รักเก่าเขาและเธอ : ตอนที่ 8 วันวิวาห์
ขอขอบคุณเครดิดรูปภาพปกสวยๆจาก คุณรัชต์สารินท์
...........................................................................................................
"อะไรนะพ่อ จะให้หนูแต่งงานกับไอ้เลิศ? พ่อก็รู้ทั้งรู้ว่ามันเลวไม่มีที่ติขนาดไหน เมียคนก่อนมันก็เลี้ยงด้วยลำแข้งซะน่วมไปทั้งตัว จนเขาต้องขอเลิกกับมัน พ่อยังจะส่งหนูไปลงนรกอีกหรือ?" บัวซอนตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่บิดาพูด
"ถ้าไม่แต่งกับไอ้เลิศ แล้วเอ็งจะทำยังไง? นับวันท้องเอ็งก็ยิ่งโตขึ้นมาประจานเอ็ง ขืนไม่รีบแต่ง ได้โดนชาวบ้านนินทากันทั้งตำบลแน่ ข้านี่อายจนแทบจะเอาปี๊บคลุมหัวอยู่แล้ว ไอ้พ่อตัวจริงมันหายหัวไม่ยอมโผล่มารับผิดชอบซักที แบบนี้เอ็งยังจะหวังลมๆแล้งๆรอให้มันได้อะไรขึ้นมา ข้ารู้ว่าไอ้เลิศสันดานไม่ดี แต่มันก็ยังรักเอ็ง ไม่รังเกียจที่เอ็งมีสภาพแบบนี้ แต่งกับมันเอาหน้ารอดไปก่อน จะได้ไม่ต้องเป็นขี้ปากชาวบ้าน พอมันออกลายเมื่อไหร่ค่อยเลิกกับมัน" นายแก้วชักหัวเสีย เขายังคิดไปถึงในภายภาคหน้า ถ้าเกิดว่าที่เจ้าบ่าวดี- ทำร้ายทุบตีลูกสาวของเขา เขายอมให้ลูกสาวต้องกลายแม่ม่ายแม่ร้างในเวลานั้น ดีกว่าถูกตราหน้าว่าท้องไม่มีพ่อในเวลานี้
ระหว่างท้องไม่มีพ่อ กับ เป็นแม่ม่ายแม่ร้าง ไม่มีอะไรน่าชื่นชมซักอย่าง แต่ถ้าเทียบในเรื่องของศักดิ์ศรีแล้ว แม่ม่ายแม่ร้างย่อมดูมีภาษีดีกว่า
"หมอทรัพย์โทรศัพท์ไปที่บ้านคุณเดชแล้ว ตอนนี้คุณเดชไปดูงานที่เมืองนอก อีกตั้งหลายเดือนกว่าจะกลับ พ่อไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ หมอทรัพย์กำลังส่งจดหมายอีกฉบับไปบอกเรื่องทั้งหมดให้พ่อแม่คุณเดชแล้ว เดี๋ยวพวกเขาคงติดต่อมาหาหมอทรัพย์เร็วๆนี้" บัวซอนพูดอย่างมีความหวัง
"ข้าให้เวลาเอ็งถึงสิ้นเดือนนี้ ถ้าทางโน้นเขาไม่ติดต่ออะไรมาเลย เอ็งต้องแต่งกับไอ้เลิศ โดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น ลูกเอ็งมันจะได้มีพ่อกับเขา และตัวเอ็งก็จะได้ไม่ถูกตราหน้าว่าใจง่ายยอมให้ผู้ชายกินฟรี " นายแก้วตั้งเงื่อนไข
.........................................................................................................
"หมอก็ไม่รู้จะตามตัวไอ้เดชยังไง ขนาดโทรไปบอกที่บ้านมัน ดันจับจังหวะคุณลุงกับคุณหญิงป้าออกไปงานเลี้ยงบ้าง ไปนั่นไปนี่บ้าง หรือไม่ก็กำลังนอนพักผ่อน หมอส่งจดหมายไปให้แล้วนะ หวังว่าพวกเขาคงตอบกลับมาเร็วๆนี้ ลุงแก้วให้เวลาบัวซอนจนถึงสิ้นเดือนนี้เลยเหรอ? ก็เหลืออีกไม่กี่อาทิตย์แล้วซินะ" หมอทรงทรัพย์เห็นใจ
"ค่ะ ถ้ายังไม่มีอะไรคืบหน้า ฉันคงต้องแต่งงานกับไอ้เลิศ ปฏิเสธไม่ได้เลย พ่อโกรธแน่นอน ฉันผิดเองสมควรแล้วที่ถูกลงโทษแบบนั้น" บัวซอนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเหมือนคนกำลังจะร้องให้
"เจ้าประคุณเอ๊ย.... ขอให้คุณเดชและทางบ้านติดต่อมาเร็วๆเถิด ทุกอย่างจะได้จบลงด้วยดี" สินไหมอธิษฐานให้เพื่อนรักสมปรารถนา
.....................................................................................................................
เวลาผ่านไปจนถึงกำหนดการที่นายแก้วตั้งเงื่อนไขไว้ ข่าวคราวจากเดชศักดาและทางบ้านของเขา เงียบหายไปตามสายลม บัวซอนไม่มีทางเลือกอีกต่อไป เธอต้องกล้ำกลืนฝืนใจยอมแต่งงานกับฉลาดเลิศ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
งานแต่งได้ถูกจัดขึ้นที่บ้านเจ้าสาวในเวลาเย็น เป็นงานแต่งขนาดเล็กแบบกันเอง บรรดาแขกที่มาร่วมงานส่วนใหญ่เป็นญาติพี่น้องและเพื่อนสนิทมิตรสหายเท่านั้น พิธีรีตองเรียบง่ายไม่มีอะไรมาก แค่ผู้หลักผู้ใหญ่ผูกข้อมือให้คู่บ่าวสาวเพื่อความเป็นสิริมงคล เสร็จพิธีก็รับประทานอาหารร่วมกัน ต่อด้วยการดื่มสังสรรค์พอหอมปากหอมคอ จนกว่าจะถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาว ห้องหอที่ใช้คือห้องนอนของบัวซอนนั่นเอง
หลังส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอเรียบร้อยแล้ว แขกรับเชิญต่างเริ่มทยอยกันกลับจนหมด
"บัวซอนของพี่สวยจัง" ฉลาดเลิศใช้ริมฝีปากจูบลงบนแก้มอมชมพูของเจ้าสาว
"ชนแก้วกันก่อนพี่ ก่อนที่เราจะเป็นผัวเมียกันอย่างสมบูรณ์แบบ" บัวซอนส่งแก้วเหล้าที่อยู่ใต้เตียงให้เจ้าบ่าว ส่วนตัวเธอถือแก้วน้ำส้มนั่งรออยู่บนเตียง
"ชนก็ชน เพื่อน้องบัวซอนเมียสุดสวยของพี่เลิศ" ฉลาดเลิศรีบกระดกแก้วเหล้าเข้าปากอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่แดงก่ำบ่งบอกได้ว่า ก่อนที่จะส่งตัวเข้าห้องหอ เขาได้ดื่มมาเยอะมากแล้ว
เขาใช้มือค่อยๆถอดชุดเจ้าบ่าวออกที่ละชิ้น อย่างคนไม่มีเรี่ยวแรง นั่นเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
"คืนนี้พี่จะให้ความสุขน้องบัวซอนเต็มที่" ฉลาดเลิศโผเข้ากอดตัวเจ้าสาวอย่างแน่น พร้อมใช้ริมฝีปากจูบชอนไชไปทั่วต้นคอเธอ ยังไม่ทันที่จะลามลึกลงไปถึงบริเวณปทุมถัน เขาก็สลบเหมือดคาซอกอกเธอเอาดื้อๆ
บัวซอนรีบผลักร่างฉลาดเลิศออกไปจากตัวเธออย่างรวดเร็ว ยานอนหลับที่แอบใส่ลงไปในแก้วเหล้า ออกฤทธิ์ได้ทันเวลาพอดิบพอดี ตอนแรกเธอไม่มีความคิดนี้อยู่ในหัวเลย แต่พอได้ดูละครโทรทัศน์เรื่องหนึ่ง ตอนตัวร้ายแอบใส่ยานอนหลับลงในแก้วน้ำส้มนางเอก และตอนนางเอกหนีออกจากบ้านเพื่อไปตามหาพระเอก ทำให้เกิดแรงบันดาลใจนี้ขึ้นมาชั่ววูบ เธอจึงเริ่มวางแผนการทั้งหมดตั้งแต่ต้น
เธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นเดินไปหยิบกระเป๋าใส่สัมภาระที่แอบซ่อนเอาไว้หลังตู้เสื้อผ้า ความมืดปกคลุมทั่วบริเวณบ้าน นั่นแสดงว่าแขกเหรื่อกลับกันหมดแล้ว รวมถึงพ่อคงเข้านอนเป็นที่เรียบร้อย เมื่อหนทางสะดวก จึงรีบปิดไฟห้องนอน ย่องมาที่หน้าต่าง ค่อยๆเปิดหน้าต่างอย่างเบามือ
ข้างหน้าต่างมีกิ่งก้านขนาดย่อมของต้นลำไยที่อยู่ข้างรั้ว แผ่ขยายมาเกือบชิด สะดวกต่อการปีนป่ายพอสมควร เธอไม่รอช้ารีบปีนกิ่งลำไยจากหน้าต่างห้องนอนลงมายังใต้ถุนบ้านอย่างเงียบที่สุด
.......................................................................................
อ.เมือง จ.พิษณุโลก
5 กุมภาพันธ์ 2533
ถึง คุณหมอทรงทรัพย์
สวัสดีค่ะ หมอสบายดีนะคะ ตอนแรกฉันตั้งใจจะส่งจดหมายมาหาไหม แต่จำที่อยู่ไหมไม่ได้ เลยนึกขึ้นได้ว่าหมอทำงานที่อนามัย ส่งมาอนามัยต้องถึงมือหมอแน่นอน
ฉันรบกวนหมอช่วยบอกไหมว่า ฉันขอโทษด้วย ที่ไม่ได้บอกก่อนตั้งแต่แรก เรื่องที่แอบหนีออกจากบ้านในคืนวันส่งตัว เพราะตอนแรกยังลังเล กล้าๆกลัวๆ จะทำดีไม่ทำดี พอตัดสินใจทำลงไปแล้ว เลยต้องรีบหนีให้เร็วที่สุด โดยไม่มีโอกาสได้ร่ำลาไหมเลย หวังว่าไหมคงเข้าใจเหตุผลของฉัน
คืนนั้นฉันหนีมาพักที่บ้านเก๋ เพื่อนต่างหมู่บ้าน พี่เขยเก๋ขับรถเมล์สายเชียงคำ -พะเยา พอเช้ามืดฉันเลยอาศัยติดรถพี่เขยเก๋ไปพะเยา จากนั้นก็ต่อรถจากพะเยามาพิษณุโลก ฉันมาอาศัยอยู่กับจันทร์เป็งเพื่อนรุ่นเดียวกับฉันและไหม น้าของจันทร์เป็งเปิดร้านตัดเสื้อใกล้สถานีรถไฟ บังเอิญเขาต้องการช่างสอยผ้า ฉันเลยอยู่ช่วยงานเพื่อจะได้มีทุนไปตามหาคุณเดชที่กรุงเทพ
ฉันตัดสินใจมาหาจันทร์เป็งที่นี่ เพราะไม่มีใครเดาได้ว่าหนีไปไหน ขืนฉันหนีไปหาน้าสุนาที่เมืองแพร่ หรือป้าพันไหลที่เชียงใหม่ มีหวังพ่อตามไปเอาตัวกลับเชียงคำแน่ ฉันไม่อยากอยู่กินกับไอ้เลิศ
ฉันยังไม่ลงไปกรุงเทพตอนนี้ เพราะไม่รู้ที่อยู่คุณเดช เลยถือโอกาสถามที่อยู่คุณเดชกับหมอตรงนี้เลยนะคะ อีกเหตุผล กลัวว่าถ้าลงไปกรุงเทพ คุณเดชยังไม่กลับจากเมืองนอก ฉันไม่อยากไปเสียเที่ยว นอกจากคุณเดชแล้ว ฉันก็ไม่มีคนรู้จักในกรุงเทพ ถ้ามีปัญหาขึ้นมา ไม่รู้จะไปทางไหนและไปขอความช่วยเหลือใคร
ฉันลองกะช่วงเวลาที่คุณเดชจะกลับ คงประมาณอีก 2เดือน ถึงเวลานั้น ฉันค่อยลงไปกรุงเทพ
ทางเชียงคำหนาวมากไหมค่ะ? ที่นี่ไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ ฝากความคิดถึงๆไหมด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
บัวซอน
...........................................................................................
อ.เชียงคำ จ.พะเยา
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2533
บัวซอน เพื่อนรัก
ฉันดีใจที่เธอส่งข่าวผ่านทางหมอทรัพย์ รู้ว่าเธอปลอดภัย ฉันค่อยโล่งใจหน่อย ฉันเป็นห่วงเธอมาก เธอไม่ต้องกังวลหรือกลัวว่าฉันจะโกรธเรื่องที่เธอไม่ยอมบอกแผนการหนีงานแต่ง ฉันเข้าใจความรู้สึกเธอดี
ที่อยู่ของฉันๆเขียนไว้ตรงท้ายจดหมายนะ ต่อด้วยที่อยู่-เบอร์โทรบ้านคุณเดช และที่อยู่-เบอร์โทรพี่สาวหมอทรัพย์ที่กรุงเทพ เผื่อเธอมีปัญหาฉุกเฉินจะได้มีที่พึ่ง
พี่บัวเงินฝากสำเนาทะเบียนบ้านและธนาณัติแนบในซองจดหมายมาให้เธอ เผื่อเธอจำเป็นต้องใช้ และยังฝากความคิดถึงมาหาเธออีกด้วย พี่บัวเงินบอกว่า ตอนนี้ลุงแก้วโกรธเธอมากถึงขั้นประกาศตัดพ่อตัดลูก แต่เธอไม่ต้องเสียใจและคิดมากหรอกนะ กาลเวลาเท่านั้นที่จะเยียวยาทุกสิ่งให้ดีขึ้น เอาไว้รอให้เธอพร้อมเมื่อไหร่ ค่อยพาคุณเดชและลูกกลับมาขอขมาลุงแก้ว พอลุงแก้วเห็นความน่ารักของหลานตัวน้อย ลุงแก้วต้องใจอ่อนแน่นอน
หมอทรัพย์ฝากบอกว่า เธอควรรีบลงไปกรุงเทพตอนนี้หรือเร็วที่สุด เพราะถ้ารอจนท้องแก่ มันอันตรายและไม่ปลอดภัยต่อตัวเธอและลูกในท้อง ถ้าไปแล้วคุณเดชยังไม่กลับ ก็ให้เข้าไปหาพ่อแม่คุณเดช พวกท่านคงไม่ใจดำที่จะปล่อยให้เธอกับหลานในท้องต้องออกไปตกระกำลำบากข้างนอกเป็นแน่
เชียงคำอากาศหนาวมาก ทุกคนทางนี้สบายดี เธอไม่ต้องห่วง รักษาสุขภาพให้ดี อย่าทำงานหนัก อย่าเครียด มันไม่ดีต่อลูกในท้อง
ฉันขออวยพรให้เธอตามหาคุณเดชจนเจอ จะได้อยู่พร้อมหน้ากันพ่อแม่ลูกซะที
รักและคิดถึงเพื่อนเสมอ
ไหม
รักเก่าเขาและเธอ : ตอนที่ 8 วันวิวาห์
ขอขอบคุณเครดิดรูปภาพปกสวยๆจาก คุณรัชต์สารินท์
...........................................................................................................
"อะไรนะพ่อ จะให้หนูแต่งงานกับไอ้เลิศ? พ่อก็รู้ทั้งรู้ว่ามันเลวไม่มีที่ติขนาดไหน เมียคนก่อนมันก็เลี้ยงด้วยลำแข้งซะน่วมไปทั้งตัว จนเขาต้องขอเลิกกับมัน พ่อยังจะส่งหนูไปลงนรกอีกหรือ?" บัวซอนตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่บิดาพูด
"ถ้าไม่แต่งกับไอ้เลิศ แล้วเอ็งจะทำยังไง? นับวันท้องเอ็งก็ยิ่งโตขึ้นมาประจานเอ็ง ขืนไม่รีบแต่ง ได้โดนชาวบ้านนินทากันทั้งตำบลแน่ ข้านี่อายจนแทบจะเอาปี๊บคลุมหัวอยู่แล้ว ไอ้พ่อตัวจริงมันหายหัวไม่ยอมโผล่มารับผิดชอบซักที แบบนี้เอ็งยังจะหวังลมๆแล้งๆรอให้มันได้อะไรขึ้นมา ข้ารู้ว่าไอ้เลิศสันดานไม่ดี แต่มันก็ยังรักเอ็ง ไม่รังเกียจที่เอ็งมีสภาพแบบนี้ แต่งกับมันเอาหน้ารอดไปก่อน จะได้ไม่ต้องเป็นขี้ปากชาวบ้าน พอมันออกลายเมื่อไหร่ค่อยเลิกกับมัน" นายแก้วชักหัวเสีย เขายังคิดไปถึงในภายภาคหน้า ถ้าเกิดว่าที่เจ้าบ่าวดี- ทำร้ายทุบตีลูกสาวของเขา เขายอมให้ลูกสาวต้องกลายแม่ม่ายแม่ร้างในเวลานั้น ดีกว่าถูกตราหน้าว่าท้องไม่มีพ่อในเวลานี้
ระหว่างท้องไม่มีพ่อ กับ เป็นแม่ม่ายแม่ร้าง ไม่มีอะไรน่าชื่นชมซักอย่าง แต่ถ้าเทียบในเรื่องของศักดิ์ศรีแล้ว แม่ม่ายแม่ร้างย่อมดูมีภาษีดีกว่า
"หมอทรัพย์โทรศัพท์ไปที่บ้านคุณเดชแล้ว ตอนนี้คุณเดชไปดูงานที่เมืองนอก อีกตั้งหลายเดือนกว่าจะกลับ พ่อไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ หมอทรัพย์กำลังส่งจดหมายอีกฉบับไปบอกเรื่องทั้งหมดให้พ่อแม่คุณเดชแล้ว เดี๋ยวพวกเขาคงติดต่อมาหาหมอทรัพย์เร็วๆนี้" บัวซอนพูดอย่างมีความหวัง
"ข้าให้เวลาเอ็งถึงสิ้นเดือนนี้ ถ้าทางโน้นเขาไม่ติดต่ออะไรมาเลย เอ็งต้องแต่งกับไอ้เลิศ โดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น ลูกเอ็งมันจะได้มีพ่อกับเขา และตัวเอ็งก็จะได้ไม่ถูกตราหน้าว่าใจง่ายยอมให้ผู้ชายกินฟรี " นายแก้วตั้งเงื่อนไข
.........................................................................................................
"หมอก็ไม่รู้จะตามตัวไอ้เดชยังไง ขนาดโทรไปบอกที่บ้านมัน ดันจับจังหวะคุณลุงกับคุณหญิงป้าออกไปงานเลี้ยงบ้าง ไปนั่นไปนี่บ้าง หรือไม่ก็กำลังนอนพักผ่อน หมอส่งจดหมายไปให้แล้วนะ หวังว่าพวกเขาคงตอบกลับมาเร็วๆนี้ ลุงแก้วให้เวลาบัวซอนจนถึงสิ้นเดือนนี้เลยเหรอ? ก็เหลืออีกไม่กี่อาทิตย์แล้วซินะ" หมอทรงทรัพย์เห็นใจ
"ค่ะ ถ้ายังไม่มีอะไรคืบหน้า ฉันคงต้องแต่งงานกับไอ้เลิศ ปฏิเสธไม่ได้เลย พ่อโกรธแน่นอน ฉันผิดเองสมควรแล้วที่ถูกลงโทษแบบนั้น" บัวซอนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเหมือนคนกำลังจะร้องให้
"เจ้าประคุณเอ๊ย.... ขอให้คุณเดชและทางบ้านติดต่อมาเร็วๆเถิด ทุกอย่างจะได้จบลงด้วยดี" สินไหมอธิษฐานให้เพื่อนรักสมปรารถนา
.....................................................................................................................
เวลาผ่านไปจนถึงกำหนดการที่นายแก้วตั้งเงื่อนไขไว้ ข่าวคราวจากเดชศักดาและทางบ้านของเขา เงียบหายไปตามสายลม บัวซอนไม่มีทางเลือกอีกต่อไป เธอต้องกล้ำกลืนฝืนใจยอมแต่งงานกับฉลาดเลิศ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
งานแต่งได้ถูกจัดขึ้นที่บ้านเจ้าสาวในเวลาเย็น เป็นงานแต่งขนาดเล็กแบบกันเอง บรรดาแขกที่มาร่วมงานส่วนใหญ่เป็นญาติพี่น้องและเพื่อนสนิทมิตรสหายเท่านั้น พิธีรีตองเรียบง่ายไม่มีอะไรมาก แค่ผู้หลักผู้ใหญ่ผูกข้อมือให้คู่บ่าวสาวเพื่อความเป็นสิริมงคล เสร็จพิธีก็รับประทานอาหารร่วมกัน ต่อด้วยการดื่มสังสรรค์พอหอมปากหอมคอ จนกว่าจะถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาว ห้องหอที่ใช้คือห้องนอนของบัวซอนนั่นเอง
หลังส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอเรียบร้อยแล้ว แขกรับเชิญต่างเริ่มทยอยกันกลับจนหมด
"บัวซอนของพี่สวยจัง" ฉลาดเลิศใช้ริมฝีปากจูบลงบนแก้มอมชมพูของเจ้าสาว
"ชนแก้วกันก่อนพี่ ก่อนที่เราจะเป็นผัวเมียกันอย่างสมบูรณ์แบบ" บัวซอนส่งแก้วเหล้าที่อยู่ใต้เตียงให้เจ้าบ่าว ส่วนตัวเธอถือแก้วน้ำส้มนั่งรออยู่บนเตียง
"ชนก็ชน เพื่อน้องบัวซอนเมียสุดสวยของพี่เลิศ" ฉลาดเลิศรีบกระดกแก้วเหล้าเข้าปากอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่แดงก่ำบ่งบอกได้ว่า ก่อนที่จะส่งตัวเข้าห้องหอ เขาได้ดื่มมาเยอะมากแล้ว
เขาใช้มือค่อยๆถอดชุดเจ้าบ่าวออกที่ละชิ้น อย่างคนไม่มีเรี่ยวแรง นั่นเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
"คืนนี้พี่จะให้ความสุขน้องบัวซอนเต็มที่" ฉลาดเลิศโผเข้ากอดตัวเจ้าสาวอย่างแน่น พร้อมใช้ริมฝีปากจูบชอนไชไปทั่วต้นคอเธอ ยังไม่ทันที่จะลามลึกลงไปถึงบริเวณปทุมถัน เขาก็สลบเหมือดคาซอกอกเธอเอาดื้อๆ
บัวซอนรีบผลักร่างฉลาดเลิศออกไปจากตัวเธออย่างรวดเร็ว ยานอนหลับที่แอบใส่ลงไปในแก้วเหล้า ออกฤทธิ์ได้ทันเวลาพอดิบพอดี ตอนแรกเธอไม่มีความคิดนี้อยู่ในหัวเลย แต่พอได้ดูละครโทรทัศน์เรื่องหนึ่ง ตอนตัวร้ายแอบใส่ยานอนหลับลงในแก้วน้ำส้มนางเอก และตอนนางเอกหนีออกจากบ้านเพื่อไปตามหาพระเอก ทำให้เกิดแรงบันดาลใจนี้ขึ้นมาชั่ววูบ เธอจึงเริ่มวางแผนการทั้งหมดตั้งแต่ต้น
เธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นเดินไปหยิบกระเป๋าใส่สัมภาระที่แอบซ่อนเอาไว้หลังตู้เสื้อผ้า ความมืดปกคลุมทั่วบริเวณบ้าน นั่นแสดงว่าแขกเหรื่อกลับกันหมดแล้ว รวมถึงพ่อคงเข้านอนเป็นที่เรียบร้อย เมื่อหนทางสะดวก จึงรีบปิดไฟห้องนอน ย่องมาที่หน้าต่าง ค่อยๆเปิดหน้าต่างอย่างเบามือ
ข้างหน้าต่างมีกิ่งก้านขนาดย่อมของต้นลำไยที่อยู่ข้างรั้ว แผ่ขยายมาเกือบชิด สะดวกต่อการปีนป่ายพอสมควร เธอไม่รอช้ารีบปีนกิ่งลำไยจากหน้าต่างห้องนอนลงมายังใต้ถุนบ้านอย่างเงียบที่สุด
.......................................................................................
อ.เมือง จ.พิษณุโลก
5 กุมภาพันธ์ 2533
ถึง คุณหมอทรงทรัพย์
สวัสดีค่ะ หมอสบายดีนะคะ ตอนแรกฉันตั้งใจจะส่งจดหมายมาหาไหม แต่จำที่อยู่ไหมไม่ได้ เลยนึกขึ้นได้ว่าหมอทำงานที่อนามัย ส่งมาอนามัยต้องถึงมือหมอแน่นอน
ฉันรบกวนหมอช่วยบอกไหมว่า ฉันขอโทษด้วย ที่ไม่ได้บอกก่อนตั้งแต่แรก เรื่องที่แอบหนีออกจากบ้านในคืนวันส่งตัว เพราะตอนแรกยังลังเล กล้าๆกลัวๆ จะทำดีไม่ทำดี พอตัดสินใจทำลงไปแล้ว เลยต้องรีบหนีให้เร็วที่สุด โดยไม่มีโอกาสได้ร่ำลาไหมเลย หวังว่าไหมคงเข้าใจเหตุผลของฉัน
คืนนั้นฉันหนีมาพักที่บ้านเก๋ เพื่อนต่างหมู่บ้าน พี่เขยเก๋ขับรถเมล์สายเชียงคำ -พะเยา พอเช้ามืดฉันเลยอาศัยติดรถพี่เขยเก๋ไปพะเยา จากนั้นก็ต่อรถจากพะเยามาพิษณุโลก ฉันมาอาศัยอยู่กับจันทร์เป็งเพื่อนรุ่นเดียวกับฉันและไหม น้าของจันทร์เป็งเปิดร้านตัดเสื้อใกล้สถานีรถไฟ บังเอิญเขาต้องการช่างสอยผ้า ฉันเลยอยู่ช่วยงานเพื่อจะได้มีทุนไปตามหาคุณเดชที่กรุงเทพ
ฉันตัดสินใจมาหาจันทร์เป็งที่นี่ เพราะไม่มีใครเดาได้ว่าหนีไปไหน ขืนฉันหนีไปหาน้าสุนาที่เมืองแพร่ หรือป้าพันไหลที่เชียงใหม่ มีหวังพ่อตามไปเอาตัวกลับเชียงคำแน่ ฉันไม่อยากอยู่กินกับไอ้เลิศ
ฉันยังไม่ลงไปกรุงเทพตอนนี้ เพราะไม่รู้ที่อยู่คุณเดช เลยถือโอกาสถามที่อยู่คุณเดชกับหมอตรงนี้เลยนะคะ อีกเหตุผล กลัวว่าถ้าลงไปกรุงเทพ คุณเดชยังไม่กลับจากเมืองนอก ฉันไม่อยากไปเสียเที่ยว นอกจากคุณเดชแล้ว ฉันก็ไม่มีคนรู้จักในกรุงเทพ ถ้ามีปัญหาขึ้นมา ไม่รู้จะไปทางไหนและไปขอความช่วยเหลือใคร
ฉันลองกะช่วงเวลาที่คุณเดชจะกลับ คงประมาณอีก 2เดือน ถึงเวลานั้น ฉันค่อยลงไปกรุงเทพ
ทางเชียงคำหนาวมากไหมค่ะ? ที่นี่ไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ ฝากความคิดถึงๆไหมด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
บัวซอน
...........................................................................................
อ.เชียงคำ จ.พะเยา
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2533
บัวซอน เพื่อนรัก
ฉันดีใจที่เธอส่งข่าวผ่านทางหมอทรัพย์ รู้ว่าเธอปลอดภัย ฉันค่อยโล่งใจหน่อย ฉันเป็นห่วงเธอมาก เธอไม่ต้องกังวลหรือกลัวว่าฉันจะโกรธเรื่องที่เธอไม่ยอมบอกแผนการหนีงานแต่ง ฉันเข้าใจความรู้สึกเธอดี
ที่อยู่ของฉันๆเขียนไว้ตรงท้ายจดหมายนะ ต่อด้วยที่อยู่-เบอร์โทรบ้านคุณเดช และที่อยู่-เบอร์โทรพี่สาวหมอทรัพย์ที่กรุงเทพ เผื่อเธอมีปัญหาฉุกเฉินจะได้มีที่พึ่ง
พี่บัวเงินฝากสำเนาทะเบียนบ้านและธนาณัติแนบในซองจดหมายมาให้เธอ เผื่อเธอจำเป็นต้องใช้ และยังฝากความคิดถึงมาหาเธออีกด้วย พี่บัวเงินบอกว่า ตอนนี้ลุงแก้วโกรธเธอมากถึงขั้นประกาศตัดพ่อตัดลูก แต่เธอไม่ต้องเสียใจและคิดมากหรอกนะ กาลเวลาเท่านั้นที่จะเยียวยาทุกสิ่งให้ดีขึ้น เอาไว้รอให้เธอพร้อมเมื่อไหร่ ค่อยพาคุณเดชและลูกกลับมาขอขมาลุงแก้ว พอลุงแก้วเห็นความน่ารักของหลานตัวน้อย ลุงแก้วต้องใจอ่อนแน่นอน
หมอทรัพย์ฝากบอกว่า เธอควรรีบลงไปกรุงเทพตอนนี้หรือเร็วที่สุด เพราะถ้ารอจนท้องแก่ มันอันตรายและไม่ปลอดภัยต่อตัวเธอและลูกในท้อง ถ้าไปแล้วคุณเดชยังไม่กลับ ก็ให้เข้าไปหาพ่อแม่คุณเดช พวกท่านคงไม่ใจดำที่จะปล่อยให้เธอกับหลานในท้องต้องออกไปตกระกำลำบากข้างนอกเป็นแน่
เชียงคำอากาศหนาวมาก ทุกคนทางนี้สบายดี เธอไม่ต้องห่วง รักษาสุขภาพให้ดี อย่าทำงานหนัก อย่าเครียด มันไม่ดีต่อลูกในท้อง
ฉันขออวยพรให้เธอตามหาคุณเดชจนเจอ จะได้อยู่พร้อมหน้ากันพ่อแม่ลูกซะที
รักและคิดถึงเพื่อนเสมอ
ไหม