รักเก่าเขาและเธอ : ตอนที่ 7 พยานรัก
ขอขอบคุณเครดิดรูปภาพปกสวยๆจาก คุณรัชต์สารินท์
......................................................................
"ระหว่างความรักกับความเป็นเจ้าของ ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ความรักคือการให้ รวมทั้งการเสียสละที่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข ส่วนความเป็นเจ้าของคือการอยากได้อยากครอบครองคนที่เรารักเอาไว้คนเดียว"
ตอนที่ 1
https://ppantip.com/topic/39180863
ตอนที่ 2
https://ppantip.com/topic/39197402
ตอนที่ 3
https://ppantip.com/topic/39233749
ตอนที่ 4
https://ppantip.com/topic/39242378
ตอนที่ 5
https://ppantip.com/topic/39256352
ตอนที่ 6
https://ppantip.com/topic/39262451
วันคืนไม่คอยท่า วันเวลาไม่เคยคอยใคร จากวันเป็นเดือน วนเวียนอยู่อย่างนั้นมาได้เกือบ 4เดือน หลังจากเดชศักดากลับกรุงเทพ เขาก็ไม่ได้ส่งข่าวคราวใดๆมาอีกเลย บัวซอนที่นับวันนับคืนรออย่างใจจดใจจ่อ รู้สึกใจคอไม่ดีอย่างยิ่ง
ทุกครั้งที่เธอคิดถึงเขาขึ้นมา เธอมักจะเปิดกล่องพลาสติกสีแดง เพื่อดูสิ่งของที่อยู่ข้างในคือ สร้อยคอทองคำหนัก 5บาท ซึ่งเขาตั้งใจซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเธอ แต่ไม่มีโอกาสให้เธอด้วยมือของเขาเอง
สร้อยคอทองคำเส้นนี้เป็นสมบัติชิ้นสำคัญที่สุด นอกจากมูลค่าทางการเงินที่อยู่ในตัวของมันเองแล้ว ยังมีคุณทางจิตใจสูงมากสำหรับเธอ เพราะมันเปรียบเสมือนตัวแทนของเขา ในยามที่ทั้งสองต้องอยู่ห่างไกลกันเช่นนี้
ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่พอช่วยให้เธอสบายใจและมีความหวังกำลังใจในการรอคอยคือ การพูดคุยกับหมอทรงทรัพย์ เพราะหมอทรงทรัพย์เป็นเพื่อนสนิทของเดชศักดา เขารู้ประวัติและเรื่องราวต่างๆของเดชศักดาเกือบทุกเรื่อง เสมือนเป็นตัวกลางสื่อระหว่างเธอกับเดชศักดา
ช่วงนี้เธอไม่ค่อยได้เจอหมอทรงทรัพย์บ่อยนัก เพราะหมอทรงทรัพย์มักจะเดินทางไปรักษาผู้ป่วยตามหมู่บ้านในถิ่นทุรกันดารและแนวตะเข็บชายแดนกับหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ สว นานๆครั้งจะมีเวลาว่างเต็มวัน ซึ่งแน่นอนหมอทรงทรัพย์ย่อมต้องการใช้เวลาอันมีค่านี้อยู่กับสินไหม
"กลับมาเมื่อไหร่ค่ะหมอ? ไม่ได้เจอตั้งนานผอมลงหรือเปล่า?" บัวซอนเดินข้ามถนนมาหาสินไหมที่ร้านขายของชำ เธอเห็นหมอทรงทรัพย์กำลังช่วยสินไหมยกสำรับกับข้าวมาตั้งไว้บนโต๊ะอาหาร
"กลับมาตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น ดีหน่อยที่ได้หยุดวันนี้กับพรุ่งนี้ พอมีเวลาหายใจหายคอกับเขาบ้าง" หมอทรงทรัพย์ใช้มือทั้งสองข้างรับจานจากสินไหมที่ยื่นส่งมา
"มากินข้าวด้วยกันก่อนซิ กับข้าวเยอะแยะเลย " สินไหมเชิญชวนเพื่อนสนิท
กลิ่นน้ำพริกกะปิและกลิ่นปลาหมึกแห้งทอด ลอยจากบนโต๊ะอาหาร มาทางบัวซอน เธอเผลอสูดกลิ่นเข้าจมูกไปเต็มๆ ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อยากอาเจียนขึ้นมาทันทีทันใด เธอรีบคว้าถุงหิ้วพลาสติกใส่ของที่ห้อยอยู่ตรงเสา มาครอบปากพร้อมกับรีบวิ่งออกไปนั่งอาเจียนนอกร้าน
หมอทรงทรัพย์เห็นความผิดปรกติ จึงเรียกเธอเข้ามาในห้องของสินไหมเพื่อตรวจสอบอาการให้แน่ชัด
"รบกวนไหมออกไปก่อนนะ ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับบัวซอน" หมอทรงทรัพย์แสดงสีหน้าเคร่งเครียด หลังจากตรวจอาการของบัวซอนเสร็จเรียบร้อย
"ไม่เป็นไรค่ะ ให้ไหมอยู่เถอะ ไหมเป็นเพื่อนสนิทฉัน เราสองคนไม่มีความลับต่อกัน ต่อให้เรื่องสำคัญอย่างไร ฉันเต็มใจให้ไหมรับรู้ด้วยกัน" บัวซอนขอร้อง เธอจับมือสินไหมอย่างแน่น
"ถ้าบัวซอนต้องการอย่างนั้น ก็ตามใจ ผมไม่มีสิทธิห้าม" หมอทรงทรัพย์มองหน้าบัวซอนด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมด้วยความสงสาร
"บัวซอนเป็นอะไร?" สินไหมแสดงท่าทางอยากรู้
"เป็นเรื่องที่ควรน่ายินดีละกันเนอะ บัวซอนท้องได้ 3เดือน ตั้งแต่นี้ต่อไปต้องพยายามทำจิตใจให้แจ่มใสเบิกบาน ร่าเริงเข้าไว้ ห้ามเครียดวิตกกังวลเด็ดขาด เพราะมันจะส่งผลถึงเด็กในท้อง พอกินข้าวเสร็จ ผมจะรีบเข้าอำเภอไปโทรศัพท์ทางไกลบอกข่าวดีกับไอ้เดช มันกำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว" หมอทรงทรัพย์พยายามพูดให้กำลังใจบัวซอน
"เธอต้องทำตามที่หมอทรัพย์บอกนะ เวลาทำอะไรก็คิดถึงลูกบ้าง เธอไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว จะดีใจเสียใจเศร้าใจ เด็กในท้องรับรู้ได้หมด" สินไหมร่วมแสดงความยินดีพร้อมเตือนสติเพื่อนรัก
บัวซอนใช้มือลูบลงบนหน้าท้องตัวเองอย่างเบาๆ วินาทีแรกที่รู้ว่าตั้งครรภ์ เธอรู้สึกตกใจมาก ทุกอย่างจู่โจมเข้ามาอย่างกระทันหัน ตามด้วยน้ำตาแห่งความดีใจไหลออกมา เธอกำลังจะเป็นแม่คน พยานรักตัวน้อยที่อยู่ในท้อง เขาเกิดขึ้นมาจากความรักระหว่างเธอกับเดชศักดา
ตบท้ายด้วยการมองโลกแห่งความจริงที่ต้องเผชิญ เธอจะบอกพ่ออย่างไรดี? เธอกลัวพ่อเสียใจและรับไม่ได้กับพฤติกรรมชิงสุกก่อนห่ามของเธอ ไหนจะปากชาวบ้านในหมู่บ้านที่ต้องนินทาเรื่องนี้ไปอีกนานไม่รู้จักจบสิ้น ลำพังตัวเธอนั้น ไม่สนใจพวกปากหอยปากปูอยู่แล้ว ใครจะนินทาว่าร้ายก็ช่าง เธอทำผิดจริง สมควรต้องได้รับโทษนั้น แต่คนบริสุทธิ์ที่ไม่รู้เรื่องอะไรอย่างพ่อ ต้องพลอยอับอายขายหน้าจากปากชาวบ้าน
.................................................................................................
คฤหาสน์ศรีโยธาวัฒน์ กรุงเทพมหานคร
"กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง... " เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากห้องรับแขก เด็กรับใช้คนใหม่รีบวิ่งมารับโทรศัพท์อย่างรู้งาน
"สวัสดีค่ะ บ้านศรีโยธาวัฒน์ ไม่ทราบว่าสายจากไหนค่ะ? จะเรียนสายกับใคร?" เด็กรับใช้กล่าวทักทายชัดถ้อยชัดคำ
"ขอสายคุณเดชครับ จากทรงทรัพย์"
"ใช่.. หมอทรัพย์จากเชียงคำหรือเปล่าค่ะ?" เด็กรับใช้รู้สึกคุ้นเคยน้ำเสียงจากต้นสาย
"ครับ"
"นี่เหลียวเองค่ะ หมอทรัพย์สบายดีนะคะ?" เฉลียวศรีดีใจที่ได้เจอคนรู้จัก
"อ๋อ.. เหลียวนั่นเอง นึกว่าสาวกรุงเทพที่ไหน เสียงหว๊านหวาน หมอสบายดี เหลียวอยู่ที่นั่นสบายดีนะ ตอนนี้คงกลายเป็นสาวกรุงเทพเต็มตัวแล้วซิ ไอ้เดชอยู่ไหน? หมออยากคุยด้วย"
"หนูสบายดี คุณเดชไม่อยู่ค่ะ ไปดูงานที่ฮ่องกง อีกหลายเดือนกว่าจะกลับ"
"จริงเหรอ งั้นขอสายคุณลุงหรือคุณหญิงป้าก็ได้"
"คุณท่านกับคุณหญิงไปทัวร์ยุโรปกับสมาคม เพิ่งบินเมื่อคืนก่อน กว่าจะกลับก็อีก 3อาทิตย์โน่น ตอนนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่เลยค่ะ คุณฟ้าออกไปข้างนอกกับเพื่อนๆ ส่วนคุณน้ำตั้งแต่เช้าหนูยังไม่เห็นเลย ถ้าไม่ออกไปข้างนอกก็คงอ่านหนังสืออยู่ในห้อง" เฉลียวศรีบอกรายละเอียด
"ขอบใจมาก.. เหลียว แค่นี้ก่อนนะ" หมอทรงทรัพย์วางสายอย่างหมดหนทาง
................................................................
"ใครโทรมา?" หญิงสาวผมยาวแสกข้าง ยืนอยู่ข้างหลังเฉลียวศรี เธอสังเกตเห็นอาการหลุกหลิกของฝ่ายตรงข้าม
"คุณนิ้งโทรมาค่ะ จะชวนคุณฟ้าไปปาร์ตี้ที่บ้านเพื่อนอีกคน แต่คุณฟ้าไม่อยากไปและไม่อยากให้คุณนิ้งน้อยใจ เลยสั่งให้หนูมาดักเฝ้ารอโทรศัพท์ไว้ คอยบอกเธอว่า คุณฟ้าต้องออกไปงานด่วนข้างนอกกับคุณหญิง เผื่อมีคนรับสายแล้วไม่รู้เรื่องเผลอไปเรียกคุณฟ้า คุณน้ำก็รู้ว่าเวลาคุณฟ้าหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์ ใครก็เข้าหน้าไม่ติดทั้งนั้น" เฉลียวศรีพูดมุสา
หญิงสาวที่เฉลียวศรีเรียกว่า "คุณน้ำ" หรือชื่อจริง "สายนที" เธอเป็นน้องสาวฝาแฝดของสายนภา เธอคลอดหลังสายนภาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แม้จะเป็นฝาแฝดหน้าตาเหมือนกัน แต่ยังมีบางจุดที่สามารถบ่งบอกความแตกต่างได้ว่าใครเป็นใคร โดยเฉพาะสายนทีจะมีขี้แมลงวันใต้ตา ที่เสริมให้ใบหน้าเธอดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก เรื่องทรงผม สายนภาไว้ทรงผมบ๊อบเทเลยใบหูมานิดหน่อย ส่วนสายนทีไว้ผมยาวแสกข้างประบ่า
นอกจากนั้น ทั้งคู่ยังมีนิสัยที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง สายนภาเป็นคนเจ้าอารมณ์ เจ้ายศเจ้าอย่าง คิดเล็กคิดน้อย เอาแต่ใจตัวเองโดยไม่คำนึงถึงเหตุผลและความเป็นจริง ส่วนสายนทีเป็นคนตรงไปตรงมา คิดอะไรก็พูดโดยไม่อ้อมค้อม รักความยุติธรรมถูกต้อง มีเหตุมีผล
......................................................................................................................
รักเก่าเขาและเธอ : ตอนที่ 7 พยานรัก
ขอขอบคุณเครดิดรูปภาพปกสวยๆจาก คุณรัชต์สารินท์
......................................................................
"ระหว่างความรักกับความเป็นเจ้าของ ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ความรักคือการให้ รวมทั้งการเสียสละที่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข ส่วนความเป็นเจ้าของคือการอยากได้อยากครอบครองคนที่เรารักเอาไว้คนเดียว"
ตอนที่ 1 https://ppantip.com/topic/39180863
ตอนที่ 2 https://ppantip.com/topic/39197402
ตอนที่ 3 https://ppantip.com/topic/39233749
ตอนที่ 4 https://ppantip.com/topic/39242378
ตอนที่ 5 https://ppantip.com/topic/39256352
ตอนที่ 6 https://ppantip.com/topic/39262451
วันคืนไม่คอยท่า วันเวลาไม่เคยคอยใคร จากวันเป็นเดือน วนเวียนอยู่อย่างนั้นมาได้เกือบ 4เดือน หลังจากเดชศักดากลับกรุงเทพ เขาก็ไม่ได้ส่งข่าวคราวใดๆมาอีกเลย บัวซอนที่นับวันนับคืนรออย่างใจจดใจจ่อ รู้สึกใจคอไม่ดีอย่างยิ่ง
ทุกครั้งที่เธอคิดถึงเขาขึ้นมา เธอมักจะเปิดกล่องพลาสติกสีแดง เพื่อดูสิ่งของที่อยู่ข้างในคือ สร้อยคอทองคำหนัก 5บาท ซึ่งเขาตั้งใจซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเธอ แต่ไม่มีโอกาสให้เธอด้วยมือของเขาเอง
สร้อยคอทองคำเส้นนี้เป็นสมบัติชิ้นสำคัญที่สุด นอกจากมูลค่าทางการเงินที่อยู่ในตัวของมันเองแล้ว ยังมีคุณทางจิตใจสูงมากสำหรับเธอ เพราะมันเปรียบเสมือนตัวแทนของเขา ในยามที่ทั้งสองต้องอยู่ห่างไกลกันเช่นนี้
ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่พอช่วยให้เธอสบายใจและมีความหวังกำลังใจในการรอคอยคือ การพูดคุยกับหมอทรงทรัพย์ เพราะหมอทรงทรัพย์เป็นเพื่อนสนิทของเดชศักดา เขารู้ประวัติและเรื่องราวต่างๆของเดชศักดาเกือบทุกเรื่อง เสมือนเป็นตัวกลางสื่อระหว่างเธอกับเดชศักดา
ช่วงนี้เธอไม่ค่อยได้เจอหมอทรงทรัพย์บ่อยนัก เพราะหมอทรงทรัพย์มักจะเดินทางไปรักษาผู้ป่วยตามหมู่บ้านในถิ่นทุรกันดารและแนวตะเข็บชายแดนกับหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ สว นานๆครั้งจะมีเวลาว่างเต็มวัน ซึ่งแน่นอนหมอทรงทรัพย์ย่อมต้องการใช้เวลาอันมีค่านี้อยู่กับสินไหม
"กลับมาเมื่อไหร่ค่ะหมอ? ไม่ได้เจอตั้งนานผอมลงหรือเปล่า?" บัวซอนเดินข้ามถนนมาหาสินไหมที่ร้านขายของชำ เธอเห็นหมอทรงทรัพย์กำลังช่วยสินไหมยกสำรับกับข้าวมาตั้งไว้บนโต๊ะอาหาร
"กลับมาตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น ดีหน่อยที่ได้หยุดวันนี้กับพรุ่งนี้ พอมีเวลาหายใจหายคอกับเขาบ้าง" หมอทรงทรัพย์ใช้มือทั้งสองข้างรับจานจากสินไหมที่ยื่นส่งมา
"มากินข้าวด้วยกันก่อนซิ กับข้าวเยอะแยะเลย " สินไหมเชิญชวนเพื่อนสนิท
กลิ่นน้ำพริกกะปิและกลิ่นปลาหมึกแห้งทอด ลอยจากบนโต๊ะอาหาร มาทางบัวซอน เธอเผลอสูดกลิ่นเข้าจมูกไปเต็มๆ ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อยากอาเจียนขึ้นมาทันทีทันใด เธอรีบคว้าถุงหิ้วพลาสติกใส่ของที่ห้อยอยู่ตรงเสา มาครอบปากพร้อมกับรีบวิ่งออกไปนั่งอาเจียนนอกร้าน
หมอทรงทรัพย์เห็นความผิดปรกติ จึงเรียกเธอเข้ามาในห้องของสินไหมเพื่อตรวจสอบอาการให้แน่ชัด
"รบกวนไหมออกไปก่อนนะ ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับบัวซอน" หมอทรงทรัพย์แสดงสีหน้าเคร่งเครียด หลังจากตรวจอาการของบัวซอนเสร็จเรียบร้อย
"ไม่เป็นไรค่ะ ให้ไหมอยู่เถอะ ไหมเป็นเพื่อนสนิทฉัน เราสองคนไม่มีความลับต่อกัน ต่อให้เรื่องสำคัญอย่างไร ฉันเต็มใจให้ไหมรับรู้ด้วยกัน" บัวซอนขอร้อง เธอจับมือสินไหมอย่างแน่น
"ถ้าบัวซอนต้องการอย่างนั้น ก็ตามใจ ผมไม่มีสิทธิห้าม" หมอทรงทรัพย์มองหน้าบัวซอนด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมด้วยความสงสาร
"บัวซอนเป็นอะไร?" สินไหมแสดงท่าทางอยากรู้
"เป็นเรื่องที่ควรน่ายินดีละกันเนอะ บัวซอนท้องได้ 3เดือน ตั้งแต่นี้ต่อไปต้องพยายามทำจิตใจให้แจ่มใสเบิกบาน ร่าเริงเข้าไว้ ห้ามเครียดวิตกกังวลเด็ดขาด เพราะมันจะส่งผลถึงเด็กในท้อง พอกินข้าวเสร็จ ผมจะรีบเข้าอำเภอไปโทรศัพท์ทางไกลบอกข่าวดีกับไอ้เดช มันกำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว" หมอทรงทรัพย์พยายามพูดให้กำลังใจบัวซอน
"เธอต้องทำตามที่หมอทรัพย์บอกนะ เวลาทำอะไรก็คิดถึงลูกบ้าง เธอไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว จะดีใจเสียใจเศร้าใจ เด็กในท้องรับรู้ได้หมด" สินไหมร่วมแสดงความยินดีพร้อมเตือนสติเพื่อนรัก
บัวซอนใช้มือลูบลงบนหน้าท้องตัวเองอย่างเบาๆ วินาทีแรกที่รู้ว่าตั้งครรภ์ เธอรู้สึกตกใจมาก ทุกอย่างจู่โจมเข้ามาอย่างกระทันหัน ตามด้วยน้ำตาแห่งความดีใจไหลออกมา เธอกำลังจะเป็นแม่คน พยานรักตัวน้อยที่อยู่ในท้อง เขาเกิดขึ้นมาจากความรักระหว่างเธอกับเดชศักดา
ตบท้ายด้วยการมองโลกแห่งความจริงที่ต้องเผชิญ เธอจะบอกพ่ออย่างไรดี? เธอกลัวพ่อเสียใจและรับไม่ได้กับพฤติกรรมชิงสุกก่อนห่ามของเธอ ไหนจะปากชาวบ้านในหมู่บ้านที่ต้องนินทาเรื่องนี้ไปอีกนานไม่รู้จักจบสิ้น ลำพังตัวเธอนั้น ไม่สนใจพวกปากหอยปากปูอยู่แล้ว ใครจะนินทาว่าร้ายก็ช่าง เธอทำผิดจริง สมควรต้องได้รับโทษนั้น แต่คนบริสุทธิ์ที่ไม่รู้เรื่องอะไรอย่างพ่อ ต้องพลอยอับอายขายหน้าจากปากชาวบ้าน
.................................................................................................
คฤหาสน์ศรีโยธาวัฒน์ กรุงเทพมหานคร
"กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง... " เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากห้องรับแขก เด็กรับใช้คนใหม่รีบวิ่งมารับโทรศัพท์อย่างรู้งาน
"สวัสดีค่ะ บ้านศรีโยธาวัฒน์ ไม่ทราบว่าสายจากไหนค่ะ? จะเรียนสายกับใคร?" เด็กรับใช้กล่าวทักทายชัดถ้อยชัดคำ
"ขอสายคุณเดชครับ จากทรงทรัพย์"
"ใช่.. หมอทรัพย์จากเชียงคำหรือเปล่าค่ะ?" เด็กรับใช้รู้สึกคุ้นเคยน้ำเสียงจากต้นสาย
"ครับ"
"นี่เหลียวเองค่ะ หมอทรัพย์สบายดีนะคะ?" เฉลียวศรีดีใจที่ได้เจอคนรู้จัก
"อ๋อ.. เหลียวนั่นเอง นึกว่าสาวกรุงเทพที่ไหน เสียงหว๊านหวาน หมอสบายดี เหลียวอยู่ที่นั่นสบายดีนะ ตอนนี้คงกลายเป็นสาวกรุงเทพเต็มตัวแล้วซิ ไอ้เดชอยู่ไหน? หมออยากคุยด้วย"
"หนูสบายดี คุณเดชไม่อยู่ค่ะ ไปดูงานที่ฮ่องกง อีกหลายเดือนกว่าจะกลับ"
"จริงเหรอ งั้นขอสายคุณลุงหรือคุณหญิงป้าก็ได้"
"คุณท่านกับคุณหญิงไปทัวร์ยุโรปกับสมาคม เพิ่งบินเมื่อคืนก่อน กว่าจะกลับก็อีก 3อาทิตย์โน่น ตอนนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่เลยค่ะ คุณฟ้าออกไปข้างนอกกับเพื่อนๆ ส่วนคุณน้ำตั้งแต่เช้าหนูยังไม่เห็นเลย ถ้าไม่ออกไปข้างนอกก็คงอ่านหนังสืออยู่ในห้อง" เฉลียวศรีบอกรายละเอียด
"ขอบใจมาก.. เหลียว แค่นี้ก่อนนะ" หมอทรงทรัพย์วางสายอย่างหมดหนทาง
................................................................
"ใครโทรมา?" หญิงสาวผมยาวแสกข้าง ยืนอยู่ข้างหลังเฉลียวศรี เธอสังเกตเห็นอาการหลุกหลิกของฝ่ายตรงข้าม
"คุณนิ้งโทรมาค่ะ จะชวนคุณฟ้าไปปาร์ตี้ที่บ้านเพื่อนอีกคน แต่คุณฟ้าไม่อยากไปและไม่อยากให้คุณนิ้งน้อยใจ เลยสั่งให้หนูมาดักเฝ้ารอโทรศัพท์ไว้ คอยบอกเธอว่า คุณฟ้าต้องออกไปงานด่วนข้างนอกกับคุณหญิง เผื่อมีคนรับสายแล้วไม่รู้เรื่องเผลอไปเรียกคุณฟ้า คุณน้ำก็รู้ว่าเวลาคุณฟ้าหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์ ใครก็เข้าหน้าไม่ติดทั้งนั้น" เฉลียวศรีพูดมุสา
หญิงสาวที่เฉลียวศรีเรียกว่า "คุณน้ำ" หรือชื่อจริง "สายนที" เธอเป็นน้องสาวฝาแฝดของสายนภา เธอคลอดหลังสายนภาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แม้จะเป็นฝาแฝดหน้าตาเหมือนกัน แต่ยังมีบางจุดที่สามารถบ่งบอกความแตกต่างได้ว่าใครเป็นใคร โดยเฉพาะสายนทีจะมีขี้แมลงวันใต้ตา ที่เสริมให้ใบหน้าเธอดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก เรื่องทรงผม สายนภาไว้ทรงผมบ๊อบเทเลยใบหูมานิดหน่อย ส่วนสายนทีไว้ผมยาวแสกข้างประบ่า
นอกจากนั้น ทั้งคู่ยังมีนิสัยที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง สายนภาเป็นคนเจ้าอารมณ์ เจ้ายศเจ้าอย่าง คิดเล็กคิดน้อย เอาแต่ใจตัวเองโดยไม่คำนึงถึงเหตุผลและความเป็นจริง ส่วนสายนทีเป็นคนตรงไปตรงมา คิดอะไรก็พูดโดยไม่อ้อมค้อม รักความยุติธรรมถูกต้อง มีเหตุมีผล
......................................................................................................................