ห้องอาหาร Kintsugi ตั้งอยู่ที่ชั้น 3 โรงแรม The Athenee ถนนวิทยุ เพิ่งเปิดให้บริการมาได้ไม่กี่เดือนหลังจากปิดปรับปรุงห้องอาหาร Utage เดิมไปหลายเดือน เปิดใหม่ครั้งนี้ได้ Chef Jeff Ramsey เชฟลูกครึ่งญี่ปุ่นอเมริกันซึ่งเป็นเจ้าของร้าน Babe ที่กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย (แอบถามแล้วเชฟไม่ได้เป็นญาติกับ Gordon Ramsay แค่นามสกุลคล้ายกัน) สไตล์ของร้านยกระดับจากไคเซกิดั้งเดิมให้ทันสมัยด้วยลูกเล่นของเทคนิคการทำอาหารสมัยใหม่และวัตถุดิบคุณภาพสูง เริ่มต้นปีใหม่พร้อมเซ็ทเมนูใหม่ซึ่งมีให้เลือก 3 เซ็ท ซึ่งครั้งนี้ผมเลือกเซ็ท Omakase ซึ่งมีทั้งหมด 15 courses ครับ
ผมแนะนำให้นั่งที่เคาน์เตอร์บาร์เพื่ออรรถรสในการรับประทาน เนื่องจากจะได้ชมขั้นตอนการประกอบอาหารอย่างใกล้ชิด และได้รับข้อมูลแต่ละเมนูที่เสิร์ฟจากเชฟซึ่งตั้งใจอธิบายสตอรี่และชวนคุยอย่างเพลิดเพลิน แต่ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัว ทางห้องอาหารก็มีโต๊ะและห้องแยกให้บริการครับ
กินอาหารญี่ปุ่นทั้งทีต้องดื่มสาเกด้วย ที่นี่มีสาเกให้เลือกหลายชนิดรวมถึงเครื่องดื่มทั้งมีและไม่มีแอลกอฮอล์มากมาย ถ้าไม่รู้จะสั่งอะไร อยากได้เครื่องดื่มประมาณไหน สามารถสอบถามพนักงานได้เลยครับ
เริ่มจานแรกกันเลยครับ Ootoro Tartelette ทูน่าส่วนท้องไขมันสูงหั่นลูกเต๋าอยู่ในแป้งทาร์ทบางกรอบ ตัดเลี่ยนด้วยเครื่องปรุงรสที่มาในรูปแบบของเจลลี่ เป็นการเริ่มต้นที่ประทับใจมากครับ
จานที่ 2 ตามมาติดๆ Japanese Spot Prawn with Bottarga กุ้งโบตั๋น size XXL เสิร์ฟแบบดิบปรุงรสด้วยไข่ปลาทูน่าดอง จานนี้กุ้งสดตัวใหญ่เนื้อเด้งอร่อยมากโดยแทบไม่ต้องปรุงรสอะไรเลย เลยไม่ค่อยรู้สึกรสและกลิ่นของไข่ปลาทูน่าดองซักเท่าไหร่
จานที่ 3 Shirako Brandade with Kombu Flatbread ท่ออสุจิปลาค็อตซึ่งมีความหอมมันเสิร์ฟแบบเครื่องจิ้มโดยให้กินกับขนมปังกรอบซึ่งเป็นแผ่นบางสีดำทำเลียนแบบสาหร่ายคอมบุโชว์ลูกเล่นการนำเสนออาหารครับ
จานที่ 4 Caramelized Ankimo with Passionfruit Ponzu ตับปลา Monkfish ได้รับการยกย่องว่าเป็น Foie Gras แห่งท้องทะเล นี่คือหนึ่งในจานเด่นในครั้งนี้ เพราะมันลงตัวมากกับความมันของตับปลา ความหวานของคาราเมล และรสเปรี้ยวของซอสพอนซึซึ่งมาพร้อมความสดชื่นของเสาวรส ซอสจานนี้อร่อยมากครับ
จานที่ 5 Alaskan King Crab and Truffle Chawanmushi ครั้งนี้ผมชอบจานนี้มากที่สุด นี่คือไข่ตุ๋นที่อร่อยที่สุดที่เคยกินมาตลอดชีวิต เชฟบอกเคล็ดลับว่าอร่อยเพราะตุ๋นที่อุณหภูมิ 85 องศาเซลเซียสทำให้ได้ไข่ตุ๋นที่เนื้อนุ่มเนียน เสิร์ฟกับเนื้อปูอลาสก้าราดด้วยซอสรสชาติดี โรยหน้าด้วยเห็ดทรัฟเฟิลดำฝนมาให้มากมาย ฟินสุดๆครับ
จานที่ 6 1000 Year Old Cedar Smoked Wild Winter Yellowtail ปลาฮามาจิเสิร์ฟในรูปแบบซูชิ สร้างความน่าสนใจและแปลกใหม่ด้วยการ smoked ด้วยกลิ่นไม้สนซีดาร์หอมฟุ้งในปากเลยครับ
อย่างที่บอกไปข้างต้นนะครับว่าแนะนำให้นั่งที่บาร์ นอกจากจะได้ชมวิธีการทำอาหารแล้วยังได้ชมเชฟหน้าตาดีด้วยครับ 😁😁😁
จานที่ 7 Nagano Walnut Soba จานนี้เชฟเล่าว่านำวัตถุดิบที่มีชื่อเสียงของเมืองนากาโนคือเส้นโซบะและถั่ววอลนัท โดยนำถั่ววอลนัทมาปรุงในหลายรูปแบบ ที่เป็นไฮไลท์คือน้ำมันวอลนัทที่ฟรีซด้วยไนโตรเจนเหลวจนเป็นผงนำมาราดบนเส้นโซบะ เมนูนี้กินแล้วรู้สึกถึงความเป็นวอลนัทมากมายจริงๆครับ
จานที่ 8 Grilled Tachiuo Beltfish ครึ่งทางกับจานที่ประทับใจน้อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าปลาดาบย่างเสิร์ฟกับแปะก๊วยมันดูธรรมดาเกินไปเมื่อเทียบกับจานอื่น แต่เนื้อปลาก็ถือว่าอร่อยครับ
จานที่ 9 Seared Hokkaido Scallop with Citrus Emulsion กลับมาสู่การนำเสนออาหารอย่างสวยงามอีกครั้งด้วยหอยเชลล์ย่างมากำลังดีวางบนเนยแข็งตกแต่งอย่างสวยงาม ปรุงรสมาดี ผ่านครับ
แหวกออกมาเห็นหอยเชลล์ตัวใหญ่เนื้อนุ่มครับ
จานที่ 10 Sake Steamed Ezo Abalone with Aka Uni หอยเป๋าฮื้อสไลด์เป็นแผ่นนึ่งในสาเกท็อปด้วยไข่หอยเม่นคุณภาพดี ตอกย้ำการใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงของที่นี่จริงๆครับ
จานที่ 11 Kin Kat ไอศกรีมซึ่งทำจาก Foie Gras เสิร์ฟมากับขนมปังกรอบหน้าตาคล้ายของหวานแต่ให้รสชาติและกลิ่นของ Foie Gras อย่างชัดเจนครับ
จานที่ 12 Braised Kinki with Dashi Gohan ถึงจานนี้แล้วเรื่มมึนกับสาเกจนจับความที่เชฟเล่าไม่ค่อยได้แล้ว จำได้ว่านี่คือเนื้อปลาที่มีความมันสูงปรุงรสแล้วอร่อยไม่เลี่ยนเลยครับ
จานที่ 13 Roast A4 Wagyu with Shishito Peppers and Yuzu Kosho เนื้อวากิว A4 เสิร์ฟแบบ medium rare ได้ความเผ็ดจากพริก Shishito ครับ
จริงๆผมกินจานนี้ไปเมื่อมาลอง tasting menu เมื่อเดือนก่อน ครั้งนี้ผมจึงขอเชฟเปลี่ยนเป็นปูทาราบะก็ไม่ผิดหวัง ก้ามปูใหญ่มากเนื้อนุ่มหวานอร่อยครับ
จานที่ 14 Double Stock Soup with Tsukune and Yuzu ถึงตอนนี้แอลกอฮอล์ในเลือดเริ่มสูง จำไม่ได้แล้วว่าน้ำซุปสองชนิดที่นำมาผสมกันคืออะไร รู้แต่ว่ามันอร่อยมากและรู้สึกแปลกที่ซุปมาในลำดับอาหารท้ายๆแบบนี้ครับ
จานที่ 15 Japanese Fruit แหะๆจานนี้ลืมถ่ายรูปมาครับ จานปิดท้ายคือผลไม้ 2 ชนิดคือลูกพลับกับเมล่อน ก็อร่อยตามคุณภาพครับ
สรุปครั้งนี้คือประทับใจมากกับความอร่อยและหลากหลายของวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม วิธีการนำเสนอน่าสนใจ เชฟคุยสนุก พนักงานบริการดี ทั้งอิ่มทั้งเมาเลยลืมถามราคา รู้แค่ว่าผมใช้คูปองลด 40% จากบัตรสมาชิก ดื่มสาเก 1 ขวดใหญ่ จ่ายไปทั้งสิ้น 6,921 บาทครับ
[CR] Omakase @Kintsugi by Jeff Ramsey, The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok
ห้องอาหาร Kintsugi ตั้งอยู่ที่ชั้น 3 โรงแรม The Athenee ถนนวิทยุ เพิ่งเปิดให้บริการมาได้ไม่กี่เดือนหลังจากปิดปรับปรุงห้องอาหาร Utage เดิมไปหลายเดือน เปิดใหม่ครั้งนี้ได้ Chef Jeff Ramsey เชฟลูกครึ่งญี่ปุ่นอเมริกันซึ่งเป็นเจ้าของร้าน Babe ที่กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย (แอบถามแล้วเชฟไม่ได้เป็นญาติกับ Gordon Ramsay แค่นามสกุลคล้ายกัน) สไตล์ของร้านยกระดับจากไคเซกิดั้งเดิมให้ทันสมัยด้วยลูกเล่นของเทคนิคการทำอาหารสมัยใหม่และวัตถุดิบคุณภาพสูง เริ่มต้นปีใหม่พร้อมเซ็ทเมนูใหม่ซึ่งมีให้เลือก 3 เซ็ท ซึ่งครั้งนี้ผมเลือกเซ็ท Omakase ซึ่งมีทั้งหมด 15 courses ครับ
ผมแนะนำให้นั่งที่เคาน์เตอร์บาร์เพื่ออรรถรสในการรับประทาน เนื่องจากจะได้ชมขั้นตอนการประกอบอาหารอย่างใกล้ชิด และได้รับข้อมูลแต่ละเมนูที่เสิร์ฟจากเชฟซึ่งตั้งใจอธิบายสตอรี่และชวนคุยอย่างเพลิดเพลิน แต่ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัว ทางห้องอาหารก็มีโต๊ะและห้องแยกให้บริการครับ
กินอาหารญี่ปุ่นทั้งทีต้องดื่มสาเกด้วย ที่นี่มีสาเกให้เลือกหลายชนิดรวมถึงเครื่องดื่มทั้งมีและไม่มีแอลกอฮอล์มากมาย ถ้าไม่รู้จะสั่งอะไร อยากได้เครื่องดื่มประมาณไหน สามารถสอบถามพนักงานได้เลยครับ
เริ่มจานแรกกันเลยครับ Ootoro Tartelette ทูน่าส่วนท้องไขมันสูงหั่นลูกเต๋าอยู่ในแป้งทาร์ทบางกรอบ ตัดเลี่ยนด้วยเครื่องปรุงรสที่มาในรูปแบบของเจลลี่ เป็นการเริ่มต้นที่ประทับใจมากครับ
จานที่ 2 ตามมาติดๆ Japanese Spot Prawn with Bottarga กุ้งโบตั๋น size XXL เสิร์ฟแบบดิบปรุงรสด้วยไข่ปลาทูน่าดอง จานนี้กุ้งสดตัวใหญ่เนื้อเด้งอร่อยมากโดยแทบไม่ต้องปรุงรสอะไรเลย เลยไม่ค่อยรู้สึกรสและกลิ่นของไข่ปลาทูน่าดองซักเท่าไหร่
จานที่ 3 Shirako Brandade with Kombu Flatbread ท่ออสุจิปลาค็อตซึ่งมีความหอมมันเสิร์ฟแบบเครื่องจิ้มโดยให้กินกับขนมปังกรอบซึ่งเป็นแผ่นบางสีดำทำเลียนแบบสาหร่ายคอมบุโชว์ลูกเล่นการนำเสนออาหารครับ
จานที่ 4 Caramelized Ankimo with Passionfruit Ponzu ตับปลา Monkfish ได้รับการยกย่องว่าเป็น Foie Gras แห่งท้องทะเล นี่คือหนึ่งในจานเด่นในครั้งนี้ เพราะมันลงตัวมากกับความมันของตับปลา ความหวานของคาราเมล และรสเปรี้ยวของซอสพอนซึซึ่งมาพร้อมความสดชื่นของเสาวรส ซอสจานนี้อร่อยมากครับ
จานที่ 5 Alaskan King Crab and Truffle Chawanmushi ครั้งนี้ผมชอบจานนี้มากที่สุด นี่คือไข่ตุ๋นที่อร่อยที่สุดที่เคยกินมาตลอดชีวิต เชฟบอกเคล็ดลับว่าอร่อยเพราะตุ๋นที่อุณหภูมิ 85 องศาเซลเซียสทำให้ได้ไข่ตุ๋นที่เนื้อนุ่มเนียน เสิร์ฟกับเนื้อปูอลาสก้าราดด้วยซอสรสชาติดี โรยหน้าด้วยเห็ดทรัฟเฟิลดำฝนมาให้มากมาย ฟินสุดๆครับ
จานที่ 6 1000 Year Old Cedar Smoked Wild Winter Yellowtail ปลาฮามาจิเสิร์ฟในรูปแบบซูชิ สร้างความน่าสนใจและแปลกใหม่ด้วยการ smoked ด้วยกลิ่นไม้สนซีดาร์หอมฟุ้งในปากเลยครับ
อย่างที่บอกไปข้างต้นนะครับว่าแนะนำให้นั่งที่บาร์ นอกจากจะได้ชมวิธีการทำอาหารแล้วยังได้ชมเชฟหน้าตาดีด้วยครับ 😁😁😁
จานที่ 7 Nagano Walnut Soba จานนี้เชฟเล่าว่านำวัตถุดิบที่มีชื่อเสียงของเมืองนากาโนคือเส้นโซบะและถั่ววอลนัท โดยนำถั่ววอลนัทมาปรุงในหลายรูปแบบ ที่เป็นไฮไลท์คือน้ำมันวอลนัทที่ฟรีซด้วยไนโตรเจนเหลวจนเป็นผงนำมาราดบนเส้นโซบะ เมนูนี้กินแล้วรู้สึกถึงความเป็นวอลนัทมากมายจริงๆครับ
จานที่ 8 Grilled Tachiuo Beltfish ครึ่งทางกับจานที่ประทับใจน้อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าปลาดาบย่างเสิร์ฟกับแปะก๊วยมันดูธรรมดาเกินไปเมื่อเทียบกับจานอื่น แต่เนื้อปลาก็ถือว่าอร่อยครับ
จานที่ 9 Seared Hokkaido Scallop with Citrus Emulsion กลับมาสู่การนำเสนออาหารอย่างสวยงามอีกครั้งด้วยหอยเชลล์ย่างมากำลังดีวางบนเนยแข็งตกแต่งอย่างสวยงาม ปรุงรสมาดี ผ่านครับ
แหวกออกมาเห็นหอยเชลล์ตัวใหญ่เนื้อนุ่มครับ
จานที่ 10 Sake Steamed Ezo Abalone with Aka Uni หอยเป๋าฮื้อสไลด์เป็นแผ่นนึ่งในสาเกท็อปด้วยไข่หอยเม่นคุณภาพดี ตอกย้ำการใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงของที่นี่จริงๆครับ
จานที่ 11 Kin Kat ไอศกรีมซึ่งทำจาก Foie Gras เสิร์ฟมากับขนมปังกรอบหน้าตาคล้ายของหวานแต่ให้รสชาติและกลิ่นของ Foie Gras อย่างชัดเจนครับ
จานที่ 12 Braised Kinki with Dashi Gohan ถึงจานนี้แล้วเรื่มมึนกับสาเกจนจับความที่เชฟเล่าไม่ค่อยได้แล้ว จำได้ว่านี่คือเนื้อปลาที่มีความมันสูงปรุงรสแล้วอร่อยไม่เลี่ยนเลยครับ
จานที่ 13 Roast A4 Wagyu with Shishito Peppers and Yuzu Kosho เนื้อวากิว A4 เสิร์ฟแบบ medium rare ได้ความเผ็ดจากพริก Shishito ครับ
จริงๆผมกินจานนี้ไปเมื่อมาลอง tasting menu เมื่อเดือนก่อน ครั้งนี้ผมจึงขอเชฟเปลี่ยนเป็นปูทาราบะก็ไม่ผิดหวัง ก้ามปูใหญ่มากเนื้อนุ่มหวานอร่อยครับ
จานที่ 14 Double Stock Soup with Tsukune and Yuzu ถึงตอนนี้แอลกอฮอล์ในเลือดเริ่มสูง จำไม่ได้แล้วว่าน้ำซุปสองชนิดที่นำมาผสมกันคืออะไร รู้แต่ว่ามันอร่อยมากและรู้สึกแปลกที่ซุปมาในลำดับอาหารท้ายๆแบบนี้ครับ
จานที่ 15 Japanese Fruit แหะๆจานนี้ลืมถ่ายรูปมาครับ จานปิดท้ายคือผลไม้ 2 ชนิดคือลูกพลับกับเมล่อน ก็อร่อยตามคุณภาพครับ
สรุปครั้งนี้คือประทับใจมากกับความอร่อยและหลากหลายของวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม วิธีการนำเสนอน่าสนใจ เชฟคุยสนุก พนักงานบริการดี ทั้งอิ่มทั้งเมาเลยลืมถามราคา รู้แค่ว่าผมใช้คูปองลด 40% จากบัตรสมาชิก ดื่มสาเก 1 ขวดใหญ่ จ่ายไปทั้งสิ้น 6,921 บาทครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น