คำเตือน บทนี้มีเนื้อหาที่รุนเเรง ไม่มีตลกโปกฮา ถ้ารู้สึกไม่ไหว กดข้ามได้นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/39022888 บทนำ
https://ppantip.com/topic/39028501 บทที่1
https://ppantip.com/topic/39036780 บทที่2
https://ppantip.com/topic/39042887 บทที่3
https://ppantip.com/topic/39051172 บทที่4
โหลดบทก่อนทั้งหมด ที่จัดทำเป็น ebook ได้ทางลิ้งก์นะครับ
https://www.mebmarket.com/ebook-99146-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%AA&page_no=1
“ไอ้น้องมีฝีมือนี่ แล้วเราจะได้เจอกัน” ยิ้มเยาะของผู้กองภูผาที่ขึ้นไปนั่งบนเบาะรถ ยกมือโบกให้ลูกน้องขับออกไปจากโรงพยาบาลตำบล
ใยไหมมองตามตาไม่กะพริบ ไม่มีทางที่ชายคนนี้จะยอมเลิกราง่ายๆ เจนรบกำลังอยู่ในอันตราย จะต้องเตือนเขาให้รู้ตัว
“เจน...ต่อจากนี้คุณจะต้องระวังตัวนะ ผู้ชายคนนี้อันตรายมาก”
“จะมาร้ายแค่ไหนก็มาเลย ผมไม่กลัวหรอก” เขายิ้มเยาะเช่นกัน
“คุณไม่เข้าใจ ภูผาเป็นคนร้ายกาจมาก นี่ฉันได้ยินคนเขาลือกันทั่ว ขบวนรถของนายกฯมนตรีถูกดักยิง มันเป็นฝีมือของทหารกะเหรี่ยงที่ข้ามฝั่งมา จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่ผู้กองภูผา เขาเป็นหลานชายของนายพลซอลเมียะ และหลานของนายอิทธิ ที่มีอิทธิพลเพิ่มขึ้นทุกวัน ตำรวจที่นี่ยังไม่กล้ายุ่ง”
“อย่ากังวลไปเลย” เขาชูนิ้วโป้งให้ตัวเอง ยิ้มแยกเขี้ยวสีหน้าเปี่ยมด้วยความมั่นใจ รู้สึกทึ่งเเม้ประสบเหตุร้าย ใยไหมยังคงมีจิตใจยังมั่นคงไม่เอะอะโวยวาย “ผมนี่ไงตำรวจที่ไม่กลัวเกรงอิทธิพล แล้วขอบอกทางการกำลังติดตามดูพฤติกรรมกลุ่มของเสี่ยอิทธิมาพักหนึ่งแล้ว หากสืบจนแน่ใจฝักใฝ่กองกำลังต่างชาติ จะต้องถูกจัดการแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้จะต้องหาหลักฐานให้แน่ชัดเสียก่อน” พูดจบร่างสูงเดินไปตรวจดูรถเอ็นดูโร้ สภาพความเสียหายเเค่สีถลอก จับยกขึ้นนั่งคร่อม สตาร์ทเครื่องได้หันมาทำมือตะเบ๊ะที่หมวกกันน็อคเพื่อเป็นการบอกลา
“ระวังตัวให้มากนะเจน ต่อไปนี้เท่ากับประกาศตัวเป็นศัตรูกันแล้ว” ใยไหมร้องออกมาไล่หลัง
เสียงถูกกลบจากเครื่องยนต์ดังแว๊นๆๆ กับฟ้าร้อง ลมแรงพัดฝุ่นผงตลบฟุ้ง จนเธอต้องยกฝ่ามือบังตา
ท้องฟ้ามืดครึ้มลงอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าที่เขามุ่งหน้าไป พยับเมฆฝนต่อตัวขึ้นดูคล้ายอสุรกายตัวมหึมาโผล่ขึ้นจากดิน แสงฟ้าแลบแปลบปลาบตามด้วยเสียงคล้ายออกมาจากปากของอสุรร้าย พายุฝนหอบใหญ่กำลังจะมาถึง หญิงสาวรู้สึกใจคอไม่ดีเลย เมื่อกี้ได้เห็นสีหน้าของเขาดูหมองคล้ำมาก
เหมือนคนกำลังจะประสบเคราะห์ร้าย
ถนนลูกรังในป่าอันคดเคี้ยวตามภูมิประเทศที่เป็นไหล่เขา ข้างทางไม่มีบ้านเรือนผู้คน มีเพียงป่าละเมาะสลับกับไผ่รวกที่เกาะพื้นดินลาดชันไว้ ข้างล่างคือโตรกผาที่เวลานี้น้ำป่ากำลังไหลหลากน่ากลัว หนทางมุ่งหน้ารีสอร์ตจะต้องผ่านไร่ของเสี่ยอิทธิ ผู้หมวดเจนทำความเร็วได้ไม่มาก เวลานี้เม็ดฝนเริ่มโปรยลงมา ยิ่งทำให้พื้นดินลื่นทำให้ควบคุมรถยากขึ้น ตามองกระจกหลัง รถยนต์ของผู้กองภูผาขับตามมาด้วยขับเคลื่อนสี่ ล้อทำให้ตามมา ตั้งแต่ออกนอกเขตเทศบาล
“จัดการมันเลยไหมผู้กอง มันหาเรื่องเราก่อนนะ” ลูกน้องสิบโทอ่องอ่องเสพูด ในใจยังนึกเเค้น เคืองที่ถูกปลดอาวุธ “ถ้าไม่จัดการจะเสียใจนะ ไอ้หน้าอ่อนมันหล่อด้วย ต้องหมายตาหมอใยไหมไว้แน่ แล้วผู้กองจะชวดหญิง”
ที่นั่งในรถและกระบะท้ายมีกันห้านาย ล้วนเป็นทหารอาชีพ เครื่องแบบทหารกะเหรี่ยงกับปืนm16 ซุกซ่อนไว้ ต่างมีสีหน้าไม่พอใจที่ถูกหยามศักดิ์ศรี ภูผายังนิ่งคิ้วขมวดยังลังเลอยู่เพราะเมื่อไม่กี่วัน ตนพึ่งจะโจมตีใส่ขบวนนายกฯ มนตรีเพื่อแก้แค้นส่วนตัว ฝ่ายความมั่นคงของไทยอาจกำลังจับตามองพวกตนอยู่ก็เป็นได้
“กูยังไม่อยากก่อเรื่องตอนนี้ ไม่งั้นไอ้หน้าอ่อนเป็นศพตั้งแต่ทีแรกแล้ว”
“เราไม่เคยรบแพ้ใคร ผู้กองจะยอมแค่นี้เอง”
ใบหน้าที่มีแต่ไรหนวดกับคิ้วเข้มของผู้กองขมวดเข้ากัน ถ้าไม่จัดการตอนนี้ ลูกน้องจะไม่นับถือ ได้พยักหน้าลงเป็นคำสั่งประหารชีวิต “เออ...จัดการได้เลย”
“ระยะแค่นี้ไม่พลาด ขอขับรถอย่าส่าย ผมเก็บไอ้หน้าอ่อนได้แน่” อ่องอ่องเเสยะยิ้ม มือเปิดผ้าคลุมคว้าปืน m16 คู่มือด้วยเป็นทหารพลซุ่มยิงที่มีฝีมือ เปิดประตูออกไปทั้งที่รถยังวิ่งด้วยอาการผาดโผน อาชีพทหารปกติเสี่ยงตายอยู่แล้ว พอก้าวขาข้ามมาเหยียบยืนบนกระบะ มีเพื่อนทหารสองคนคอยใช้มือดันช่วยในการทรงตัว ยกกระบอกปืนพาดบนหลังคารถ เป้าหมายขับรถอยู่ห่างไม่เกิน 50 เมตรกำลังชะล่าใจ ดวงตาจ้องนิ่งที่ศูนย์ปืน นิ้วมือแตะไกปืน รถดันตกหลุมจนมันเกือบตกรถ
“ขับดีๆ หน่อย! สิวะ”
“ข้างหน้าเป็นทางโค้ง ไม่รีบยิงจะไม่มีมุมยิงแล้วนะ” เพื่อนทหารเร่งเร้ามา
“กูรู้แล้ว อย่าเร่ง!”
ทางข้างหน้ามีกิ่งไผ่ห้อยย้อยลงมาระดับหลังคารถ ทำให้มือปืนต้องก้มหลบ สภาพเนื้อตัวเปียกปอน ฝนยิ่งตกหนัก หนาเม็ดขึ้นจนเกิดไอน้ำขาวมัว รบกวนการมองเห็น เป้าหมายขับรถส่ายไปมาหลบหลุมบ่อ ขับส่ายไปมา มันไม่ง่ายเลยจะยิงให้ถูก
รถมอเตอร์ไซด์เอ็นดูโร่สีส้มยิ่งทำความเร็วมากขึ้น ด้วยมีความคล่องตัวมากกว่า กระบะโฟร์วิลเร่งเครื่องดังกระหึ่ม ขับตามอย่างยากลำบากด้วยสภาพพื้นถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ยิ่งมาเจอฝนตกหนัก
คล้ายเหยื่อจะรู้ตัวถูกปองร้าย ได้เร่งเครื่องทำความเร็วขึ้นหน้าไปอีก รถโดดลงแอ่งโคลนกระเซ็นขึ้นทำเอาน้ำโคลนไปโดนกระจกหน้ารถโฟร์วิลบดบังการมองเห็น ใบปัดน้ำฝนต้องทำงานหนัก
พลแม่นปืนเลือดเย็นอย่างอ่องอ่องเสขยับปากขมุบขมิบด้วยลุ้น นิ้วมือแตะไกพอเป้าหมายเข้าศูนย์ปืน นิ้วกดไกปืนดังเปรี้ยง! ร่างของผู้หมวดเจนสะดุ้งเฮือกเท้าเหยียบเบรกเกือบรถล้ม มือกุมหน้าอกด้วยความเจ็บหนักหน่วง
“โดนแล้ว! มันเสร็จแน่”
“ขับรถเหยียบมันเลย!”
ผู้หมวดเจนยังทนฝืนขับรถต่อไปได้ มือกุมทรวงอกกัดฟันทนฝืนมือบิดคันเร่งดังแว๊น! บังคับรถลงข้างทาง รถโฟร์วิลของผู้กองภูผาเบรกจนหัวทิ่ม ล้อบดดินเป็นทางยาวเกือบจะตกลงไปข้างทางที่ไม่รู้ความลึก บัดนี้ฝนตกหนัก ทำให้ไอน้ำระเหยขึ้นมาเป็นหมอกขาวมัวรอบทิศ มองไม่เห็นเป้าหมายเสียแล้ว แต่เสียงเครื่องยนต์รถเอ็นดูโร่ยังดังสะท้านไปทั้งดง เสียงสะท้อนไปมาจนสับสนไม่รู้ทิศทาง
“มันเป็นผีหรือไงวะ ถึงฆ่าไม่ตาย”
“แน่ใจนะว่ายิงโดน” ผู้กองแง้มประตูออกมาร้องถาม
“ผมยิงโดนมันแน่! ผมมั่นใจ ไม่ตายคาที่ก็คงไปได้ไม่ไกล”
ในป่าตอนนี้มีแต่เสียงฝนตกฉะกิ่งไม้ใบไม้ โยกครืนตามกระแสลม น้ำในลำห้วยไหลบ่าสีขุ่นคลักพัดพาทุกสิ่งที่ขวางหน้าให้จมหาย เบื้องบนฟ้าคะนองเป็นระยะ ภูเขาลูกหนึ่งคล้ายหลังเต่าอยู่ด้านหลัง รีสอร์ตบัดนี้ได้พร่าเลือนไปจากสายตา ผู้กองกลับเข้าไปนั่งบนเบาะรถจะจุดบุหรี่สูบมวนแรก ทหารติดตามอีกสี่คนยืนเด่นปล่อยสายฝนพรมกายเปียกโชก พลันสะดุ้งรีบควักปืนเมื่อได้ยินเสียงถีบคันสตาร์ทเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ เสียงบิดคันเร่งดังแว๊นๆ ดังมาจากที่ห่างไกลออกไป
“แกแน่ใจนะว่ายิงโดน”
“อาจจะ...เป็นรถคันอื่นก็ได้ครับผู้กอง”
“ถ้ามันรอดไปได้ แกต้องรับผิดชอบ! ”
[บทที5]....วิวาห์ลวง (เรดโรส)