..............แสงไฟจากไม้ขีดไฟดังซู่แจ้งวาบขึ้น คนจุดมันค่อยยื่นไปจ่อเข้ากับปลายเทียน แม้แรกริบรี่แต่เมื่อจุดต่อไปอีกหลายแท่งมันพลันสว่างไสว แสงสีเหลืองสุกอาบใบหน้างามเหมือนหยกของ จอห์น วิษณุ ทำความสว่างไสวให้กับเรือนไม้ในบรรยากาศรีสอร์ท
“ไม่ไหว ไฟไม่น่ามาดับเอาคืนนี้เลย” จอห์นรีบสะบัดไม้ขีดไฟให้ดับ เกือบโดนไฟลวกนิ้วได้แต่เป่าฟู่ๆ เอาลิ้นเลียปลายนิ้วชี้ให้หายแสบพลางซี้ดปาก เชิงเทียนสไตล์ยุโรปถูกหยิบส่องให้เห็นภาชนะอาหารบนโต๊ะอันมีฝาครอบไว้ แสงไฟส่องไปไม่ถึงที่ร่างที่อยู่หัวโต๊ะอีกคนที่กำลังนั่งเอนหลังไขว่ขา
หันหน้าไปยังภูเขาอันอุดมด้วยป่าสน “เฮ้ย ไอ้เจนใจคอแกจะนั่งนิ่งเป็นหุ่นไปถึงไหนวะ ไม่มาช่วยฉันบ้าง หยิบจับโน้นนี่ก็ยังดี เดี๋ยวไม่ให้กินด้วยนะเว้ย”
“ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เพลินๆ นะพี่” ผู้หมวดเจนรบผู้เป็นน้องชายกล่าวเสียงทุ้มตอบมา ลมแรงจากชายเขาพัดวูบผ่านร่าง ทำเอาเปลวเทียนเกือบดับ
จอห์นร้องเอะอะต้องรีบเอามืออังไว้ปิดไว้ ต้นสนในความมืดข้างนอกมันโยกครืนไปมา เจ้าตัวบ่นเงยหน้ามองท้องฟ้าไม่เห็นดาวสักดวง คืนนี้คงมีฝนตก พูดไม่ทันขาดคำ แสงฟ้าแลบแปลบปลาบมาทันที พร้อมกับเสียงลมครางอู้ววว...
“แกไม่ไปดู เครื่องปั่นไฟหน่อยหรือวะ”
“ไปดูแล้ว น้ำมันหมด” เจนตอบมาแบบปนความรำคาญ
“คืนนี้โรสจะมาดินเนอร์ด้วยนะโว้ย ทำเป็นเฉยชาไปได้”
“ก็ไหนบอก จะดินเนอร์สองต่อสองไง ฉันไปต้มมาม่ากินตั้งแต่หัวค่ำแล้ว”
“เออ... จริงด้วยวะ แกอยู่ไปก็เกะกะเปล่าฉันจะคุยกับคนสวย” ตั้งแต่เย็นแล้วที่พี่ชายเป็นคนจัดการตกแต่งสถานที่เอง โต๊ะทานอาหารสำหรับดินเนอร์หรู ปากก็ฮัมเพลงสากลคลาสสิกที่โปรดปราน ส่วนผู้หมวดเจนในมือเริ่มเหวี่ยงขลุ่ยเลาหนึ่ง รู้สึกรำคาญเพลงสากลสำเนียงเพี้ยน รีบลุกเดินไปลงบันไดพี่ชายเห็นแล้วส่ายหน้า น้องมันนิสัยทื่อๆ ไม่สนโลก ไม่แปลกที่จะถูกพลอยฟ้าแฟนสาวขอบอกเลิก
“แกไปได้ก็ดี จะได้ไม่ขวางหูขวางตา งานดินเนอร์ของฉัน กับว่าที่พี่สะใภ้ใหม่ของแก อย่าโผล่มาช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มนะโว้ย” จอห์น วิษณุว่าตามหลัง ผู้หมวดเจนแยกเขี้ยวชูกำปั้นตอบ พี่ชายมีเมียแล้ว ลูกก็พึ่งคลอดไม่ถึงสามเดือนยังจะคิดจีบสาวอีก
เดอ เม้าเทิร์นรีสอร์ท
การเดินทางมาสถานที่ชนบทในจังหวัดกาญจนบุรีในครั้งนี้ ผู้หมวดหนุ่มมาด้วยภารกิจสืบคดีค้ามนุษย์ พวกเอเย่นได้ลักลอบนำแรงงานผิดกฎหมายมาพักไว้ในเขตนี้แถบดชายแดนพม่า เป็นหน้าที่ของเขาต้องออกสืบหา ในครั้งนี้มีจอห์นขอติดตามมาด้วย หมายใจจะมาฟื้นฟูกิจการรีสอร์ทของของพ่อซึ่งกำลังทรุดโทรม เดิมทีคือบ้านเกิดที่พ่อริเริ่มทำเป็นรีสอร์ทแห่งแรกที่ลงทุนสร้างมา สองพี่น้องเติบโตที่นี่จะว่าเป็นบ้านเกิดก็ได้
ชุมชนในเทศบาลถ้าดูตามแผนที่ อยู่ห่างไม่เกินห้ากิโลเมตร หากแต่เส้นทางเข้าออกคดโค้งไต่ไปตามไหลเขา ระยะทางจึงเหมือนไกล ทางเข้าออกต้องผ่านไร่ของนายอิทธิผู้มีอิทธิพลของชุมชนเสือใหญ่ที่เป็นอริกัน เคยถูกกลั่นแกล้งปิดทางไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าถึง กิจการจึงขาดทุนจนต้องปิดตัวในเวลาไม่นาน
เขายังคงจดจำบรรยากาศของบ้านเกิด ความรู้สึกถึงคุณแม่ เวลาเช้าที่สองพี่น้องต้องแต่งตัวไปเรียนโรงเรียนประถม แม่จะทำอาหารใส่ปิ่นโตให้สองเถาให้หิ้วไปกิน จอห์นมักลืม หรือไม่ก็ขี้เกียจหิ้ว ถึงเวลาพักเที่ยงก็ซื้อกินเอา มีแต่เขาที่ชื่นชอบอาหารรสมือแม่
สายตาชินกับความมืดแล้ว มองไปยังเรือนไม้กึ่งตึกที่อยู่ถัดไป เห็นแสงไฟฉายวาบไปจากภายในบ้าน คงเป็นของลุงจ่าสิงห์กับป้าวิไล คนเก่าแก่ที่อยู่ดูแลรีสอร์ทแห่งนี้มาตั้งแต่ยุคบุกเบิกแม้กิจการปิดไปนานแล้ว ค่ำนี้เรื่องอาหารเย็นนี้ก็ได้ป้าวิไลทำให้
“นั่น! คุณเจนใช่ไหมคะ”
“ครับป้า ผมเอง”
“ทำไมมามืดๆ ไม่ถือไฟฉาย แถวนี้มันมีงูสามเหลี่ยมออกมาหากินตอนกลางคืนนะ ระวังจะไปเหยียบโดนมันเข้า”
ป้าวิไลถือไฟฉายส่องมาจากใต้ชายคาบ้าน ร้องถามมา ผู้หมวดเจนต้องเอาฝ่ามือป้องหน้ากันตาพร่าจากแสง ป้าวิไลเป็นคนร่างอวบใส่ที่กรอดัดผม ผิวเหลืองซีดด้วยมีโรคประจำตัวคือเบาหวานกับความดัน สวมชุดนอนทับด้วยเสื้อคลุมอีกที ส่วนสูงเพียงบ่าของผัวที่ชื่อจ่าสิงห์ ยืนมือเท้าสะเอวมองตรงมาเช่นกัน ตรงขอบกางเกงเสียบเหน็บปืนลูกโม้สีดำ ร่างผอมสูงไหล่บางแต่ก็แกร่งเกร็งไม่น้อย ที่นี่พอตกกลางคืนมักมีขโมยขโจรแวะเวียนมา ได้ลุงซึ่งเป็นทหารเก่าคอยระวังรักษาทรัพย์สินอย่างแข็งขันตลอดมา
บรื้น! บรื้น! บรื้น!
แสงไฟหน้ารถคันหนึ่งสาดจ้าที่ทางเข้ารีสอร์ท เสียงเครื่องยนต์ดังกระฮึ่ม เห็นเงาลุงจ่าสิงห์วิ่งไปดู คนขับเพียงยื่นหน้ามาตะโกนบอกแข่งกับเสียงลมฝน
พอเสร็จแล้วลุงก็ลากประตูให้รถเข้ามา
ลูกเลื่อนมันฝืดเสียงลากจึงดังเอี๊ยดแหลมแข่งกับเสียงลม มันเป็นรถขับเคลื่อนสีล้อ เสียงล้อบดกับหินคลุกดังกุบกับ แสงไฟหน้ารถเจิดจ้าขนานกับพื้นดินตัดฉากกับสายฝนโปรย ต้นลำไยกับมะม่วงที่ปลูกไว้ริมทางกิ่งใบมันไหวโคลงไปมา ฟ้าแจ้งวาบทีจึงเห็นละอองน้ำขาวมัวปกคลุมพุ่มใบเหล่านั้น รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างอันคล้ายจะร้างภายในรีสอร์ทแห่งนี้
“เฮ้! โรสมาแล้ว
ฮ่าฮ่า”
จอห์นส่งเสียงดังโหวกเหวกอยู่ข้างบนเรือน โรสคือเพื่อนผู้หญิงรุ่นน้องสมัยเรียนประถม ปัจจุบันเธอคือสาวสวยประจำอำเภอ ด้วยตำแหน่งนางนพมาศปีล่าสุด แม้ตอนเด็กจอห์นหัดมีแฟนครั้งแรกก็คือเธอคนนี้เอง ปัจจุบันคุณพ่อของเธอหันมาเล่นการเมือง จนได้ตำแหน่งนายกเทศบาล ฐานะการเงินดีกว่าใครในละแวกนี้ แต่เมื่อเทียบฐานะกับครอบครัวของเสียวิชัยยังถือว่าห่างไกล
การเดินทางมาในครั้งนี้ของสองพี่น้องค่อนข้างฉุกเฉิน แต่ก็มีสาวสวยมาเยือนอย่างไวแม้จะมืดค่ำเพียงไหน ผู้หมวดเจนยืนกอดอกเอียงหน้ามอง หลายปีมาแล้วโรสโตขึ้นจะสวยแค่ไหนนะ เธอเป็นดาวเด่นตั้งแต่เด็กแล้ว
ทันทีที่ประตูรถโฟร์วีลถูกเปิด พี่เลี้ยงรีบกางร่มให้สาวสวย น่องเรียวก้าวลงมาก่อน หล่อนเดินเยื้องย่างกรีดกรายบนรองเท้าส้นสูง จอห์น วิษณุแทบเหาะลงมาถึงหน้าบันได ได้เห็นใบหน้าที่ถูกร่มบดบังไว้ครึ่งหนึ่ง ปรากฏตัวในชุดราตรีสีเลือดนกเปลือยไหล่ทั้งสองข้าง คางเรียวรูปไข่ ผิวขาวผ่องขัดกับสีแดงชาดของริมฝีปาก ยิ่งแสงไฟฉายแบบนีออนของคนขับรถนำทางให้ก่อน ผิวของเธอจึงดูขาวราวน้ำนมด้วยถูกประคบประหงมอย่างดี ทำเอาเลือดในกายหนุ่มสูบฉีดเต้นแรง อากาศมัวซัวแต่หัวค่ำอุณหภูมิลดลงเร็วมาก เธอต้องเดินห่อไหล่ สองมือลูบไล้ท่อนแขนเรียวงาม ให้ทุเลาจากความเหน็บหนาว ก่อนฝ่ายชายจะรู้ตัวรีบถอดเสื้อมาคลุมไหล่ให้ทุเลาความหนาว เธอตอบขอบคุณด้วยเอียงอาย หลบสายตาคม
“ไม่น่าลำบากเลยนะครับ ฝนฟ้าไม่เต็มใจด้วยเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเองต่างหากที่มารบกวนคุณ ฉันขัดคำสั่งของคุณพ่อไม่ได้ นี่ถ้าไม่ติดประชุมสภาคงตามมาด้วย” เธอตอบด้วยรอยยิ้มหวาน ริมฝีปากเติมแต่งสีแดงสด ชายหนุ่มไม่ว่าอะไรได้เเต่ยิ้มฉ่ำตลอด เข้ามาช่วยประคองไหล่บางให้เดินขึ้นบันไดไปโดยมีพี่เลี้ยงเดินตาม ส่วนคนขับรถร่างใหญ่ฉกรรจ์และผู้ติดตามอีกหนึ่งจะยืนเฝ้าอยู่ใต้เรือน ทางด้านผู้หมวดเจนกับลุงสิงห์รีบฝ่าสายฝนเข้ามาถามคนขับรถ พวกตนต้องการน้ำมันเบนซินสำหรับเติมใส่เครื่องปั่นไฟ ถ้าจะขับรถไปซื้อในเมือง ระยะทางไปกลับมันไกลอาจถึงเที่ยงคืน คนขับบอกท้ายรถมีน้ำมันสำรอง ให้หยิบไปใช้ได้เลย
“เดี่ยวได้ใช้ไฟแน่ครับคุณจอห์น ไม่ต้องห่วง” ลุงสิงห์ป้องปากร้องขึ้นไปน้ำเสียงดีใจ ใบหน้าของแกมีหนวด เบ้าตาลึกและคิ้วดกเข้ม ปกติหน้าดุแต่เวลายิ้มทีดูเป็นคนใจดี
บทนำ....วิวาห์ลวง (เรดโรส)
..............แสงไฟจากไม้ขีดไฟดังซู่แจ้งวาบขึ้น คนจุดมันค่อยยื่นไปจ่อเข้ากับปลายเทียน แม้แรกริบรี่แต่เมื่อจุดต่อไปอีกหลายแท่งมันพลันสว่างไสว แสงสีเหลืองสุกอาบใบหน้างามเหมือนหยกของ จอห์น วิษณุ ทำความสว่างไสวให้กับเรือนไม้ในบรรยากาศรีสอร์ท
“ไม่ไหว ไฟไม่น่ามาดับเอาคืนนี้เลย” จอห์นรีบสะบัดไม้ขีดไฟให้ดับ เกือบโดนไฟลวกนิ้วได้แต่เป่าฟู่ๆ เอาลิ้นเลียปลายนิ้วชี้ให้หายแสบพลางซี้ดปาก เชิงเทียนสไตล์ยุโรปถูกหยิบส่องให้เห็นภาชนะอาหารบนโต๊ะอันมีฝาครอบไว้ แสงไฟส่องไปไม่ถึงที่ร่างที่อยู่หัวโต๊ะอีกคนที่กำลังนั่งเอนหลังไขว่ขา
หันหน้าไปยังภูเขาอันอุดมด้วยป่าสน “เฮ้ย ไอ้เจนใจคอแกจะนั่งนิ่งเป็นหุ่นไปถึงไหนวะ ไม่มาช่วยฉันบ้าง หยิบจับโน้นนี่ก็ยังดี เดี๋ยวไม่ให้กินด้วยนะเว้ย”
“ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เพลินๆ นะพี่” ผู้หมวดเจนรบผู้เป็นน้องชายกล่าวเสียงทุ้มตอบมา ลมแรงจากชายเขาพัดวูบผ่านร่าง ทำเอาเปลวเทียนเกือบดับ
จอห์นร้องเอะอะต้องรีบเอามืออังไว้ปิดไว้ ต้นสนในความมืดข้างนอกมันโยกครืนไปมา เจ้าตัวบ่นเงยหน้ามองท้องฟ้าไม่เห็นดาวสักดวง คืนนี้คงมีฝนตก พูดไม่ทันขาดคำ แสงฟ้าแลบแปลบปลาบมาทันที พร้อมกับเสียงลมครางอู้ววว...
“แกไม่ไปดู เครื่องปั่นไฟหน่อยหรือวะ”
“ไปดูแล้ว น้ำมันหมด” เจนตอบมาแบบปนความรำคาญ
“คืนนี้โรสจะมาดินเนอร์ด้วยนะโว้ย ทำเป็นเฉยชาไปได้”
“ก็ไหนบอก จะดินเนอร์สองต่อสองไง ฉันไปต้มมาม่ากินตั้งแต่หัวค่ำแล้ว”
“เออ... จริงด้วยวะ แกอยู่ไปก็เกะกะเปล่าฉันจะคุยกับคนสวย” ตั้งแต่เย็นแล้วที่พี่ชายเป็นคนจัดการตกแต่งสถานที่เอง โต๊ะทานอาหารสำหรับดินเนอร์หรู ปากก็ฮัมเพลงสากลคลาสสิกที่โปรดปราน ส่วนผู้หมวดเจนในมือเริ่มเหวี่ยงขลุ่ยเลาหนึ่ง รู้สึกรำคาญเพลงสากลสำเนียงเพี้ยน รีบลุกเดินไปลงบันไดพี่ชายเห็นแล้วส่ายหน้า น้องมันนิสัยทื่อๆ ไม่สนโลก ไม่แปลกที่จะถูกพลอยฟ้าแฟนสาวขอบอกเลิก
“แกไปได้ก็ดี จะได้ไม่ขวางหูขวางตา งานดินเนอร์ของฉัน กับว่าที่พี่สะใภ้ใหม่ของแก อย่าโผล่มาช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มนะโว้ย” จอห์น วิษณุว่าตามหลัง ผู้หมวดเจนแยกเขี้ยวชูกำปั้นตอบ พี่ชายมีเมียแล้ว ลูกก็พึ่งคลอดไม่ถึงสามเดือนยังจะคิดจีบสาวอีก
เดอ เม้าเทิร์นรีสอร์ท
การเดินทางมาสถานที่ชนบทในจังหวัดกาญจนบุรีในครั้งนี้ ผู้หมวดหนุ่มมาด้วยภารกิจสืบคดีค้ามนุษย์ พวกเอเย่นได้ลักลอบนำแรงงานผิดกฎหมายมาพักไว้ในเขตนี้แถบดชายแดนพม่า เป็นหน้าที่ของเขาต้องออกสืบหา ในครั้งนี้มีจอห์นขอติดตามมาด้วย หมายใจจะมาฟื้นฟูกิจการรีสอร์ทของของพ่อซึ่งกำลังทรุดโทรม เดิมทีคือบ้านเกิดที่พ่อริเริ่มทำเป็นรีสอร์ทแห่งแรกที่ลงทุนสร้างมา สองพี่น้องเติบโตที่นี่จะว่าเป็นบ้านเกิดก็ได้
ชุมชนในเทศบาลถ้าดูตามแผนที่ อยู่ห่างไม่เกินห้ากิโลเมตร หากแต่เส้นทางเข้าออกคดโค้งไต่ไปตามไหลเขา ระยะทางจึงเหมือนไกล ทางเข้าออกต้องผ่านไร่ของนายอิทธิผู้มีอิทธิพลของชุมชนเสือใหญ่ที่เป็นอริกัน เคยถูกกลั่นแกล้งปิดทางไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าถึง กิจการจึงขาดทุนจนต้องปิดตัวในเวลาไม่นาน
เขายังคงจดจำบรรยากาศของบ้านเกิด ความรู้สึกถึงคุณแม่ เวลาเช้าที่สองพี่น้องต้องแต่งตัวไปเรียนโรงเรียนประถม แม่จะทำอาหารใส่ปิ่นโตให้สองเถาให้หิ้วไปกิน จอห์นมักลืม หรือไม่ก็ขี้เกียจหิ้ว ถึงเวลาพักเที่ยงก็ซื้อกินเอา มีแต่เขาที่ชื่นชอบอาหารรสมือแม่
สายตาชินกับความมืดแล้ว มองไปยังเรือนไม้กึ่งตึกที่อยู่ถัดไป เห็นแสงไฟฉายวาบไปจากภายในบ้าน คงเป็นของลุงจ่าสิงห์กับป้าวิไล คนเก่าแก่ที่อยู่ดูแลรีสอร์ทแห่งนี้มาตั้งแต่ยุคบุกเบิกแม้กิจการปิดไปนานแล้ว ค่ำนี้เรื่องอาหารเย็นนี้ก็ได้ป้าวิไลทำให้
“นั่น! คุณเจนใช่ไหมคะ”
“ครับป้า ผมเอง”
“ทำไมมามืดๆ ไม่ถือไฟฉาย แถวนี้มันมีงูสามเหลี่ยมออกมาหากินตอนกลางคืนนะ ระวังจะไปเหยียบโดนมันเข้า”
ป้าวิไลถือไฟฉายส่องมาจากใต้ชายคาบ้าน ร้องถามมา ผู้หมวดเจนต้องเอาฝ่ามือป้องหน้ากันตาพร่าจากแสง ป้าวิไลเป็นคนร่างอวบใส่ที่กรอดัดผม ผิวเหลืองซีดด้วยมีโรคประจำตัวคือเบาหวานกับความดัน สวมชุดนอนทับด้วยเสื้อคลุมอีกที ส่วนสูงเพียงบ่าของผัวที่ชื่อจ่าสิงห์ ยืนมือเท้าสะเอวมองตรงมาเช่นกัน ตรงขอบกางเกงเสียบเหน็บปืนลูกโม้สีดำ ร่างผอมสูงไหล่บางแต่ก็แกร่งเกร็งไม่น้อย ที่นี่พอตกกลางคืนมักมีขโมยขโจรแวะเวียนมา ได้ลุงซึ่งเป็นทหารเก่าคอยระวังรักษาทรัพย์สินอย่างแข็งขันตลอดมา
บรื้น! บรื้น! บรื้น!
แสงไฟหน้ารถคันหนึ่งสาดจ้าที่ทางเข้ารีสอร์ท เสียงเครื่องยนต์ดังกระฮึ่ม เห็นเงาลุงจ่าสิงห์วิ่งไปดู คนขับเพียงยื่นหน้ามาตะโกนบอกแข่งกับเสียงลมฝน
พอเสร็จแล้วลุงก็ลากประตูให้รถเข้ามา
ลูกเลื่อนมันฝืดเสียงลากจึงดังเอี๊ยดแหลมแข่งกับเสียงลม มันเป็นรถขับเคลื่อนสีล้อ เสียงล้อบดกับหินคลุกดังกุบกับ แสงไฟหน้ารถเจิดจ้าขนานกับพื้นดินตัดฉากกับสายฝนโปรย ต้นลำไยกับมะม่วงที่ปลูกไว้ริมทางกิ่งใบมันไหวโคลงไปมา ฟ้าแจ้งวาบทีจึงเห็นละอองน้ำขาวมัวปกคลุมพุ่มใบเหล่านั้น รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างอันคล้ายจะร้างภายในรีสอร์ทแห่งนี้
“เฮ้! โรสมาแล้ว ฮ่าฮ่า”
จอห์นส่งเสียงดังโหวกเหวกอยู่ข้างบนเรือน โรสคือเพื่อนผู้หญิงรุ่นน้องสมัยเรียนประถม ปัจจุบันเธอคือสาวสวยประจำอำเภอ ด้วยตำแหน่งนางนพมาศปีล่าสุด แม้ตอนเด็กจอห์นหัดมีแฟนครั้งแรกก็คือเธอคนนี้เอง ปัจจุบันคุณพ่อของเธอหันมาเล่นการเมือง จนได้ตำแหน่งนายกเทศบาล ฐานะการเงินดีกว่าใครในละแวกนี้ แต่เมื่อเทียบฐานะกับครอบครัวของเสียวิชัยยังถือว่าห่างไกล
การเดินทางมาในครั้งนี้ของสองพี่น้องค่อนข้างฉุกเฉิน แต่ก็มีสาวสวยมาเยือนอย่างไวแม้จะมืดค่ำเพียงไหน ผู้หมวดเจนยืนกอดอกเอียงหน้ามอง หลายปีมาแล้วโรสโตขึ้นจะสวยแค่ไหนนะ เธอเป็นดาวเด่นตั้งแต่เด็กแล้ว
ทันทีที่ประตูรถโฟร์วีลถูกเปิด พี่เลี้ยงรีบกางร่มให้สาวสวย น่องเรียวก้าวลงมาก่อน หล่อนเดินเยื้องย่างกรีดกรายบนรองเท้าส้นสูง จอห์น วิษณุแทบเหาะลงมาถึงหน้าบันได ได้เห็นใบหน้าที่ถูกร่มบดบังไว้ครึ่งหนึ่ง ปรากฏตัวในชุดราตรีสีเลือดนกเปลือยไหล่ทั้งสองข้าง คางเรียวรูปไข่ ผิวขาวผ่องขัดกับสีแดงชาดของริมฝีปาก ยิ่งแสงไฟฉายแบบนีออนของคนขับรถนำทางให้ก่อน ผิวของเธอจึงดูขาวราวน้ำนมด้วยถูกประคบประหงมอย่างดี ทำเอาเลือดในกายหนุ่มสูบฉีดเต้นแรง อากาศมัวซัวแต่หัวค่ำอุณหภูมิลดลงเร็วมาก เธอต้องเดินห่อไหล่ สองมือลูบไล้ท่อนแขนเรียวงาม ให้ทุเลาจากความเหน็บหนาว ก่อนฝ่ายชายจะรู้ตัวรีบถอดเสื้อมาคลุมไหล่ให้ทุเลาความหนาว เธอตอบขอบคุณด้วยเอียงอาย หลบสายตาคม
“ไม่น่าลำบากเลยนะครับ ฝนฟ้าไม่เต็มใจด้วยเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเองต่างหากที่มารบกวนคุณ ฉันขัดคำสั่งของคุณพ่อไม่ได้ นี่ถ้าไม่ติดประชุมสภาคงตามมาด้วย” เธอตอบด้วยรอยยิ้มหวาน ริมฝีปากเติมแต่งสีแดงสด ชายหนุ่มไม่ว่าอะไรได้เเต่ยิ้มฉ่ำตลอด เข้ามาช่วยประคองไหล่บางให้เดินขึ้นบันไดไปโดยมีพี่เลี้ยงเดินตาม ส่วนคนขับรถร่างใหญ่ฉกรรจ์และผู้ติดตามอีกหนึ่งจะยืนเฝ้าอยู่ใต้เรือน ทางด้านผู้หมวดเจนกับลุงสิงห์รีบฝ่าสายฝนเข้ามาถามคนขับรถ พวกตนต้องการน้ำมันเบนซินสำหรับเติมใส่เครื่องปั่นไฟ ถ้าจะขับรถไปซื้อในเมือง ระยะทางไปกลับมันไกลอาจถึงเที่ยงคืน คนขับบอกท้ายรถมีน้ำมันสำรอง ให้หยิบไปใช้ได้เลย
“เดี่ยวได้ใช้ไฟแน่ครับคุณจอห์น ไม่ต้องห่วง” ลุงสิงห์ป้องปากร้องขึ้นไปน้ำเสียงดีใจ ใบหน้าของแกมีหนวด เบ้าตาลึกและคิ้วดกเข้ม ปกติหน้าดุแต่เวลายิ้มทีดูเป็นคนใจดี