รักเก่าเขาและเธอ : ตอนที่ 6 พลัดพราก
ขอขอบคุณเครดิดรูปภาพปกสวยๆจาก คุณรัชต์สารินท์
.......................................................................................................................
"ความอิจฉาริษยาของมนุษย์ ช่างมีอำนาจการทำลายล้างที่น่ากลัวกว่ามหาสงครามมาก"
ตอนที่ 1
https://ppantip.com/topic/39180863
ตอนที่ 2
https://ppantip.com/topic/39197402
ตอนที่ 3
https://ppantip.com/topic/39233749
ตอนที่ 4
https://ppantip.com/topic/39242378
ตอนที่ 5
https://ppantip.com/topic/39256352
บัวซอนยังคงแอบมาหาเดชศักดาที่บ้านหมอทรงทรัพย์เป็นประจำ และช่วงนี้ดูเหมือนจะถี่บ่อยมากกว่าทุกครั้ง ทั้งสองใช้ห้องนอนของเดชศักดาเป็นสถานที่แสดงความรักความเสน่หาที่มีต่อกันและกัน
"บัวซอนอยากไปอยู่กรุงเทพกับผมไหม?" เดชศักดานอนอยู่บนเตียงกับบัวซอน เขาใช้อ้อมแขนโอบกอดเธอไว้ โดยมีผ้าแพรบางๆที่ใช้เป็นผ้าห่ม คลุมปิดร่างอันเปลือยเปล่าของทั้งสอง
"ที่ไหนมีคุณเดช ฉันพร้อมไปทุกที่ค่ะ ชีวิตฉันเป็นของคุณแล้ว สุดแต่คุณจะนำพา" บัวซอนใช้มือข้างหนึ่งลูบตรงแผงหน้าอกชายคนรัก
"ผมยังกังวลอยู่นิดๆ ถ้าบัวซอนไปอยู่กับผมที่กรุงเทพ แล้วไปเจอเรื่องไร้สาระไม่เป็นเรื่อง ต้องเข้าใจว่า ในบ้านผมมีสมาชิกหลายคน คนเยอะเรื่องก็เยอะตามจำนวน ผมกลัวบัวซอนจะไม่มีความสุข จะทนไม่ได้ ถ้ารู้สึกแบบนั้นให้รีบบอกผมทันทีนะ เราจะได้ออกไปอยู่ข้างนอกด้วยกันสองคน"
"คุณเดชสบายใจได้ค่ะ ฉันจะพยายามปรับตัวให้กับทุกคนในบ้านคุณ ฉันรู้ว่าแรกๆอาจต้องใช้ความอดทนสูงหน่อย ไม่ว่าต้องใช้ความพยายามหนักมากแค่ไหน ฉันยินดีที่จะทำเพื่อคุณ ไม่ต้องห่วงนะคะ" บัวซอนรับปาก
เดชศักดามองหน้าหญิงคนรัก พร้อมกับยิ้มอย่างซาบซึ้งในความรักที่บัวซอนมอบให้เขา
"คุณเดชจะจ้องหน้าฉันอีกนานไหมค่ะ?"
"เมียผมสวยนิครับ เป็นธรรมดาที่จะจ้องมองให้ชื่นใจ" เดชศักดาเอานิ้วมือบีบปลายจมูกของหญิงคนรักอย่างเบาๆ เพื่อแสดงความเอ็นดู
"คุณเดชพูดอะไรก็ไม่รู้" บัวซอนเขินอาย
"ทำไมขี้อายจัง? เลยเถิดไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันขนาดนี้แล้ว ยังจะมาอายกันอีก" เดชศักดาหยอกล้อ
บัวซอนไม่พูดจา เธอรีบเอาหน้าซุกใต้วงแขนของฝ่ายชายเพื่อหลีกเลี่ยงหัวข้อสนทนา
"แบบนี้ต้องขอทำโทษคนขี้อายให้สาสมหน่อย" เดชศักดาใช้ริมฝีปากกระหน่ำหอมแก้มบัวซอนอย่างไม่ยั้ง
บัวซอนมีความสุขที่สุดในชีวิต เขาคือคนที่ใช่สำหรับเธอ คนที่เธอพร้อมมอบกายถวายหัวใจให้โดยไม่มีข้อแม้และเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น
เย็นวันหนึ่ง ขณะที่บัวซอนกำลังเดินลัดดงมะหลอดทางหลังบ้านหมอทรงทรัพย์ เพื่อกลับไปยังบ้านเธอ ได้มีสายคู่หนึ่งแอบซ่อนอยู่ในดงมะหลอด คอยจ้องมองตั้งแต่ตอนที่เธอลงจากบันไดหลังบ้าน โดยที่เธอไม่ได้สังเกตเห็นหรือรู้สึกตัวเลย
2 สัปดาห์ต่อมา...
หลังจากไปเยี่ยมและพูดคุยกับนายแก้ว รวมถึงแอบพลอดรักกับบัวซอนตอนที่นายแก้วเผลอ จนอิ่มอกอิ่มใจ เดชศักดาจึงขอตัวกลับบ้าน
พอมาถึงหัวกระไดบ้าน เขาตกใจอย่างมากที่เห็นรองเท้า 5-6คู่ถอดวางเรียงกันอยู่ เขาจึงค่อยๆเดินขึ้นบันไดอย่างช้าๆ ภาวนาในใจว่า แขกผู้มาเยือนคงไม่ใช่บุคคลที่เขาคาดเดาไว้
ยังไม่ทันที่เท้าทั้งสองข้างจะเหยียบลงบนพื้นไม้กระดานชานบ้านอย่างเต็มที่ ก็มีเสียงพูดขึ้นมาว่า..
"กลับมาแล้วหรือยะ พ่อตัวดี เที่ยวสนุกจนลืมบ้านลืมช่องเลยนะ" เจ้าของเสียงเป็นผู้หญิงวัยกลางคนอายุประมาณ 44 ปี ทรงผมตั้งกระบังสูงตระหง่าน เป็นลอนยาวพริ้วสลวย หรือเรียกว่า "ทรงฟาร่าห์" เธอแต่งหน้าทาปากอย่างสวยงามรับกับโครงหน้ากลม ทาเล็บมือเล็บเท้าสีแดง ลักษณะการแต่งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าดูดีมีรสนิยมสูง
"สวัสดีครับ คุณหญิงแม่ คุณพ่อ มานานหรือยังครับ?" เดชศักดายกมือไหว้บิดามารดา ทั้งสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้รับแขก หันหน้าออกมาทางชานบ้าน
"เพิ่งมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ว่าไงเรา เที่ยวหนำใจหรือยัง?" ผู้ชายเจ้าของเสียงผู้เป็นบิดา อายุประมาณ 46 ปี รูปร่างสูงใหญ่ ไว้ผมรองทรง ใบหน้าคมสันไว้หนวดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่งตัวภูมิฐานดูมีความน่าเชื่อถือ
"ทำไมคุณพ่อกับคุณหญิงแม่ ไม่บอกผมล่วงหน้าก่อน ผมจะได้ไปรับ แล้วนี่มากันยังไง? จะอยู่นานไหมครับ?" เดชศักดารีบเดินเข้าไปนั่งซบตักมารดา
"ลองบอกซิ รับรองแกไม่ให้พ่อแม่ขึ้นมาหาที่นี่แน่นอน แม่แกบ่นคิดถึงทุกวัน คงกลัวลูกชายสุดที่รักจำหน้าตัวเองไม่ได้ พวกเรานั่งเครื่องมาลงเชียงราย จำลุงก้องเกียรติเพื่อนพ่อได้ไหม? เขาส่งคนขับรถมารับที่สนามบินและตรงมาหาแกที่นี่ทันที ตั้งใจมารับกลับพร้อมกันก่อนเที่ยง ค้างที่เชียงรายคืนหนึ่ง พรุ่งนี้เช้าค่อยบินกลับกรุงเทพ" นายจอมพลผู้เป็นบิดายกมือตบบ่าลูกชาย
"ก็แม่เป็นห่วงแก มาอยู่ไกลหูไกลตาแบบนี้ คงเที่ยวเตร่จนเละเทะ ยังดีนะที่ไม่เอาสะใภ้บ้านป่าบ้านดงมาฝากแม่ ไม่งั้นแม่คงเป็นลมไปหลายตลบ" คุณหญิงทิพย์อาภาผู้เป็นมารดาเอามือลูบหัวลูกชายสุดที่รัก
"โตป่านนี้แล้ว ยังไม่เลิกอ้อนคุณหญิงป้าอีกเหรอ? ทำตัวเหมือนเด็กไปได้" หมอทรงทรัพย์ที่นั่งอยู่ข้างๆ พูดจาหยอกล้อเพื่อนสนิท
"ไม่ว่าลูกจะโตแค่ไหน ในสายตาพ่อแม่ ลูกก็ยังคงเป็นเด็กเสมอ เราเก่งมาก.. ทรงทรัพย์ มาอยู่คนเดียวตั้งไกลขนาดนี้ คิดถึงที่บ้านบ้างหรือเปล่าละ? อย่าลืมส่งข่าวคราวไปหาพ่อแม่บ่อยๆนะ ท่านจะได้ไม่เป็นห่วง" คุณหญิงทิพย์อาภาหันหน้าไปคุยกับหมอทรงทรัพย์
"คิดถึงบ้านเป็นบางครั้งครับ โดยเฉพาะอาหารฝีมือแม่ ผมคิดถึงเสมอ ผมไม่ค่อยได้เขียนจดหมายส่งไปหาทางบ้านบ่อยเท่าไหร่ เพราะงานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาเขียน ส่วนใหญ่จะโทรศัพท์ไปคุยเดือนสองเดือนครั้ง ต้องเข้าใจว่าที่นี่ชนบท โทรศัพท์ยังเข้าไม่ถึง ในตัวอำเภอนี้มีร้านเปิดบริการโทรศัพท์ทางไกลแค่ 2ร้านเองครับ" หมอทรงทรัพย์บอกเหตุผล
"อ้าว... ฟ้าก็มากับเขาด้วยหรือ?" เดชศักดาหันไปสบตาสายนภา เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กตรงหัวมุมด้านหลังคุณหญิงทิพย์อาภา โดยมีเฉลียวศรีนั่งอยู่บนพื้นคอยพัดวีให้ พร้อมกับสอดส่องความเคลื่อนไหวของสถานการณ์
เขามัวแต่ตื่นเต้นกับการมาเยือนอย่างไม่ทันตั้งตัวของบิดามารดา จนลืมกวาดสายตามองดูรอบข้าง
"ต้องมาอยู่แล้วค่ะ ก็ฟ้าคิดถึงพี่เดชนี่" สายนภายิ้มให้ชายหนุ่ม
"มัวแต่อ้อนแม่แกอยู่นั่นแหละ รีบไปเก็บข้าวของเร็วๆ จะได้ไม่เสียเวลา" นายจอมพลเร่งลูกชาย
"ไอ้หมอมาช่วยกูเก็บข้าวของหน่อย" เดชศักดากระพริบตาส่งสัญญาณให้หมอทรงทรัพย์เดินตามเข้าไปในห้อง
เมื่อหมอทรงทรัพย์ก้าวขาเข้าห้องเข้า เดชศักดารีบปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อเชิ้ตสีฟ้าที่อยู่บนไม้แขวนเสื้อออกมา พร้อมใช้มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋าเล็กๆบนหน้าอกเสื้อ
"กูฝากให้บัวซอนด้วย บอกเธอว่า กูต้องรีบกลับกรุงเทพด่วน กูขอโทษที่ไม่ได้มาบอกด้วยตัวเอง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วปานจรวดจนกูไม่รู้จะตั้งรับยังไง กูมีความจำเป็นต้องกลับจริงๆ เอาไว้ให้กูจัดการเคลียร์กับทางบ้านให้เข้าใจก่อน กูจะรีบขึ้นมาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเธอแน่นอน" เดชศักดายื่นกล่องพลาสติกสีแดงขนาดเท่าตลับยาหม่องขนาดใหญ่ ให้หมอทรงทรัพย์
"ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูจะบอกบัวซอนให้เอง ยังไง
รีบเคลียร์กับที่บ้านเร็วๆนะ กูสงสารบัวซอน" หมอทรงทรัพย์รับของจากมือเพื่อนสนิท
"ขอบใจมากนะเพื่อน ที่เข้าใจและอยู่เคียงข้างกูมาตลอด" เดชศักดาซาบซึ้งในมิตรภาพอันงดงามที่ตนได้รับจากเพื่อนสนิท
...........................................................................................
รักเก่าเขาและเธอ : ตอนที่ 6 พลัดพราก
ขอขอบคุณเครดิดรูปภาพปกสวยๆจาก คุณรัชต์สารินท์
.......................................................................................................................
"ความอิจฉาริษยาของมนุษย์ ช่างมีอำนาจการทำลายล้างที่น่ากลัวกว่ามหาสงครามมาก"
ตอนที่ 1 https://ppantip.com/topic/39180863
ตอนที่ 2 https://ppantip.com/topic/39197402
ตอนที่ 3 https://ppantip.com/topic/39233749
ตอนที่ 4 https://ppantip.com/topic/39242378
ตอนที่ 5 https://ppantip.com/topic/39256352
บัวซอนยังคงแอบมาหาเดชศักดาที่บ้านหมอทรงทรัพย์เป็นประจำ และช่วงนี้ดูเหมือนจะถี่บ่อยมากกว่าทุกครั้ง ทั้งสองใช้ห้องนอนของเดชศักดาเป็นสถานที่แสดงความรักความเสน่หาที่มีต่อกันและกัน
"บัวซอนอยากไปอยู่กรุงเทพกับผมไหม?" เดชศักดานอนอยู่บนเตียงกับบัวซอน เขาใช้อ้อมแขนโอบกอดเธอไว้ โดยมีผ้าแพรบางๆที่ใช้เป็นผ้าห่ม คลุมปิดร่างอันเปลือยเปล่าของทั้งสอง
"ที่ไหนมีคุณเดช ฉันพร้อมไปทุกที่ค่ะ ชีวิตฉันเป็นของคุณแล้ว สุดแต่คุณจะนำพา" บัวซอนใช้มือข้างหนึ่งลูบตรงแผงหน้าอกชายคนรัก
"ผมยังกังวลอยู่นิดๆ ถ้าบัวซอนไปอยู่กับผมที่กรุงเทพ แล้วไปเจอเรื่องไร้สาระไม่เป็นเรื่อง ต้องเข้าใจว่า ในบ้านผมมีสมาชิกหลายคน คนเยอะเรื่องก็เยอะตามจำนวน ผมกลัวบัวซอนจะไม่มีความสุข จะทนไม่ได้ ถ้ารู้สึกแบบนั้นให้รีบบอกผมทันทีนะ เราจะได้ออกไปอยู่ข้างนอกด้วยกันสองคน"
"คุณเดชสบายใจได้ค่ะ ฉันจะพยายามปรับตัวให้กับทุกคนในบ้านคุณ ฉันรู้ว่าแรกๆอาจต้องใช้ความอดทนสูงหน่อย ไม่ว่าต้องใช้ความพยายามหนักมากแค่ไหน ฉันยินดีที่จะทำเพื่อคุณ ไม่ต้องห่วงนะคะ" บัวซอนรับปาก
เดชศักดามองหน้าหญิงคนรัก พร้อมกับยิ้มอย่างซาบซึ้งในความรักที่บัวซอนมอบให้เขา
"คุณเดชจะจ้องหน้าฉันอีกนานไหมค่ะ?"
"เมียผมสวยนิครับ เป็นธรรมดาที่จะจ้องมองให้ชื่นใจ" เดชศักดาเอานิ้วมือบีบปลายจมูกของหญิงคนรักอย่างเบาๆ เพื่อแสดงความเอ็นดู
"คุณเดชพูดอะไรก็ไม่รู้" บัวซอนเขินอาย
"ทำไมขี้อายจัง? เลยเถิดไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันขนาดนี้แล้ว ยังจะมาอายกันอีก" เดชศักดาหยอกล้อ
บัวซอนไม่พูดจา เธอรีบเอาหน้าซุกใต้วงแขนของฝ่ายชายเพื่อหลีกเลี่ยงหัวข้อสนทนา
"แบบนี้ต้องขอทำโทษคนขี้อายให้สาสมหน่อย" เดชศักดาใช้ริมฝีปากกระหน่ำหอมแก้มบัวซอนอย่างไม่ยั้ง
บัวซอนมีความสุขที่สุดในชีวิต เขาคือคนที่ใช่สำหรับเธอ คนที่เธอพร้อมมอบกายถวายหัวใจให้โดยไม่มีข้อแม้และเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น
เย็นวันหนึ่ง ขณะที่บัวซอนกำลังเดินลัดดงมะหลอดทางหลังบ้านหมอทรงทรัพย์ เพื่อกลับไปยังบ้านเธอ ได้มีสายคู่หนึ่งแอบซ่อนอยู่ในดงมะหลอด คอยจ้องมองตั้งแต่ตอนที่เธอลงจากบันไดหลังบ้าน โดยที่เธอไม่ได้สังเกตเห็นหรือรู้สึกตัวเลย
2 สัปดาห์ต่อมา...
หลังจากไปเยี่ยมและพูดคุยกับนายแก้ว รวมถึงแอบพลอดรักกับบัวซอนตอนที่นายแก้วเผลอ จนอิ่มอกอิ่มใจ เดชศักดาจึงขอตัวกลับบ้าน
พอมาถึงหัวกระไดบ้าน เขาตกใจอย่างมากที่เห็นรองเท้า 5-6คู่ถอดวางเรียงกันอยู่ เขาจึงค่อยๆเดินขึ้นบันไดอย่างช้าๆ ภาวนาในใจว่า แขกผู้มาเยือนคงไม่ใช่บุคคลที่เขาคาดเดาไว้
ยังไม่ทันที่เท้าทั้งสองข้างจะเหยียบลงบนพื้นไม้กระดานชานบ้านอย่างเต็มที่ ก็มีเสียงพูดขึ้นมาว่า..
"กลับมาแล้วหรือยะ พ่อตัวดี เที่ยวสนุกจนลืมบ้านลืมช่องเลยนะ" เจ้าของเสียงเป็นผู้หญิงวัยกลางคนอายุประมาณ 44 ปี ทรงผมตั้งกระบังสูงตระหง่าน เป็นลอนยาวพริ้วสลวย หรือเรียกว่า "ทรงฟาร่าห์" เธอแต่งหน้าทาปากอย่างสวยงามรับกับโครงหน้ากลม ทาเล็บมือเล็บเท้าสีแดง ลักษณะการแต่งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าดูดีมีรสนิยมสูง
"สวัสดีครับ คุณหญิงแม่ คุณพ่อ มานานหรือยังครับ?" เดชศักดายกมือไหว้บิดามารดา ทั้งสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้รับแขก หันหน้าออกมาทางชานบ้าน
"เพิ่งมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ว่าไงเรา เที่ยวหนำใจหรือยัง?" ผู้ชายเจ้าของเสียงผู้เป็นบิดา อายุประมาณ 46 ปี รูปร่างสูงใหญ่ ไว้ผมรองทรง ใบหน้าคมสันไว้หนวดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่งตัวภูมิฐานดูมีความน่าเชื่อถือ
"ทำไมคุณพ่อกับคุณหญิงแม่ ไม่บอกผมล่วงหน้าก่อน ผมจะได้ไปรับ แล้วนี่มากันยังไง? จะอยู่นานไหมครับ?" เดชศักดารีบเดินเข้าไปนั่งซบตักมารดา
"ลองบอกซิ รับรองแกไม่ให้พ่อแม่ขึ้นมาหาที่นี่แน่นอน แม่แกบ่นคิดถึงทุกวัน คงกลัวลูกชายสุดที่รักจำหน้าตัวเองไม่ได้ พวกเรานั่งเครื่องมาลงเชียงราย จำลุงก้องเกียรติเพื่อนพ่อได้ไหม? เขาส่งคนขับรถมารับที่สนามบินและตรงมาหาแกที่นี่ทันที ตั้งใจมารับกลับพร้อมกันก่อนเที่ยง ค้างที่เชียงรายคืนหนึ่ง พรุ่งนี้เช้าค่อยบินกลับกรุงเทพ" นายจอมพลผู้เป็นบิดายกมือตบบ่าลูกชาย
"ก็แม่เป็นห่วงแก มาอยู่ไกลหูไกลตาแบบนี้ คงเที่ยวเตร่จนเละเทะ ยังดีนะที่ไม่เอาสะใภ้บ้านป่าบ้านดงมาฝากแม่ ไม่งั้นแม่คงเป็นลมไปหลายตลบ" คุณหญิงทิพย์อาภาผู้เป็นมารดาเอามือลูบหัวลูกชายสุดที่รัก
"โตป่านนี้แล้ว ยังไม่เลิกอ้อนคุณหญิงป้าอีกเหรอ? ทำตัวเหมือนเด็กไปได้" หมอทรงทรัพย์ที่นั่งอยู่ข้างๆ พูดจาหยอกล้อเพื่อนสนิท
"ไม่ว่าลูกจะโตแค่ไหน ในสายตาพ่อแม่ ลูกก็ยังคงเป็นเด็กเสมอ เราเก่งมาก.. ทรงทรัพย์ มาอยู่คนเดียวตั้งไกลขนาดนี้ คิดถึงที่บ้านบ้างหรือเปล่าละ? อย่าลืมส่งข่าวคราวไปหาพ่อแม่บ่อยๆนะ ท่านจะได้ไม่เป็นห่วง" คุณหญิงทิพย์อาภาหันหน้าไปคุยกับหมอทรงทรัพย์
"คิดถึงบ้านเป็นบางครั้งครับ โดยเฉพาะอาหารฝีมือแม่ ผมคิดถึงเสมอ ผมไม่ค่อยได้เขียนจดหมายส่งไปหาทางบ้านบ่อยเท่าไหร่ เพราะงานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาเขียน ส่วนใหญ่จะโทรศัพท์ไปคุยเดือนสองเดือนครั้ง ต้องเข้าใจว่าที่นี่ชนบท โทรศัพท์ยังเข้าไม่ถึง ในตัวอำเภอนี้มีร้านเปิดบริการโทรศัพท์ทางไกลแค่ 2ร้านเองครับ" หมอทรงทรัพย์บอกเหตุผล
"อ้าว... ฟ้าก็มากับเขาด้วยหรือ?" เดชศักดาหันไปสบตาสายนภา เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กตรงหัวมุมด้านหลังคุณหญิงทิพย์อาภา โดยมีเฉลียวศรีนั่งอยู่บนพื้นคอยพัดวีให้ พร้อมกับสอดส่องความเคลื่อนไหวของสถานการณ์
เขามัวแต่ตื่นเต้นกับการมาเยือนอย่างไม่ทันตั้งตัวของบิดามารดา จนลืมกวาดสายตามองดูรอบข้าง
"ต้องมาอยู่แล้วค่ะ ก็ฟ้าคิดถึงพี่เดชนี่" สายนภายิ้มให้ชายหนุ่ม
"มัวแต่อ้อนแม่แกอยู่นั่นแหละ รีบไปเก็บข้าวของเร็วๆ จะได้ไม่เสียเวลา" นายจอมพลเร่งลูกชาย
"ไอ้หมอมาช่วยกูเก็บข้าวของหน่อย" เดชศักดากระพริบตาส่งสัญญาณให้หมอทรงทรัพย์เดินตามเข้าไปในห้อง
เมื่อหมอทรงทรัพย์ก้าวขาเข้าห้องเข้า เดชศักดารีบปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อเชิ้ตสีฟ้าที่อยู่บนไม้แขวนเสื้อออกมา พร้อมใช้มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋าเล็กๆบนหน้าอกเสื้อ
"กูฝากให้บัวซอนด้วย บอกเธอว่า กูต้องรีบกลับกรุงเทพด่วน กูขอโทษที่ไม่ได้มาบอกด้วยตัวเอง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วปานจรวดจนกูไม่รู้จะตั้งรับยังไง กูมีความจำเป็นต้องกลับจริงๆ เอาไว้ให้กูจัดการเคลียร์กับทางบ้านให้เข้าใจก่อน กูจะรีบขึ้นมาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเธอแน่นอน" เดชศักดายื่นกล่องพลาสติกสีแดงขนาดเท่าตลับยาหม่องขนาดใหญ่ ให้หมอทรงทรัพย์
"ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูจะบอกบัวซอนให้เอง ยังไงรีบเคลียร์กับที่บ้านเร็วๆนะ กูสงสารบัวซอน" หมอทรงทรัพย์รับของจากมือเพื่อนสนิท
"ขอบใจมากนะเพื่อน ที่เข้าใจและอยู่เคียงข้างกูมาตลอด" เดชศักดาซาบซึ้งในมิตรภาพอันงดงามที่ตนได้รับจากเพื่อนสนิท
...........................................................................................