กว่าจะเปลี่ยนคันใหม่สักทีก็เป็นสิบปี ยิ่งใช้ยิ่งรัก ยิ่งถูกมือ บางคนยังเก็บรถคันเก่าไว้เป็นอนุสรณ์ แบบคนเก็บของที่ระลึก ของเก่า ที่ว่ามันดีต่อใจ ตัวเขาเองก็ใช้รถนานกว่าจะเปลี่ยน เมื่อมีข้อเสนอราคาที่ดี และเพื่อเข้าสมัยรถไฮบริดใช้ไฟฟ้า เขาจึงยอมติดหนี้แม่ มาซื้อรถคันนี้ที่โชว์รูมไม่ไกลจากบ้าน รับประกันครบทุกอย่างรวมทั้งอุบัติเหตุด้วย หากแต่ว่าเขาไม่ได้นึกไปไกลขนาดนั้น นึกแค่ว่าต้องเปลี่ยนรถที่มีสมรรถนะสมราคาและปลอดภัยกับชีวิต
เขานั่งนึกถือหน้ากากคามือ นานเท่าใดไม่รู้ เสียงรองเท้าเดินบนพื้นทำให้เหลือบไปดู เท้าที่ใส่รองเท้าสายพันกันรัดไปที่ส้นนั่นช่างน่ามอง อ้าว เป็นเธอหรอกเหรอ เธอคงไม่ได้สังเกตรถที่มีคนนั่งอยู่ เธอเดินไปขึ้นรถฮอนด้าซีวิค สีเทาทราย เขานึกได้รีบเอาโทรศัพท์มากดถ่ายได้ทะเบียนรถ
ด้วยรถจอดเยื้องตรงข้ามกัน ทำให้มองเห็นเธอถอดหน้ากากก่อนสตาร์ทรถ ความไกลกับความมืดกระจกพอจะเห็นดวงหน้ารูปไข่ของเธอ แค่นี้เขาก็คิดว่าเห็นครบแล้ว
รอเธอเคลื่อนรถ เขานึกถามตนเองว่าเอาไงดี มีธุระตอนบ่าย หากแต่เวลาเหลือแยะเพราะไม่นึกว่าจะไม่มีคนไข้ จึงใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงทั้งๆที่เขากะว่าไม่เกินสองชั่วโมงครึ่ง เมื่อไม่มีอะไรทำก็ทำตามเหตุการณ์ก็แล้วกัน
รถของอัครเคลื่อนตัวช้าๆทิ้งระยะห่างรถซีวิคแค่ไม่คลาดสายตา เมื่อวิ่งออกมาที่ถนนใหญ่ รถผู้หญิงขับย่อมนุ่มนวล แต่ที่ไหนได้ เธอขับรถเร็วจัง เขาจึงต้องตั้งสมาธิมองสีรถของเธอมิให้คลาดสายตา ยิ้มกับตัวเองว่า สนุกดี ตามใครก็ไม่รู้
เกศสุดาขับรถมาจอดรอไฟแดงที่สี่แยกบางนา เมื่อได้สัญญานไฟเขียวเลี้ยวขวาทันทีวิ่งตรงมาสักหนึ่งกิโลเมตร ก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยลาซาลล์ที่สถานีแบริ่งตั้งอยู่ ด้วยว่าซอยแบริ่งกลับไกลจากสถานีราวสามร้อยเมตรได้ ระยะนั้นเป็นระยะไว้จอดพักขบวนรถอยู่ปากซอยแบริ่งซึ่งสุดเขตกรุงเทพมหานครติดต่อกับจังหวัดสมุทรปราการ
รถคันหน้าวิ่งเลี้ยวเข้าซอยลาซาลล์ไปแล้ว อัครรีบชิดซ้ายเลี้ยวตาม แต่ถนนรถวิ่งสองเลนสวนกัน
จึงต้องขับตามๆกันไป เมื่อรถเลี้ยวซ้ายอีกก็เห็นชัดเจน เลี้ยวขวาเข้าถนนกว้างขึ้นทำให้แซงคันหน้ามาใกล้รถซีวิคของเธอมากขึ้น อีกไม่นานรถก็เลี้ยวซ้าย เขาขับตามจนเห็นรถซีวิคเลี้ยวเข้าโรงเรียนของกรุงเทพมหานครไป อ้อ เธอน่าจะเป็นข้าราชการ มิน่าเบิกจ่ายตรง ไม่เห็นจ่ายเงินจึงเสร็จมายืนต่อคิวข้างหลังรับยาเร็ว เธอต้องเป็นครูแน่ๆอาชีพนี้มั่นคง อัครคิดทะลุปรุโปร่งในเรื่องของสาวที่เพิ่งเห็นในชั่วโมงที่ผ่านมา เขาขับรถวิ่งผ่านประตูโรงเรียนไป แล้วก็หาที่กลับรถในถนนแคบๆนั้น กลับมานึกว่าจะไปไหนต่อก่อนบ่าย เมื่อนึกถึงย่านนี้จึงขับรถไปยังถนนคนละฝั่งที่มีมอลล์ชื่อ ลาซาลล์ อเวนิวตั้งอยู่ เขาเคยมาหาซื้อเสื้อ ยูนิโคล่ ทานไก่เคเอฟซี แต่วันนี้เขาจะลองเดินและหาอาหารทานให้เสร็จเลย ด้วยว่ายังไม่ถึงเวลาอาหารกลางวัน อัครเดินดูร้านต่างๆและแวะร้านขายหน้ากากอนามัยซื้อเพิ่มมาสามอัน ร้านย่านนี้ดูทันสมัย สงบเงียบ ร้านกาแฟสตาร์บัคเป็นร้านที่น่านั่งมาก มีบริเวณกว้างและปลอดโปร่งต่อสายตา แต่เขาก็ยังไม่ได้เข้าไปใช้บริการ คิดว่าทานกลางวันที่ร้าน ออร์ก้านั้นก่อนแล้วค่อยแวะมาดื่มกาแฟ เท้าที่พาเดินเพลินก็มาถึงหน้าร้านซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ ชื่อวิลล่า
เอ๊ะ นั่นเธอนี่กำลังถอดถอยรถเข็นออกจากแร็กเป็นแถว เขารีบเดินมาช่วยดึงให้ทันที
" ช่วยครับ" เธอทำตาโตที่พบเขาอีกแล้ว
" คุณมาได้ยังไง?" เธอถามด้วยความตกใจหรือประหลาดใจหรือทั้งสองอย่าง
ถ้าตอบตามตรงได้ก็ตอบไปแล้ว แต่มันตอบไม่ได้ เขาจึงได้แต่ยิ้ม
และบอกว่ามาหาอาหารกลางวันทานครับ ใครจะโพล่งตอบไปว่าตามคุณมาล่ะ
เกศสุดาเลยงง หยุดยืนนิ่ง เขานึกได้เลยถามกลับชวนคุย เวลามีนี่นะถึงช็อปปิ้งได้
" แล้วทำไมถึงมาเจอกันได้ครับ"
" อ๋อ..เอ้อ..คือไปแวะ เอ้อ ที่ทำงานใกล้ๆนี้เลยมาซื้อของที่นี่ประจำค่ะ"
เธอไม่ได้บอกว่าที่ทำงานคือโรงเรียนสินะ แต่เธอก็พูดความจริง เขารีบคิดและสรุปเร็วๆ
" ผมอาจจะดูแปลก แต่ผมไม่เคยพบใครสองหนในเวลาใกล้ขนาดนี้ ผมชักอยากดื่มกาแฟ ถ้าให้เวลาผมสักนิดผมอยากดื่มกาแฟกับคุณ หนเดียวพอครับ แล้วจะไม่รบกวนอีกครับ ถ้าไม่เกิดโลกกลมมาเจอกันอีกเพราะผมไม่รู้จักที่นี่มาก่อน ทันสมัย ดูดีมากครับ"
" อ๋อ.. เพิ่งเปิดได้ปีหนึ่งค่ะ ชอบที่นี่มากเหมือนกันค่ะ" เธอพูดแล้วก็คงหยุดคิด ผมก็ทำเป็นมองไปรอบๆประกอบคำพูดเธอ
ความเงียบทำให้คนบางคนอึดอัด ต้องแสดงออก มาก่อนคนอื่น ประมาณนั้น โดยเฉพาะคนใจร้อน เดาว่าเธอน่าจะไม่ใจเย็นกว่าผม ดูจากการขับรถเร็ว และแล้วเธอก็พูดว่า
" ทานกาแฟสตาร์บัคหรือเปล่าคะ?"
"ร้านอะไรก็ได้ครับ แล้วแต่คุณ เชิญครับ"
ผมรีบทำความก้าวหน้าในทันที พร้อมกับค่อยๆเข็นรถใส่ของเก็บเข้าที่ เธอสะพายกระเป๋าที่ไหล่ แล้วมองหน้าผม เธอยิ้มเหมือนหัวเราะผม ให้ตายเถอะ เธอมีกิริยาน่ารักจริง ๆ แค่เธอขำผมนี่ล่ะนะ ผมดีใจเงียบๆ ผมขยับตัวให้เธอนำทาง
แหม ร้านสตาร์บัคก็ช่างใกล้กับวิลล่ามาร์เก็ตเสียเหลือเกิน เดินกันเงียบๆไม่ทันชินหรือหายเก้อเขินกันเลย ก็ถึงเสียแล้ว
ผมรีบผลักประตูให้เธอๆเดินนำเข้าไปนั่งติดแนวกระจกที่เห็นสนามหญ้ากว้าง ด้วยอาคารชั้นเดียวทั้งหมดปลูกเป็นสี่เหลี่ยมล้อมรอบสนามเป็นPlay ground area ที่ตอนเย็นๆจะมีครอบครัวพาเด็กๆมาวิ่งเล่น แล้วก็จบลงด้วยการช็อปปิ้งหรือทานอาหารเย็นก่อนกลับ ถือเป็นวันที่จะผ่านอย่างเพลิดเพลินกับคนอยู่พักอาศัยย่านนี้
เมื่อทานกาแฟกับโอ๊ตคุกกี้แผ่นใหญ่คนละชิ้น คุยกันเริ่มจากว่าทำไมถึงมาหาหมอ และทำไมถึงโรงพยาบาลไม่ค่อยมีคนไข้ เธอเป็นข้าราชการสังกัดกทม. เช่นเดียวกับโรงพยาบาล เธอถึงเล่าได้ละเอียดกว่าเท่าที่ผมรู้แค่ว่าคนไข้ไม่แยะเท่านั้น
เมื่อได้คุยกันเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับส่วนตัว ก็ทำให้ไม่รู้สึกว่ามิต้องมีอะไรที่ต้องกังวล ผมคิดเพราะเธอเป็นข้าราชการน่าจะมีความเป็นอยู่ไม่โลดโผนเท่าพนักงานบริษัทแบบผม ผมนึกเธอในทางที่ดีไปเสียแล้วโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นการแสดงออกของผมจึงเป็นไปตามที่คิด ผมบอกเธอว่า
" ผมรบกวนเวลาคุณมากแล้ว อยากรับอะไรอีกมั้ยครับ "
" ไม่หรอกค่ะ คือไม่รับ และไม่รบกวนหรอกค่ะ"
ผมดีใจนะที่เธออธิบายให้ผมเข้าใจว่าผมไม่ได้รบกวน ทำให้ผมรีบใช้สิทธิ์คำนี้เลย
"โอ.. ถ้าอย่างนั้นผมขอรบกวนสักหน่อยนะครับ ขอแอดไลน์ได้ไหมครับ ว่างก็ตอบ ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร ขัดข้องอย่างไรก็ตัดเบอร์ออกได้เลย แฟร์ดีครับ"
เธอนิ่งไปอึดใจก่อนจะช้อนสายตามองผม แล้วก็กลั้นหัวเราะ เธออาจจะรู้ทันผมหรือขำคำพูดของผม
ให้ตายเถอะ ผมขอบคุณที่ผมเป็นทอนซิลอักเสบ ถ้าเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา ผมและเธอต้องหลีกกันไปไกลๆ
เธอหยิบโทรศัพท์เธอขึ้นมา ผมรีบเอาโทรศัพท์ผมยื่นให้เธอแอด คิวอาร์โค้ดรับเพื่อน ทันที ผมแถมความเชื่อมั่นให้เธอว่า โทรศัพท์ผมไม่มีหน้าสาวใดเป็นWall paper แน่นอน
ผมขอบคุณเธอพร้อมคำพูดและสายตา ซึ่งดูว่าเธอเข้าใจดี จากอาการยิ้มแบบขวยเขินขึ้นมา ผมรู้สึกว่าผมทำถูกอีกวันหนึ่ง แต่ส่วนมากแล้วผมไม่ค่อยทำอะไรผิดนักหรอก และคิดว่าผมคงจะทำถูกต่อไปเรื่อยๆกับสาวชื่อเกศสุดาคนนี้ ผมมอบหน้ากากอนามัยที่ซื้อมาทั้งหมดให้แก่เธอ ด้วยคิดว่าน่าจะมีอะไรให้เธอนึกถึงผมบ้าง ผมจะสอบผ่านไหม ผมก็ระทึกใจเช่นกัน.
จบ
💊💉 ไวรัส...ไวรัก 💖💕💘
รถเก๋งสีเทาขนาดกลางเลี้ยวเข้ามาใต้ตึกโรงพยาบาลหลังจากยามเลื่อนเหล็กกั้นให้
ที่จอดว่างหลายช่อง เกศสุดาเลือกจอดใกล้บันได เพื่อขึ้นไปชั้นบนที่เป็นตึกOPD เมื่อดับเครื่องยนต์แล้วก็เปิดกระเป๋าหยิบหน้ากากอนามัยขึ้นมาคาดหน้า เอากระเป๋าสะพายไหล่ ลุกออกจากรถ กดรีโมทกุญแจล็อคแล้วใส่กระเป๋าเดินไปขึ้นบันไดช้าๆมาถึงชั้นบนผ่านหน้าประตูพบโต๊ะเจ้าหน้าที่จึงหยิบบัตรคนไข้และบัตรประชาชนให้ไป ทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ที่สำหรับวัดความดันคนไข้ เมื่อเจ้าหน้าที่คืนบัตรมา ก็ให้สอดแขนเข้าเครื่องวัด ความดันคนไข้ ร้อยสี่สิบห้า เลขอื่น เจ็ดสิบและหกสิบห้า และใช้เครื่องเลเซอร์มาส่องหน้าผากวัดไข้ ไม่มีไข้
พยาบาลเดินมานำให้ไปนั่งรอ จึงเห็นว่ามีคนยืนและนั่งอยู่สองคนน่าจะเป็นคนไข้ ส่วนชายที่ยืนคุยกับพยาบาลที่นั่งโต๊ะตรงข้ามห้องตรวจนั้นน่าจะเป็นหมอมากกว่าคนไข้ เพราะใส่เชิ้ตแขนยาวกับนุ่งกางเกงสแล็กสีดำ ส่วนชายที่นั่งใส่หน้ากากอนามัยก้มหน้าดูโทรศัพท์ใส่เสื้อเชิ้ตโปโลสีเทากับกางเกงสแล็กสีกากีช่วงขายาว ผมรองทรงที่ตัดเข้ารูปศีรษะ ทำให้ดูทรงผมดี แต่หน้ากากก็ปิดจนถึงตา
เกศสุดามองป้ายชื่อแพทย์หน้าห้อง ที่กระจกฝ้ากั้นห้อง ไม่สามารถมองทะลุผ่านได้
สักครู่ชายคนที่ยืนคุยก็ผละจากไปเข้าห้องตรวจ และพยาบาลก็บอกคนไข้ที่เก็บโทรศัพท์แล้วเดินเข้าห้องตรวจไป ในเวลาเดียวกันห้องตรวจคนไข้ข้างหน้าก็เปิดออกด้วยคนไข้หญิง และพยาบาลก็ผายมือให้เกศสุดาเข้าห้องตรวจเป็นคนต่อไป
" สวัสดีค่ะ " เกศสุดากล่าวทักก่อนนั่งบนเก้าอี้ข้างโต๊ะที่มีคอมพ์ตั้งอยู่ตรงหน้าหมอหญิง
" มีอาการอย่างไรบ้างคะ"
"ไอมากค่ะ มีเสมหะ ไม่มีไข้มาสองวันแล้วค่ะ แต่ครั่นเนื้อครั่นตัวบ้าง"
" ไปต่างประเทศหรือใกล้ชิดคนมาจากจีนไหมคะ" หมอถาม
" ไม่ค่ะ แต่ขึ้นรถไฟฟ้าคนเต็มจนยืนใกล้ๆกัน สังเกตก็ไม่น่าจะใช่พวกทัวร์จีนค่ะ" เธอนึกตามที่เห็นแล้วตอบ หมอให้อ้าปากส่องไฟดูคอ แลัวก็พิมพ์ข้อความสั่งยาลงไป จึงบอกว่า
" ให้ยาแก้ไอ ลดเสมหะ ลดน้ำมูก ทานตามกำหนด ไม่หายห้าวันมาใหม่ค่ะ"
เธอกล่าวขอบคุณ รับกระดาษมีชื่อตนเอง ลุกจากหมอมา นำมาส่งให้พยาบาล แล้วนั่งรอใกล้ๆนั้น ผู้ชายที่เข้าหาหมอก่อนนั่นก็ออกมายื่นเอกสารให้พยาบาลเช่นเดียวกัน เสียงเรียกชื่อจากพยาบาล
"คุณอัคร" ชายคนนั้นก็ลุกไปรับกระดาษจากพยาบาลที่ชี้ไปเคาน์เตอร์จ่ายเงิน และเสียงเรียก เกศสุดาก็ตามมา เธอจึงลุกไปรับเดินมารอที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินเดียวกัน
เธออดนึกไม่ได้ว่า เขาป่วยเป็นหวัด หรือคาดหน้ากากเพื่อป้องกัน ตอนเธอยืนมองมาทางพยาบาล ชายหนุ่มเหลือบมามองเธอที่ยืนใส่กางเกงสแล็กเข้ารูป เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนเย็นตา ผมซอยสั้น เขารีบหันหน้ากลับมาทันทีที่เธอหันมามองเคาน์เตอร์ ชายหนุ่มรีบรับใบเสร็จและทันได้ยินเจ้าหน้าที่เรียกคนต่อไป พร้อมพูดว่า
"คุณเกศสุดา เบิกจ่ายตรงนะคะ"
เบิกจ่ายตรงนี่อะไร ชายหนุ่มนึกตามที่ได้ยิน เมื่อเขามายืนที่หน้าเคาน์เตอร์จ่ายยา หูก็สนใจฟังไปเรื่อยๆจนเภสัชเอาถุงยามาวางให้และแจกแจงการใช้ยาสามซองนั้น เขารับซองยามา ขณะที่เธอก็เดินมายืนรอข้างๆเขา เมื่อเขาหันมามองเจอสายตาของเธอที่มองอยู่ก่อนแล้ว เขาจึงยิ้มผ่านสายตาเหนือหน้ากากให้เธอซึ่งดวงตาที่เธอมองอยู่แล้วนั้นมีประกายสดใสขี้นมานิดหนึ่ง เธอคงยิ้มสินะ เขานึกไปแล้ว และเดินจากมา เขาลงบันไดเดินถอดหน้ากากด้วยไม่จำเป็นต้องใส่เลย เพราะคนไข้มีแค่สองคนเท่าที่เห็น แล้วอาการเจ็บต่อมทอนซิลก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เพียงแต่วันนี้เขาลาพักร้อนด้วยธุระ แต่ก็แวะมาโรงพยาบาลใกล้บ้านก่อนด้วยความสะดวก
ชายหนุ่มกดรีโมทรถไฟรถวาบขึ้นมา เขาเปิดประตูรถตราดาว รุ่นC 350 เป็นรถตกรุ่นเกือบปีที่ลดราคาถูกจนเหมือนจะเลิกกิจการ หรือว่ารถราคาร่วมสี่ล้านนี้ขายไม่ออกเพราะเศรษฐกิจซบเซาจริงหรือ คนที่มีเงินอยู่แล้วก็คงมีรถราคาแพงและใช้ทนทาน กว่าจะเปลี่ยนคันใหม่สักทีก็เป็นสิบปี ยิ่งใช้ยิ่งรัก ยิ่งถูกมือ บางคนยังเก็บรถคันเก่าไว้เป็นอนุสรณ์ แบบคนเก็บของที่ระลึก ของเก่า ที่ว่ามันดีต่อใจ ตัวเขาเองก็ใช้รถนานกว่าจะเปลี่ยน เมื่อมีข้อเสนอราคาที่ดี และเพื่อเข้าสมัยรถไฮบริดใช้ไฟฟ้า เขาจึงยอมติดหนี้แม่ มาซื้อรถคันนี้ที่โชว์รูมไม่ไกลจากบ้าน รับประกันครบทุกอย่างรวมทั้งอุบัติเหตุด้วย หากแต่ว่าเขาไม่ได้นึกไปไกลขนาดนั้น นึกแค่ว่าต้องเปลี่ยนรถที่มีสมรรถนะสมราคาและปลอดภัยกับชีวิต
เขานั่งนึกถือหน้ากากคามือ นานเท่าใดไม่รู้ เสียงรองเท้าเดินบนพื้นทำให้เหลือบไปดู เท้าที่ใส่รองเท้าสายพันกันรัดไปที่ส้นนั่นช่างน่ามอง อ้าว เป็นเธอหรอกเหรอ เธอคงไม่ได้สังเกตรถที่มีคนนั่งอยู่ เธอเดินไปขึ้นรถฮอนด้าซีวิค สีเทาทราย เขานึกได้รีบเอาโทรศัพท์มากดถ่ายได้ทะเบียนรถ
ด้วยรถจอดเยื้องตรงข้ามกัน ทำให้มองเห็นเธอถอดหน้ากากก่อนสตาร์ทรถ ความไกลกับความมืดกระจกพอจะเห็นดวงหน้ารูปไข่ของเธอ แค่นี้เขาก็คิดว่าเห็นครบแล้ว
รอเธอเคลื่อนรถ เขานึกถามตนเองว่าเอาไงดี มีธุระตอนบ่าย หากแต่เวลาเหลือแยะเพราะไม่นึกว่าจะไม่มีคนไข้ จึงใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงทั้งๆที่เขากะว่าไม่เกินสองชั่วโมงครึ่ง เมื่อไม่มีอะไรทำก็ทำตามเหตุการณ์ก็แล้วกัน
รถของอัครเคลื่อนตัวช้าๆทิ้งระยะห่างรถซีวิคแค่ไม่คลาดสายตา เมื่อวิ่งออกมาที่ถนนใหญ่ รถผู้หญิงขับย่อมนุ่มนวล แต่ที่ไหนได้ เธอขับรถเร็วจัง เขาจึงต้องตั้งสมาธิมองสีรถของเธอมิให้คลาดสายตา ยิ้มกับตัวเองว่า สนุกดี ตามใครก็ไม่รู้
เกศสุดาขับรถมาจอดรอไฟแดงที่สี่แยกบางนา เมื่อได้สัญญานไฟเขียวเลี้ยวขวาทันทีวิ่งตรงมาสักหนึ่งกิโลเมตร ก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยลาซาลล์ที่สถานีแบริ่งตั้งอยู่ ด้วยว่าซอยแบริ่งกลับไกลจากสถานีราวสามร้อยเมตรได้ ระยะนั้นเป็นระยะไว้จอดพักขบวนรถอยู่ปากซอยแบริ่งซึ่งสุดเขตกรุงเทพมหานครติดต่อกับจังหวัดสมุทรปราการ
รถคันหน้าวิ่งเลี้ยวเข้าซอยลาซาลล์ไปแล้ว อัครรีบชิดซ้ายเลี้ยวตาม แต่ถนนรถวิ่งสองเลนสวนกัน
จึงต้องขับตามๆกันไป เมื่อรถเลี้ยวซ้ายอีกก็เห็นชัดเจน เลี้ยวขวาเข้าถนนกว้างขึ้นทำให้แซงคันหน้ามาใกล้รถซีวิคของเธอมากขึ้น อีกไม่นานรถก็เลี้ยวซ้าย เขาขับตามจนเห็นรถซีวิคเลี้ยวเข้าโรงเรียนของกรุงเทพมหานครไป อ้อ เธอน่าจะเป็นข้าราชการ มิน่าเบิกจ่ายตรง ไม่เห็นจ่ายเงินจึงเสร็จมายืนต่อคิวข้างหลังรับยาเร็ว เธอต้องเป็นครูแน่ๆอาชีพนี้มั่นคง อัครคิดทะลุปรุโปร่งในเรื่องของสาวที่เพิ่งเห็นในชั่วโมงที่ผ่านมา เขาขับรถวิ่งผ่านประตูโรงเรียนไป แล้วก็หาที่กลับรถในถนนแคบๆนั้น กลับมานึกว่าจะไปไหนต่อก่อนบ่าย เมื่อนึกถึงย่านนี้จึงขับรถไปยังถนนคนละฝั่งที่มีมอลล์ชื่อ ลาซาลล์ อเวนิวตั้งอยู่ เขาเคยมาหาซื้อเสื้อ ยูนิโคล่ ทานไก่เคเอฟซี แต่วันนี้เขาจะลองเดินและหาอาหารทานให้เสร็จเลย ด้วยว่ายังไม่ถึงเวลาอาหารกลางวัน อัครเดินดูร้านต่างๆและแวะร้านขายหน้ากากอนามัยซื้อเพิ่มมาสามอัน ร้านย่านนี้ดูทันสมัย สงบเงียบ ร้านกาแฟสตาร์บัคเป็นร้านที่น่านั่งมาก มีบริเวณกว้างและปลอดโปร่งต่อสายตา แต่เขาก็ยังไม่ได้เข้าไปใช้บริการ คิดว่าทานกลางวันที่ร้าน ออร์ก้านั้นก่อนแล้วค่อยแวะมาดื่มกาแฟ เท้าที่พาเดินเพลินก็มาถึงหน้าร้านซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ ชื่อวิลล่า
เอ๊ะ นั่นเธอนี่กำลังถอดถอยรถเข็นออกจากแร็กเป็นแถว เขารีบเดินมาช่วยดึงให้ทันที
" ช่วยครับ" เธอทำตาโตที่พบเขาอีกแล้ว
" คุณมาได้ยังไง?" เธอถามด้วยความตกใจหรือประหลาดใจหรือทั้งสองอย่าง
ถ้าตอบตามตรงได้ก็ตอบไปแล้ว แต่มันตอบไม่ได้ เขาจึงได้แต่ยิ้ม
และบอกว่ามาหาอาหารกลางวันทานครับ ใครจะโพล่งตอบไปว่าตามคุณมาล่ะ
เกศสุดาเลยงง หยุดยืนนิ่ง เขานึกได้เลยถามกลับชวนคุย เวลามีนี่นะถึงช็อปปิ้งได้
" แล้วทำไมถึงมาเจอกันได้ครับ"
" อ๋อ..เอ้อ..คือไปแวะ เอ้อ ที่ทำงานใกล้ๆนี้เลยมาซื้อของที่นี่ประจำค่ะ"
เธอไม่ได้บอกว่าที่ทำงานคือโรงเรียนสินะ แต่เธอก็พูดความจริง เขารีบคิดและสรุปเร็วๆ
" ผมอาจจะดูแปลก แต่ผมไม่เคยพบใครสองหนในเวลาใกล้ขนาดนี้ ผมชักอยากดื่มกาแฟ ถ้าให้เวลาผมสักนิดผมอยากดื่มกาแฟกับคุณ หนเดียวพอครับ แล้วจะไม่รบกวนอีกครับ ถ้าไม่เกิดโลกกลมมาเจอกันอีกเพราะผมไม่รู้จักที่นี่มาก่อน ทันสมัย ดูดีมากครับ"
" อ๋อ.. เพิ่งเปิดได้ปีหนึ่งค่ะ ชอบที่นี่มากเหมือนกันค่ะ" เธอพูดแล้วก็คงหยุดคิด ผมก็ทำเป็นมองไปรอบๆประกอบคำพูดเธอ
ความเงียบทำให้คนบางคนอึดอัด ต้องแสดงออก มาก่อนคนอื่น ประมาณนั้น โดยเฉพาะคนใจร้อน เดาว่าเธอน่าจะไม่ใจเย็นกว่าผม ดูจากการขับรถเร็ว และแล้วเธอก็พูดว่า
" ทานกาแฟสตาร์บัคหรือเปล่าคะ?"
"ร้านอะไรก็ได้ครับ แล้วแต่คุณ เชิญครับ"
ผมรีบทำความก้าวหน้าในทันที พร้อมกับค่อยๆเข็นรถใส่ของเก็บเข้าที่ เธอสะพายกระเป๋าที่ไหล่ แล้วมองหน้าผม เธอยิ้มเหมือนหัวเราะผม ให้ตายเถอะ เธอมีกิริยาน่ารักจริง ๆ แค่เธอขำผมนี่ล่ะนะ ผมดีใจเงียบๆ ผมขยับตัวให้เธอนำทาง
แหม ร้านสตาร์บัคก็ช่างใกล้กับวิลล่ามาร์เก็ตเสียเหลือเกิน เดินกันเงียบๆไม่ทันชินหรือหายเก้อเขินกันเลย ก็ถึงเสียแล้ว
ผมรีบผลักประตูให้เธอๆเดินนำเข้าไปนั่งติดแนวกระจกที่เห็นสนามหญ้ากว้าง ด้วยอาคารชั้นเดียวทั้งหมดปลูกเป็นสี่เหลี่ยมล้อมรอบสนามเป็นPlay ground area ที่ตอนเย็นๆจะมีครอบครัวพาเด็กๆมาวิ่งเล่น แล้วก็จบลงด้วยการช็อปปิ้งหรือทานอาหารเย็นก่อนกลับ ถือเป็นวันที่จะผ่านอย่างเพลิดเพลินกับคนอยู่พักอาศัยย่านนี้
เมื่อทานกาแฟกับโอ๊ตคุกกี้แผ่นใหญ่คนละชิ้น คุยกันเริ่มจากว่าทำไมถึงมาหาหมอ และทำไมถึงโรงพยาบาลไม่ค่อยมีคนไข้ เธอเป็นข้าราชการสังกัดกทม. เช่นเดียวกับโรงพยาบาล เธอถึงเล่าได้ละเอียดกว่าเท่าที่ผมรู้แค่ว่าคนไข้ไม่แยะเท่านั้น
เมื่อได้คุยกันเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับส่วนตัว ก็ทำให้ไม่รู้สึกว่ามิต้องมีอะไรที่ต้องกังวล ผมคิดเพราะเธอเป็นข้าราชการน่าจะมีความเป็นอยู่ไม่โลดโผนเท่าพนักงานบริษัทแบบผม ผมนึกเธอในทางที่ดีไปเสียแล้วโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นการแสดงออกของผมจึงเป็นไปตามที่คิด ผมบอกเธอว่า
" ผมรบกวนเวลาคุณมากแล้ว อยากรับอะไรอีกมั้ยครับ "
" ไม่หรอกค่ะ คือไม่รับ และไม่รบกวนหรอกค่ะ"
ผมดีใจนะที่เธออธิบายให้ผมเข้าใจว่าผมไม่ได้รบกวน ทำให้ผมรีบใช้สิทธิ์คำนี้เลย
"โอ.. ถ้าอย่างนั้นผมขอรบกวนสักหน่อยนะครับ ขอแอดไลน์ได้ไหมครับ ว่างก็ตอบ ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร ขัดข้องอย่างไรก็ตัดเบอร์ออกได้เลย แฟร์ดีครับ"
เธอนิ่งไปอึดใจก่อนจะช้อนสายตามองผม แล้วก็กลั้นหัวเราะ เธออาจจะรู้ทันผมหรือขำคำพูดของผม
ให้ตายเถอะ ผมขอบคุณที่ผมเป็นทอนซิลอักเสบ ถ้าเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา ผมและเธอต้องหลีกกันไปไกลๆ
เธอหยิบโทรศัพท์เธอขึ้นมา ผมรีบเอาโทรศัพท์ผมยื่นให้เธอแอด คิวอาร์โค้ดรับเพื่อน ทันที ผมแถมความเชื่อมั่นให้เธอว่า โทรศัพท์ผมไม่มีหน้าสาวใดเป็นWall paper แน่นอน
ผมขอบคุณเธอพร้อมคำพูดและสายตา ซึ่งดูว่าเธอเข้าใจดี จากอาการยิ้มแบบขวยเขินขึ้นมา ผมรู้สึกว่าผมทำถูกอีกวันหนึ่ง แต่ส่วนมากแล้วผมไม่ค่อยทำอะไรผิดนักหรอก และคิดว่าผมคงจะทำถูกต่อไปเรื่อยๆกับสาวชื่อเกศสุดาคนนี้ ผมมอบหน้ากากอนามัยที่ซื้อมาทั้งหมดให้แก่เธอ ด้วยคิดว่าน่าจะมีอะไรให้เธอนึกถึงผมบ้าง ผมจะสอบผ่านไหม ผมก็ระทึกใจเช่นกัน.
จบ