ชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรื่อง "ล้ำเส้น"

กระทู้คำถาม
"แม่...แม่.."

"อะไรกัน  เอ็ม  เสียงดังอะไรกัน ขนาดนั้น ตกอกตกใจหมด"

"แฮ่..เอ็มตื่นเต้นน่ะแม่  เห็น
เค้าว่าน้ำมาถึงบ้านริมโขง
แล้วนะ  แม่ว่า จะมาถึงบ้าน
เรามั้ย"

แม่มองสีหน้าลูกชาย ก็รู้ว่า
ต้องแอบวิตก ไม่มากก็น้อย
อยู่แน่ ๆ
แต่เพราะความเซนซิทีฟของเอ็มนี่แหละ ที่ทำให้
ปัญหาที่เจอ ผ่อนจากหนัก
เป็นเบาได้เสมอ  แม้บางครั้ง แม่จะเป็นห่วงกลัวว่า ความ 'เยอะ 'ของลูก
จะทำให้เกิดภาวะเครียดได้
ง่าย ๆ
หากแต่ หลายครั้งมาแล้ว
ที่ความวิตกที่เกินเหตุของลูกให้คุณมากกว่าโทษ

"แล้วเอ็มคิดว่าไงล่ะ"

"เอ็มว่า..เราเชื่อที่กรมอุตุ
เตือนเถอะแม่  ขนของขึ้น
ชั้นบนไว้ก่อน  อาจดูตื่นตูม
ไปนิด ถ้าน้ำมาไม่ถึง  แต่ถ้า
น้ำมาจริง ๆเราก็จะไม่เจ็บตัว นะครับ"

"เอาสิ..แม่เชื่อเอ็ม  งั้นแม่จะช่วยเอ็ม เก็บของนะ"

"ไม่ต้องครับ  เอ็มว่า แม่เตรียมของใช้จำเป็นของ
ยายหนูเอวาดีกว่า ขวดนม
เสื้อผ้า หมอน ผ้าห่ม ดูจัดใส่กระเป๋าไว้ อย่าให้ขาด
ฉุกเฉินอะไรก็คว้าออกจากบ้านได้เลย"

"ต้องขนาดนั้นเลยหรือลูก"

"กันไว้ดีกว่า  เรามีประสบการณ์ ตอนปี54มา
แล้ว เอ็มเข็ดแล้วครับ"

แม่ส่ายหน้ายิ้ม ๆก่อน
ยกกระเป๋าใบใหญ่ลงมาจัดของ  พลางมองดูลูกชายคน
เดียวที่ไปก้มลงหอม เด็กหญิงเอวาที่หลับปุ๋ยอยู่ในเปล  

"แม่ครับ..แม่ว่าลุงโชติแกจะรู้เรื่องน้ำหรือยัง"

คำถามของลูกทำให้แม่ต้องนิ่งอึ้งไป  เพราะหลายปีมาแล้วที่เธอกับนายโชติ ไม่ได้
พูดคุยกันประสาญาติ

เหตุเพราะมรดกจากทางฝั่งสามีเธอแท้ ๆ คนหนึ่งเป็นเมียตีทะเบียน อีกคนเป็นพี่
ชายคนเดียว เมื่อเดโชเสีย
ชีวิตลง นายโชติก็อ้างความ
เป็นญาติคนเดียว เพื่อจะเข้าครอบครองที่ดินทั้งหมด
ถ้าลำพังแค่ชีวิตเธอ  เธอคง
ปล่อยมือไปแล้ว แต่นี่เธอมีลูก  และในฐานะทายาทลูกเธอก็มีสิทธิ์ในทรัพย์สินทุกชิ้นของผู้เป็นพ่อ
ดังนั้นเธอจึงต้องใช้กฏหมายเป็นผู้ตัดสิน

เมื่อการฟ้องร้องสิ้นสุด
เธอและลูกชนะคดี
นายโชติต้องยอมทำตาม
คำสั่งศาล  ครอบครัวของเธอกับญาติคนเดียวของสามี ก็มองหน้ากันไม่ติดอีก

นายโชติจ้างช่างมาทำรั้ว
ล้อมบ้าน เหมือนไม่อยาก
เห็นบ้านเธอ  และเมื่อเจอ
หน้ากัน  นายโชติ ก็จะทำเป็นมองไม่เห็นตลอด

"แม่ว่า..คงรู้แหละ เอ็มถาม
ทำไมหรือ"

"เอ็ม..ห่วงลุงกับป้าครับแม่
แกอาจยังโกรธเรา  แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่นะครับ
เอ็มจะเสียใจจนวันตายเลย
ถ้าแกเป็นอะไรไป จากความเพิกเฉยของเอ็ม"

"ถ้าอย่างนั้น  เอ็มก็ลองไปดู
แกก็ได้  แต่ก็อย่าคาดหวังอะไรนะลูก  เพราะแกคงยังโกรธเราไม่หายหรอก"

"ไม่เป็นไรครับ  ขอแค่ได้บอก  แต่แกจะรับฟังหรือไม่
ก็ แล้วแต่ใจแก"


และก็เป็นตามที่แม่คาดเดา
แค่เอ็มไปถึงประตูรั้ว
นายโชติก็แทบจะคว้ากระบองออกมาฟาดหัวหลาน

"มาทำไม..บ้านข้าไม่ต้อนรับ  อย่ามา "ล้ำเส้น"

"เอ็มมาบอกข่าวเรื่องน้ำครับลุง ข่าวบอกว่า ท่วมมา
ถึงบ้านริมโขงแล้ว  เอ็มก็เลยมาดูลุง เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง"

"ชิ...ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงข้า มันอยากท่วมก็ช่างหัวสิ"

"แต่คราวนี้น้ำมาแรงและมาเร็วมากนะครับ"

นายโชติมองสีหน้าทุกข์ร้อนของหลานแล้วก็แอบ
ถอนใจ  จริง ๆ แกก็ไม่ถึงกับโกรธจริงจังอะไรนักหรอก  
เวลาที่ผ่านมาหลายปี  ทำให้แกลดทิฐิลงไปมากแล้ว แต่ที่ยังมึนตึงอยู่ก็เพราะกลัวเสียหน้านี่แหละ
หมดตัวไม่ว่า เสียหน้าไม่ยอม(คนเรา)

"ลุงให้เอ็มเข้าไปช่วยเก็บ
ของไหมครับ  พวกตู้เย็น
โซฟาอะไรพวกนี้"

"ไม่ต้อง.. เอ็งอย่าบ้าไปหน่อยเลย น้ำบ้าอะไรจะท่วมภูเขา กลับบ้านไปไป๊"

โบกมือโบกไม้ไล่หลานแล้ว
แกก็หันหลังกลับ
ชายหนุ่มมองตามหลังผู้เป็นลุงแล้วก็อมยิ้มนิด ๆ

'เอาเถอะ..อย่างน้อยแกก็ยังยอมพูดด้วย  ได้แค่นี้ก็ดีใจแล้ว'


หลังจากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมง
ฝนก็ตกลงมายังกะฟ้ารั่ว
ทั้งน้ำฝนบนฟ้าทั้งน้ำท่าบนดิน เพียงหนึ่งทุ่มของคืนนั้น
หนุ่มเอ็ม ก็อุ้มลูกสาวตัวน้อยที่เพิ่งกินนมอิ่มพร้อมแม่กับกระเป๋าสัมภาระมาขึ้นรถปิกอัพ ขับพาออกจากบ้านเมื่อระดับน้ำเพิ่มสูง
อย่างรวดเร็วและ ฝนก็ยังไม่มีทีท่าจะหยุด ทั้งที่ตกติดต่อกันมาหลายชั่วโมงแล้ว

"เอ็มโทรจองห้องที่โรงแรมไว้แล้ว พอไปถึงเราก็แจ้ง
เช็คอินได้เลย  คืนนี้แม่กับ
หนูเอวาอยู่กันสองคนก่อนนะครับ  เอ็มจะกลับไปดูข้าวของว่าน้ำจะท่วมถึงหรือเปล่า  ถ้าไว้ใจได้แล้ว
เอ็มจะตามมา"

"แม่ว่าไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วนะ  ข้าวของเราก็เก็บขึ้นชั้นบนหมดแล้วนี่ลูก"

ชายหนุ่มหันไปยิ้มหวานกับลูกเมื่อเด็กหญิงดึงเสื้อพ่อเหมือนจะฟังรู้เรื่อง

"เอวาห่วงพ่อเหรอคะ  พ่อไม่เป็นไรหรอกค่ะ  พ่อจะกลับไปดูคุณปู่กับคุณย่า
ถ้าวางใจได้แล้วพ่อจะรีบกลับมาหาหนูนะคะ"

"ระวังตัวด้วยนะลูก  แม่กับเอวารออยู่นะ"

"ครับผม..พ่อไปแป๊บเดียวนะคะเด็กดี"
จูบแก้มป่อง ๆของลูกแล้ว
ชายหนุ่มก็ขับรถกลับ
อย่างน้อยก็วางใจได้ระดับหนึ่ง  ว่าสุดที่รักทั้งสองคน
ของเขาอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว

และแล้วชายหนุ่มก็ต้องตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อเห็นระดับน้ำ

"เฮ้ย..อะไรจะมาเร็วขนาดนี้
ตอนไปยังไม่ถึงหัวเข่าเลย"

จอดรถได้ เอ็มก็คว้ารองเท้าบูทกับไฟฉายแล้วออกวิ่งลุยน้ำตรงไปที่บ้านของลุงกับป้า เท่าที่จะทำ
ความเร็วได้

กริ่งเรอะไม่ต้องกดมันแล้ว
ปีนมันเข้าไปเลยเถอะ

"ลุง...ป้าครับ..ลุง.."

"เออ..."

สิ้นเสียงขานรับ  เอ็มก็วิ่ง
ถึงประตูบ้านพอดี

"เฮ้ย..ใครให้เอ็งเข้ามาในบ้านข้า มันจะมากไปแล้ว"

"เอาเถอะ...ตอนนี้ทำสัญญา
สงบศึกกันก่อน  เดี๋ยวน้ำแห้งแล้วจะโกรธใหม่ก็ยังไม่สายหรอกครับ  เอ็มอยู่ให้โกรธได้ตลอดชีวิตแหละ
แต่ตอนนี้ย้ายบ้านก่อน
ป้าอยู่ไหนเนี่ย"

"ป้าอยู่นี่ลูก.."

"เร็วครับ เก็บกระเป๋าแล้วใช่ไหม ป้าเดินออกหน้าไปก่อนเลย  เดียวเอ็มจะปิดบ้านให้  ไปครับลุง"

"ข้าไม่ไป เอ็งอย่ามาล้ำเส้น
นี่มันบ้านข้า  ข้าจะแจ้งตำรวจ"

"เอาเลย  จะกี่ข้อหาจะกี่กระทงก็แจ้งไป  แต่ตอนนี้
เอาตัวให้รอดก่อน  อย่าให้
เอ็มต้องใช้กำลังนะ นับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่ไป เอ็มจะแบกไปนะ "

"ไม่ต้องมาถูกตัวข้า
ข้าเดินไปเองได้"

"ก็แค่นั้นแหละ  ฤทธิ์มากอยู่ได้  เดินไปหน้าปากซอยนะครับ รถเอ็มจอดอยู่หน้าร้าน
หมูย่าง"

"แล้วเอ็งจะไปไหน"

"เอ็มจะดูปิดประตูหน้าต่างให้ก่อน"

"ไม่ต้อง ๆลุงปิดดีแล้ว มาจูงลุงกับป้านี่ น้ำมันแรงเดี๋ยว
ลุงล้ม"

"อ้อ...ครับ..จูงครับ"


แหม...งอนจนนาทีสุดท้าย
จริง ๆนะคนแก่นี่กะดาย😁

จบแบบงอน ๆนี่แหละ😁


อยากเขียนก็อยาก
คิดก็คิดไม่ออกว่าจะให้
ล้ำเส้นยังไงดี😅

สรุปตาเจ็ดก็เลยมั่วไปทั่ว
ทิศทั่วแดนอีกแล้ว
อภัยให้ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ❤️
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่