00:00 น. วันที่ 8 พฤษภาคม ปี พ.ศ. 2705
"เป่าเค้กเล้ยย !!!"
ฟู่ว์ว์ว์......... พรึ่บบบบบ.........
"Happy birthday to you....Happy birthday to you
Happy birthday ส...ถา...พร....
Happy birthday to you......."
"วี๊ด...วิ้ววว!!!"
"เย้ !!!"
"สุขสันต์วันเกิดจ้า"
"เฮงๆ รวยๆ มีลูกไวๆ !!"
"เอาะลู่ (ออกลูก) แยะๆ คับ ลู่เพ่ !!"
"เอ้าตัดเค้กค่า ตัดเค้ก..."
"เย่ !!....."
"แบ่งๆ กันไปเน้อ..."
ฯลฯ
เสียงอวยพรในวันคล้ายวันเกิดของด็อกเตอร์หนุ่มสถาพร ดังแข่งกันขรม ทันทีที่นาฬิกาบอกเวลาเปลี่ยนจาก 23:59 น. เป็น 00:00 น. ของวันใหม่
ในบ้านพักหลังใหญ่กลางป่าเหนือเทือกเขาสันติคีรีใกล้หมู่บ้านอาข่า หลังจากนั้นบรรยากาศการดื่มกินก็เต็มไปด้วยความสนุกสนานรื่นเริงสุดเหวี่ยง
"ลู่เพ่ คือนี้ ม่ายมาว ม่ายเล่อรานะคับ" อาเจอะ หนุ่มอาข่าร่างท้วมยิ้มร่า ยกแก้วเหล้าขึ้นชูแล้วยื่นเข้ามาหาลูกพี่ของเขาเพื่อชน
"เฮ้ย! แกจะมอมฉันเหรอห๊ะ ? ไม่มีทางหรอกเว้ย แกนั่นแหละจะเมาหลับก่อนเพื่อนคอยดู! มา ชนๆ" สถาพรยิ้มเผล่แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นมาชนกับลูกน้อง
พร้อมกับกล่าวพร้อมกันขณะชน "กานเปย !!" แล้วกระดกแก้วเหล้าดื่มรวดเดียวหมด ทำตาเยิ้ม ในขณะที่หนุ่มอาข่าจอมเด๋อสะบัดหน้าสองสามที
"ฮ่ายย...เข้ชิหาย (เข้ม Chip) ! นี้ฝางจิ๊วเก๊ยง้อไถตวอล่าา (เมิงรินเหล้าให้กูเยอะไปแล้ว) อาบือ!!" ว่าแล้วก็ตบหัวเพื่อนไปหนึ่งที
"อ่า นี้มาปี !! จ๋งซื้อเลอนี้เตอโซ้ว ! ( เอ๊ ไอ้ Mother f**ker! หนักชิปเป๋งเลยมือเมิง) !!"
"คุณพี่...ค่อยๆ ดื่มนะคะ อย่าดื่มหนักเกินไป" เอวา สาวผู้รอดพ้นจากแดนคนบาปในอดีตผู้เป็นภรรยายื่นมือแตะแขนสามีและกล่าวเตือน
"ไม่เป็นไรจ้ะเอวา พี่สบายมาก ไม่ต้องห่วงนะ อืม...รู้สึกว่ากับแกล้มชักจะพร่องลงไปมากแล้ว น้องไปหาของกินมาเพิ่มหน่อยนะจ๊ะ" สถาพรบอกกับเธอ
และจับมือขวาเธอขึ้นมาจุมพิตบนหลังมือ
"ฮืมม...เซี้ยวจริงคุณพี่นี่ อายเค้าน่ะ!" เอวายิ้มและทำท่าเอียงอายม้วนต้วน ลุกขึ้นเดินเข้าห้องครัว ครู่หนึ่งก็เดินออกมาพร้อมกับถือถาดวางหม้อไฟมา
"โอ้ อะไรจ๊ะเนี่ย ?" ด็อกเตอร์หนุ่มถามภรรยา
"ต้มปลาหม้อไฟค่ะ ปลาช่อนค่ะ" เอวาตอบและยิ้มหวาน
"โอ้โห...ลาภปากอันประเสริฐ" หนุ่มแซมซึ่งนั่งอยู่โต๊ะตรงกันข้ามเคียงข้างกับสาวจอยกล่าว
"น้องเอวา ทำเองหมดเลยหรือครับ ?" มหาเอกซึ่งนั่งถัดไปจากนั้นถาม
"ค่ะ ทำเตรียมไว้แล้ว และอุ่นให้ร้อนไว้ตลอดเวลา สำหรับพวกพี่ๆ ทุกคนค่ะ"
"คุณสถาพรโชคดีมากๆเลยค่ะ ที่ได้น้องเอวาเป็นภรรยา" สาวเล็กซึ่งนั่งอยู่ฝั่งเดียวกันเคียงข้างกับแอนดี้กล่าว
"ผมยังจำความรู้สึกตอนที่พวกเราจะแยกทางจากเค้าและครอบครัว ในขณะที่เมืองโซดอมกำลังจะล่มสลายได้" ด็อกเตอร์หนุ่มยิ้มตอบพลางเอามือโอบ
เอวภรรยาผู้เป็นที่รัก "ตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองใจหาย...เหมือนว่ากำลังจะสูญเสียสิ่งที่รักและมีค่า มีความหมายต่อตัวเองอย่างมาก ซึ่งผมไม่เคยรู้สึกอะไรอย่างนั้นกับใครมาก่อนเลยในชีวิต.." พูดพลางมองหน้าสาวจากอดีตกาลและทำตาซึ้ง ซึ่งเธอก็จ้องเขาด้วยอาการแบบเดียวกัน
"มันคงเป็น บุพเพสันนิวาสมั้ง"
"ถ้าใช้คำว่า บุพเพสันนิวาสนี่ แปลกแล้วหละครับ" มหาเอกกล่าวแย้งและยิ้ม
"แปลกยังไงหรือครับคุณเอก ?"
"เพราะว่า ...อันนี้ ผมวิเคราะห์ตามแนวภาษาบาลีที่เคยเรียนมานะครับ คำว่า บุพเพ มาจากบาลีคือ ปุพฺเพ แปลว่า ในกาลก่อน ส่วน สันนิวาส บาลีคือ
สนฺนิวาโส แปลว่า การอยู่ร่วมกัน หรืออยู่ด้วยกัน"
"แล้วมันแปลกยังไงครับ ผมไม่เข้าใจ ?" สถาพรทำหน้างงๆ
"เออแฮะ ผมก็งงเหมือนกันนะนี่" แซมพยักหน้ากล่าวเสริม
"คืองี้ครับ...บุพเพสันนิวาส ปกติเราใช้กับคนรักหรือคู่รักซึ่งพบกันในชาติปัจจุบันนี้แหละ ทั้งชายและหญิงอยู่ในปัจจุบันเหมือนกัน การบอกว่าทั้งสอง
มีบุพเพสันนิวาสต่อกันนั้น หมายความว่า ในอดีตกาล ทั้งสองเคยพบกัน เคยรักกัน เคยอยู่ด้วยกันและช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาก่อนครับ
ดังที่องค์สมเด็จ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา.."
"เอาแล้วไง...ท่านมหาขึ้นธรรมาสน์ตั้งพระบาลีเตรียมเทศน์แล้ว" แซมว่าแล้วก็หัวเราะ
"สาธุ..." สาวเล็กยกมือขึ้นพนมที่หว่างคิ้วเป็นการแซว
มหาเอกหัวเราะ ก่อนอธิบายต่อ "ทีนี้ น้องเอวา เค้าเป็นคนที่มาจากอดีตกาลไงครับ ไม่ใช่คนในปัจจุบันกาลอย่างพวกเรา ดังนั้น พอใช้คำว่า บุพเพสัน
นิวาส ผมก็เลยรู้สึกแปลกๆ น่ะครับ ไม่รู้จะพอเข้าใจกันไหมเนี่ย"
"พอเข้าใจครับ ท่านมหา!" สถาพรตอบยิ้มๆ
"งั้นถ้าใช้คำภาษาอังกฤษว่า DESTINY คงไม่รู้สึกแปลกแล้วหละค่ะ เนาะ!" สาวจอยกล่าวสรุป
"ครับ แบบนั้นสรุปได้เลย" มหาเอกพยักหน้า
"น่าเสียดายนะคะ ที่กัปตันติดงาน มาร่วมฉลองวันเกิดพี่พรปีนี้ไม่ได้" รัชนีกล่าวเปลี่ยนเรื่อง
"ใช่ๆ " รัชนกผู้พี่สาวฝาแฝดเห็นด้วย "ถ้ากัปตันอยู่ด้วย พวกเราคงจะสนุกกันมากกว่านี้"
"แต่เดี๋ยวอีกไม่นาน เค้าคงจะติดต่อเข้ามาจ้ะ" สถาพรหันไปบอกกับน้องสาวทั้งสอง
ด็อกเตอร์หนุ่มพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงสัญญาณจากคอมพิวเตอร์ระบบสื่อสารดังตี๊ด ตามด้วยเสียงจากระบบ
"เจ้านายคะ คุณวันชนะติดต่อเข้ามาค่ะ"
"อื้มม...วีดิโอคอนเฟอเรนซ์ได้ไหม นาตาลี ?" สถาพรเริ่มสวมบท "สตาร์ค" เอ่ยถามพลางเหลือบตาแลขึ้นไปข้างบน
"ได้ค่ะเจ้านาย"
"ส่งภาพมาเลยจ้ะ!"
"ค่ะเจ้านาย"
จากนั้น มีแสงไฟสว่างจากจุดๆ หนึ่งบนเพดานห้องเหนือโต๊ะที่ทุกคนกำลังดื่มกินกันอยู่ แล้วแสงนั้นก็ขยายออกตั้งเป็นกรอบสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ฉาย
เป็นภาพกัปตันวันชนะด้วยระบบโฮโลแกรมสามมิติ ส่งตรงสดๆ มาจากสหรัฐอเมริกา
"สวัสดี และแฮปปี้เบิร์ธเดย์เพื่อน! และสวัสดีพวกเราทุกๆคนครับ"
"เย้ๆ กัปตันมาแล้ว!" สาวจอยร้องเฮขึ้นก่อนเพื่อน จากนั้นทุกๆคนก็แย่งกันทักทายเจ้านายเก่ากันเป็นแถว
"หวัดดีเพื่อนรัก เป็นไงบ้าง งานยุ่งมากเลยเหรอถึงไม่กลับมาแจมด้วยกันปีนี้ ?" สถาพรกล่าวกับเพื่อนหลังจากปล่อยให้พวกลูกน้องเก่าของเขาพูดคุยด้วยเป็นเวลาพอสมควรและได้ช่อง
"อืม..ก็น่าดูชมเชียวแหละ ตอนนี้นาซ่ากำลังมีโครงการยักษ์ วางผังเมืองบนดาวอังคาร!"
"โว๊ะ! กะจะอพยพชาวโลกกันแล้วหรือไงนี่ ทำยังกะโลกจะแตก!" สถาพรทึ่ง
"เป็นเมืองเล็กๆ สำหรับนักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์น่ะ พวกเขาจะให้คนพวกนี้ไปอยู่ก่อน หลังจากนั้นก็ค่อยแต่งงานกันและมีลูกหลานอยู่บนนั้น
และเมืองก็จะขยายออกไปอีกในอนาคต ตามโครงสร้างที่ออกแบบไว้ล่วงหน้า เรา เอ็มม่า และแอนนา เป็นหนึ่งทีมที่กำลังช่วยกันออกแบบเซ็คชั่นต่างๆ
ทุกคนแบ่งงานกันทำ เสร็จแล้วก็นำงานออกแบบของทุกคนไปรวมกัน"
"โห....นั่นต้องเรียก อภิมหาโอฬารเมก้าโปรเจ็กต์เลยนั่น!!"
กัปตันวันชนะหัวเราะกับถ้อยคำของเพื่อน ก่อนตอบ "ใช่แล้วหละ มันยิ่งใหญ่มากจริงๆ แล้วนายล่ะ ช่วงนี้เป็นไงบ้าง ?"
"ก็เรื่อยๆ ว่ะ กิจการทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ก็ไม่มีปัญหาอะไร ทุกคนตอนนี้ก็อิ่มหมีพีมันกันทั้งนั้น"
"ดูหุ่นนายตอนนี้ก็รู้" กัปตันพูดยิ้มๆ แล้วถามต่อ "เอ้อ แล้วเอวาเป็นไงบ้าง จะมีน้องหรือยัง ?"
"ยังค่ะ พี่กัปตัน" เอวาชิงตอบ
"กำลังพยายามอย่างยิ่งยวดอยู่ว่ะ!" สถาพรกล่าวเสริม แล้วก็ถูกเอวาหยิกแขนแก้เขินและก้มหน้าพูด "คุณพี่ พูดอะไรก็ไม่รู้.."
สถาพรยิ้มแล้วหอมแก้มภรรยาสาว ก่อนทำตาโต ดีดนิ้วมือดังเปาะใหญ่
"เกือบลืมไปว่ะ! เรามีอะไรให้นายดู" พูดจบแล้วก็ยักคิ้วข้างซ้ายขึ้นทีหนึ่ง
"อะไรหรือเพื่อน ?"
"แป๊บนึงๆ" ว่าแล้วก็สวมวิญญาณโทนี่ สตาร์ค อีกรอบ เรียกหาผู้ช่วยคอมพิวเตอร์ "นาตาลี"
"คะ เจ้านาย ?"
"ฉายภาพบลูพริ้นท์ยานที่ฉันเพิ่งออกแบบโชว์ให้กัปตันเพื่อนฉันดูหน่อย"
"ได้ค่ะ เชิญชมค่ะ กัปตันวันชนะ"
จากนั้น ภาพโฮโลแกรมสามมิติอีกภาพหนึ่งก็พุ่งออกมาจากผนังห้องด้านหนึ่ง ลอยอยู่กลางอากาศ
มันเป็นพิมพ์เขียวของยานบินลำหนึ่ง ซึ่งมีรูปร่างลักษณะใกล้เคียงกับ "มิลเลนเนี่ยม ฟอลค่อน" ของฮัน โซโล ในภาพยนตร์เรื่องสตาร์วอรส์ !! แต่
แตกต่างกันเล็กน้อยตรงที่มีกระบอกปืนเลเซอร์ขนาดใหญ่ทั้งสองข้าง และมีครีบสองอันตั้งขึ้นทางด้านท้ายของยานทั้งซ้ายและขวา และปีกสองข้างซึ่ง
สามารถยื่นออกมาและหดเข้าไปเก็บได้ แถมด้วยโดมครึ่งวงกลมตรงกลางยาน
"เฮ้! สวยดีนี่เพื่อน นายจะสร้างมันขึ้นมาเหรอ ?"
"อื้ม! ใช่แล้วเพื่อน เราจะสร้างมัน แต่คงต้องใช้เวลาสักหน่อย ต้องรวบรวมอุปกรณ์ชิ้นส่วนหลายอย่าง กว่าจะสร้างเสร็จก็คงประมาณสักสามสี่เดือน
อย่างเร็วที่สุดอะนะ"
"ตั้งชื่อให้มันหรือยัง ?"
"ตั้งแล้ว...นายลองเดาซิ ว่าชื่ออะไร ?" ด็อกเตอร์หนุ่มกล่าวแล้วทำท่ามือเท้าคางและยิ้มอย่างเท่
"เราจะเดาถูกได้ไงเล้า"
"นายลองดูดีๆ สิ ว่ามันคล้ายกับอะไรที่นายเคยเห็นมาก่อน"
"อืม...เดี๋ยวนะ ขอพิจารณาแป๊บ...นายทำให้ภาพหมุนไปรอบๆ หน่อยสิ"
"เดี๋ยวบอกผู้ช่วยสตาร์คทำให้" พูดแล้วก็ยักคิ้วข้างซ้ายอีกรอบ แล้วสั่งเลขาคอมพิวเตอร์ผู้ไร้ตัวตน "นาตาลี หมุนยานไปรอบๆ หน่อย ตามคำขอของ
กัปตันวันชนะเพื่อนฉัน"
"ได้ค่ะเจ้านาย กัปตันวันชนะ เชิญชมค่ะ"
แล้วภาพโฮโลแกรมบลูพริ้นท์หรือพิมพ์เขียวของยานก็หมุนวนไปในทิศทางตามเข็มนาฬิกาอย่างช้าๆ เห็นทะลุปรุโปร่งถึงโครงสร้างภายใน
"สวยมาก สวยมากๆ" กัปตันวันชนะกล่าวชม
"ขอบใจว่ะ! ไหนลองเดาซิ คิดว่ามันชื่ออะไร นายเห็นว่ามันเหมือนหรือคล้ายกับอะไร"
"อืมม...ถ้าเอาครีบที่ท้ายยานออก หดปีกเข้าไปเก็บ เอาโดมออก และให้เหลือปืนเลเซอร์กระบอกใหญ่ไว้ข้างซ้ายข้างเดียวข้างขวาไม่มี มันก็จะเหมือน
ยาน มิลเลนเนียม ฟอลค่อน ของกัปตัน ฮัน โซโล ในหนังเรื่องสตาร์วอรส์ !!"
"ถูกต้อง! เราดัดแปลงจากยานนั้นแหละ"
"งั้น...ก็น่าจะมีคำว่า มิลเลนเนี่ยม หรือ ฟอลค่อน คำใดคำหนึ่ง" กัปตันเริ่มเดา และสถาพรดีดนิ้วดังเป๊าะ
"ถูกต้องอีกเพื่อน...แล้วนายคิดว่าเป็นคำไหน ?"
กัปตันวันชนะคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วฟันธงตอบ "ฟัลค่อน! น่าจะใช้คำนี้มากกว่า"
"ถูกต้องอีกแล้วเพื่อน!"
"เอ้า...งั้นก็เฉลยชื่อเต็มๆ เสียทีเหอะ ขี้เกียจเดาแล้ว" พูดจบก็หัวเราะ
"เซฟวิเยอร์ ฟอลค่อน!
(SAVIOR FALCON) !!"
กัปตันวันชนะปรบมือให้รัวๆ
"เป็นชื่อที่ดีมาก แต่เซฟวิเยอร์นี่ นายจะขับไปช่วยหรือกอบกู้อะไรใครที่ไหน ?" ถามแล้วก็ยิ้ม
"อ๋อ...เอาไว้ทำงานแบบจิตอาสา ประมาณว่า ช่วยคนที่กำลังประสบภัยใหญ่ๆอย่าง เกิดอุทกภัย มีสึนามิ อะไรยังเงี้ยะ!"
"เป็นความคิดที่ดีมากเพื่อน!" กัปตันยกนิ้วให้ "นายเป็นคนดีจริงๆ และจะได้เป็นพ่อพระช่วยเหลือชาวโลกได้เลยในอนาคตข้างหน้า!"
"แหม...มันก็ ไม่ขนาดนั้นม้างง" ด็อกเตอร์หนุ่มกล่าวอย่างเขินๆ
"เอาน่ะ! ขอให้สร้างเสร็จไวๆด้วยดีก็แล้วกัน อีกสามหรือสี่เดือนข้างหน้า เราก็จะกลับมาเมืองไทยพอดีเพราะได้ช่วงเวลาพักผ่อนแล้วหละ สัญญาว่าจ้าง
งานกับนาซ่าก็จะหมดในตอนนั้น ซึ่งก็มีออปชั่นให้ต่อสัญญาได้อีก หรือถ้าไม่ต่อ จะขอลาออกกลับเมืองไทยเลย เขาก็จะจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้"
"เยี่ยมเลยว่ะ! แล้วนายคิดว่าไง จะอยู่ทำงานต่อกับพวกเขาไหม หรือจะกลับมา ?"
"ยังตัดสินใจไม่ได้ว่ะเพื่อน! ต้องขอคิดดูก่อน ดูไปก่อน ต้องปรึกษากับเอ็มม่าและแอนนาด้วย ถึงสามหรือสี่เดือนข้างหน้าแล้ว ก็คงจะตัดสินใจได้ในตอนนั้น"
"อ่าฮะ! งั้นก็แล้วแต่นายและครอบครัวก็แล้วกัน อ้อ พูดถึงพวกเค้าแล้ว อยู่ใกล้ๆไหมตอนนี้ ?"
"อยู่ค่าาา" เสียงใสๆ ของแอนนาดังมาก่อนทันที ก่อนจะโผล่มาเผยโฉมและยกมือไหว้ทักทาย "สวัสดีค่ะ พี่สถาพร!"
"สวัสดีค่ะ คุณสถาพร" เอ็มม่าปรากฏกายตามมาอีกคน แล้วจูงแขนเด็กชายคนหนึ่งซึ่งดูแล้วน่าจะอายุประมาณสิบขวบมาให้เห็นด้วย "ดูที่จอภาพสิลูก
นั่นพี่สถาพรไง"
"หวัดดีคับ" เด็กชายน้อยยกมือไหว้
"สวัสดีครับคุณเอ็ม หวัดดีจ้ะ แอนนา และ อ่า...น้องผู้ชายเค้าชื่ออะไรครับ คุณเอ็ม ?"
"บอกพี่เค้าสิจ๊ะลูก" เอ็มม่าพูดกับลูกชาย
"ผมชื่อแจ๊คคับ" เด็กชายน้อยตอบ
"โอ้ว์.....หน้าเธอนี่ ถอดแบบคุณพ่อมาเลยนะเนี่ย!" สถาพรกล่าวชม แล้วถามคุณแม่ต่างดาวต่อ "เค้าอายุเท่าไรแล้วครับ ?"
(ต่อครับ)
💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ปฐมบท ตอนที่ 1 🚀💫🕛💫
00:00 น. วันที่ 8 พฤษภาคม ปี พ.ศ. 2705
"เป่าเค้กเล้ยย !!!"
ฟู่ว์ว์ว์......... พรึ่บบบบบ.........
"Happy birthday to you....Happy birthday to you
Happy birthday ส...ถา...พร....
Happy birthday to you......."
"วี๊ด...วิ้ววว!!!"
"เย้ !!!"
"สุขสันต์วันเกิดจ้า"
"เฮงๆ รวยๆ มีลูกไวๆ !!"
"เอาะลู่ (ออกลูก) แยะๆ คับ ลู่เพ่ !!"
"เอ้าตัดเค้กค่า ตัดเค้ก..."
"เย่ !!....."
"แบ่งๆ กันไปเน้อ..."
ฯลฯ
เสียงอวยพรในวันคล้ายวันเกิดของด็อกเตอร์หนุ่มสถาพร ดังแข่งกันขรม ทันทีที่นาฬิกาบอกเวลาเปลี่ยนจาก 23:59 น. เป็น 00:00 น. ของวันใหม่
ในบ้านพักหลังใหญ่กลางป่าเหนือเทือกเขาสันติคีรีใกล้หมู่บ้านอาข่า หลังจากนั้นบรรยากาศการดื่มกินก็เต็มไปด้วยความสนุกสนานรื่นเริงสุดเหวี่ยง
"ลู่เพ่ คือนี้ ม่ายมาว ม่ายเล่อรานะคับ" อาเจอะ หนุ่มอาข่าร่างท้วมยิ้มร่า ยกแก้วเหล้าขึ้นชูแล้วยื่นเข้ามาหาลูกพี่ของเขาเพื่อชน
"เฮ้ย! แกจะมอมฉันเหรอห๊ะ ? ไม่มีทางหรอกเว้ย แกนั่นแหละจะเมาหลับก่อนเพื่อนคอยดู! มา ชนๆ" สถาพรยิ้มเผล่แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นมาชนกับลูกน้อง
พร้อมกับกล่าวพร้อมกันขณะชน "กานเปย !!" แล้วกระดกแก้วเหล้าดื่มรวดเดียวหมด ทำตาเยิ้ม ในขณะที่หนุ่มอาข่าจอมเด๋อสะบัดหน้าสองสามที
"ฮ่ายย...เข้ชิหาย (เข้ม Chip) ! นี้ฝางจิ๊วเก๊ยง้อไถตวอล่าา (เมิงรินเหล้าให้กูเยอะไปแล้ว) อาบือ!!" ว่าแล้วก็ตบหัวเพื่อนไปหนึ่งที
"อ่า นี้มาปี !! จ๋งซื้อเลอนี้เตอโซ้ว ! ( เอ๊ ไอ้ Mother f**ker! หนักชิปเป๋งเลยมือเมิง) !!"
"คุณพี่...ค่อยๆ ดื่มนะคะ อย่าดื่มหนักเกินไป" เอวา สาวผู้รอดพ้นจากแดนคนบาปในอดีตผู้เป็นภรรยายื่นมือแตะแขนสามีและกล่าวเตือน
"ไม่เป็นไรจ้ะเอวา พี่สบายมาก ไม่ต้องห่วงนะ อืม...รู้สึกว่ากับแกล้มชักจะพร่องลงไปมากแล้ว น้องไปหาของกินมาเพิ่มหน่อยนะจ๊ะ" สถาพรบอกกับเธอ
และจับมือขวาเธอขึ้นมาจุมพิตบนหลังมือ
"ฮืมม...เซี้ยวจริงคุณพี่นี่ อายเค้าน่ะ!" เอวายิ้มและทำท่าเอียงอายม้วนต้วน ลุกขึ้นเดินเข้าห้องครัว ครู่หนึ่งก็เดินออกมาพร้อมกับถือถาดวางหม้อไฟมา
"โอ้ อะไรจ๊ะเนี่ย ?" ด็อกเตอร์หนุ่มถามภรรยา
"ต้มปลาหม้อไฟค่ะ ปลาช่อนค่ะ" เอวาตอบและยิ้มหวาน
"โอ้โห...ลาภปากอันประเสริฐ" หนุ่มแซมซึ่งนั่งอยู่โต๊ะตรงกันข้ามเคียงข้างกับสาวจอยกล่าว
"น้องเอวา ทำเองหมดเลยหรือครับ ?" มหาเอกซึ่งนั่งถัดไปจากนั้นถาม
"ค่ะ ทำเตรียมไว้แล้ว และอุ่นให้ร้อนไว้ตลอดเวลา สำหรับพวกพี่ๆ ทุกคนค่ะ"
"คุณสถาพรโชคดีมากๆเลยค่ะ ที่ได้น้องเอวาเป็นภรรยา" สาวเล็กซึ่งนั่งอยู่ฝั่งเดียวกันเคียงข้างกับแอนดี้กล่าว
"ผมยังจำความรู้สึกตอนที่พวกเราจะแยกทางจากเค้าและครอบครัว ในขณะที่เมืองโซดอมกำลังจะล่มสลายได้" ด็อกเตอร์หนุ่มยิ้มตอบพลางเอามือโอบ
เอวภรรยาผู้เป็นที่รัก "ตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองใจหาย...เหมือนว่ากำลังจะสูญเสียสิ่งที่รักและมีค่า มีความหมายต่อตัวเองอย่างมาก ซึ่งผมไม่เคยรู้สึกอะไรอย่างนั้นกับใครมาก่อนเลยในชีวิต.." พูดพลางมองหน้าสาวจากอดีตกาลและทำตาซึ้ง ซึ่งเธอก็จ้องเขาด้วยอาการแบบเดียวกัน
"มันคงเป็น บุพเพสันนิวาสมั้ง"
"ถ้าใช้คำว่า บุพเพสันนิวาสนี่ แปลกแล้วหละครับ" มหาเอกกล่าวแย้งและยิ้ม
"แปลกยังไงหรือครับคุณเอก ?"
"เพราะว่า ...อันนี้ ผมวิเคราะห์ตามแนวภาษาบาลีที่เคยเรียนมานะครับ คำว่า บุพเพ มาจากบาลีคือ ปุพฺเพ แปลว่า ในกาลก่อน ส่วน สันนิวาส บาลีคือ
สนฺนิวาโส แปลว่า การอยู่ร่วมกัน หรืออยู่ด้วยกัน"
"แล้วมันแปลกยังไงครับ ผมไม่เข้าใจ ?" สถาพรทำหน้างงๆ
"เออแฮะ ผมก็งงเหมือนกันนะนี่" แซมพยักหน้ากล่าวเสริม
"คืองี้ครับ...บุพเพสันนิวาส ปกติเราใช้กับคนรักหรือคู่รักซึ่งพบกันในชาติปัจจุบันนี้แหละ ทั้งชายและหญิงอยู่ในปัจจุบันเหมือนกัน การบอกว่าทั้งสอง
มีบุพเพสันนิวาสต่อกันนั้น หมายความว่า ในอดีตกาล ทั้งสองเคยพบกัน เคยรักกัน เคยอยู่ด้วยกันและช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาก่อนครับ ดังที่องค์สมเด็จ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา.."
"เอาแล้วไง...ท่านมหาขึ้นธรรมาสน์ตั้งพระบาลีเตรียมเทศน์แล้ว" แซมว่าแล้วก็หัวเราะ
"สาธุ..." สาวเล็กยกมือขึ้นพนมที่หว่างคิ้วเป็นการแซว
มหาเอกหัวเราะ ก่อนอธิบายต่อ "ทีนี้ น้องเอวา เค้าเป็นคนที่มาจากอดีตกาลไงครับ ไม่ใช่คนในปัจจุบันกาลอย่างพวกเรา ดังนั้น พอใช้คำว่า บุพเพสัน
นิวาส ผมก็เลยรู้สึกแปลกๆ น่ะครับ ไม่รู้จะพอเข้าใจกันไหมเนี่ย"
"พอเข้าใจครับ ท่านมหา!" สถาพรตอบยิ้มๆ
"งั้นถ้าใช้คำภาษาอังกฤษว่า DESTINY คงไม่รู้สึกแปลกแล้วหละค่ะ เนาะ!" สาวจอยกล่าวสรุป
"ครับ แบบนั้นสรุปได้เลย" มหาเอกพยักหน้า
"น่าเสียดายนะคะ ที่กัปตันติดงาน มาร่วมฉลองวันเกิดพี่พรปีนี้ไม่ได้" รัชนีกล่าวเปลี่ยนเรื่อง
"ใช่ๆ " รัชนกผู้พี่สาวฝาแฝดเห็นด้วย "ถ้ากัปตันอยู่ด้วย พวกเราคงจะสนุกกันมากกว่านี้"
"แต่เดี๋ยวอีกไม่นาน เค้าคงจะติดต่อเข้ามาจ้ะ" สถาพรหันไปบอกกับน้องสาวทั้งสอง
ด็อกเตอร์หนุ่มพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงสัญญาณจากคอมพิวเตอร์ระบบสื่อสารดังตี๊ด ตามด้วยเสียงจากระบบ
"เจ้านายคะ คุณวันชนะติดต่อเข้ามาค่ะ"
"อื้มม...วีดิโอคอนเฟอเรนซ์ได้ไหม นาตาลี ?" สถาพรเริ่มสวมบท "สตาร์ค" เอ่ยถามพลางเหลือบตาแลขึ้นไปข้างบน
"ได้ค่ะเจ้านาย"
"ส่งภาพมาเลยจ้ะ!"
"ค่ะเจ้านาย"
จากนั้น มีแสงไฟสว่างจากจุดๆ หนึ่งบนเพดานห้องเหนือโต๊ะที่ทุกคนกำลังดื่มกินกันอยู่ แล้วแสงนั้นก็ขยายออกตั้งเป็นกรอบสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ฉาย
เป็นภาพกัปตันวันชนะด้วยระบบโฮโลแกรมสามมิติ ส่งตรงสดๆ มาจากสหรัฐอเมริกา
"สวัสดี และแฮปปี้เบิร์ธเดย์เพื่อน! และสวัสดีพวกเราทุกๆคนครับ"
"เย้ๆ กัปตันมาแล้ว!" สาวจอยร้องเฮขึ้นก่อนเพื่อน จากนั้นทุกๆคนก็แย่งกันทักทายเจ้านายเก่ากันเป็นแถว
"หวัดดีเพื่อนรัก เป็นไงบ้าง งานยุ่งมากเลยเหรอถึงไม่กลับมาแจมด้วยกันปีนี้ ?" สถาพรกล่าวกับเพื่อนหลังจากปล่อยให้พวกลูกน้องเก่าของเขาพูดคุยด้วยเป็นเวลาพอสมควรและได้ช่อง
"อืม..ก็น่าดูชมเชียวแหละ ตอนนี้นาซ่ากำลังมีโครงการยักษ์ วางผังเมืองบนดาวอังคาร!"
"โว๊ะ! กะจะอพยพชาวโลกกันแล้วหรือไงนี่ ทำยังกะโลกจะแตก!" สถาพรทึ่ง
"เป็นเมืองเล็กๆ สำหรับนักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์น่ะ พวกเขาจะให้คนพวกนี้ไปอยู่ก่อน หลังจากนั้นก็ค่อยแต่งงานกันและมีลูกหลานอยู่บนนั้น
และเมืองก็จะขยายออกไปอีกในอนาคต ตามโครงสร้างที่ออกแบบไว้ล่วงหน้า เรา เอ็มม่า และแอนนา เป็นหนึ่งทีมที่กำลังช่วยกันออกแบบเซ็คชั่นต่างๆ
ทุกคนแบ่งงานกันทำ เสร็จแล้วก็นำงานออกแบบของทุกคนไปรวมกัน"
"โห....นั่นต้องเรียก อภิมหาโอฬารเมก้าโปรเจ็กต์เลยนั่น!!"
กัปตันวันชนะหัวเราะกับถ้อยคำของเพื่อน ก่อนตอบ "ใช่แล้วหละ มันยิ่งใหญ่มากจริงๆ แล้วนายล่ะ ช่วงนี้เป็นไงบ้าง ?"
"ก็เรื่อยๆ ว่ะ กิจการทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ก็ไม่มีปัญหาอะไร ทุกคนตอนนี้ก็อิ่มหมีพีมันกันทั้งนั้น"
"ดูหุ่นนายตอนนี้ก็รู้" กัปตันพูดยิ้มๆ แล้วถามต่อ "เอ้อ แล้วเอวาเป็นไงบ้าง จะมีน้องหรือยัง ?"
"ยังค่ะ พี่กัปตัน" เอวาชิงตอบ
"กำลังพยายามอย่างยิ่งยวดอยู่ว่ะ!" สถาพรกล่าวเสริม แล้วก็ถูกเอวาหยิกแขนแก้เขินและก้มหน้าพูด "คุณพี่ พูดอะไรก็ไม่รู้.."
สถาพรยิ้มแล้วหอมแก้มภรรยาสาว ก่อนทำตาโต ดีดนิ้วมือดังเปาะใหญ่
"เกือบลืมไปว่ะ! เรามีอะไรให้นายดู" พูดจบแล้วก็ยักคิ้วข้างซ้ายขึ้นทีหนึ่ง
"อะไรหรือเพื่อน ?"
"แป๊บนึงๆ" ว่าแล้วก็สวมวิญญาณโทนี่ สตาร์ค อีกรอบ เรียกหาผู้ช่วยคอมพิวเตอร์ "นาตาลี"
"คะ เจ้านาย ?"
"ฉายภาพบลูพริ้นท์ยานที่ฉันเพิ่งออกแบบโชว์ให้กัปตันเพื่อนฉันดูหน่อย"
"ได้ค่ะ เชิญชมค่ะ กัปตันวันชนะ"
จากนั้น ภาพโฮโลแกรมสามมิติอีกภาพหนึ่งก็พุ่งออกมาจากผนังห้องด้านหนึ่ง ลอยอยู่กลางอากาศ
มันเป็นพิมพ์เขียวของยานบินลำหนึ่ง ซึ่งมีรูปร่างลักษณะใกล้เคียงกับ "มิลเลนเนี่ยม ฟอลค่อน" ของฮัน โซโล ในภาพยนตร์เรื่องสตาร์วอรส์ !! แต่
แตกต่างกันเล็กน้อยตรงที่มีกระบอกปืนเลเซอร์ขนาดใหญ่ทั้งสองข้าง และมีครีบสองอันตั้งขึ้นทางด้านท้ายของยานทั้งซ้ายและขวา และปีกสองข้างซึ่ง
สามารถยื่นออกมาและหดเข้าไปเก็บได้ แถมด้วยโดมครึ่งวงกลมตรงกลางยาน
"เฮ้! สวยดีนี่เพื่อน นายจะสร้างมันขึ้นมาเหรอ ?"
"อื้ม! ใช่แล้วเพื่อน เราจะสร้างมัน แต่คงต้องใช้เวลาสักหน่อย ต้องรวบรวมอุปกรณ์ชิ้นส่วนหลายอย่าง กว่าจะสร้างเสร็จก็คงประมาณสักสามสี่เดือน
อย่างเร็วที่สุดอะนะ"
"ตั้งชื่อให้มันหรือยัง ?"
"ตั้งแล้ว...นายลองเดาซิ ว่าชื่ออะไร ?" ด็อกเตอร์หนุ่มกล่าวแล้วทำท่ามือเท้าคางและยิ้มอย่างเท่
"เราจะเดาถูกได้ไงเล้า"
"นายลองดูดีๆ สิ ว่ามันคล้ายกับอะไรที่นายเคยเห็นมาก่อน"
"อืม...เดี๋ยวนะ ขอพิจารณาแป๊บ...นายทำให้ภาพหมุนไปรอบๆ หน่อยสิ"
"เดี๋ยวบอกผู้ช่วยสตาร์คทำให้" พูดแล้วก็ยักคิ้วข้างซ้ายอีกรอบ แล้วสั่งเลขาคอมพิวเตอร์ผู้ไร้ตัวตน "นาตาลี หมุนยานไปรอบๆ หน่อย ตามคำขอของ
กัปตันวันชนะเพื่อนฉัน"
"ได้ค่ะเจ้านาย กัปตันวันชนะ เชิญชมค่ะ"
แล้วภาพโฮโลแกรมบลูพริ้นท์หรือพิมพ์เขียวของยานก็หมุนวนไปในทิศทางตามเข็มนาฬิกาอย่างช้าๆ เห็นทะลุปรุโปร่งถึงโครงสร้างภายใน
"สวยมาก สวยมากๆ" กัปตันวันชนะกล่าวชม
"ขอบใจว่ะ! ไหนลองเดาซิ คิดว่ามันชื่ออะไร นายเห็นว่ามันเหมือนหรือคล้ายกับอะไร"
"อืมม...ถ้าเอาครีบที่ท้ายยานออก หดปีกเข้าไปเก็บ เอาโดมออก และให้เหลือปืนเลเซอร์กระบอกใหญ่ไว้ข้างซ้ายข้างเดียวข้างขวาไม่มี มันก็จะเหมือน
ยาน มิลเลนเนียม ฟอลค่อน ของกัปตัน ฮัน โซโล ในหนังเรื่องสตาร์วอรส์ !!"
"ถูกต้อง! เราดัดแปลงจากยานนั้นแหละ"
"งั้น...ก็น่าจะมีคำว่า มิลเลนเนี่ยม หรือ ฟอลค่อน คำใดคำหนึ่ง" กัปตันเริ่มเดา และสถาพรดีดนิ้วดังเป๊าะ
"ถูกต้องอีกเพื่อน...แล้วนายคิดว่าเป็นคำไหน ?"
กัปตันวันชนะคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วฟันธงตอบ "ฟัลค่อน! น่าจะใช้คำนี้มากกว่า"
"ถูกต้องอีกแล้วเพื่อน!"
"เอ้า...งั้นก็เฉลยชื่อเต็มๆ เสียทีเหอะ ขี้เกียจเดาแล้ว" พูดจบก็หัวเราะ
"เซฟวิเยอร์ ฟอลค่อน! (SAVIOR FALCON) !!"
กัปตันวันชนะปรบมือให้รัวๆ
"เป็นชื่อที่ดีมาก แต่เซฟวิเยอร์นี่ นายจะขับไปช่วยหรือกอบกู้อะไรใครที่ไหน ?" ถามแล้วก็ยิ้ม
"อ๋อ...เอาไว้ทำงานแบบจิตอาสา ประมาณว่า ช่วยคนที่กำลังประสบภัยใหญ่ๆอย่าง เกิดอุทกภัย มีสึนามิ อะไรยังเงี้ยะ!"
"เป็นความคิดที่ดีมากเพื่อน!" กัปตันยกนิ้วให้ "นายเป็นคนดีจริงๆ และจะได้เป็นพ่อพระช่วยเหลือชาวโลกได้เลยในอนาคตข้างหน้า!"
"แหม...มันก็ ไม่ขนาดนั้นม้างง" ด็อกเตอร์หนุ่มกล่าวอย่างเขินๆ
"เอาน่ะ! ขอให้สร้างเสร็จไวๆด้วยดีก็แล้วกัน อีกสามหรือสี่เดือนข้างหน้า เราก็จะกลับมาเมืองไทยพอดีเพราะได้ช่วงเวลาพักผ่อนแล้วหละ สัญญาว่าจ้าง
งานกับนาซ่าก็จะหมดในตอนนั้น ซึ่งก็มีออปชั่นให้ต่อสัญญาได้อีก หรือถ้าไม่ต่อ จะขอลาออกกลับเมืองไทยเลย เขาก็จะจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้"
"เยี่ยมเลยว่ะ! แล้วนายคิดว่าไง จะอยู่ทำงานต่อกับพวกเขาไหม หรือจะกลับมา ?"
"ยังตัดสินใจไม่ได้ว่ะเพื่อน! ต้องขอคิดดูก่อน ดูไปก่อน ต้องปรึกษากับเอ็มม่าและแอนนาด้วย ถึงสามหรือสี่เดือนข้างหน้าแล้ว ก็คงจะตัดสินใจได้ในตอนนั้น"
"อ่าฮะ! งั้นก็แล้วแต่นายและครอบครัวก็แล้วกัน อ้อ พูดถึงพวกเค้าแล้ว อยู่ใกล้ๆไหมตอนนี้ ?"
"อยู่ค่าาา" เสียงใสๆ ของแอนนาดังมาก่อนทันที ก่อนจะโผล่มาเผยโฉมและยกมือไหว้ทักทาย "สวัสดีค่ะ พี่สถาพร!"
"สวัสดีค่ะ คุณสถาพร" เอ็มม่าปรากฏกายตามมาอีกคน แล้วจูงแขนเด็กชายคนหนึ่งซึ่งดูแล้วน่าจะอายุประมาณสิบขวบมาให้เห็นด้วย "ดูที่จอภาพสิลูก
นั่นพี่สถาพรไง"
"หวัดดีคับ" เด็กชายน้อยยกมือไหว้
"สวัสดีครับคุณเอ็ม หวัดดีจ้ะ แอนนา และ อ่า...น้องผู้ชายเค้าชื่ออะไรครับ คุณเอ็ม ?"
"บอกพี่เค้าสิจ๊ะลูก" เอ็มม่าพูดกับลูกชาย
"ผมชื่อแจ๊คคับ" เด็กชายน้อยตอบ
"โอ้ว์.....หน้าเธอนี่ ถอดแบบคุณพ่อมาเลยนะเนี่ย!" สถาพรกล่าวชม แล้วถามคุณแม่ต่างดาวต่อ "เค้าอายุเท่าไรแล้วครับ ?"
(ต่อครับ)