ตำนานพื้นบ้าน พระลอตามไก่ มาเป็นนวนิยาย 'อลเวงรักสองภพ' ตอนที่ 16


ตอนเดิม


ตอนที่ 15

ฉันอยู่ที่ไหน...

ช่อชบารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เธอนอนจ้องฝ้าเพดานสีขาวเหนือศีรษะอย่างนึกประหลาดใจ ส่ายศีรษะไล่ความมึนงงออกไป พลางเค้นสมองนึกอีกที

...นี่เราเป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้นกับเรา...

เราถูกฟ้าผ่า!!!

กระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีที่นึกออก ใช่แล้ว เธอออกไปยืนกลางแจ้ง ล่อให้ฟ้าผ่า แล้วก็โดนฟ้าผ่าเปรี้ยงเข้าให้จริง ๆ  

รีบควานหาบางสิ่ง แต่ก็พบกับความว่างเปล่า เจ้ามือถือเพื่อนยากและสิ่งของจากโลกอดีต ไม่ยักกลับออกมากับเธอด้วย 

รู้สึกปวดหนึบที่ใต้ท้องแขนข้างซ้าย เมื่อยกขึ้นดูก็พบเข็มน้ำเกลือปักคาอยู่ มองไล่ไปตามสายน้ำเกลือ ก็จ๊ะเอ๋เข้ากับใบหน้าของเนตรนภิส หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์โทรศัพท์มือถือที่เธอทำงานให้ หล่อนกำลังมองมาด้วยอาการปากอ้าตาค้าง อย่างตื่นตกใจเต็มที่ ก่อนร้องออกมาแบบคนดีใจสุดขีด

“ยัยช่อ แกฟื้นแล้ว โอ้ย! ดีใจจัง”

“พี่เนตร...” 

ช่อชบาเองก็อุทานออกมาอย่างตื่นเต้นยินดี ตอนนี้สิ่งที่เห็นก็คือ เธอใส่ชุดคนไข้ และมานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล มีสายน้ำเกลือและอุปกรณ์ช่วยชีวิต ติดระโยงระยางอยู่ตามเนื้อตัว ไม่มีความเจ็บปวดสาหัสอะไรเลย นอกจากอาการมึนงงในสมองอยู่บ้างเล็กน้อยเท่านั้น 

แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าจะสามารถกลับมาสู่ยุคปัจจุบันได้แล้วจริง ๆ หญิงสาวปลดอุปกรณ์ทุกสิ่งออกจากเนื้อตัว พลางร้องดังลั่น

“นี่ช่อกลับมาได้แล้วใช่ไหมพี่เนตร ใช่จริง ๆ ด้วย โฮ้ย! ดีใจจังโว้ย” 

คนป่วยซึ่งไม่มีท่าทีว่าเจ็บป่วยเลยแม้แต่น้อย กับคนนั่งเฝ้าไข้ข้างเตียง โผเข้ากอดกันแน่น เนตรนภิสดีใจจนน้ำตาไหล บอกกับลูกน้องคนสนิท ที่เธอรักเหมือนน้องสาวในไส้ว่า

“รู้มั้ย ยัยช่อ แกนอนเป็นผักแบบนี้ได้อาทิตย์กว่าแล้ว หมอบอกว่าช่อเป็นเคสที่แปลกมาก เพราะร่างกายเหมือนไม่ได้รับอันตรายจากโดนไฟฟ้าดูด อวัยวะภายในทำงานเป็นปกติดีทุกอย่าง สัญญาณชีพเต้นเป็นปกติ เพียงแต่หลับแล้วปลุกไม่ตื่นเท่านั้นเอง หมอเขาไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยให้นอนดูอาการในโรงพยาบาล แล้วให้ญาติเปลี่ยนกันมาเฝ้า เผื่อว่าช่อจะตื่นขึ้นเองในวันไหนสักวัน” 

ช่อชบาฟังแล้วขนลุกเกรียว โชคยังดีที่หาทางกลับเข้าร่างได้ทันเวลา ไม่งั้นมีหวังเธอคงต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา หรือหากฟื้นขึ้นมาช้ากว่านี้อีกสักหน่อย สงสัยคงต้องกลายเป็นอัมพาต เพราะร่างกายไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวนานเกินไป

“ขอบคุณค่ะพี่เนตร ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ตอนนี้ช่อรู้สึกเป็นปกติดีทุกอย่าง ไม่เจ็บตรงไหนเลย แล้วยายของช่อล่ะคะ ยายเป็นยังไงบ้าง” 

ใช้หลังมือปาดน้ำตาทิ้ง ยิ้มทั้งน้ำตา ลองคลำเนื้อตัวดู กางแขนออก เอี้ยวตัวไปมา ก็เห็นว่าเคลื่อนไหวได้ปกติดีทุกอย่าง รีบถามถึงยายบัวถา ยายจะเป็นยังไงเมื่อเห็นหลานตัวเอง นอนสลบไสลไม่ได้สติแบบนี้ตั้งอาทิตย์กว่า แต่ไม่ต้องรอนาน เพราะทันทีนั้น ร่างเล็ก ๆ ของยายก็เปิดประตูเข้ามา พร้อมกับแพทย์และพยาบาลสองสามคน

“หลานฉันฟื้นแล้ว ขวัญเอ้ยขวัญมา ขวัญสามสิบสองขวัญจงมาอยู่กับเนื้อกับตัว คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองช่อชบาของยาย ให้ปลอดภัยกลับมาได้แล้ว” 
ผู้เฒ่าตรงเข้าโอบกอดหลานสาวไว้ด้วยความดีใจ พร่ำเรียกขวัญให้กลับคืนสู่ร่างไม่ขาดปาก ช่อชบาซุกหน้าลงกับอกยาย สูดเอากลิ่นกายที่เฝ้าคิดถึงทุกคืนวันเข้าเต็มปอด น้ำตายังไหลพรากอาบใบหน้า มันเป็นน้ำตาแห่งความดีใจ เธอกลับมาหายายได้แล้วจริง ๆ

“ช่อดีใจเหลือเกินจ้ะยาย นึกว่าจะไม่ได้กลับมาเห็นหน้ายายเสียแล้ว”

“ยายรู้ว่าขวัญเอ็งแค่หนีไปเที่ยว ไม่นานก็กลับ พ้นเคราะห์พ้นโศกเสียทีนะหลานยาย”

“คนไข้มีอาการป่วยที่เหลือเชื่อมาก ฟื้นขึ้นมาท่าทางแข็งแรงดีเสียด้วย ผมแทบไม่อยากจะเชื่อ แต่ยังไงต้องขอให้ทางเราตรวจเช็กร่างกายคุณช่อชบาดูอีกทีให้แน่ใจ ก่อนจะปล่อยให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านนะครับ” 

นายแพทย์ที่ยืนมองคนป่วยกับญาติกอดกันกลมอยู่ เอ่ยขึ้นมา เขาแกว่งศีรษะอย่างฉงนสนเท่ห์ ทำงานรักษาคนไข้มาก็หลายสิบปี แต่ไม่เคยพบเหตุการณ์ประหลาดแบบนี้มาก่อนเลย

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่